คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : มาแล้วจ๊ะหลังจากดองดับเบิ้ลนาน
ฟุ้งตลบคละคลุ้งทราย สายลมพัดไหวทั่วทิศทาง เหล่านักรบเดินฝ่าพายุที่พัดมาโดยมีราชินีผู้กล้าออกคำสั่งให้มุ่งไปทางข้างหน้า
ท่ามกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุแต่ก็มิได้มีผู้ใดมีท่าทีอ่อนล้าและย่อท้อต่อหนทางยาวไกลที่อยู่เบื้องหน้าเนื่องจากมีราชินีผู้กล้าเป็นดุจดั่งแรงใจสำคัญให้เหล่านักรบสู้ต่อไป
ราชินีทรงประทับอยู่บนอูฐพร้อมกับออกคำสั่งให้ทหารเร่งฝีเท้าต่อไปยังเมืองข้างหน้าที่มีความอุดมสมบูรณ์กว่าทุกเมืองที่ตีมาได้เป็นเมืองในอาณัติให้ปกครอง
มิเซลเอร่าคือองค์ราชินีผู้ทรงอำนาจมีสิริโฉมอันงดงามหาผู้ใดเปรียบเปรยได้บุรุษหนุ่มผู้ใดเห็นเข้าเป็นหลงใหลดุจแทบจะวางวายเพียงได้พบเพียงยิ้มประหนึ่งของนาง แต่ภายในใจของนางราชินีนั้นกลับตรงกันข้ามกับใบหน้าที่สวยสง่าโดยสิ้นเชิง
องค์ราชินีมิเซลเอร่ามีพระทัยใฝ่หาทุกสิ่งทุกอย่างอยากได้มาเป็นของพระองค์ ไม่ว่าจะมีพระหัยหมายสิ่งใดก็ตามนางจักต้องทำให้ได้แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตและการเสียเลือดเนื้อของบุคคลผู้ใดก็ตาม
นางมิเคยมีความเมตตาปรานีต่อใครทั้งสิ้นแม้แต่เด็กและคนชรา นางก็ฆ่าได้ถ้าเป็นอุปสรรคในการขยายอาณาเขตของนาง
นางโหดร้ายมากขณะพระบิดาแท้ๆนางยังปลงพระชมย์ได้เพียงเพื่อต้องการเป็นใหญ่ในอาณาจักรนี้และอาณาจักรอื่นๆอีกต่อไป
ณ อาณาจักรบรามีน๊อตอันรุ่งเรืองเปรียบไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแมกไม้ แม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายแต่ก็ยังมีความชุ่มชื้นของสายน้ำ
เชื่อกันว่าอาณาจักรบรามีน็อตเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์แต่กลับไม่มีผู้ใดใช้เวทย์มนต์ได้เพราะผู้ที่ใช้เวทย์มนต์นั้นต้องได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีอีกทั้งต้อเงปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งดุจหินผา
หากผู้ที่ใช้เวทย์มนต์ใช้เวทย์มนต์ไปในทางไม่ถูกเวทย์มนต์นั้นก็จะกลับมาทำร้ายตัวผู้มีไสย์เวทย์มากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าจึงมิมีผู้ใดกล้าฝึกนอกเสียจากท่านผู้เดียวคือผู้เฒ่าลาบอร์ซึ่งมีอายุอยู่รวมๆแล้วกว่าร้อยปี
ผู้เฒ่าลาบอร์เป็นผู้มีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อราชวงค์บารมีน็อตมาก ผู้เฒ่าลาบอร์อยู่รับใช้ราชวงศ์บารมีน็อตมาหลายยุคหลายสมัยจนมาถึงยุคขององค์จักรพรรดิแอนท์ดิสผุ้เป็นองค์สืบทอดต่อจากพระราชบิดาที่พึ่งสิ้นพระชมย์ไป
