ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ช่องว่าง...ในหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : ช่องว่าง...ในหัวใจ (แก้ไขรอบ2)100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.95K
      2
      19 ก.พ. 52



          

           ณ บ้านพิศนุเรืองเดช ซึ่งมีการตกแต่งคล้ายราชวังของทางยุโรปสีขาวที่ทาสีขาวรอบๆบ้านบ่งบอกถึงความสะอาดสบายตาแก่ผู้มาพบเห็นหากใครจะได้รู้ถึงความจริงบางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ภายในความสมบูรณ์ของตัวบ้าน นั่นก็คือความรัก ผู้คนที่อาศัยอยู่ในบ้านล้วนประกอบไปด้วยเงินและงานไม่สนใจสิ่งรอบข้างอะไรทั้งนั้นนอกจากทรัพย์สมบัติและความเจริญก้าวหน้าในการงานแม้เพียงแต่พ่อของอยุชา อาชาเจ้าของบ้านอันโอ่งอ่าก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แสวงจะกอบโกยเงินทองเข้าสู่กระเป๋าเพื่อบันดาลทุกสิ่ง แต่กลับไม่ได้ดูเลยว่าคนที่อาศัยอยู่ในบ้านต้องการความรักจากเขาเพียงใดหนึ่งในนั้นก็คือลูกชายคนเดียวของเขาเอง 

               "พ่อครับ" เด็กน้อยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ

               "จะเอาหุ่นยนต์เหรอไปขอแม่เค้าไป พ่อให้เงินแม่เขาไปแล้ว" ผู้เป็นพ่อพูดโดยไม่มองหน้าลูก

               "ไม่ใช่ครับ" อยุชาพยายามจะบอกพ่อของเขา

               "เอาไว้คุยกันวันอื่นได้ไหมพ่อไม่มีเวลา" ผู้เป็นพ่อเอาแต่ตรวจเอกสารของงาน

           อยุชาเดินคอตกพร้อมกับสมุดพกเดินออกไปจากห้องทำงานของพ่อที่เต็มไปด้วยเอกสารกองเรียงเป็นตั้งจนแทบจะมองไม่เห็นผู้ที่ก้าวมาในห้อง คงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เด็กน้อยหวังจากพ่อไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าเด็กน้อยจะทำอะไรผู้เป็นพ่อก็ตีราคาเป็นค่าเงินทองสิ่งของไปหมดโดยลืมนึกไปว่าความจริงแล้วลูกของเขานั้นก็ยังต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ในการดูแลมากกว่าการที่จะโยนแต่เงินและสิ่งของใคร พ่อของเด็กน้อยจะรู้บ้างไหมหนอว่าวันนี้ที่เด็กน้อยซึมไม่ใช่เพราะไม่ได้ของขวัญพิเศษอะไรจากพ่อแต่ที่เขาเศร้าก็เพราะผลการเรียนที่อยู่ในสมุดพกนี้ระบุว่าได้เกรดสี่ทุกวิชา และได้ลำดับที่ว่าเขาคือที่หนึ่งของห้อง เขาต้องการได้รับคำชมจากพ่อสักครั้งก็พอ แค่พอลูบหัวเขาและหันมาสนใจเขาพร้อมกับมองสมุดพกด้วยสายตาชื่นชมนั้นก็เป็นความสุขมากเพียงพอแล้วสำหรับเขาแต่พ่อของเขาคงตีค่าเป็นรางวัลอีกเหมือนเคย

               "เป็นอะไรไปจ๊ะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามเมื่อเห็นลูกเดินซึมเข้ามาในห้อง

               "พ่อ" อยุชาพูดเหมือนจะร้องไห้

               "อย่าคิดมากน่ะ พ่อเขารักลูกนะ" ผู้เป็นแม่พูดปลอบพร้อมลูบหัวอย่างเอ็นดู

           เด็กน้อยเข้ากอดคุณแม่ของเขา แม่เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นในบ้านที่เข้าใจเขา ทุกครั้งที่เสียใจ ทุกครั้งที่ร้องไห้ แม่ก็จะอยู่ข้างๆเขา คะแนนจากการเรียนของเขาก็ยังคงเป็นแม่อีกที่มองมายังเขาด้วยสายตาชื่นชม แม่ไม่เคยคิดจะยัดเหยียดเงินทองอะไรให้เขาแต่ก็กลับทำให้เขามีความอบอุ่นใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ด้วยอ้อมกอดของความรัก แค่โลกนี้มีที่เขาใจเขาก็พอแล้วในเมื่อพ่อไม่สนใจเขา ก็แค่มีแม่เท่านั้นที่ไม่ไปไหนจากเขา ต่อไปนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาจะมาหาแม่แม่คุยทุกอย่างให้แม่ฟัง ให้แม่ปลอบใจ ให้แม่ยิ้มให้กับเขารอยยิ้ม คู่นั้น แววตา คู่นั้นของแม่ช่างอบอุ่นเหลือเกิน เด็กน้อยได้แต่คิดในใจว่าเขารักแม่ของเขาเหลือเกินก่อนจะเอ่ยออกมาเป็นคำพูดที่ซึ้งใจให้แม่ได้ฟัง แม่ครับผมรักแม่ที่สุดในโลกเลย แต่ใครจะไปคิดว่าความสุขของคนเรามันจะสั้นหนัก  อีกหนึ่งอาทิตย์ต่อมา อยุชาก็ต้องรับความเจ็บปวดอย่างนึกไม่ถึงเมื่อมาของเขาต้องจบชีวิตลงบนท้องถนนด้วยความสัปเพลาของคนเมาคนหนึ่งที่ไม่มิอาจจะยับยั้งใจไม่ให้ถูกน้ำเมากลืนกินไปสู่จิตใจเบื้องลึกได้ผลของมันที่ได้กลับมาก็คือการทำร้ายชีวิตของคนๆหนึ่งไปทั้งคนอย่างไม่มีวันกลับมา เขาจะรู้มั้ยว่าเขาผู้นั้นได้ทำร้ายสิ่งที่เป็นดวงใจยิ่งของเด็กน้อยที่ปราศจากความรักความเข้าใจจากคนทั้งปวง มีเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะคอยปลอบและขัดเขลาให้เขาเป็นเด็กที่มีจิตใจเข้มแข็งได้ ไม่รู้สึกอ้างว้างนั่นก็คือผู้หญิงคนนี้ คนที่เป็นเหยื่อบนท้องถนนของคนใจทรามที่ขาดสติเพราะน้ำเมา 

