คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ( ^ _ ^//!
ภูวรินน์โวยวายหาว่าธารธิณีซุ่มซ่ามแล้วยังชงกาแฟไม่ได้เรื่องอีกท่าทางคงไมได้เรื่องไปซะทุกอย่าง
ธารธิณีเอาตัวรอดโดยการบอกว่า
“ท่านคะ รีบเอาเสื้อไปซักเถอะค่ะ ก่อนที่คราบจะเปื้อนจนซักไม่ออก”
ภูวรินน์จึงรีบเข้าห้องน้ำไป
ธารธิณีหัวเราะชอบใจ
“สมน้ำหน้าเรื่องมากดีนักเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับธารธิณี เชอะ”
ประตูถูกเปิดขึ้นธารธิณีรีบเก็บอาการขำ
สาวสวยนัยน์ตาคม ในชุดกระโปรงสั้นเสื้อขว้านลึกเดินเข้ามาหาภูวรินน์เจ้านายของเธอ
ธารธิณีจึงบอกว่าอยู่ในห้องน้ำ
หล่อนนั่งลงบนโซฟาเพื่อรอภุวรินน์
ภูวรินน์ออกมาในเสื้อผ้าชุดใหม่
“ภูคะ ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ นี่ก็เที่ยงแล้ว”
“ผมขอสั่งงานลูกน้องก่อนแล้วกันมยุรี”
ภูวรินน์เรียกธารธิณีมาสั่งงานแล้วก็เดินควงแขนออกไปกับมยุรี
ภูวรินน์ต่อว่ามยุรีว่าไม่ควรมาแสดงความเป็นเจ้าของมากเกินไป เกิดวันหน้ามยุรีเจอคนที่ดีกว่าเขาจะทำไง แฟนเธอคงไม่ชอบแน่ๆ
“ไม่มีทางหรอกค่ะ มยุรีรักภูคนเดียว”
ธารธิณีเดินออกมาจากห้องทำงานก็พบเพื่อนรุ่นเดียวกันถือแฟ้มกองโตสูงเกือบมิดหัว
ธารธิณีเข้าไปช่วยถือ
เพื่อนรุ่นเดียวกับธารธิณีกล่าวขอบคุณ
หลังจากวางแฟ้มไว้บนโต๊ะเสร็จ
“ขอบคุณค่ะ อ้าว! ธารเธอทำงานที่นี่เหมือนกันหรอ”
“จ๊ะ”
“ดีเลย ฉันจะได้แนะนำเพื่อนร่วมงานฉันให้เธอรู้จัก”
วิตราพาธารธิณีเดินไปทีละโต๊ะเพื่อแนะนำเพื่อนร่วมงานของเธอ
“ป้อง ชัย วรรณ วัตร นัส สา”
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ”
“เช่นกันค่ะ”
“เช่นกันครับ”
“ไปทานข้าวกันดีกว่าธาร”
“จ๊ะ”
มยุรีแทบจะร้องกรี๊ดเมื่อโมเดลริ่งโทรมาขอคัดเลือกเธอออกแต่เธอรู้ว่าภูวรินน์ไม่ชอบคนทำตัวไม่เรียบร้อยจึงขอตัวออกไปคุยข้างนอกแล้วต่อว่าโมเดลริ่งพร้อมกรี๊ดอย่างไม่พอใจ
มยุรีเดินกลับมาที่โต๊ะอีกทีและบอกเขาว่ามีงานด่วนต้องทำแล้วก้รีบออกไปอย่างไม่รีรอ
ภูวรินน์โทรเรียกให้เพื่อนมาทานข้าวเป็นเพื่อน
ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงสีดำ รองเท้าคัตชูทเดินก้าวเข้ามาในร้านอย่างสง่าผ่าเผยแต่แล้วก็ดันไปเดินชนพนักงานหน้าจูบพื้นหมดสภาพผู้ดี
ภูวรินน์ส่ายหน้าให้เพื่อนทันทีที่ถึงโต๊ะ
“นายควรหัดระวังมากกว่านี้นะหากออกงานสังคมเข้าล่ะก็หน้าแตกเห็นๆ”
“แกไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาจะเคร่งเครียดอะไรนักหนา”
“เดี๋ยวนี้นายเรียกฉันว่าแกหรอสุมิต”
“เรียกแกเฉยๆไม่ใช่หรอ”
“หัดมีมารยาทซะมั้งสิ คำนี้มันไม่สุภาพรู้ไหม”
