ลำดับตอนที่ #1
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : การเดินทางของความรัก (100%)
หญิงสาวผมยาว ใบหน้าหวานละมุนละไม จมูกได้รูป ดวงตาสวยเจิดจ้าเหมือนประกายดาวบนท้องฟ้า อยู่ในชุดนักศึกษากำลังก้าวลงจากรถเบ๊นซ์สีดำคันหรูที่มีคนขับรถมาเปิดให้
หญิงสาวค่อยๆก้าวลงจากรถท่ามกลางสายตาของหนุ่มๆทั้งมหาวิทยาลัยที่พากันหันมามอง เธอคนนี้มีนามว่าอิง หรือ อรชร ราชเสนาวงศ์ เป็นลูกหลานตระกูลผู้ดีเก่าทางภาคเหนือที่ย้ายตามพ่อแม่มาตั้งรกรากอยู่ที่กรุงเทพฯด้วยทางพ่อแม่เธอนั้นต้องการขยายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ทำอยู่ให้ก้าวออกไปไกลและมันก็ได้ผลดีเหมือนที่พ่อแม่ของอรชรตั้งใจไว้ทุกอย่างเป็นไปได้สวย นักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศต่างรู้จักแม่พ่อของอรชรในฐานะนักธุรกิจมือใหม่ที่ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ชีวิตของเธอจึงมีแต่สุขสบายแม้จะมีปัญหาเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่เล็กแต่ด้วยครอบครัวมีเงินทำให้สุขภาพของเธอยังแข็งแรงดีอยู่และสามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติเหมือนคนทั่วไป
อิงกำลังเดินเข้าตึกเรียนก็พบนักศึกษาชายมากมายเดินเอาดอกไม้มาให้ เธอรับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท ชายหนุ่มอีกคนซึ่งเป็นนักศึกษาแต่งตัวปอนๆถือดอกกุหลาบขาวดอกเล็กๆยืนมองดูบรรดาชายหนุ่มที่ห้อมล้อมเธอแล้วได้แต่ถอนหายใจไม่มีวันเสียหรอกที่ดอกฟ้าจะโน้มตัวลงมามองหมาวัดอย่างเขา เลยได้แต่ถอยห่างออกมาแต่เหมือนฟ้าจะจงใจให้เขาได้เข้าใกล้อิงทำให้รองเท้าที่ใส่อยู่ดีๆหักเธอจึงไม่สามารถเดินต่อไปได้ ชายหนุ่มทุกคนที่ยืนล้อมเธอบอกว่าจะไปหาซื้อคู่ใหม่ให้รอสักพักแล้วพวกเขาก็พากันเดินจากเธอไปทำให้เธอต้องยืนรออยู่ตรงนั้นจนกว่าจะมีรองเท้าคู่ใหม่มาให้เธอใส่
ชายหนุ่มท่าทางปอนๆเดินเข้าไปหาแล้วบอกว่าถ้าเธอยืนแบบนี้แล้วจะเมื่อยจึงยื่นดอกกุหลาบขาวไปให้อิงช่วยถือและเขาก็นั่งชันเข่ากับพื้นและบอกเธอว่าให้เธอเอาเท้าเธอวางไว้บนขาเขาเดี๋ยวเขาจะช่วยซ่อมรองเท้าให้เธอเอง อิงค่อยๆวางเท้าลงบนขาของชายหนุ่ม แล้วยืนมองชายหนุ่มซ่อมรองเท้าอย่างขะมักเขม้นไม่นานรองเท้าก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ หญิงสาวจึงขอบใจเขาพร้อมกับยื่นเงินค่าซ่อมรองเท้าให้
"ผมไม่รับเงินครับ สิ่งที่ขอร้องก็คือคุณช่วยเก็บกุหลาบขาวนั้นไว้ได้มั้ย"
"ฉัน" อิงทำท่าพินิจพิเคราะห์มองไปยังดอกกุหลาบขาวดอกเล็กที่อยู่ในมือสลับกับดอกไม้ช่อโตที่ถูกวางไว้กับม้านั่ง
"ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจครับ" นักศึกษาหนุ่มท่าทางปอนๆเดินจากเธอไป
"เดี๋ยว นายชื่ออะไร"
"ผมชื่อผืนฟ้าครับ" ชายหนุ่มหันมาตอบก่อนเดินจากไป