               "แม่" เด็กน้อยอุทานด้วยความตกใจ

           เด็กน้อยวิ่งเข้าไปดูแม่ซึ่งนอนบนถนนอาบด้วยเลือด น้ำตาหลั่งไหลแบบไม่ขาดสาย

           พ่อของเด็กน้อยเดินออกมาจากซุปเปอร์มาเก็ตเห็นลูกชายคนเดียวนั่งกอดศพแม่อยู่กลางถนนท่ามกลางฝูงชนที่แห่งกันเข้าไปดูศพเป็นจำนวนมากภาพพจน์ของเขาเสียหายหมดขื่นให้อยุชาลูกชายคนเดียวอยู่ในฝูงชนต่อไปไม่แคล้วว่าต้องเป็นข่าวให้นักข่าวเขียนกันสนุกปากว่านักธุรกิจพันล้านดูแลภรรยาไม่ดีทำให้ภรรยาต้องออกมาเดินหารถตามถนนกลับบ้านโดยมีลูกน้อยห้อยตามติดมาด้วย หรืออีกนัยหนึ่งก็คงจะเป็นเพราะทนสามีไม่ไหวที่ไม่ค่อยมีเวลาให้กับครอบครัวเลยคิดจะหอบลูกหนีแต่โชคร้ายยังหนีไปไม่ไกลเท่าไหร่กลับต้องมาสังเวยร่างบนท้องถนนโดยมีลูกนน้อยคอยเกาะติดแม่ไม่ห่างช่างเป็นภาพที่น่าสมเพชของนักธุรกิจพันล้านจริงๆที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพแต่ครอบครัวกลับหาความอบอุ่นไม่ได้ แค่เพียงคิดเท่านั้นอาชาก็ถึงกับทนไม่ได้รีบเข้าไปลากลูกชายของมาจากศพภรรยาซึ่งเป็นของเด็กน้อยอยุชาคนนี้เพื่อไม่ให้เป็นที่สนใจของผู้พบเห็นอีกต่อไป

               "แม่แกตายไปดีแล้วล่ะ" พ่อของอยุชาพุดอย่างหมดเยื่อใยต่อแม่ของเขา

           เด็กน้อยอยุชาคิดถึงแต่ใบหน้าแม่ของเขา มืออันอบอุ่นที่ลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดู แววตาที่มองส่งมาบ่งบอกถึงความรัก คำพูดปลอบโยนมากมายที่แม่เคยบอกเขาหลั่งไหลเข้ามายังหัวสมองของเขา เสียงของแม่เขายังคงก้องอยู่ในหู เมื่อเช้าแม่ยังบอกรักเขาอยู่ แม่ยังบอกจะอยู่ข้างๆเขา ถ้าเขาร้องไห้อีกแม่ก็จะปลอบอยู่อย่างนี้เรื่อยๆไปจนกว่าเขาจะหยุดร้องไห้ เพราะว่าเขาคือดวงใจของแม่ คือคนที่แม่รักมากกว่าที่สุดรักมากกว่าชีวิตของแม่ แม่อยู่บนโลกนี้ได้อย่างไม่ท้อแท้เพราะมีเขาเปนเหมือนกำลังใจที่ล่อเลี้ยงเป็นแรงพลังให้แม่อยู่ต่อไปบนโลกนี้อย่างไม่เหนื่อยหน่าย เขาไม่นึกเลยคำพูดเม่อเช้านี้แค่ไม่กี่คำจะกลายเป็นเพียงความหลังที่ไม่อาจจะเป็นความจริงต่อไปได้อีกแล้ว ทำไมสวรรค์ถึงใจร้ายนำตัวแม่เขาไปเร็วแบบนี้แล้วเขาจะอยู่ต่อไปอย่างไรบนชีวิตที่แสนเดียวดาย