“พึ่งทำงานวันแรกเป็นไงบ้าง” วิตราถามเพื่อนสาว
“เจ้านายโคตรเรื่องมากเลย” ธารธิณีตอบอย่างหงุดหงิด
“เลขาฉันนะไม่ได้เรื่องเลย ฉันต้องโยนสูททิ้งทั้งตัวเพราะความสำเพลาของเลขาคนใหม่” ภูวรินน์ปรับทุกข์กับเพื่อน
“ใจเย็นหน่า” สุมิตเพื่อนซี้ปลอบภูวรินน์
“เย็นไม่ได้หรอก ตรารู้ไหมฉันต้องเดินไปชงกาแฟไม่ต่ำกว่าห้ารอบเพราะความเรื่องมากของนายคนนั้น” ธารธิณีพูดอย่างเหลืออด
“แย่ที่สุดทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วย” ธารธิณีและภูวรินน์พูดขึ้นพร้อมกัน
ภูวรินน์และธารธิณีหันหน้าไปมองกันโดยอัตโนมัติ
“นี่เธอ”
“เจ้านาย”
“คุณเป็นเลขาภาษาอะไรมานินทาเจ้านาย”
“แล้วคุณล่ะ มีสิทธิ์อะไรมานินทาฉัน”
คนรอบข้างเริ่มหันมามองทั้งสอง
ภูวรินน์รีบลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป
ธารธิณีลุกขึ้นเดินตามไปเอาเรื่อง
“ฉันขอลาออก”
“ตามใจ”
ภูวรินน์ขับรถออกไป
“คอยดูนะฉันจะหางานทำให้ดีกว่านี้ให้ได้”
อีกสองวันต่อมา ธารธิณีก็ได้งานใหม่
“ขัดเร็วสิลุกค้ามาเพิ่มแล้ว”
ธารธิณีนั่งหน้ามุ้ยเพราะเหลือกระทะอีกตั้งหลายใบ
ภูวรินน์รู้สึกดีใจที่ได้เลขาใหม่มาทำหน้าที่แทนธารธิณี
“ท่านค่ะ”
“มีอะไร”
“เออ ไอ้เจ้าจอสี่เหลี่ยมนี่ใช้ยังไงคะ”
ภูวรินน์เริ่มรู้สึกแล้วว่ายังมัคนทำงานแย่กว่าธารธิณีร้อยเท่า พิมพ์คอมพ์ก็ไม่เป็น ชงกาแฟก็ไม่เป็น คุยกับลุกค้าก็ไม่ได้เรื่อง แถมโดนลูกค้าด่ากลับมาอกีว่าควรเปลี่ยนเลขาใหม่
ภูวรินน์กลุ้มใจทั้งวันกลับบ้านก็ยังไม่วายถูกลูกค้ามายกเลิกสัญญาเพราะการพูดจาของเลขา
ภูวรินน์กุมขมับด้วยความกลุ้มใจจนเกือบขับรถชนคน
มีคนมายืนขวางไว้ ภูวรินน์รีบจอดรถแล้วลงไปถาม
“มีอะไรหรือครับ”
“เออ คือรถคุณยางแบนน่ะครับ”
ภูวรินน์ก้มลงไปดูยางล้อรถ
“ไม่เห็นมีอะไรเลยครับพี่”
ไม้ถูกฟาดมากลางหน้าภุวรินน์ โชคดีที่เขาหลบทัน
ธารธิณีนั่งมอเตอร์ไซค์ผ่านมาพอดีจึงสั่งให้วินมอเตอร์ไซค์จอดรถ
วินมอเตอร์ไซค์รีบเก็บตังส์แล้วขับหนีไป
ธารธิณีรีบเข้าไปช่วยโดยควักปืนฉีดน้ำออกมาแล้วบอกจะยิงโจรจึงพากันวิ่งหนีไป
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”
“เปล่าครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“เจ้านาย ถ้ารู้ว่าเป็นคุณฉันไม่ช่วยหรอก”
ธารธิณีเดินหนีไปอย่างอารมณ์เสีย
“คุณช่วยกลับมาเป็นเลขาของผมได้ไหม”
ธารธิณีรีบวิ่งกลับไปหาภูวรินน์
“ก็ได้นะ แต่ว่ามันจะดีหรอ ฉันชงกาแฟไม่อร่อย”
“ไม่เป็นไร”
“ฉันทำงานไม่ได้เรื่อง ไม่ถูกใจคุณนะ”
“ไม่เป็นไร”
“เอาเป็นว่าถ้าพรุ่งนี้เจอฉันที่ทำงานก็แสดงว่าฉันจะกลับไปทำงานแล้วกัน”
ธารธิณีเดินไปอีกทาง