ผืนฟ้าเดินมาหยุดข้างๆตึกบริหารธุรกิจเพื่อแอบยืนมองอิงเจ้าหญิงของเขาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งตอนนี้ได้โตเป็นสาวเต็มตัว เขาไม่รู้ว่าเธอจะจำเขาได้ไหมแต่เขาจำเธอได้ขึ้นใจ ภาพต่างๆในวัยเด็กกระทั่งวัยรุ่นปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา เขาได้พบเจ้าหญิงน้อยครั้งแรกที่สวนผลไม้ตอนนั้นเธอค่อนข้างซนมากทีเดียวแอบที่มาเล่นในสวนคนเดียวทำให้คนที่บ้านต้องวิ่งหากันให้วุ่น เขาเจอโดยบังเอิญขนาดปืนลงมาจากต้นไม้
"เธอขึ้นต้นไม้ได้ด้วยเก่งจัง" เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆผูกแกะสองข้างเดินเข้ามาพูดกับเด็กผู้ชายวัยไล่เลี่ยกัน
"พ่อเราสอนน่ะ เธออยากปืนต้นไม้มั้ย เดี๋ยวเราจะสอน" เด็กผู้ชายเอ่ยถาม
"เค้าก็อยากขึ้นแต่คุณพ่อกับคุณแม่บอกไว้ว่า เค้าขึ้นไม่ได้เพราะเค้าไม่ค่อยแข็งแรง"
"เธอไม่สบายเหรอ งั้นหายป่วยเมื่อไหร่เราจะสอนเธอนะ"
"ก็ไม่รู้สิว่าเมื่อไหร่จะหาย แต่ถือว่าเธอสัญญากับเค้าแล้วนะ มาเกี่ยวก้อยกัน" เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆชูนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยวกับเด็กผู้ชายตัวขาวเหมือนขี้โรคแต่ความจริงแล้วแข็งแรงมาก
"ได้" เด็กผู้ชายชูนิ้วก้อยเข้ามาเกี่ยวคล้องกัน
"คุณหนูขา ได้เวลาทานยาแล้วนะคะ อยู่ไหนค่ะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้เข้าพี่จะโดนเล่นงานนะคะไม่สงสารพี่แตง" หญิงสาววัยประมาณ 28 ผิวขาวเดินเที่ยวออกตามหาเด็กหญิงทั่วบริเวณสวนมะม่วง
"เค้าต้องไปแล้ว พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ" เด็กหญิงโบกมือบ๊ายบายเด็กชายตัวขาว
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการพบกันระหว่างเขาและเธอแต่มันก็ยังไม่สิ้นสุดความผูกพันเพียงเท่านั้นเพราะในทุกๆวันเด็กหญิงตัวน้อยจะแอบที่บ้านออกมาเล่นกับเด็กชายแล้วก็ให้เด็กชายสอนปืนต้นไม้บ้าง สอนน้ำบ้าง แต่ก็ไม่ได้ผลไปทุกอย่างเด็กหญิงไม่มีแรงมากพอจะปืนขึ้นต้นไม้ พอถึงตอนว่ายน้ำก็ทำท่าจะจมอยู่หลายครั้งจนเด็กชายต้องเข้าไปช่วย
"พอแล้วเดี๋ยวเธอก็จมน้ำอีกหรอก" เด็กชายร้องเตือนเมื่อเห็นเด็กหญิงจะกระโดดลงน้ำ
"ก็เค้าอยากว่ายน้ำ เค้าต้องว่ายให้ได้"
"งั้นก็เอาเท้าตีๆ น้ำแบบนี้นะ ก็เหมือนได้ว่ายแล้ว" เด็กผู้ชายเอาเท้าจุ่มลงไปในน้ำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้วตีน้ำแรงๆ เด็กผู้หญิงเห็นดังนั้นจึงทำตาม
"เธอหิวหรือยังเดี๋ยวเราไปหาอะไรมาให้กิน" เด็กชายเอ่ยถาม
"หิวแล้ว ไปหาสิ"
เด็กหญิงมองตามเด็กชายไปแล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะค่อยหย่อนตัวลงน้ำและก็ก่อเรื่องอีกแตมเคยเธอพยายามออกแรงใช้แขนตีไปกับน้ำ ใช้แขนตีช่วยให้เกิดแรงดันลอยขึ้นเหนือน้ำแต่ไม่สำเร็จเริ่มอ่อนแอแล้วทำท่าว่าจะหายใจไม่ออกด้วยแม้แต่จะตะโกนร้องให้คนช่วยก็ยังไม่มีแรง
เด็กชายนึกขึ้นได้ว่าลืมถามว่าเด็กหญิงอยากกินอะไรเลยวกเดินกลับมาถามจึงได้เห็นภาพที่เด็กหญิงกำลังจะจมน้ำ เด็กชายรีบตามลงไปช่วย พอช่วยขึ้นมาได้เด็กหญิงก็หมดสติหน้าซีดเขาเอาหูแนบไปตรงหน้าอกก็ไม่ได้ยินเสียงหัวใจเธอเต้น เด็กชายพยายามเขย่าตัวให้เด็กหญิงฟื้นก็ไม่ได้ผล เขาจึงแบกเธอขึ้นขี่หลังวิ่งไปยังคลีนิกอยู่ไกลห่างออกไปจากที่นี่ประมาณ 5 กิโล เขาวิ่งไปด้วยแรงทั้งหมดที่มี และพาเธอเขาคลีนิก