               "ร้องไห้ทำไมแม่แกตายไปแล้ว ร้องแล้วมันจะได้คืนมามั้ย" ผู้เป็นพ่อเอ่ยอย่างรำคาญใจ

           ข่าวการตายของแม่เด็กน้อยไม่ได้โด่งดังอย่างที่ใครๆคิดเพราะพ่อของเด็กชายนำเงินไปปิดข่าวที่สำนักข่าวหมด ไม่ให้เผยแพร่ออกอากาศเรื่องนี้ จึงมีไม่กี่คนที่รู้ข่าวเรื่องการตายของภรรยานักธุรกิจดัง บรรยากาศในงานศพถึงได้ดูเบาบางมีแค่คนรู้จักไม่กี่คน เช่นพวกพี่น้องของแม่เด็กน้อย แต่พ่อของเขากลับไม่ให้ญาติทางฝ่ายพ่อสักคนหรือแต่เพื่อนสนิทมาร่วมในงานครั้งนี้เลยเหมือนกับว่าต้องการให้การตายของแม่ครั้งนี้เป็นจุดสิ้นสุดไปสักทีเพื่อไปค้นหาสิ่งใหม่ที่ดีกว่าไม่ควรจะจมปักอยู่กับความหลังในอดีต พ่อของเด็กน้อยดูไม่มีความเสยใจเลยที่ภรรรยาของตนเองเสียไปตรงกันข้ามกลับดูมีสีหน้าแจ่มใสอย่างเห็นได้ชัดจนญาติฝ่ายแม่อดพากันคิดไม่ได้ว่าพ่อของเด็กน้อยว่าภรรยาน้อยซ่อนไว้นอกบ้านหรือเปล่า แล้วที่ทุกคนคิดไว้ก็เป็นความจริงเมื่อพ่อของอยุชาพาแม่ใหม่มาหาอยุชาถึงในบ้านทั้งๆที่ศพของแม่ยังไม่ทันเผาความเศร้าโศกอาลัยของเขาก็ยังไม่จาง หญิงสาวผมยาวเป็นลอน เขียนคิ้ว เขียนตาคมกริบ ทาปากแดง สีหน้าระรื่นคนนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเด็กน้อย

               "น่ารักจริงๆนะคะ"   หญิงสาวเดินเข้าไปหยิกแก้มอยุชาเบาๆ

               "เดี๋ยวผมขอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อยนะ" อาชาพ่อของอยุชาเดินจากไป

               "ค่ะ" หญิงสาวรับคำด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป

           พ่อของอยุชาเดินจากไปแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นคนละคนธาตุแท้ของเธอเริ่มออกมาแต่เด็กน้อยผู้ไม่รู้ประสีประสายังคอยตามคอลเคลียร์ราวกับลูกแมวที่ห่างอกแม่มาเป็นเวลานานและกำลังมองหาที่พึ่งใหม่ให้ยึดเกาะดื่มกินน้ำนมจากอกอุ่นๆ เขายังคงไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เธอกระทำว่ามีเจตนาที่แอบแฝงสิ่งได้รับตอบแทนจากความไร้เดียงสาจึงเป็นการถูกกระทำอย่างป่าเถื่อนจากแม่เลี้ยงคนใหม่ของเขา 

               "ถอยไปเด็กอะไรก็ไม่รู้งอแง้ซะมัด" หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์พร้อมกับผลักให้เด็กน้อยไปยืนไกลๆหล่อน

           พี่เลี้ยงเดินไปเอาตัวอยุชามาออกไปให้ห่างจากแม่เลี้ยงคนใหม่ของเขา

               "คุณหนูมานี่ค่ะมานี่มา" อยุชาเดินไปกับพี่เลี้ยง

               "ดีเอาไปได้ก็ดี" หญิงสาวพูดพร้อมกับมองด้วยสายตารังเกียจ

           หลังจากวันนั้นไม่นานหญิงผู้นี้ก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน หล่อนเอาใจพ่อของอยุชาทุกวิถีทางจนอาชาพ่อของอยุชาหลงหัวปักหัวปัมแต่สิ่งที่ติดมากับมารยาทของผู้หญิงคนนี้ด้วยก็คือความโหดร้ายอันมีจิตริษยาอิจฉาแม้กระทั่งเด็กน้อยตาดำๆ ทุกครั้งที่พ่อของอยุชาไม่อยู่บ้านแม่เลี้ยงคนใหม่ก็จะคอยหาทางกลั่นแกล้งเด็กน้อยให้ใช้ทำงานที่ตนต้องการสารพัดพ่อไมได้ดั่งใจก็ใช้ไม้เรียวฟาดอย่างไม่เคยนึกสงสารกัน พี่เลี้ยงได้แต่คอยเฝ้าดูอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วงเพราะถ้าคิดจะเข้าไปช่วยก็กลัวจะโดดไปด้วยดีไม่ดีอาจจะถูกไล่ออกได้ พวกหล่อนยังไม่อยากหางานอื่นทำหรอกนะเวลานี้เลยต้องจำทนดูความใจร้ายของแม่เลี้ยงใจยักษ์ใจมารต่อไป

                "ดื้อนักมั้ยมันต้องโดนอย่างนี้"  
           วันวิสาฟาดเด็กชายด้วยไม้เรียวอย่างไม่ยั้งมือเพียงเพราะเด็กน้อยไม่อยากจะทำตามคำสั่งวันวิสาต่อไปแล้วอยากไปนั่งพักดูการ์ตูนต่อมากกว่าทำให้วันวิสายิ่งโมโหคิดว่าเด็กคิดจะทำตัวปีกกล้าขาแข็งแสดงความอำนาจแข่งกับหล่อนทั้งๆที่หล่อนเป็นแม่เลี้ยงที่เด็กน้อยด้วยจะเคารพเกรงกลัวและทำตามคำสั่งทุกอย่างระหว่างนั้นวันวิสาไม่ได้สังเกตเลยว่าอาชาที่พึ่งกลับจากบ้านกำลังเดินมาหาหล่อนขณะที่หล่อนกำลังทารุณลูกคนเดียวของเขาอย่างโหดเหี่ยม

