คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ( + _ + )
คุณหญิงแม่ก็ไม่มีทางรับหญิงเอ๋อเป็นลุกสะใภ้หรอก”
คุณหญิงวิมาลาเอื้อมมือจะไปตบหน้าแต่น้องหญิงห้ามไว้ทัน
เมื่อชายนลและน้องหญิงมิสามารถทำให้แม่ทั้งสองยอมรับในตัวของเธอและเขาไม่ได้จึงตัดสินใจบอกกับคุณหยิงแม่ทั้งว่าจะไปโดดน้ำตายพร้อมกัน
คุณหญิงทั้งสองไม่เชื่อเพราะต่างคิดว่าชายนลและน้องหญิงพูดกันเล่นๆ
จนกระทั่งข่าวมาออกทางโทรทัศน์คุณหญิงทั้งสองจึงได้วิ่งหน้าตั้งไปบนสะพานพร้อมกันและยอมอนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกันได้
ในงานเลี้ยง คุณหญิงสินิทราคุยกับลุกชายว่าอยากให้ลุกชายไปเปิดฟลอร์เต้นรำใหหน่อย
ภูวรินน์รีบปฎิเสธทันทีพร้อมทั้งบอกด้วยว่าไม่มีคู่
คุณหญิงสินิทรามองไปเห็นเลขาของลูกชายจึงดึงตัวมาเต้นรำเปิดงานให้หน่อย
เมื่อโดนมัดมือชกอย่างงี้ภูวรินน์ก็จำใจต้องทำตาม
เต้นรำที ธารธิณีก็เหยียบเท้าภูวรินน์ที
ภูวรินน์ยิ้มให้กับกล้องที่รุมเข้ามาถ่ายพลางแอบกระซิบข้างหูธารธิณี
“นี่คุณเต้นรำเป็นหรือเปล่าเหยียบเท้าผมมาหลายรอบแล้วนะ”
“ก็ไม่เป็นสิคะ ถึงได้เหยียบ”
มยุรีฝ่าวงล้อมเข้ามาหาภูวรินน์พร้อมผลักธารธิณีให้ออกห่างจากภูวรินน์
ธารธิณีโมโหที่มยุรีผลักตนจนล้มจึงลุกขึ้นผลักคืน
“นี่แกกล้าดียังไงมาผลักฉัน”
“แล้วคุณล่ะคะถือสิทธิ์อะไรมาผลักฉัน”
“ภูคะ ดูเลขาคุณสิคะ”
ภูวรินน์นิ่เงียบไม่โต้ตอบแทนมยุรี
มยุรีจึงแก้แค้นโดยการปราดเข้าตบธารธิณี
ธารธิณีหลบทันและตบคืน ทั้งสองลงไปเกลือกกลิ้งที่พื้นแลกตบกันไปมา
นักข่าวพากันวิ่งมาถ่ายรูปหลังจากนั้นก็มีตำรวจมาจับแยกทั้งคู่ออกจากกัน
คุณหญิงสินิทราเรียกหายาดม
ภุวรินน์ประคองแม่ไปนั่งพัก
“อ้าว!คุณหญิงเป็นไรไป”
“ถามลูกชายตัวดีของคุณเองสิคะ”
“ว่าไงพ่อลูกชาย”
หลังจากเสียงค่าปรับแล้วธารธิณีและมยุรีต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน
สายใจพอรู้ข่าวจากลุกก็โมโหมากถึงกับบอกกับลุกว่าตนจะไปตบสั่งสอนเอง
“แล้วเอาเงินมาใช่ไหมล่ะ” ธานินรีบเสริม
สายใจมองตาขวางไปทางธานินเหมือนกับจะเอาเรื่อง
“เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร อันสัตว์โลกเกิดมา”
สายใจรีบห้ามสามีก่อนที่สามีของหล่อนจะเทศน์มากไปกว่านี้
สายใจเดินเข้าครัวไปทำกับข้าว
ธานินเดินขึ้นไปห้องพระเพื่อนั่งสมาธิ
ธารธิณีนั่งกุมปากตัวเองที่แตกและเขียว
“แค้นนี้ต้องชำระ”