อย่างปลอดภัย แต่หลังจากวันนั้นเด็กหญิงก็ไม่ได้ออกมาพบกับเขาอีกเลยอาจเป็นเพราะว่าอยู่ในการดูแลของพ่อแม่ตลอดเวลา
ผ่านไปหลายเดือนหลายวันแต่เด็กผู้หญิงยังคงมองลอดลงมาจากหน้าต่างบ้านเพื่อมองหาใครคนหนึ่งที่แอบมายืนมองหน้าบ้านเธออยู่ทุกคนแต่วันนี้เขาไม่ได้มาเด็กตัวน้อยอดแปลกใจไม่ได้อยากจะขออนุญาติคุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมเพื่อนตัวน้อยสักหน่อยก็ไม่กล้าเพราะคุณแม่กับคุณพ่อจะสั่งย้ายให้ไปเรียนโรงเรียนประจำถ้าห่างยังคบกับเพื่อนชาวสวนอีก
"คุณหนูค่ะ เพื่อนคุณหนูฝากมาให้ค่ะ" สาวใช้เดินเข้ามาให้ห้องพร้อมสร้อยคอกับกระดาษแผ่นเล็กๆ
"สร้อยคอนี่เป็นเครื่องรางของเรามาแต่เกิดเพราะพ่อเห็นว่าเราไม่ค่อยสบาย แต่ตอนนี้เราแข็งแรงดีแล้ว เราจึงอยากหมอบมันไว้ให้กับเธอ เธอจะได้หายป่วยไวๆไง ใส่ไว้นะ" เด็กหญิงอ่านข้อความในจดหมาย
พ่อแม่ของอิงเห็นเด็กชายวิ่งหนีไปลับหลังไม่ไกลก็พอจะเดาออกว่าแอบมาชวนอิงเที่ยวอีกแล้วเลยตัดสินใจกันว่าจะพาอิงย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำ พออิงรู้ก็เสียใจมากเพราะอาจจะไม่ได้พบเพื่อนซี้อีกแล้ว จึงขอให้พี่เลี้ยงพาไปลาเพื่อนซี้ในตอนกลางคืนพี่เลี้ยงสงสารจึงยอมให้ความช่วยเหลือแต่ว่าเมื่อไปถึงเธอก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะไฟในบ้านมืดสนิทราวกับไม่มีคนอยู่เลยขอให้พี่เลี้ยงเขียนข้อความทิ้งไว้แปะไว้หน้าประตู
รุ่งเช้าเด็กชายกลับมาจากงานศพย่าก็ได้อ่านข้อความบนกระดาษว่าอิงย้ายไปอยู่โรงเรียนประจำชื่อว่า....เด็กชายตัวน้อยยังอ่านไม่จบก็รีบวิ่งไปยังบ้านอิงกะว่าคงได้เห็นเด็กหญิงอีกครั้งแต่ก็ไม่ทันรถวิ่งออกไปแล้ว เขาเลยเดินกลับมาถามแม่ว่าโรงเรียนนั้นอยู่ที่ใดทำให้ทุกๆวันหลังเลิกเรียนเด็กชายจะไปแอบมองลอดรั้วเข้าไปในโรงเรียนทุกวันว่าอิงเป็นอย่างไรสบายดีมั้ย เพื่อนๆในโรงเรียนรังแกเธอหรือเปล่า ถ้ามีใครรังแกเธอเขาก็จะแอบเอาหนังสติกยิงใส่คนๆนั้นแล้วนั่งลงหลบอย่างว่องไวไม่ให้ใครจับได้
เด็กชายตัวน้อยดูแลอิงมาแบบนี้ตลอด 11 ปี จนกระทั่งวันหนึ่งที่อิงจะต้องย้ายออกจากโรงเรียนประจำเพื่อที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาก็ไปแอบฟังอิงคุยกับเพื่อนว่าอยากเรียนมหาวิทยาลัยอะไร คณะอะไร แล้วเขาก็เริ่มปฏิบัติการณ์อ่านหนังสือย่างจริงจังเพื่อให้สอบติดมหาวิทยาลัยเดียวกับอิงแล้วในที่สุดเขาก็ทำสำเร็จเขาได้กลับมาดูแลปกป้องอิงอีกครั้งแม้อิงจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเขาคือเด็กชายคนนั้นที่เล่นกับเธอตอนเด็กตลอดมา
ผืนฟ้าคิดว่าตอนนี้เขาคงเป็นเพียงความทรงจำที่แสนเลือนลางสำหรับอิงเต็มทีหรือเป็นไปได้ว่าอิงอาจจะลืมเขาไปจนหมดสิ้นแล้วแต่ก็ไม่เป็นไรขอแค่ให้เขาได้มองเห็นว่าเธอคนนั้นมีความสุขก็พอแล้ว
บนตึกเรียนอิงนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบสร้อยคอออกมาดูอย่างคิดถึงอดีต ก่อนจะเผลอคิดไปว่าชายหนุ่มคนนั้นอาจเป็นเพื่อนซี้ของเธอในวัยเด็ก
