ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ทะเลทรายแห่งมนตรา

    ลำดับตอนที่ #3 : สาปทราย

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.ค. 50



         

           ขณะที่เจ้าชายซาลีโอทรงพิศนางผู้เลอโฉมอยู่นั้นก็มีธนูยิ่งเฉียดพระพักตร์พระองค์ไปยังโขดหิน

           เจ้าชายซาลีโอได้สติมองหาแหล่งที่มาของธนู

           ชายหนุ่มท่าทางองค์อาจใส่ชุดใส่ชุดผ้าธรรมดาเหมือนชาวเมืองทั่วๆไปเดินเข้ามายังพระองค์พร้อมคันธนู

           เจ้าชายซาลีโอชักกริชที่อยู่ใกล้ตัวพระองค์มากที่สุดขึ้นมาปกป้องพระองค์ไว้

           ชายหนุ่มท่าทางองค์อาจและเจ้าชายซาลีโอยืนประจันหน้ากัน โดยต่างก็มีอาวุธอยู่ข้างกายทั้งคู่

           เจ้าชายซาลีโอทรงมองไปยังคันธนูที่ชายท่าทางองค์อาจถือก็มีไฟลุกโชดช่วงออกมายังคันธนูแผดเผาจนชายหนุ่มมิอาจทนความร้อนจากคันธนูได้ต้องปล่อยลงตรงหน้า

           ชายหนุ่มท่าทางองค์อาจ หนวดเครารุงรัง มีใบหน้าคมเข้ม และ ดูมีสง่ามากกว่าชาวเมืองธรรมดาทั่วไป ผิวสองดีดำแดง ยืนมองพระพักตร์ของเจ้าชายซาลีโออย่างไม่มีความเกรงกลัวก่อนจะชักดาบออกมาเพื่อประลองกับเจ้าชาย

               เจ้านั้นบังอาจ มิรู้จักที่ต่ำที่สูง ข้าจะควักลูกคาเจ้าออกมามิให้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกต่อไป ท่าทางองค์อาจกล่าวอย่างโกรธแค้น

               เหตุฉะไนข้าจึงต้องกลัวเจ้า จิตใจเจ้าชั่งโหดร้ายอยู่ไปก็มีแต่จะทำให้คนอื่นเดือนร้อน เที่ยวปล้นฆ่าคนอื่นไปทั่วหย่อมหย้า เพราะฉะนั้นวันนี้ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเสียเอง และส่งเจ้าให้กับทางการซะ เจ้าชายซาลีโอทรงเปล่งพระสุรเสียงออกมาอย่างหนักแน่น

     

     

           ขณะที่กริชกับดาบกำลังจะปะทะกันเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเพื่อห้ามมิให้เกิดการต่อสู้

               ช้าก่อน ท่าน ช้าก่อนพี่แห่งข้า เสียงนางก้องกังวานไพเราะจับใจดั่งเสียงหรีดเรไรให้หลงใหล

           ทั้งสองหันไปมองทางต้นเสียงก่อนค่อยๆชักอาวุธลง

           เจ้าชายซาลีโอทรงเสด็จไปพิศพระพักตร์ของนางใกล้ๆ ยิ่งพิศก็ยิ่งหลงใหล ยิ่งคลั่งไคล้นางอย่างไม่มีสาเหตุ รู้เพียงอย่างเดียวพระองค์ทรงอยากได้นางมาเป็นคู่ของพระองค์ไม่ว่าต้องแลกสิ่งใดพระองค์ก็จักยอม

           ชายท่าทางองค์อาจรีบเดินเข้าไปขวางเจ้าชายซาลีโอไว้ไม่ให้เข้าใกล้องค์ราชินีไปมากกว่านี้

               พี่ข้ามิใช่โจรป่า เราทั้งสองเดินทางมาจากเมืองอันไกลโพ้นเพื่อมาเยี่ยมญาติที่พลัดพรากจากกันมาแรมปี ข้าต้องขออภัยแทนพี่ข้าด้วยที่คิดจะทำร้ายท่าน หวังว่าท่านคงไม่ถือโทษโกรธกันและยอมเปิดทางให้แก่เรา

