ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สักครั้งได้ไหม...ให้หัวใจเราใกล้กัน

    ลำดับตอนที่ #1 : ( ^ _ ^ )

    • อัปเดตล่าสุด 8 มิ.ย. 50



          

          ภูวรินน์เติบโตมากับครอบครัวที่มีกฎระเบียบถึงแม้ครอบครัวจะมีกิจการใหญ่โตมีหลักฐานที่มั่นคงแล้วก็ตามสินิทราก็ยังพรำสอนให้ลุกตื่นแต่หกโมงเช้ามาออกกำลังกายดูแลทุกอย่างที่เป็นของตนเองแม้แต่เตียงก็ต้องดึงให้ตึง ทุกส่วนของห้องห้ามมีฝุ่นแม้แต่นิดเดียวของทุกอย่างต้องจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แค่นั้นยังไม่พอเมื่อลูกจบม.3 ก็ให้ไปเรียน รด.เพื่อฝึกระเบียบให้คุมเข้มอีกที

          ภูวเรศสามีของสินิทราแตกต่างจากสินิทราโดยสิ้นเชิงเขาไม่ชอบอยู่กับบ้าน ชอบออกสังคมสังสรรค์ ชอบตีกอล์ฟเพราะกีฬาชนิดนี้หาเพื่อนที่มีระดับเดียวกันง่าย

          ธารธิณีเติบโตมากับครอบครัวที่จะต้องช่วยเหลือตัวเองเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้ธารธิณีเก่งและกล้าที่จะแสดงออกไปทุกเรื่อง เธอเป็นคนที่ไม่ชอบทำร้ายใครถ้าใครไม่มาทำร้ายเธอก่อน

          สายใจแม่ของธารธิณีเป็นนักต่อของที่เก่งที่สุดในจังหวัดและขึ้นชื่อเรื่องเค็มเขี้ยวที่สุด

          ไข่มีสามลูก แม่เจ้าปะคุณเอ๊ย เธอกินได้ถึงสามวัน กับครอบครัว ไม่ใช่มื้อเช้ากินไข่แล้ว กลางวันเย็นเปลี่ยนเมนูอาหารหรอกนะ เธอน่ะให้กินไข่ลูกเดียวลูกเดิมทั้งวัน

           มีเตาแก๊สเหมือนไม่มีเพราะสายใจกลัวเปลื้องค่าไฟแกเลยมานั่งติดเตาจนหน้าดำทุกวัน น้ำที่อาบเอามาถูบ้านซักผ้าขี้ริ้ว ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ เหลือหยดสุดท้ายยังอุตส่าห์เอาไปใส่อ่างเลี้ยงปลาหน้าบ้าน

               "แม่คะ บันไดไม่ค่อยดีเลยเมื่อไหร่จะเปลี่ยนซักที"

               "นังลุกคนนี้นี่สิ้นเปลื้องก็เห็นๆอยู่ว่ามันยังใช้ได้ดี"

           ยังไม่ทันขาดคำสายใจก็เหยียบบันไดหักตกลงมาต้องเข้าเฝือกจากที่ไม่เสียเงินเลยต้องเสียเงินจนได้

           โทรทัศน์ดูได้เฉพาะเวลาหกโมงถึงหนึ่งทุ่มเท่านั้น โห!เอาเข้าไปเท่านั้นยังไม่พอโทรศัพท์ห้ามใช้ ถ้าจะใช้มีข้อแม้ว่าต้องมีใครเจ็บใกล้ตายแล้วเท่านั้นหรือโทรไปจองศาลาวัด

            คอมพิวเตอร์มีแต่เหมือนไว้ประดับเล่นเพราะนอกจากจะไม่มีใครใช้แล้วยังทำกะว่ามันเป็นของน่าบูชาเพราะสายใจเล่นเช็ดเฃ้าเช็ดเย็น แหมใครจะไปกล้าใช้ลงล่ะซื้อมาแต่เครื่องไม่มีแป้นพิมพ์เลยไม่รู้ว่าไปต่อเจ้าของร้านท่าไหนถึงได้มาเท่านี้

            ธานินสามีของสายใจเป็นนักเลงพระตัวยงมีทุกร่นทุกสมัยแถมยังเป็นนักบุญอีก เรียกว่ามีทอดกฐินหรือผ้าป่าที่ไหน เป็นต้องเห็นพ่อของธารธิณีไปทุกงที คลั่งขนาดหนักเป็นชนิดที่ว่าเห็นพระเครื่องที่ไหนต้องส่องที่นั่น