"ใช่เธอหรือเปล่าเพื่อนรัก ฉันอยากให้เป็นเธอเพราะฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน"
ในเวลาเย็น ที่นักศึกษาเริ่มจะเลิกเรียนฝนพากันอย่างกระหน่ำทำให้หลายคนที่ไม่มีทางบ้านมารับหรือไม่ได้พกร่มมาพากันมาติดฝนรวมอยู่ใต้อาคารเรียน อิงก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยืนติดฝนเนื่องจากรถที่บ้านยังไม่มารับเพราะคนรถโทรบอกว่ารถเสียหลายจุดต้องแก้ยกเครื่องขอให้อิงอดทนรอหน่อยแต่อิงบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเธอนั่งแท็กซี่กลับเองแต่มันกลับไม่ง่ายอย่างที่คิดพอมีรถแท็กซี่มาจอดใต้อาคารก็โดนรถอื่นแย่งขึ้นตัดหน้าไปเสียทุกครั้งจนบางครั้งก็เริ่มรู้สึกถอดใจ
ระหว่างนั้นรถแท็กซี่อีกครั้งก็วิ่งมาจอดตรงหน้าเธอแต่ก็มีคนวิ่งเข้ามาแยย่งเธอนั่งอีกตามเคยเพียงแต่คราวนี้มีผู้ชายท่าทางปอนๆอยู่คนหนึ่งวิ่งตัดหน้าแซงนักศึกษาชายที่มาแย่งอิงขึ้นรถก่อนได้ทันเวลาแล้วขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่แทนนักศึกษาชายคนนั้นแล้วควักมือเรียกเธอขึ้นมานั่งบนรถแท็กซี่พูดจากับเธออย่างสนิทสนมราวกับเป็นคนที่รู้จักกันมานาน
"ฉันรู้สึกคุ้นกับเธอจังเราเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้หรือเปล่า" อิงเป็นคนเอ่ยถามก่อนคนแรก
"อาจจะเคยแต่คุณคงลืมผมไปจากความทรงจำแล้ว" ผืนฟ้าตอบพร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่างรถ
"เธอเคยมีเพื่อนเล่นมั้ย" อิงยังถามต่อไป
"ครับ สนิทกันมากแต่เขาคงจำผมไม่ได้แล้ว" ผืนฟ้าตอบด้วยแววตาเศร้าๆ
"แล้วถ้าเขาจำเธอได้ เธอจะยอมเป็นเพื่อนกับเขาอีกมั้ย" อิงตอบด้วยความหวัง
"ถึงบ้านคุณแล้ว ลงเถอะครับ สาวใช้คนนั้นคงมารอรับคุณ" ผืนฟ้ามองไปยังหน้าประตูบ้านเห็นหญิงวัยกลางคนออกมายืนกางร่มรอรับอรชร
"นี่ค่าแท็กซี่ ฉันไม่เคยรับความช่วยเหลือจากใครฟรีๆ" อรชรตังส์เงินใส่มือผืนฟ้า
อรชรให้เงินผืนฟ้าเสร็จก็ก้าวลงจากรถไปอยู่ใต้ร่มที่แม่บ้านยืนกางไว้ให้ ทางด้านผืนฟ้าก็มองเงินที่อยู่ในมือและเก็บใส่กระเป๋าก่อนจะนำเงินที่เป็นเงินของตนเองออกมาจ่ายค่าแท็กซี่แล้วก้าวลงจากรถตามไปหาอรชร
"เดี๋ยวเอาเงินให้คุณคืนไป" ผืนฟ้าคว้ามือรชรขึ้นมารับเงินไว้ และนาทีนั้นเองอรชรก็รู้สึกได้ถึงความคุ้นเคยน้ำเสียงและแววตาของเขาเป็นอย่างดีจนไม่อาจปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปได้แล้วว่าเขาคนนี้ใช่เพื่อนรักของเธอในอดีตหรือเปล่า
สายฝนยังคงตกกระหน้ำอิงตัดสินใจดึงร่มจากสาวใช้และเดินไปหาผืนฟ้าที่กำลังจะเดินจากไปก่อนจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกที่ทำให้ผืนฟ้าต้องหยุดเดินและหันกลับมามองเธออย่างซึ้งใจ
"นั่นนายตัวขาวใช่มั้ย ที่เคยสอนเค้าว่ายน้ำ สอนเค้าปืนต้นไม้ แล้วก็แบกเค้าไปส่งคลีนิกในตัวเมือง" อิงพูดออกมาเหมือนกับน้ำตากำลังจะไหล
"พูดอะไร ใครคือนายตัวขาว" ผืนฟ้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เพราะตอนนี้เขาและอรชรช่างแตกต่างกันมากเหลือเกินไม่เหมาะและคู่ควรแม้แต่จะเป็นเพื่อนของเธอ
"ก็นายนั่นแหละ นายคือเจ้าของสร้อยเส้นนี้" อรชรพูดพร้อมกับถอดสร้อยออกมาให้ดู