วันต่อมา หนังสือพิมพ์ทุกฉบับก็ลงข่าวกันให้ระนาว
“ไฮโซชื่อดังตบสาวนิรนามที่แย่งคนรักไป เกลือกกลิ้งตบตีมิน่าเชื่อว่าจะเป็นเธอ กลัวถูกแย่งลงทุนตบเลขา นักธุรกิจหนุ่มเจ้าเสน่ห์แรงสาวตบตีแย่งมาตรอง”
“นี่มันอะไรกันนี่ โอ๊ย!ฉันอยากจะเป็นลม”
“อ้าว!คุณหญิง”
ที่บริษัท ภูวรินน์เรียกธารธิณีเข้ามาพบแล้วให้ดูหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้
ธารธิณีทำท่าดีใจราวกับได้แก้ว
ภูวรินน์ต่อว่าหาว่าธารธิณีไม่สำนึกที่ทำให้เขาต้องเสียชื่อ
“อะไรกันคะ ฉันตะหากที่เสียชื่อ และก็เจ็บตัวด้วย”
ธารธิณีเอามือจับที่ปากเพราะเริ่มเจ็บปากขึ้นมาอีกแล้วหลังจากที่พูดมากไป
ภูวรินน์มองหน้าธารธิณีแล้วอดขำไม่ได้
ธารธิณีโมโหจ้องหน้าภูวรินน์อย่างเอาเรื่อง
ภูวรินน์หยิบหามาจากลิ้นชักแล้วทำให้ธารธิณี ทั้งสองมองตากันอย่างซึ้งใจ
พลันก็มีพนักงานเปิดประตูเข้ามาถือแฟ้มกองโตเดินมาชนยาที่ทาจึงเปื้อนเสื้อของภูวรินน์
ภูวรินน์ร้องออกมาอย่างตกใจ
“สูทของฉัน ออกไปให้หมด ออกไป”
ธารธิณีเดินออกมาจากห้องพร้อมวิตรา
“ฉันขอโทษฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอกำลังสวีตกับท่านประท่านอยู่”
“สวีตอะไรกัน”
ธารธิณีเดินไปอีกทาง
พนักงานเริ่มจับกลุ่มเข้ามาถามวิตราว่าเจออะไรเมื่อกี้
วิตราบอกปัดให้ไปถามธารธิณีเอาเอง
สานั่งหน้าเซ็งหมดสนุก ป้องกับชัยเข้ามาเตือนว่าอย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นมากนัก
มยุรีมาหาภุวรินน์
ภุวรินน์ทำหน้าเซ็งทันทีที่เห็นมยุรี
มยุรีขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่ทำให้งานเมื่อวานนี้หมดสนุก
ภูวรินน์บอกให้มยุรีไปขอโทษแม่เขาจะดีกว่า
มยุรีเห็นด้วยแต่มีข้อแม้ว่าภูวรินน์ต้องไปด้วย
วิตราชวนธารธิณีออกไปทานข้าวกลางวันด้วยกัน
ระหว่างทางที่เดินด้วยกันอยู่ส้นรองเท้าของธารธิณีก็ดันมาหักกลางถนน
รถคันหนึ่งหักหลับผ่านธารธิณีไปอย่างหวุดหวิด
ธารธิณียืนช็อคกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คนในรถจอดรถแล้วลงมาดู
“คุณครับเป็นอะไรหรือเปล่าครับ คุณครับ”
ธารธิณีได้สติพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองเสียงที่เรียก
ภาพที่เธอเห็นตรงหน้าก็คือชายหนุ่ม หน้าตาคมเข้ม สูงโปร่ง ท่าทางสุภาพอ่อนโยน เขาเอ่ยกับเธออย่างสุภาพอีกครั้ง
“คุณปลอดภัยดีใช่ไหมครับ”
น้ำเสียงอันนุ่มนวลของเขาทำให้ธารธิณีเกือบเคลิ้มไป