               ถ้าเช่นนั้น ข้าจักขอนำทางให้แก่นางเพื่อไปถึงดั่งที่หมาย ข้าจักขอปกป้องนาง แม้ชีพวาย นางจักว่าอันใดแล้วแต่นาง

               น้ำใจของท่านชั่งประเสริฐยิ่งเพียงแต่ข้าคงรับไว้มิได้ แค่เพียงมีข้าและพี่ชายก็เพียงพอแล้วกับการเดินทาง ท่านคงมีธุระอยู่เช่นกัน จึงควรเดินไปดั่งใจหมาย หากช้าการที่คิดไว้คงมลายอาจส่งผลเสียหายตามมา

     

     

           ทหารราชองค์รักษ์เห็นเจ้าชายซาลีโอเสด็จออกไปนานก็เป็นห่วงพระองค์ยิ่งนักจึงออกตามหาและมาหยุดตรงธารน้ำเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยกัน

     

           ทหารราชองค์รักษ์เดินลัดเลาะไปคามโขดหินจนได้มาพบเจ้าชายทรงตรัสกับชาวเมืองทั่วไป

               เจ้า...

           เจ้าชายซาลีโอทรงใช้พระหัตถ์ปิดปากทหาราชองค์รักษ์ไว้เพื่อไม่ให้เล็ดลอดคำบางคำออกมา

           ทหารราชองค์รักษ์พยายามจะพูดต่อก็มีเหตุให้นิ่งพูดมิออกเมื่อได้พิศไปยังดวงหน้าของนางผู้อยู่ตรงหน้า

           เส้นผมของนางชั่งเงางามละเอียดอ่อนน่าสัมผัสยิ่งนัก สายตาที่ดูลึกลับอย่างยั่วยวนชวนให้คนหา ริมฝีปากอันเอิบอิ่มชวนน่าให้เข้าไปจุมพิตยิ่งนัก รูปองค์นางงามเสกสรรได้ดั่งใจ

           เจ้าชายซาลีโอทรงใช้พระหัตถ์ปิดตาทหารราชองค์รักษ์มิให้พิศมองนางมากไปกว่านั้น

           องค์ราชินีมิเซลเอร่าหันมามองหน้าทหารคนสนิทให้เดินตามพระองค์มาโดยเร็วด้วยเกรงว่าชายหนุ่มทั้งสองจะสงสัยถ้าได้ชักถามรายละเอียดเกี่ยวกับนางมากไปกว่านี้

     

               ช้าก่อน

           เจ้าชายซาลีโอทรงวิ่งมาดักหน้าพระพักตร์องค์ราชินีมิเซลเอร่าไว้

               ข้ายังมิทราบชื่อของท่าน

               จัสมิน

           เมื่อตรัสจบองค์ราชินีก็ทรงรีบเสด็จไปยังทางเบื้องหน้า

               นามชั่งไพเราะนัก

           ทหารราชองค์รักษ์เดินเข้ามาทูลถาม

               ใครหรือพะยะคะ ชั่งงดงามยิ่งนัก

               นางชื่อจัสมิน มาตามหาญาติที่พลัดพรากจากกันมานับแรมปี

           เจ้าชายซาลีโอทรงตรัสพร้อมเสด็จเดินไปยังทางเบื้องหน้า

           ทหารราชองค์รักษ์รีบเดนตามพระองค์พร้อมทูลถาม

               จะทรงเสด็จไปไหนพะยะคะ ทางไปราชวังอีกทางนะพะยะคะ

               จักนำนางกลับไปเพื่อเป็นชายาของเรา

               แต่นางเป็นเพียงสามัญชนธรรมดามิคู่ควรกับพระองค์หรอกพะยะคะ

               เรามิสน

     

     

           องค์ราชินีมิเซลเอร่าทรงมีความรู้สึกว่ามีคนสะกดรอยเดินตามนางมาจึงทรงตรัสสั่งให้ทหารราชองค์รักษ์ระวังตัวและหาโอกาสปลิดชีพบุคคลผู้นั้นซะก่อนจะตรัสสั่งให้แยกเดินไปกับนางแล้วค่อยกลับมาพบกันยังฐานทัพลับที่หลบซ่อนไว้ในป่าลึก

           ทหารราชองค์รักษ์รับคำแล้วรีบเดินจากนางไปอีกทาง

     