"สร้อยอะไร" ผืนฟ้าแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไป
"นายมันใจร้าย ฉันคิดถึงนายมากเหลือเกิน รอทุกวันว่าเมื่อไหร่จะได้มาพบนายอีกครั้งแต่นายกลับทำเป็นไม่รู้จักฉัน" อิงทำท่าจะร้องไห้ออกมาใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ การหายใจเริ่มช้าลงไปทุกทีราวกับจะหายใจไม่ออก ร่มที่ถือยู่ในมือก็ทำท่าจะว่าจะหล่นระหว่างนั้นผืนฟ้าก็ก้าวเข้าไปในร่มและจับมือเธอถือร่มเอาไว้
"แค่เพียงคิดถึงกัน นั่นก็คือสิ่งที่มีความหมายที่สุดสำหรับฉัน"
"ขอบคุณนะที่กลับมา เพราะนายก็คือสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับฉัน" นี่เป็นประโยคสุดท้ายที่อิงพูดก่อนจะสลบไปไม่ได้สติผืนฟ้าไม่รอช้ารีบประคองรับอิงเอาไว้และอุ้มเธอเข้าไปพักยังในบ้าน
สาวใช้ที่อยู่ภายในบ้านพากันแตกตื่นเมื่อเห็นผืนฟ้าอุ้มอิงเข้ามาในบ้าน แม่นมของอิงไม่รอช้ารีบโทรไปตามหมอประจำตัวอิงมาตรวจดูอาการป่วยของอิงก่อนจะหันมาถามว่าผืนฟ้าเป็นใครมีสิทธิ์อะไรมาแตะต้องตัวคุณหนูผู้มีเชื้อสายเจ้าเก่าแก่ของทางภาคเหนือ และถ้าผืนฟ้าไม่มีธุระอะไรที่สำคัญก็ขอเชิญออกจากบ้านไปได้อีกไม่กี่นาทีคุณหมอประจำตัวของคุณหนูก็จะมา
"เธอป่วยเป็นอะไรหรือครับ ทำไมถึงไม่หายสักที"
"คุณไม่มีสิทธิ์ถาม เชิญออกไปได้แล้ว"
แม่นมปรบมือเบาๆรปภ. ประจำบ้านก็วิ่งเข้ามาลากตัวผืนฟ้าออกไปจากบ้าน ผืนฟ้าทำได้เพียงชะเง้อมองไปยังโซฟาที่อรชรหรืออิงที่นอนสลบอยู๋จนสุดสายตาก่อนจะถูกสายฝนบดบังภาพภายในบ้านทำให้เห็นใบหน้าอรชรไม่ชัดแต่เขาก็ยังไม่ละความพยายามที่จะสืบรู้ให้ได้ว่าอรชรปลอดภัยดีมั้ยโดยการยืนรอว่ารถของหมอจะออกมาจากบ้านเมื่อไหร่เขาจะไปดักสอบถามหากแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เขาคิดเพราะรปภ.เข้ามากันตัวเขาไม่ให้สามารถเข้าใกล้แม้แต่หลังรถหมอได้เลยเขาเริ่มท้อใจมองเข้าไปในบ้านอย่างเศร้าก่อนจะได้รับข่าวดีจากสาวใช้ที่เดินออกมาทิ้งขยะด้วยกันพูดถึงอิงว่าอิงปลอดภัยดีพรุ่งนี้คงไปเรียนได้ตามปกติผืนฟ้าจึงกลับบ้านไปอย่างสบายใจได้
วันรุ่งขึ้น อรชรตื่นเช้าขึ้นมาตามปกติมีแม่นมคอยจัดเสื้อผ้าให้เตรียมน้ำให้อาบ มีสาวใช้จัดเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของอิงที่ได้รับการรับรองจากหมอแล้วว่าไม่เป็นอันตรายต่อโรคที่อิงเป็นอยู่ และเมื่อหญิงสาวทานอาหารมื้อเช้าเสร็จก็เดินไปยังลานจอดรถของบ้านเพื่อนั่งรถเบ๊นซ์สีแดงคันหรูไปมหาวิทยาลัยโดยมีคนขับเป้นสารถีให้ คนขับรีบเดินไปเปิดประตูรถเมื่ออิงเดินมาถึง
อิงค่อยๆก้าวขึ้นรถไปแล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงแตร่รถมอเตอร์ไซค์ส่งเสียงดังอยู่หน้าบ้านอิงรีบหันไปมองก็พบชายหนุ่มหน้าหวานยืนเต๊ะท่าเอามือพาดวางมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้าน อิงยิ้มให้กับเขาชายหนุ่มโบกมือทักแล้วตะโกนถาม
"ไปรถเรามั้ย"
"ถ้าอยากให้ไปด้วยก็ขับรถเข้ามารับสิ" อรชรตะโกนบอก