            หลายปีต่อมาธารธิณีก็เรียนจบและหางานทำแต่ไม่ว่าจะไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีใครรับ ส่วนภูวริรน์ก็เรียนจบกลับมาจากเมืองนอกและกลับมาบริหารงานต่อจากพ่อของเขา

            ภูวริรน์ประกาศรับเลขาทำให้มีผู้คนมากมายที่มาสมัคร รวมถึงธารธิณีด้วยเธอเตรียมตัวมาอย่างดี หวังจะมาสมัครให้ติดในคราวนี้

            ภูวรินน์ถึงกับส่ายหน้ากับเลขาต่างๆที่พากันเข้ามาสมัคร บางคนก็เอาตัวเข้าแลกหว่านเสน่ห์แบบสุดๆแต่กลับโดนไล่ตะเพิดออกไป

            บางคนก็เอาประวัติการทำงานมาให้ดูแต่พอถามถึงงานกลับตอบไม่ได้ บางคนก็เอเกียรตินิยมมาให้ดูแต่พลองใช้ปฏิบัติงานกลับทำไม่เป็นเลย

            ธารธิณีเข้ามาเป็นคนสุดท้าย

            ภูวิรินน์เริ่มสัมภาษณ์ว่าเธอจบอะไรมามีความมั่นใจที่จะมาทำงานที่นี่มากแค่ไหน มาทำงานนี้ที่นี่เพื่ออะไร แล้วเพราะอะไรถึงอยากมาทำงานนี้

            ธารธิณีฟังคำถามทั้งหมดแล้วตอบสรุปเพียงคำเดียวก็คือ "เงิน" เธอต้องการมันไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ต้องการเงินไว้เลี้ยงชีพ ต้องการเงินเพื่อบันดาลสิ่งที่เธอปรารถนา

            ภูวรินน์มองหน้าธารธิณีก่อนตอบตกลงรับเธอเข้าทำงาน

              "พรุ่งนี้มา 7 โมงเช้ามารับงาน ผมให้ตรงเวลา"

              "ค่ะ"

              "ใครสั่งให้คุณลุกขึ้นผมยังไม่ได้อนุญาติ"

            ธารธิณีนั่งลง

               "คุณลุกขึ้นแล้วจะนั่งอีกทำไม"

               "ขอโทษนะคะตกลงท่านจะให้ดิฉันนั่งหรือยืนกันแน่"

               "ตัดสินใจเองไม่ได้หรือไงเรียนจบมาถึงขั้นนี้แล้ว"

               "งั้นดิฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ"

             ธารธิณีรีบลุกขึ้นเดินไปทางประตูแล้วปิดประตูออกจากห้องไป

             เมื่อกลับถึงบ้านธารธิณีก็เหนื่อยจึงรินน้ำขึ้นมาดื่ม เพิ่งดื่มได้อึกเดียวแม่ก็ห้ามไว้

                "เดี๋ยวพอแล้วเก็บไว้กินต่อเย็นนี้ นี่แม่ทำอาหารเสร็จพอดี"

              ธานินกลับมาจากทำบุญก็ตรงเข้าไปยังห้องครัวก็พบอาหารดีๆมากมายอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนหลังจากแต่งงานกับสายใจมา

              ธานินนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอสองแม่ลูกมาทานข้าวด้วยกัน

              สายใจถามลูกเกี่ยวกับงานที่ไปสมัครซึ่งธารธิณีก็บอกว่าได้งานแล้ว

                  "แล้วเจ้านายใจดีไหม"

                  "เออคือว่านะคะไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้งานนี้ทำ แล้วอีกอย่างไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นหุ่นกระป๋องประกอบมาทำงานหรือเปล่าถึงได้ทำอะไรแต่ละอย่างเหมือนตอไม้ อารมณ์ก็แปรปรวนยิ่งกว่าคลื่นในทะเลอีก ใจนี่ดำยิ่งกว่านำโอเลี้ยง"

              ภูวรินน์ซึ่งทานข้าวกับครอบครัวอยู่ถึงกับสำลัก

              สินิทราต่อว่าลูกชายที่ไม่มีมารยาทในการทานอาหาร

              ภูวรินน์รีบลุกออกจากโต๊ะอาหารไป

                  "แม่วันนี้ถูกหวยหรือไงถึงทำอาหารได้เยอะมากมายขนาดนี้"

                  "เปล่าหรอก วันนี้แม่ไปวัดเขามีงานทำบุญน่ะ แม่เลยไปตักกับข้าวที่พระฉันท์มาเป็นอาหารเย็นบ้านเรา"