               "ตีอยุชาทำไม" อาชาขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ

               "ก็ตายุสิคะ ขโมยเงินวันไปแล้วไม่ยอมรับ" หล่อนเอ่ยด้วยท่าทีออดอ้อน

               "แต่ก็ไม่น่าทำรุนแรงอย่างนี้ไปลูกพ่อ" อาชาพาลุกเดินไปอีกทาง

               "เจ็บใจนักไอ้มารหัวขน" หล่อนเอ่ยอย่างอาฆาตแค้น ด้วยความรูสึกว่าหล่อนจะไม่ยอมลดละความพยายามที่จะกำจัดอยุชาออกไปจากชีวิตของหล่อนเป็นแน่

           หลายวันผ่านไปวันวิสาเริ่มพบถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง เช่นแพ้ของคาว อาเจียนบ่อยๆ อ่อนเพลียอยากนอนพัก หงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผลต่อสิ่งรอบข้าง เลยขอร้องให้อาชาไปเป็นเพื่อนปรึกษาหมอกับหล่อนและก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจว่าหล่อนกำลังตั้งครรภ์ โอกาสดีสำหรับหล่อนมาถึงชะที วันชะตาขาดของเจ้าเด็กดื้อนั้นกำลังจะมาถึง ลูกของหล่อนเท่านั้นที่ควรจะเป็นได้สมบัติทุกอย่างในบ้านพิศนุเรืองเดช ไม่ใช่ไอ้ลูกติดเมียเก่าที่ตายอย่างที่สามีไม่ใส่ใจ ถึงเวลาซักทีที่หล่อนจะใช้โอกาสที่ได้รับให้คุ้มค่ากับสิ่งที่รอคอยมาแสนนาน วันที่จะกำจัดเด็กอยุชาของบ้าน ไม่มีไอ้เด็กเวรนั้นเป็นก้างขวางคอและเป็นมารขวางความสุขของหล่อนอีกต่อไป

               "พ่อครับ" เด็กน้อยเดินเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ

               "ค่อยๆเดินจ๊ะ" อาชามัวแต่ประคองภรรยาใหม่เดิน

               "ผม" เด็กชายอยุชาจะพูดกับพ่อแต่ดูท่าพ่อของเขาไม่สนใจเขาเอาซะเลย

               "ดื่มน้ำส้มหน่อยนะ" อาชายกน้ำส้มให้ภรรยาใหม่ดื่ม 

           สายตาคู่นั้นของอยุชาที่มองมายังพ่อช่างเป็นการมองที่ไร้ค่าเหลือเกิน ไม่เพียงแต่พ่อไม่มองกลับมายังเขายังทำท่าทีว่าเขาดูขวางหูขวางตาเหลือเกินแถมยังไล่ให้อยุชากลับไปทำการบ้านได้แล้วเลิกทำตัวงอแงซักทีอีกไม่นานอยุชาก็จะกลายเป็นของน้องในท้องคุณแม่แล้วต้องทำตัวให้สมกับเป็นพี่ใหญ่ไม่ใช่มาทำตัวเป็นลูกแมวเฝ้าคลอเคลียพ่อให้พ่อสนใจอยู่นั้น ว่าไม่มีเวลามาสนใจหรอกนะเพราะต้องดูแลคุณแม่กับลูกในท้องทำเอาเด็กน้อยอึ้งจนพูดไม่ออกใช่ว่าเขาจะไม่สนใจน้องที่อยู่ในท้องแม่ใหม่ซะหน่อยและเขาก็พยายามทำทุกอย่างแล้วให้แม่ใหม่เห็นว่าเขาก็เป็นเด็กดี เป็นพี่ที่จะสามารถปกป้องน้องที่กำลังจะเกิดขึ้นมาได้แต่สายตาของคุณแม่ใหม่นั้นดูไม่อยากให้เขาเข้าไปยุ่งกับน้องเลยและยังทำทีท่ารังเกียจเขาอีกไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า ยังไงเขาก็ยังเป็นเด็กอยู่นะที่ต้องการความรักจากพ่อและแม่เหมือนกับใครๆ ถึงแม่คนใหม่จะไม่ใช่แม่แท้ๆก็ตามทีแต่เขาก็หวังว่าการเป็นเด็กดีและทำตามทุกอย่างที่แม่เลี้ยงสั่งจะทำให้แม่เลี้ยงรักเขาบ้าง

          ป้าแช่มกำลังเดินเอาผลไม้ไปให้วันวิสาที่ห้องโถงเลยได้พบอยุชาซึ่งเดินสวนออกมาด้วยสีหน้าเศร้าๆเหมือนกับจะร้องไห้ด้วยความเป็นห่วงเลยแวะเดินเข้าไปถามอยุชา อยุชาเอาแต่ก้มหน้าไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่จะคิดเงยหน้าขึ้นมามองป้าแช่มราวกับว่าไม่ต้องการให้ใครเห็นน้ำตาของเขาน้ำตาแห่งความอ่อนแอ แม่เคยสอนเขาเสมอตอนที่มีชีวิตอยู่ว่าเป็นลูกผู้ชายต้องเข้มแข็งห้ามอ่อนแอไม่อย่างงั้นวันนหึ่งถ้าลูกโตขึ้นก็จะเป็นที่พึ่งพิงให้กับใครไม่ได้ ลูกต้องดูแลคนทั้งบ้าน ทุกคนในบ้านพิศนุเรืองเดชล้วนเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกันกับลูกลูกต้องดูแลเขาให้ดี อยุชาได้ยินแต่คำพูดนี้ของแม่ก้องหูเสมอทุกครั้งที่เขาทำท่าจะร้องไห้