ผืนฟ้ารีบขับรถเข้าไปหาอรชรในบ้าน ในขนาดเดียวกันคนขับรถก็มองมายังผืนฟ้าด้วยสายตาตำหนิว่าให้ผืนฟ้าหัดเจียมตัวบ้างส่วนอิงนั้นก็หันมามองทางคนขับรถและสั่งว่าห้ามไปฟ้องคุณพ่อคุณแม่ไม่งั้นจะโกรธลุงคนขับรถและจะไม่ช่วยลุงคนขับปิดภรรยาว่าได้รายได้พิเศษเพิ่มจากคุณพ่อคุณแม่ไปเท่าไหร่ที่นี่คุณลุงก็จะไม่มีเงินเก็บไว้ส่วนตัวเลยแม้แต่สตางค์แดงเดียว
"คุณหนู ขู่ผมหรือครับ"
"ไปกันเถอะนายตัวขาว" อิงพยายามจะก้าวขึ้นนั่งรถมอเตอร์ไซค์ของผืนฟ้าอย่างทุลักทุเล
ผืนฟ้าบอกให้อิงเกาะเอวเขาเอาไว้หลังจากนั้นก็ขับรถออกไปสู่ถนนใหญ่อิงบอกกับผืนฟ้าว่ารู้สึกเหมือนได้กับมาขี่หลังผืนฟ้าเหมือนตอนเด็กๆอีกครั้งหนึ่งเพียงแต่คราวนี้แตกต่างจากคราวนั้นเพราะผืนฟ้าขับมอเตอร์ไซค์แทนวิ่งแถมน่ากลัวด้วยผืนฟ้าบอกว่าเขาจะลดระดับความเร็วลงก็ได้แต่อิงอาจไปสายเพราะไกลเวลาเรียนแล้ววันนี้มีสอบเก็บคะแนนด้วยไม่ใช่เหรอ
อิงเลยบอกให้ผืนฟ้ารีบขับรถไปด้วยกลัวจะไปสอบไม่ทันแต่ก็ยังไม่วายถามผืนฟ้าว่ารู้ได้ไงว่าวันนี้มีสอบเก็บคะแนน ผืนฟ้ายิ้มนิดๆก่อนจะบอกว่าไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับตัวอิงที่เขาไม่รู้
"ขอบใจนะนายขาว" อิงทำท่าจะวิ่งขึ้นบันไดไปเมื่อรถขับมาจอดถึงหน้าตึกเรียน
ผืนฟ้ารีบก้าวลงมาจากรถทันทีที่จอดรถสนิทและรีบเดินตามอิงไปก่อนจะจูงมืออิงมาขึ้นลิฟท์แทนพร้อมกับบอกอิงว่าทางนี้ปลอดภัยที่สุดสำหรับอิงเพราะอิงไม่ค่อยแข็งแรงไม่ควรจะใช้แรงมากในการเดินทาง อิงเลยหันมายิ้มให้ผืนฟ้าอีกครั้งพร้อมกับเอ่ยคำว่าขอบใจก่อนจะก้าวขึ้นลิฟท์ไป
"แต่มีสิ่งหนึ่งนะที่ฟ้าไม่เคยรู้...ใจของอิง" ผืนฟ้าหันหลังกลับเดินไปอีกทาง
เวลา 17.30 น. อิงออกมาจากห้องเรียนก็พบชายหนุ่มหลายคนยืนรอเธออยู่ทุกคนต่างพุ่งเข้ามาหาเธอเมื่อเธอออกจากห้อง ทุกคนต่างชวนให้เธอไปลอยกระทงกับเขาในคืนนี้แต่อิงก็เลือกที่จะปฏิเสธทุกคนหมดยกเว้นภาคภูมินักกีฬาฟุตบอลประจำมหาวิทยาลัยสาเหตุก็คือภาคภูมิเคยช่วยชีวิตเธอไว้ตอนเกือบจะโดนรถชนเธอจึงถือว่านี่ถือเป็นการตอบแทนเขาหากเรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะการที่อิงทำดีกับภาคภูมิมากกว่าเพื่อนทำให้หนุ่มๆหลายคนพากันคิดว่าภาคภูมิอาจกลายเป็นแฟนตัวจริงของอิงในสักวันถึงได้ขัยนทำคะแนนกันเหลือเกินเพื่อให้อิงมาตกหลุมรักตน
ขณะเดียวกันบริเวณหน้าตึกคณะอักษรศาสตร์ ผนฟ้าถือถุงใส่กระทงสองใบมายืนรออิงหน้าตึกเรียนกะว่าอิงลงมาเมื่อไหร่จะชวนไปลอยกระทงด้วยแต่มันก็เป็นแค่ความฝันลมๆแล้งเมื่อเขาได้เห็นอิงเดินออกมาจากลิฟท์พร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งท่าทางดูมีฐานะที่ใกล้เคียงกับอิงผิดกับเขาลิบลับความรู้สึกเหมือนหมากำลังเห่าเครื่องบินยังไงอย่างงั้น ผืนฟ้าเดินลงคอตกกลับไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์อย่างปลงๆก่อนจะวางถุงกระทงไว้กับพื้นทั้งสองถุง
ทางด้านอิง ภาคภูมิเปิดประตูรถให้อิงก้าวขึ้นนั่งบนรถก่อนจะทำเซอร์ไพร์สด้วยการหมอบดอกกุหลาบช่อใหญ่ที่ซ่อนไว้หลังรถมาให้ อิงรับมาพร้อมรอยยิ้มและบอกภาคภูมิว่าอย่าส่งเธอกลับบ้านตึกไม่งั้นน่าจะรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น ภาคภูมิพยักหน้ารับรู้ว่ากิตติศัพท์เรื่องการหวงลูกสาวไม่มีใครเกิดนักธุรกิจคู่นี้ที่เป็นพ่อแม่ของอิง