วิตราวิ่งกลับมาดูเพื่อนด้วยความเป็นห่วง พอเห็นเพื่อนมาช่วยประคองธารธิณีไปนั่งแล้วชายหนุ่มนิรนามคนนั้นก็ขึ้นรถขับจากไป
วิตราเรียกเพื่อนอีกที
“เจ้าชาย เจ้าชาย”
“นี่ฉันเองเพื่อนแก”
“แล้วเขาหายไปไหน”
“คนที่เกือบขับรถชนแกหรอ โน้นขับรถไปไกลแล้ว”
“เขาชื่ออะไรหรอ”
“จะไปรู้ได้ไงวะฉันไม่ได้ถาม”
หลังทานอาหารกลางวันเสร็จธารธิณีก็ไปทำงานแต่ยังไม่ทันได้เปิดประตูห้องเข้าไปภูวรินน์ก็เรียกไว้
ธารธิณีหันมามองด้วยแววตาอันท้าทาย
“มีอะไรคะ ท่านประธาน”
“ผมมีนัดเจรจาธุรกิจกับลุกค้า”
“ค่ะ”
“และคุณต้องไปด้วย”
“ค่ะ”
ภูวรินน์เดินจ้ำอ้าวแบบไม่รอธารธิณีเลย
ภูวรินน์แบบจะเปิดประตูไปชนธารธิณีอยู่แล้วโชคดีที่ธารธิณีหลบทัน
“ออกรถ”
คนรถสตาร์ทเครื่องจะออกไป ธารธิณีร้องลั่นเพราะขาเพิ่งก้าวเข้าไปได้ข้างเดียวเอง
ภูวรินน์หันมามองด้วยแววตาที่เฉยชาและดูถูก
ธารธิณีปิดประตูรถดังปีงอย่างโมโห
“มีมารยาทหน่อยสิ ปิดประตูรถแบบนี้ได้ไง”
ธารธิณีหันมาเผชิญหน้ากับภูวรินน์แล้วกระชากคอเสื้อภูวรินน์
“คิดว่าเป็นเจ้านายแล้วจะรังแกลุกน้องง่ายๆหรอ ขอบอกก่อนนะฉันไม่ให้ใครมารังแกฟรีๆ อนุบาลสามฉันตบลูก ผอ. ฟันหักที่มันมาดึงผมฉัน ป.1 มีคนมาเปิดกระโปรงฉันฉันทีบมันตกบันได ป.2 เด็กผ้ายตะบอลโดนหัวฉัน ฉันถอดรองเท้าตบหน้ามันเป็นรอยเลย ป.3 คุณครูตีก้นฉันทั้งๆที่ฉันไม่ผิด รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เธอต้องกลับบ้านทั้งเก้าอี้”
“พอได้แล้ว วีรกรรมไรเสาระแบบนี้พูดมาได้ไง ไม่อายบ้างหรือไง เอามือเธอออกไปจากสูทฉํนได้แล้ว”
“ที่พูดอกมาทั้งหมดนี่เพื่อจะบอกให้คุณรู้ว่าถ้าคุณรังแกฉันอีกนิดเดียวคุณจะโดนหนักยิ่งกว่ารายที่ผ่านมาอีก”
ภูวรินน์ไม่สนใจคำพูดธารธิณีเขาสั่งให้คนรถออกรถได้
ธารธิณีไม่ทันตั้งตัวจึงล้มหน้าทิ่มจูบพื้นรถ
“นี่วอนจะไม่มีปากไปทานน้ำพริกซะแล้วนะ”
ภูวรินน์อดขำไม่ได้
ธารธิณีหันไปมองด้วยแววตาอาฆาต
เมื่อถึงร้านอาหาร ภูวรินน์ก็สั่งให้คนรถกลับไปก่อนเดี๋ยวเขาจะขับรถกลับบ้านเอง
ธารธิณีแกล้งหกล้ม
ภูวรินน์เข้ามารับทำให้ทั้งสองหกล้มไปด้วยกัน
ธารธิณีกับภูวรินน์สบตากัน
ภูวรินน์เหมือนต้องมนต์สะกด เขามองธารธิณีจนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังจะเดือดร้อนเพราะใครบางคน
ธารธิณีเรียกให้ภูวรินน์ลุกขึ้น
ภูวรินน์ลุกขึ้นและเดินไปยังร้านอาหาร
ความคิดเห็น