     

           ฝ่ายเจ้าชายซาลีโอเมื่อเห็นทั้งสองแยกเดินไปคนละทางก็ทรงตรัสสั่งให้ราชองค์รักษ์ฝ่ายตนตามพี่ชายของนางผู้เลอโฉมนั้นไปเพื่อสืบทราบให้ได้ว่าทั้งสองพักอยู่ที่ใดหลังจากนั้นให้เดินตามสัญลักษณ์ที่พระองค์ทำไว้ที่ต้นไม้มาพบกับพระองค์เพื่อมารายงานผล

           ทหารราชองค์รักษ์รับราชโองการแล้วเดินสะกดรอยตามพี่ชายของนางผู้เลอโฉมมิให้คาดสายตา

     

     

     

           ยิ่งเสด็จก็ยิ่งไกลออกไปประกอบกับการไม่คุ้นพื้นที่ทางยุทธ์ศาสตร์ทางอาณาจักรบาร์มีน็อตก็ยิ่งทำให้องค์ราชินีทรงเสด็จหลงไปไกลและออกไปยังดินแดนที่ร้อนอบอ้าวโดยรอบโอบอุ้มไปด้วยทะเลทราย

           พระพักตร์ของพระองค์ทรงซีดไปเรื่อยๆ เนื่องจากขาดน้ำ กายของพระองค์เริ่มอ่อนแรงและค่อยๆล้มลงท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ

     

     

               เจ้าชายซาลีโอทรงรู้ทางทุกส่วนของอาณาจักรพระองค์ดีซึ่งจะมีอยู่สองด้านด้วยกัน

               ด้านหนึ่งจะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ มีน้ำไหลผ่านมามิขาดสาย อีกด้านหนึ่งจะร้อนระอุอบอ้าวห้อมล้อมไปด้วยทะเลทราย และมิมีผู้ใดสามารถผ่านไปทางนี้ได้เลยต้องสิ้นชีพกันทุกรายเนื่องจากขาดอาหารและน้ำดื่มประกอบกับแสงแดดที่แผลเผามายิ่งทำให้ร่างกายปรับตัวมิทันและค่อยๆถูกเผาหลอมรวมจนร่างกายค่อยๆสลายเป็นหนึ่งเดียวกับทะเลทราย ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลายเมืองมิสามารถเข้ามาตีอาณาจักรบาร์นีน็อตเนื่องจากเดินมาผิดเส้นทางจึงถูกหลอมละลายเป็นเอเดียวกับทะเลทราย ส่วนที่เดินมาถูกเส้นทางก็จะถูไล่ตีมาจนถึงทะเลทรายให้สิ้นชีพวายท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุ

     

       

           องค์ราชินีทรงรู้พระองค์ว่ามิไหวเป็นแน่แท้จึงทรงร่ายคาถาเรียกให้ฝนตกกระหน่ำลงมาเพื่อช่วยชีวิตของตน

     

     

     

           เจ้าชายซาลีโอทอดพระเนตรฝนที่ตกกระหน่ำลงมายังผื่นทรายอย่างไม่เชื่อพระองค์ เป็นไปไดอย่างไรที่นี่ มิเคยมีฝนร่วงหล่นแม้เพียงสักเม็ดท่าจะมีผู้มีเวทย์ร่ายคาถาเป็นแน่แท้ แต่พระองค์ก็มิได้สนพระทัยสายฝนที่โปรยปรายมากกว่าหญิงสาวที่นอนสลบอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ของพระองค์ พระองค์ตรงเข้าโอบอุ้มนางขึ้นมาจากผืนทะเลทราย

     

            

     

           แม้มีฝนตกกระหน่ำเท่าไหร่ แต่แสงแดดก็ยังจ้า และผืนทรายก็ยังดูดซึมมิมีเปื้อนหยดฝนที่พื้นทรายแม้เพียงสักหยด แล้วที่เลวร้ายไปกว่านั้นสายฝนที่ตกลงมากลับมิเย็นชื่นจับใจแต่กลับร้อนดั่งไฟมาแผดเผาทำให้ซาลีโอรีบอุ้มมิเซลเอร่าเข้ามาสู่อีกดินแดนหนึ่งเพื่อหลบฝนนั้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×