รถค่อยๆขับเคลื่อนไปพร้อมกับการวางดอกกุหลาบลงบนตักของอิงก่อนที่อิงจะหันไปมองข้างกระจกรถทำให้ได้พบว่าผืนฟ้ากำลังนั่งเซ็งอยู่บนมอเตอร์ไซค์
บริเวณหน้าตึกอักษรศาสตร์ผืนฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองรถคันที่อิงนั่งไปอกทีก็พบว่าออกไปไกลเกินกว่าเขาจะขับตามไปแล้วเลยได้แต่นั่งอย่างปลงหนักๆเข้าก็ลงไปนั่งกับพื้นอย่างไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านมา มือน้อยๆคู่หนึ่งหยิบกระทงผืนฟ้าขึ้นมา
"ใบนี้สวยดีนะคะ เท่าไหร่เอ่ย"
"มีเจ้าของแล้ว ไม่ขายครับ"
"แต่กระทงมีสองใบนะคะ อีกใบหนึ่งของใครหรือค่ะ"
"ก็ของ..." ผืนฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองคนถามราคากระทงก็เห็นเป็นหน้าของอิงกำลังยืนยิ้มให้
"ของใครหรือคะ นายตัวขาว" อิงถามต่อ
"เมื่อกี้อิงขึ้นรถไปกับคนนั้นมาอยู่นี่ได้ไง" ผืนฟ้าถามอย่างประหลาดใจ
"อิงคงไปไม่ได้หรอก ไม่งั้นเพื่อนอิงก็ต้องลอยกระทงคนเดียวสิ"
"เพื่อน" ผืนฟ้าพึมพำในลำคอเบาๆอย่างท้อใจแต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีที่อิงยังคงสงสารเขาบ้าง
อิงถามผินฟ้าทันทีเมื่อรถมอเตอร์ไซค์ขับออกไปว่าจะไปลอยกระทงที่ไหน ผืนฟ้าตอบไปทันทีว่าวัดกัลยา อิงเลยถามต่อว่าในวัดมีคอลงให้ลอยด้วยเหรอเพาะเธอไม่เคยรู้ว่ามาก่อนผืนฟ้าตอบว่ามีสิก่อนบอกให้อิงเกาะเขาแน่นระวังจะตกจากรถ
อิงมองทางไปวัดกัลยา มีถนนเป็นทางแยกสองทางผืนฟ้าขับพาเธอมาทางถนนด้านขวามือก็พบบ้านตึกปลูกต่อๆกันเป็นจำนวนมากไม่มีวี่แววว่าจะมีคลองที่ผืนฟ้าว่าไว้เลยและทางไปก็ช่างดูคดเคี่ยวเหลือเกินอยู่ๆผืนฟ้าก็บอกจอดรถแล้วบอกทางที่จะไปต่อไปนี้เดินเท้าน่าจะสะดวกกว่าอีกอย่างถ้าเข้าไปถึงบริเวณวัดนั้นจะหาที่จอดยากเพราะคงมีผู้คนเดินผ่านไปมาเยอะ
ผืนฟ้านำทางอิงให้เดินตามเขามาพร้อมกับกระทงก็พบป้อมรปภ.อยู่ตรงกลางแล้วจึงเดินเข้าไปในงานก็เห็นโชว์การแสดงอกเด็กน่าจะประมาณ 6 ขวบยืนเต้นอยู่บนเวทีแต่เป็นการเต้นแบบรำไทยประยุกต์ไม่ได้ลืมศิลปะพื้นบ้านไปซะทีเดียว อิงยังคงเดินตามผืนฟ้าไปอย่างติดๆ
ผืนฟ้าจับมืออิงไว้เมื่อมาถึงโป๊ะท่าเรือที่โครงเครงไปมาผืนฟ้าบอกให้อิงค่อยๆนั่งลงไปต้องตกใจเดี๋ยวเขาจะจุดเทียนบนกระทงให้อิงก่อน ลมบนฝั่งค่อนข้างแรงทีเดียวพัดจนไฟที่กระทงดับไปหลายรอบแต่ผืนฟ้าก็ยังไม่ละความพยายามจุดจนไฟติดที่เทียนจนได้และส่งกระทงไปให้อิงอธิษฐาน แล้วค่อยหันมาจุดกระทงตัวเองต่อจนติดและอธิษฐานแล้วจึงเดินไปยังท่าน้ำเพื่อปล่อยกระทง ขณะที่อิงทำท่ากล้าๆกลัวเพราะเคยจมน้ำมาแล้วจึงฝั่งใจมาจนโตผืนฟ้าเลยอาสาลอยกระทงให้
อิงนั่งมองอย่างใจจดใจจ่อก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อผืนฟ้าลุกขึ้นยืนเดินมาหาเธอหลังจากลอยกระทงไปแล้ว ผืนฟ้ายื่นมือให้อิงเพื่อพาอิงมาขึ้นฝั่งด้วยกันแล้วพาเดินมาทางที่เป็นสะพานทำจากปูนซีเมต์ซึ่งเป็นสะพานเล็กเดินไปประมาณไม่เกินสามคนก็เต็มสะพานแล้ว