               "เป็นอะไรไปคะคุณหนู" ป้าแช่มถามอย่างเห็นใจ

           เมื่อเด็กน้อยถูกป้าแช่มคาดคั้นเอามากๆก็สุดจะทนทานต่อความอ่อนแอที่มีในจิตใจได้ เขารีบวิ่งขึ้นบันไดบ้าน แล้วเดินไปยังห้องของเขาหลังจากนั้นก็ปิดประตูดังปังเพื่อกลบเสียงร้องไห้ที่กำลังดังขึ้นมาเรื่อยๆ ความอดทนมันหายไปหมดแล้ว ทำไมนับวันพ่อชอบทำเหมือนว่าเขาเป็นแค่ส่วนเกินของบ้าน เขาไม่มีตัวตน แม่ใหม่เท่านั้นที่สำคัญที่สุดในตอนนี้เขาไม่ได้อิจฉาแม่ใหม่ที่พ่อสนใจมากกว่าเขาเพราะเขารู้ว่าแม่ใหม่กำลังจะมีน้องให้เขาได้ดูแลปกป้อง เขาควรจะให้ความรักกับน้องคนแรกของเขา แต่บางครั้งมันก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ไม่ว่าพ่อ หรือแม่ใครก็ต่างทำเหมือนกับว่าเขาเป็นบุคคลอันตรายไม่ควรเข้าใกล้เด็กในท้อง ตอนนี้เขาเลยรู้สึกว่าเหมือนอยู่เพียงตัวคนเดียวในโลกไม่มีใครเข้าใจเขาเท่ากับแม่ ไม่มีใครรักเขาอย่างแท้จริง

               "แม่ครับตอนนี้พ่อไม่รักผมแล้ว แม่อยู่ไหนมารับผมทีครับ" อยุชาร้องไห้ด้วยความน้อยใจ

           อยุชาหารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังแอบมองจากช่องประตูที่ค่อยๆถูกเปิดขึ้นอย่างเบามือ เจ้าของสายตาคู่นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากป้าแช่มที่แอบตามขึ้นมาดูอยุชาด้วยความเป็นห่วงถึงขนาดวางจานผลไม้ไว้ก่อนบนโต๊ะแล้ววิ่งตามอยุชาขึ้นมาเมื่อเห็นอยุชามีสีหน้าเศร้าๆ ป้าแช่มไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าอยุชาเสียใจเพียงไรจนกระทั่งวันนี้ได้มาเห็นกับตาตนเองว่าอยุชาร้องไห้ด้วยความน้อยใจที่พ่อไม่สนใจไยดี แม่เลี้ยงที่แสนใจดีต่อหน้าพ่อพอรับหลังกลับทำร้ายคุณหนูของหล่อน เด็กที่อายุเพียง 3 ขวบ ต้องแบกรับภาระทางจิตใจมากมายใครจะไปสามารถทานทนไหวถ้าตอนนี้คุณผู้หญิงยังอยู่คุณหนูก็คงไม่ต้องเสียใจมากมายขนาดนี้ อย่างน้อยก็มีคุณผู้หญิงคอยปลอบแต่ตอนนี้คุณหนูไม่เหลือใครเลยสักคนแม้แต่พ่ออันเป็นที่รักก็กลับกลายเป็นคนที่ไม่เข้าใจคุณหนูของหล่อนมากที่สุด

               "โธ่!คุณหนู"  ป้าแช่มอุทานออกมาด้วยความเป็นห่วง

           วันรุ่งขึ้น หลังจากที่อาชาออกไปทำงานได้ไม่นานวันวิสาภรรยาใหม่ของพ่ออยุชาก็หาทางกลั่นแกล้งอยุชา ไม่ว่าจะเป็นวิธีไหนก็ตามวันวิสาก็จะงัดเอาออกมาใช้ สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเด็ก
    ชายอยุชาก็คือกำจัดเด็กน้อยผู้นี้ไปให้พ้นทางเธอ และถ้ามีโอกาสมากกว่านี้เมื่อไร เธอก็คงคิดจะส่งเด็กน้อยไปอยู่กับแม่ตามที่เด็กน้อยเรียกร้องร่ำหาแม่อยู่ทุกวัน โดยไม่ให้ผู้ใดได้ล่วงรู้ในการกระทำดังกล่าวของเธอเด็ดขาด วันนี้ก็เช่นกันเธอตั้งใจจะหาทางแกล้งโดยการให้อยุชาเอาน้ำมาให้เธอตามที่สั่งถ้าอยุชามาช้าไปเพียงไม่กี่วินาทีตามเวลาที่เธอกำหนดไว้เด็กชายอยุชาต้องได้รับการทำโทษที่เด็กน้อยสุดแสนจะกลัว และด้วยเหตุนี้เองทำให้เด็กน้อยดูร้อนรนมือไม้สั่นไปหมดด้วยกลัวว่าถ้ามาไม่ทันตามที่วันวิสาเรียกจะถูกตีด้วยไม้เรียวที่แสนบางแต่พอฟาดลงไปเนื้อเขาก็แทบจะแตกออกไปเสี่ยงๆ