องค์จักรพรรดิทรงมีพระทัยที่สุขุมเยือกเย็นภายใต้พระพักตร์ที่ยิ้มแย้ม หากพระองค์คิดจะทำการสิ่งใดยากที่คนทั่วจะหยั่งถึง ทรงสง่างามเหนือบุรุษอันทรงเป็นกษัตริย์ทั่วไป หญิงนางใดเห็นมีอันต้องหลงใหลแต่ในพระทัยทรงเย็นชายิ่งนักมิคิดหาผู้ใดมาครองคู่
เมื่อองค์จักรพรรดิแอนท์ดิสทรงเข้าสู่พระบันลังค์เหล่าทหาร นางใน ขุนนาง ล้วนถวายบังคม
“ขณะนี้สายของข้าพระองค์ได้รายงานมาว่า มิเซลเอร่าราชินีผู้เรืองอำนาจได้กำลังเคลื่อนทัพมายังเมืองของเรา ข้าจึงมีความเห็นว่าพระองค์ควรจะมีพระราชประสงค์ในการเตรียมรับแผนการครั้งนี้ได้แล้ว” ขุนนางผู้หนึ่งถวายการรายงานก่อนกลับมายืนยังที่เดิมของตน
องค์จักรพรรดิแอนท์ดิสได้ฟังขุนนางผู้นั้นรายงานเสร็จก็ทรงพระสรวลออกมา
“ฮ่าๆๆ ท่านคิดว่าแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวกับกองทัพไม่เท่าไร จะต้องทำให้เราหวั่นเกรงถึงเพียงนี้เชียวหรือ เราคิดว่าท่านใจเย็นๆก่อนเถิด เราพอจะคิดอะไรดีๆออกแล้ว”
องค์จกรพรรดิ์แอนท์ดิสทรงมีพระประสงค์เรียกหาอนุชาอันเป็นที่รักและเป็นทหารเอกผู้ควบคุมบัญชากองทัพทหารทั้งหมด
“หามิได้พะยะคะ เจ้าชายทรงมิได้อยู่ในวังพะยะคะ”
“หมายความว่าอย่างไร”
ชายหนุ่มผมยาวท่าทางทรงสง่า โดดตัวลงมาจากหลังม้าเข้าต่อสู้กับโจรที่ลอบปล้นชาวบ้านระหว่างทาง
โจรป่าเห็นว่ามีพวกมากกว่าจึงตรงเข้าล้อมชายหนุ่มเอาไว้
ราชองค์รักษ์ยืนเคียงข้างเจ้าชายผู้เป็นดุจดั่งหัวใจสำคัญของกองทัพ
“เจ้าโจรป่า เจ้าจงถอยทัพไปซะ มิเช่นนั้นเจ้าจะหาว่าเราไม่เตือนไม่ได้” เจ้าชายทรงเปล่งพระสุรเสียงออกมาอย่างทรงพลัง
เจ้าชายซาลีโอผู้มีพระพักตร์อันอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตา มีพระเนตรอันอ่อนโยนที่สามารถขโมยหัวใจสตรีได้เพียงแรกเห็น คิ้วเข้มคมซึ่งตัดกับพระพักตร์ที่ขาวราวกับหิมะในฤดูหนาว ปากชมพูระเรือย
ช่างทรงเป็นบุรุษหนุ่มซึ่งมีพระพักตร์หวานดั่งหญิงสาวมิปาน แต่เมื่อยามรบพระพักตร์ของพระองค์ก็ทรงเข้ม พระเนตรของพระองค์ก็แดงก่ำดุจดั่งมีไฟเผาอยู่ในดวงพระเนตรมิปานผู้ใดเห็นเข้ามีอันต้องวางวาย
โจรป่าเห็นท่าของเจ้าชายซาลีโอทรงเปลี่ยนไปเหมือนกับกำลังจะมีประกายไฟในแววพระเนตรมิปานก็เริ่มหวั่นเกรงและบอกให้ลูกน้องของตนล่าถอย
“ขอบใจท่านมากที่ช่วยพวกข้าไว้”
หญิงสาวเอื้อนเอ่ยออกมาพร้อมกับมองไปยังดวงเนตรของเจ้าชายซาลีโอ แต่ก็เพียงพิศอยู่ได้มินานก็รู้สึกถึงว่าใจของนางสั่นไหวยิ่งนักเมื่อได้สบพระเนตรของเจ้าชาย