               ธานินถึงกับข้าวติดคอต้องหาน้ำทานลงทันที

                    "พ่อดื่มน้ำหมดแล้วแสดงว่าอิ่มแล้วไม่ต้องกินข้าวแล้วนะ"

               ธานินส่ายหัวให้กับความเค็มของเมียตัวเอง

               สมาคมคุณหญิงแม่ของภูวรินน์เป็นก่อตั้งโดยแต่ละคนล้วนแต่เป็นคุณหญิงคุณนายไฮโซทั้งนั้น

                คุณหญิงวิมาลาเป็นคุณหยิงแม่ที่ชอบหาคู่ให้กับลุกสาวมากที่สุดเพราะหล่อนแนะนำตัวลูกหล่อนให้บรรดาลุกคุรหญิงด้วยกันแม้แต่ภูวรินน์ก็จำเป็นต้องเจอด้วยแต่เขาก็ปฎิเสธหลังจากเห็นลูกหญิงของคุณหญิงวิมาลา

                 เพราะน้องหญิง ผมยาวสละสลวย รูปร่างดี แต่หน้าดันยับอย่างกะกระดาษโดนขย้ำทิ้งถังขยะ ใส่แว่นตาหนาเตอะ เหมือนดังเสริมปูนซีเมนต์ 7ชั้น ฟันเยินพูดทีน้ำลายฟูมปากและพูดไม่รู้จักหยุด ใครทำอะไรให้ไม่พอใจก็ร้องไห้จนบ้านแทบแตก

                  คุณหญิงเพชรร้อยชอบดูเครื่องเพชรพลอยเป็นชีวิตจิตใจ เห็นเพชรใครร้าวหน่อยไมได้จะต้องแนะนำให้ซื้อใหม่ทุกครั้ง หากใครนำสร้อยหรือเพชรพลอยของปลอมมาขายให้หล่อนยากยิ่งนักที่จะหลอกหล่อนได้

                  คุณหญิงฝ้ายฟ้าเป็นเจ้าของโรงงานผ้าไหมที่นำเทร์นแฟชั่นสุดๆ หล่อนจะแต่งตัวเฮ้วแบบวัยรุ่นแต่ก็ไม่ทิ้งคอนเซ็ปต์ผ้าไหม มีน้ำใจและใฝ่คุณธรรม

                  คุณหญิงเรืองรอง แม่บ้านผู้ใจดี เก่งการทำอาหาร หล่อนจึงเปิดร้านอาหารไว้ดูแล เมื่อมีเวลาว่างก็จะมาทำอาหารให้คนในสมาคมทานกัน

                  วันต่อมา สายใจจะไปจ่ายตลาดแต่เจ็บขาเดินไม่ไหวจึงโบกรอมอเตอร์ไซค์ไปตลาด

                     "5 บาทน่ะ พ่อหนุ่ม"

                     "20 ให้ได้เท่านี้แหละป้า"

                     "5 บาท"

                     "20"

                     "5 บาท"

                     "20"

                     "5 บาท"

                     "ป้าไปโบกรถคันอื่นไป"

                คันต่อมากำลังจะจอดพอเห็นสายใจเดินมาก็รีบขับรถหนีไป

                      "อ้าว!ไปไหนซะแล้วล่ะ"

                ธารธิณีก็มีปัญหาไม่ใช่น้อยกว่ากันเพราะแค่การเริ่มชงกาแฟให้เจ้านายก็ล้มไม่เป็นท่าซะแล้ว เพราะทันทีที่ภูวรินน์ได้ดื่มกาแฟลงไปเขาก็ต้องหาถึงขยะมาป้วนทิ้ง

                       "หวานเป็นบ้าชงมาได้ไง"

                       "ขอโทษค่ะดิฉันไม่ทราบว่าท่านไม่ชอบหวาน"

                       "ไปชงมาใหม่ไป"

               ธารธิณีเดินไปชงกาแฟให้ใหม่และก็ชงมมาให้ไม่ต่ำกว่า 5รอบแล้วแต่ก็ยังไม่ถูกใจภูวรินน์

                ธารธิณีแกล้งทำกาแฟหกใส่เสื้อภูวรินน์

                ภูวรินน์โวยวายหาว่าธารธิณีซุ่มซ่ามแล้วยังชงกาแฟไม่ไดเรื่องอีกท่าทางคงไม่ได้เรื่องไปซะทุกอย่าง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×