               "ไปเอาน้ำมาให้ฉัน ชักช้าเดี๋ยวโดน" วันวิสาเอ่ยแนวตะคอก

           อยุชากำลังจะวิ่งไปหยิบน้ำในครัวป้าแช่มที่นำผลไม้มาเสริฟ์ก็คัดค้านว่าไม่ควรให้อยุชาไปเพราะไม่ใช่หน้าที่ของอยุชาหล่อนจะเป็นคนไปเอาเอง สีหน้าแววตาของวันวิสาแทบจะกลืนกินอยุชาทันทีที่ป้าแช่มเข้ามาขอรับหน้าที่นี้แทนเด็กน้อยเลยได้แต่มุดไปหลบหลังป้าแช่มเอาไว้ซึ่งเขาคิดว่าคงเป็นทางรอดทางเดียวแต่เด็กน้อยประเมินแม่เลี้ยงคนใหม่ต่ำเกินไปแม่เลี้ยงไม่ยอมเลิกลาที่จะหยุดหาเรื่องอยุชาง่ายๆ หนำซ้ำป้าแช่มก็ทำท่าจะโดนวันวิสาหาเรื่องไปด้วย เหตุการณ์โต้เถียงครั้งนี้ทำให้อยุชาต้องการยุติปัญหาทั้งหมดได้คิดว่าถ้าไปเอาน้ำมาให้วันวิสาคงหายโกรธและคงไม่พาลไปถึงป้าแช่มเลยรีบไปห้องครัวเผื่อขอน้ำจากสาวใช้มาให้วันวิสาแม่เลี้ยงคนใหม่

               "ฉันใช้ไอ้เด็กนั่น ป้าเอามาให้แทนมันทำไม" วันวิสาเอ่ยอย่างไม่พอใจ

               "แต่คุณหนูเป็นลูกคุณอาชานะคะ" ป้าแช่มถวง

               "แล้วไงถึงยังไงมันก็ไม่มีสิทธิ์มาขัดคำสั่งฉัน ไปตามมันมา" วันวิสาออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด

               "แต่" ป้าแช่มพยายามคัดค้าน

               "มาพอดีเลยมาให้ฉันลงโทษหน่อย เร็ว" วันวิสาเรียกอยุชาที่กำลังเดินมา

           อยุชายื่นน้ำให้วันวิสารับมาและวางน้ำลงบนโต๊ะอย่างไม่พอใจ สายตาของหล่อนที่มองมายังเด็กน้อยแทบจะเข้าไปบีบคอให้ตายลงไปเดี๋ยวนั้นเลย เด็กน้อยได้แต่ผละถอยเมื่อเห็นสายตาคู่นั้นเขาคงเดาไม่ผิดโดยสัญชาติญาณก่อนจะถูกตีทุกครั้งแม่เลี้ยงต้องทำสีหน้าแบบนี้ใส่เขา เขาควรทำเช่นไรดีเขาไม่อยากถูกตีไม่อยากถูกแม่เลี้ยงทำโทษเขาอีกแล้ว เมื่อไหร่แม่เลี้ยงจะรักเขาเหมอืนกับน้องในท้องของแม่เลี้ยงบ้าง เขาได้แต่คิดเช่นนั้น แม่เลี้ยงพอจะอ่านเกมส์ออกว่าอยุชาทำท่าจะหนีเลยเดินมาดักหน้าไว้พร้อมกับหักมือเล็กน้อยเหมือนเตรียมวอมร่างกายเพื่อจะทำอะไรสักอย่าง

               "ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้าโกรธนะครับ" อยุชาพูดด้วยท่าทีหวาดกลัว

               "ไม่ต้องปฎิเสธเห็นอยู่ชัดๆว่าแกจงใจ" วันวิสาคาดโทษอยุชา

           วันวิสาสั่งให้ป้าแช่มไปเอาไม้บนโต๊ะมาให้เธอ เธอจะทำโทษให้อยุชาได้รู้สำนึกว่าไม่ควรทำให้เธอโกรธป้าแช่มยึกยักไม่ยอมไปเอาไม้มาให้วันวิสา วันวิสาเลยเดินเข้าไปเอาไม้เรียวที่วางอยู่บนโต๊ะเอง อยุชาได้แต่ยืนสั่นด้วยความกลัวสุดท้ายก็นั่งลงก้มหน้าไม่อยากมองเห็นภาพไม้เรียวที่ฟาดมายังบนตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกใครก็ได้ช่วยเขาที วันวิสายิ้มที่เห็นท่าทีของเด็กน้อยที่ทำท่าเหมือนลูกนกกำลังปีกจะหักหมดแรกที่จะได้เติบโตเป็นนกที่ออกบินได้สุดท้ายก็ต้องตายรังอยู่ที่เดิมและหมดหนทางอยู่รอดในที่สุดก็ตายลงช้าๆ เธอใช้ไม้ฟาดไปยังพื้นเป็นการลองเชิงเด็กน้อยก็สะดุ้งลุกขึ้นมองด้วยดวงตาแดงก่ำอย่างอ่อนวอนว่าอย่างได้ตีเขาเลยแต่เมินไปซะว่าวันวิสาจะยอมปล่อยไปง่ายเธอง้างไม้เตรียมจะฟาดแล้วก็ต้องชะงักเมื่อสตรีวัยกลางคนที่ดูมีอาวุสมากกว่าหล่อนก้าวเข้ามาภายในบ้านและมองจ้องมายังหล่อน อยุชาเห็นดังนั้นก็วิ่งเข้าไปหาป้า พร้อมกับกระโดดเข้าสู่อ้อมอกป้าที่ยืนรอป้าตัวเขาอยู่แล้ว