นางรู้สึกขวนเขินขึ้นมาถนัดตาทั้งๆที่มีชายหนุ่มมองมากมายมามองนางด้วยสายตาเช่นนั้นแต่ก็กลับมิได้ทำให้นางหวั่นไหวถึงเพียงนี้
เจ้าชายซาลีโอทรงขึ้นควบม้าโดยมีราชองค์รักษ์คนสนิทขึ้นควบม้าบังคับตามหลังเจ้าชายซาลีโอมาติดๆ
ทัพของราชินีมิเซลเอร่าทรงเคลื่อนมาถึงยังตัวเมืองแล้วทหารจึงเตรียมการที่จะบุก
“หยุด”
องค์ราชินีทรงออกคำสั่ง
“มีราชประสงค์สิ่งใดหรือพะยะคะ”
“เราจะไม่บุกเข้าไปให้เสียเลือดและกำลังทหารของเรา”
“แล้วจะทรงทำการใดหรือพะยะคะ”
“เราจะบุกเข้าไปเหมือนเป็นดั่งเป็นชาวเมืองทั่วไป เจ้าจางไปสำรวจซะว่าชาวเมืองบาร์มีน็อตใส่เครื่องแต่งกายอย่างไร แล้วจงนำมาให้เราเปลี่ยนซะ”
“พะยะคะ”
“พวกเจ้าก็เช่นกันจงปลอมตนซะและเข้าไปในเมืองดุจชาวบ้านธรมดาคนหนึ่ง”
“พะยะคะ”
เหล่าทหารขานรับพร้อมกัน
“แต่ข้าพระองค์มิเข้าใจว่าทำไมพระองค์ทรงไม่บุกเคลื่อนทัพเข้าชิงเมืองเหมือนที่ผ่านมา” ราชองค์รักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา
“เมืองบาร์มีน็อตเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยกำลังทหารที่เข้มแข็งนักและมีไพร่พลที่มากกว่าเรานัก การที่จะบุกเข้าไปนั้นเกรงจะเป็นการเสียกำลังพลมากกว่า”
“ข้าพระองค์เข้าใจแล้วพะยะคะ”
“เตรียมทุกอย่างให้พร้อมเราจะบุกอย่างสงครามเย็น สงครามที่มิมีการเสียกำลังพลทหารแต่กลับจะยิ่งได้กำลังพลมาสนับสนุนมากขึ้น แลได้เมืองมาเป็นอาณัติเพิ่มอีกเมือง ฮ่าๆๆ”
เจ้าชายซาลีโอทรงหยุดพักกลางทางระหว่างจะเข้าตัวเมือง
ราชองค์รักษ์ทูลพระองค์ให้ทรงน้ำได้เนื่องจากเจ้าชายได้ทรงเสด็จเดินป่าเป็นเพลานานแล้วทำให้พระองค์อาจจะทรงเหนียวพระองค์และเพื่อให้พระองค์กลับไปอย่างสมพระเกียรติเมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์จักรพรรดิแอนท์ดิส
ขณะที่เจ้าชายซาลีโอกำลังทรงน้ำอยู่ก็ทรงได้ยินเสียงแปลกปลอมจากทางน้ำโขดหินอีกด้านหนึ่งจึงทรงเสด็จปืนขึ้นมาเหนือโขดหินเพื่อจะสำรวจว่าสิ่งเบื้องหน้าโขดหินคืออะไร
เจ้าชายซาลีโอถึงกับอึ้งเมื่อมองไปยังภาพเบื้องหน้าที่เห็นหญิงสาวริมฝีปากแดง นัยน์ตาสวยลึกลับ ผิวพรรณผุดผ่องดั่งทองทา รูปร่างงดงามราวกับถูกปั้นให้สมดั่งใจ งามเลิศล้ำเหลือเกินจะบรรยาย แค่เพียงสบพระพักตร์ก็แทบพร้อมพลีชีพไว้เคียงข้าง
ราชินีมิเซลเอร่าได้ยินเสียงเคลื่อนไหวจากโขดหินอยู่นานแล้วแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้พระองค์เพื่อเพียงรอโอกาสปลิดชีพคนๆนั้น
ความคิดเห็น