“นั่นคุณจะเดินกลับหรือ”
“ขับเบ็นซ์กลับมั้งถามได้”
“ผมไปส่ง”
ธารธิณีรีบเดินไปเปิดประตูรถขึ้นไป
เมื่อขับมาจอดถึงบ้าน สายใจก็รีบวิ่งลงบันไดมาโวยวายที่ภูวรินน์มาจอดรถหน้าบ้านหล่อนแถมยังคิดค่าที่จอดรถอีก
“สวัสดีครับ”
“เออ หวัดดี จ่ายเงินด้วย”
“ค่าอะไรครับ”
“ที่มาจอดรถบ้านฉันนี่ไง”
“แม่เจ้านายธาร”
“ไม่มีเงินหรือไง จอดที่อื่นไป”
“แม่”
ภูวรินน์ยื่นเงินให้สายใจ
“หมดเวลาจอดแล้วไปได้”
ภูวรินน์จึงรีบขึ้นรถขับจากไปเพราะเขาไม่รู้ว่าต่อไปจะเจออะไรอีก
“แม่ไปเอาตังส์เขามาทำไมจ้ะ”
สายใจไม่ตอบคำถามลูกสาวกลับเดินเข้าบ้านไป
วันต่อมา สินิทราได้จัดงานสมาคมคุณหญิงขึ้นโดยเชิญคุณหญิงจากทั่วสารทิศมาร่วมงาน งานถูกจัดให้ดูเด่นสะดุดตามากด้วยการประดับของมีค่า
คุณหญิงแต่ล่ะคุณหญิงล้วนชวนลูกกับสามีมาเป็นเพื่อน ภูวรินน์ก็ต้องลางานรอบเช้าเพื่อมางานนี้เหมือนกัน
คุณหญิงสินิทราเที่ยวพาลุกชายเดินไปแนะนำทั่วงาน
ส่วนคุณหญิงวิมาลาก็กำลังคุยกับคุณหญิงทอประกายผู้ซึ่งได้เข้าสมาคมมาใหม่สดๆร้อนๆ ทั้งสองคุยกันได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย อีกคนก็พูดเชียร์ลูกสาวให้กับลูกชาย อีกคนก็แนะนำลูกชายให้กับลูกสาวอีกฝ่าย สรุปแล้วทั้งสองต้องการให้ลูกคบกัน
คุณหญิงวิมาลาและคุณหญิงทอประกายต่างพากันแยกไปตามหาลุกสาวและลูกชายตน
น้องหญิงเที่ยวเดินกินของตามงาน ส่วนชายนลก็เที่ยวก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือไปจนชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“ขอโทษครับ”
น้องหญิงหันไปมองชายรูปร่างท้วม ผมหวีเรียบ ใส่แว่นตาหนาเตอะ พูดค่อนข้างช้าจนเกือบเหมือนคนติดอ่าง แถมยังคอยเช็ดน้ำมูกทุกๆ ห้านาที
น้องหญิงถึงกับอุทาน
“หล่อจัง”
“สวยจริง” ชายนลอุทานขึ้น
คุณหญิงวิมาลารีบดึงลูกหญิงออกจากชายนล
“คุณหญิงแม่ค่ะ อย่าพึ่งสิคะ”
“นี่หรอคะลูกชายสุดหล่อของคุณหญิง”
“แล้วนี่หรอคะ คือลุกสาวผู้เลอโฉมของคุณหญิง”
คุณหญิงวิมาลาและคุณหญิงทอประกายต่างเชิดหน้าใส่กันแล้วก็ต่างพาลุกแยกออกไปคนล่ะทาง
น้องหญิงหันมามองชายนล ทั้งสองประสานสายตากันแล้วก็วิ่งมาหากัน คุณหยิงแม่เตือนเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง
“ชายเลือกคนนี้ล่ะครับคุณหญิงแม่”
“หญิงเลือกคุณนลค่ะคุณแม่”
“โอ๊ย! ฉันแอยากจะเป็นลม”
คุณหญิงวิมาลาและคุณหญิงทอประกายเป็นลมไปทันทีที่พูดจบ
น้องหญิงและชายนลต่างช่วยกันปฐมพยาบาลคุณหญิงแม่จนฟื้น
คุณหญิงทั้งสองมองหน้ากันแล้วหันไปอีกทาง
“คุณหญิงแม่ครับ”
“คุณแม่คะ”
“ฉันไม่มีทางรับตาคนนี้เป็นลุกเขยหรอก”
ความคิดเห็น