               "เธอมีสิทธิ์อะไรมาตีหลานฉัน" ผู้เป็นป้ามองหน้าวันวิสาภรรยาใหม่ของพ่ออยุชา

               "คือ" วันวิสาพูดไม่ออก

               "ยุชาไปกับป้าไป" ผู้เป็นป้าจูงหลานออกไปจากบ้าน

           วันวิสาสุดจะแค้นไม่ยอมไปไหนนั่งรออยุชาว่าเมื่อไหร่จะได้เวลาที่อยุชากลับมาให้เธอทำโทษอีกที ราว ห้าโมงกว่าๆ เสียงรถของอัญชัญหยุดลงพร้อมกับการก้าวลงมาจากรถของใครคนหนึ่ง เด็กน้อยอยุชานั่นเองเขากลับมาพร้อมกับรอยยิ้มโบกมือให้กับป้าที่กำลังนั่งรถจากไปโดยหารู้ไม่ว่าชะตากรรมของเขาถึงคราวจะขาดลงอีกครั้ง เมื่อวันวิสาก้าวเข้ามายืนข้างหลังเด็กน้อยอย่างเงียบๆพร้อมกับไม้เรียวในทันทีที่เห็นป้าของอยุชาขับรถออกไปไกล เด็กน้อยถึงกับชะงักเมื่อหันมาพบแววตาคู่นั้นที่ไม่ต่างจากตอนเช้าที่เขาได้พบและดูว่ามันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ วันวิสาไม่รอช้าตรงเข้าไปดึงตัวอยุชาไว้ไม่ให้หนีไปได้

               "มีความสุขนักหรือไง" วันวิสาเอ่ยขึ้น

         เด็กชายอ้อนวอนขออย่าได้ทำโทษเขาอีกเลย หล่อนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่าไม่ทำโทษเหมือนที่แล้วมามันซ้ำซากจำเจรับรองว่างานนี้อยุชาไม่เจ็บตัวแน่แต่อาจจะทรมานจนตายได้ฟังดังนั้นเด็กน้อยก็ทำท่าจะวิ่งหนีแต่วันวิสาล็อคตัวเข้าไว้ได้และลากอยุชามายังห้องเก็บของที่อยู่ชั้นล่างสุดของบ้าน วันวิสาพยายามจะคลำหาไฟเพื่อเปิดให้ห้องสว่างขึ้นก็ปรากฏว่าไฟเสีย ทำให้หล่อนตัดสินใจที่จะทิ้งอยุชาไว้ ณ ห้องแห่งนี้อย่างไม่อบกกล่าวอยุชาสักคำ เด็กน้อยได้แต่แผดร้องเสียงดังแต่ก็ไม่มีใครรับรู้ถึงเสียงนั้นได้มันอยุ่ไกลเกินว่าคนจะผ่านมาเห็นและน้อยครั้งมากที่จะมีใครเดินผ่านมาเพราะห้องนี้แค่เป็นห้องเก็บของเก่าๆ ของที่ไม่มีประโยชน์แล้วก็เมื่อกับเด็กอยุชาที่ไร้ประโยชน์ควรจะถูกกำจัดไป วันวิสายิ้มเย้ยก่อนจะปิดประตูลง

           "ปล่อยผมออกไป กลัวแล้ว ปล่อยผม ผมกลัวแล้ว น้าครับปล่อยผมไปเถอะครับ"

           เด็กชายร้องด้วยความกลัว เขาได้แต่มองไปรอบๆห้องที่มืดและอับด้วยความหวาดหวั่น กลัวอะไรต่อมิอะไรไปทั่ว แม้แต่เสียงของที่หล่นลงมาจากโต๊ะไม้ผุๆผังๆก็ยังทำให้เด็กน้อยสะดุ้งด้วยความหวาดผวา เมื่อมือของเด็กชายสัมผัสกับพื้นก็พบเพียงคราบฝุ่นและเศษกระดาษและไม้ที่กองรวมกันอย่างระเกะระกะจนแทบจะหล่นลงมาทับเด็กน้อย อยุชาทำได้เพียงแค่พยายามเบี่ยงตัวหลบหรือไม่ก็พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ของที่กองบนโต๊ะสูงท่วมเหนือหัวเขาตกลงมาทับ

               "แม่ครับช่วยผมด้วย" เสียงหมาที่เห่าน้อยที่ทำให้เด็กน้อยรู้สึกหวั่นในจิตใจมองหาที่พึ่งรอบข้างแต่ก็มิมีผู้ใดจะอยู่เป็นเพื่อนเขายามนี้นอกจากความมืดมิดที่โหยหาเข้ามาคลุมภายในจิตใจเบื้องลึก