ระหว่างนั้นก็มีการปล่อยโคมลอย อิงสนใจเป็นอย่างมากไปดูใกล้ๆแต่ด้วยสายลมที่แรงทำให้โคมลอยเกิดขาดและลอยไปยังทางที่อิงยืนอยู่ผืนฟ้ารีบจับอิงยืนหลังหันและใช้ตัวเขาบังอิงเอาไว้หากแต่ไม่เกิดอะไรขึ้นกับเขาและอิงเมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งเขามาช่วยสกัดโคมลอยให้ดับลงและเดินมาหาอิงพร้อมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
"คุณหนูไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ยครับ"
"เปล่า พวกนายมาได้ไง"
"คุณท่านสั่งไว้ว่าให้จับตาดูคุณหนูทุกฝีก้าว"
"งั้นอิงก็กลับบ้านไปกับพวกเขาเถอะนะไปกับเราที่บ้านอิงอาจเป็นห่วงได้" ผืนฟ้าพูดจบก็วกเดินไปอีกทาง
"ไว้เจอกันที่บ้านนะ" อิงหันมาบอกเหล่าบอดี้การ์ดแล้วเดินไปหาผืนฟ้าที่เดินนำอยู่เบื้องหน้า
ผืนฟ้าเดินเข้ามายังซอยเล็กๆสองข้างทางเป็นบ้านไม้ที่ปลูกอยู่บนน้ำ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ส่วนมากจะทำขนมขายซึ่งขนมที่มีชื่อของแถวนี้ก็คือขนมกุฎีจีนที่ใครผ่านไปมาก็ต้องซื้อแต่เนื่องจากตอนนี้ดึกมากแล้วร้านส่วนมากก็จะเก็บที่มีเปิดอยู่ก็จะเป็นบ้านไม้หลังเล็กเพียงหลังเดียวที่ลูกสาวกำลังจะช่วยแม่แพ็คไว้ขายพรุ่งนี้ ผืนฟ้าเลยขอซื้อตอนนี้เพราะถ้ากินตอนทำสดใหม่ๆจะอร่อยและหอมมากทีเดียว
"ขอซื้อ1 ห่อ ได้มั้ยครับ"
"แม่เค้าขอซื้อ 1 ห่อให้มั้ย" ลูกสาวหันไปถามแม่ที่กำลังอบขนมหลังจากนั้นก็หยิบขนมมาให้ผืนฟ้าและเก็บเงิน
ผืนฟ้ามองขนมที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะพูดออกมาว่าอิงต้องชอบมากแน่ๆเสียดายถ้าเอาไปให้ถึงบ้านคงเย็นหมดแล้ว อยากให้ผืนฟ้าได้กินตอนนี้เหลือเกินแต่เขาควรจะต้องเข้าใจว่าอิงกับเขาต่างกันมากขนาดไหน
"ไหนซื้อให้เราเหรอ" อิงหยิบขนมออกมาจากมือผืนฟ้ามาแกะกิน
"มาได้ไง ทำไมไม่กลับบ้านไปกับพวกเขาล่ะ" ผืนฟ้าหันหน้ามาถามอิงอย่างประหลาดใจ
"มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกันสิ" อิงนำขนมกัดเข้าปากคำนึงและส่งป้อนผืนฟ้าต่อเหมือนคู่รักกำลังหยอกล้อกันไม่มีผิด
ชายกลุ่มหนึ่งเดินผ่านผืนฟ้าและอรชรไปก็เดินวกกลับมาแซวอรชรและทำท่าจะฉุดอิงขึ้นรถให้ไปกับพวกมันผืนฟ้าเลยยืนขวางไว้แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แถมโดนซ้อมอีกตะหากโชคดีที่ภาคภูมิพาลูกน้องมาช่วยไว้ตอนแรกภาคภูมิกะจะสะกดรอยตามอิงอยู่ห่างๆไม่ให้รู้ตัวแต่เมื่อภัยมาถึงใกล้ตัวอิงขนาดนี้เขาคงอยู่เฉยไม่ได้แล้ว
"น้องอิงเป็นไรมากมั้ยครับ" ภาคภูมิเอ่ยถามพร้อมกับประคองอิงไว้
"ไม่ค่ะ" อรชรเริ่มตั้งสติได้และมองหาว่าผืนฟ้านอนล้มอยู่ตรงไหน
ภาคภูมิมองตามและเข้าไปช่วยอรชรประคองผืนฟ้าขึ้น
"ดูอิงเป็นห่วงเขามากนะครับ" ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"ผืนฟ้าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของอิงค่ะ อิงก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา"
ผืนฟ้าเงยหน้าขึ้นมามองอรชรด้วยแววตาผิดหวังนิดๆก่อนจะสลบไป
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
2ความคิดเห็น