           เด็กน้อยค่อยๆเอนตัวลงนอนพร้อมกับคราบน้ำตาและเสียงสะอื้นที่ไม่มีวันจะหยุดลงง่ายๆ เด็กน้อยพยายามที่จะข่มตานอนให้หลับเพื่อจะได้พ้นจากสภาวะที่น่ากลัวนี้ถึงแม้จะรู้ดีว่าเป็นไปได้ยากยิ่งนัก ยามวิกาลในค่ำคืนนี้ชั่งเป็นค่ำคืนที่เหน็บหนาวและเดียวดายยิ่งกว่าทุกคืนที่ผ่านมา ในใจเด็กน้อยก็ได้แต่ภาวนาให้ได้เจอนางฟ้าหรือเทวดาสักองค์มาช่วยเขาทีให้พ้นจากความทุกข์ทรมานที่เป็นอยู่นี้

           วันรุ่งขึ้น ป้าแช่มเข้าไปหาอยุชาบนห้องเพราะเห็นว่าสายเต็มทีแล้วแต่อยุชายังไม่ตื่นลงมาทานข้าวก็ไม่พบจึงเที่ยวเดินออกตามหารอบบ้านด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าวันวิสาจะพาอยุชาไปทำร้ายที่ไหนอีก เมื่อคิดถึงข้อนี้ขึ้นมาได้ทำให้หล่อนนึกถึงห้องเก็บห้องขึ้นมาบ้างทีแม่เลี้ยงใจร้ายอาจจะพาอยุชาไปขังที่ห้องเก็บของก็เป็นไปได้เสียงป้าแช่มรีบเดินไปยังห้องเก็บของแล้วสักพักก็ถึง ประตูเปิดขึ้นทำให้อยุชาตื่น เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองป้าแช่มผู้เป็นแม่บ้านใหญ่ของที่บ้านพิศนุเรืองเดชด้วยใบหน้าที่เปอะไปด้วยคราบน้ำตาที่ไม่มีร่องรอยจะจางหายง่ายๆ คล้ายกับว่าเด็กน้อยได้ร้องไห้มาตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

               "คุณหนูอยู่นี่เองป้าตามหาแทบแย่" ป้าแช่มเดินเข้าไปดูอยุชา

           เด็กชายวิ่งเข้าไปกอดป้าแช่มแม้จะอ่อนแรงมากก็ตามทีเพราะเมื่อวานนี้วันวิสานอกจากจะขังเข้าไว้ในห้องเก็บของแล้วก็ยังไม่ให้อะไรเขากินแม้แต่น้ำสักแก้วก็ยังไม่มีให้สิ่งเดียวที่ให้ก็คือการทารุณโดยแสนสุดร้ายในห้องที่น่ากลัว

               "ผมกลัว" เด็กชายพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

               "คุณนายใจร้ายจริงๆ" ป้าแช่มหัวหน้าแม่บ้านเอ่ยอย่างเห็นใจอยุชา

          หลังจากนั้นป้าแช่มก็ได้พาอยุชาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทายาให้ก่อนให้นอนพักผ่อนเพราะดูอยุชาจะมีไข้ขึ้นที่ไม่ได้นอนห่มผ้ามาทั้งคืนท่ามกลางอากาศ หนาวเย็นไหนน้ำค้างที่ตกลงมาจากช่องโหว่งเพดานไม้ที่ห้องเก็บของอีกเลยยิ่งทำให้อยุชาทรุดนักจากการเจ็บแผลที่ถูกเฆี่ยนตีและน้ำค้างยามค่ำคืนที่หนาวจับจิตจับใจ แต่แล้วอยุชาก็พักผ่อนได้เพียงไม่นานก็มีอันต้องลุกขึ้นมาจากเตียงเมื่อแม่ใหม่ของอยุชาเดินมาเห็นอยุชานอนพักผ่อนอยู่ในห้องก็เกิดอาการไม่พอใจที่ตนสั่งขังไว้ในห้องเก็บของยังมีคนสงสารและนำอยุชาของจากห้องนั้นเท่ากับว่าคนบ้านนี้ไม่ได้เห็นความสำคัญของคำพูดหล่อนเลยแต่กลับใส่ใจเด็กที่เป็นแค่ลูกภรรยาเก่าของอาชาซึ่งสิทธิ์นั้นบัดนี้ควรจะเป็นของลูกหล่อนมากกว่าขื่นให้อยุชาอยู่ต่อไปลูกของหล่อนที่กำลังจะได้เกิดมาก็เท่ากับว่าเป็นหมาหัวเน่าตัวหนึ่งน่ะสิไม่มีทาง หล่อนเข้าไปดึงอยุชาให้ลุกขึ้นมาจากเตียง

               "ใครสั่งให้แกออกมาฉันยังไม่อนุญาติใครปล่อยแกออกมา บอกฉันเดี๋ยวนี้ ไม่บอกเหรอ"" วันวิสาเอ่ยอย่างอารมณ์เสีย

           วันวิสาทั้งหยิกทั้งตี น้ำตาที่หลั่งไหลของเด็กน้อยไม่ได้ทำให้หล่อนใจอ่อนเลย อาชาเดินเข้ามาในห้องของอยุชาเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกชายคนเดียว

               "ทำอะไรหน่ะวัน" อาชาถามเสียงแข็ง

               "ก็ตายุสิคะขี้เกียจไม่ยอมตื่น" วันวิสาหาเรื่องแก้ตัว


             

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×