ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Pokemon Ruby & Sapphire Special IV Ragnarok

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 2 เอ็กคาลิเบอร์

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 55




                    สิ่งที่พวกเขาเห็นคือภาพสลักโบราณที่ลักษณะคล้ายบนแผ่นหินก่อนหน้านี้ ทว่าเยอะกว่าและเก่าแก่ทั้งหมดถูกสลักไว้บนพนังภายในของวิหาร อักษรสลักเป็นรอยลึกเป็นเส้นและรูปต่างๆ กำแพงพนังที่ร่องรอยผุกร่อนตามระยะเวลาที่ผ่านมา สีที่ทาบนพนังจืดจางลงเมื่อแสงลงทอดกระทบ

                    "อักษรพวกนี้มัน...เหมือนในแผ่นศิลาเลย"

                    "สุดยอดเนี่ยแหละ สิ่งที่จะพลิกน่าประวัติศาสตร์"เซตะแทบหุบยิ้มไม่ได้ เจ้าตัวคว้ากล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายเอาๆอย่างบ้าคลั่ง ขณะคนอื่นจ้องมองอย่างตะลึง

                    "แล้วดาบละ..."รูบี้ไม่ค่อยสนใจเขากวาดมองหาจุดประสงค์หลักของการมาที่นี้

                    "รู้สึกว่าดาบจะไม่อยู่ที่นี้นะ เพราะตามคำบนแผ่นศิลาบอกว่าอยู่สถานที่ที่ลึกที่สุดของตัววิหาร"เซตะหันมาตอบแล้วถ่ายรูปต่อ

                    "ส่วนที่ลึกที่สุดหมายความยังมีทางไปต่อหรอ?"เร้ดกวาดตามองรอบๆไม่เห็นอะไรนอกจากซากปรักหักพังของวิหาร และดูเหมือนไม่มีทางเดินต่อไปด้วย

                    "หมายความว่า มีทางลับสินะ"กรีนเอยเสริม พร้อมคล่ำหาความผิดปกติที่กำแพง คนอื่นฟังแล้วพลางเข้าพากันแยกย้ายสำรวจ ต่างคนต่างไล่ตรวจสอบไปตามกำแพงของแต่ละด้าน แต่เนื่องจากวิหารมีมีกว้างพอควรทำให้ทำได้แค่ค่อยเช็คไปทุกละจุด

                    "......"ขณะที่ทุกคนกำลังสำรวจอย่างถี่ถ้วนก็มีคนเดินอย่างไร้จุดหมายเพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดีเช่นกัน แซฟไฟรไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนได้เดินวนไปวนมาขณะที่เจ้าตัวเดินแบบไร้จุดหมาย สายตาหญิงสาวก็หยุดไปจับจ้องสิ่งๆหนึ่ง

                    ภาพสัตว์ประหลาดยักษ์สามตัวกำลังเงยหน้ามองแสงกลมๆสว่างดั่งดวงตะวันราวจะคว้ามันมาในกำมือถูกวาดบนพนังด้านหนึ่งของตัววิหาร แซฟไฟรยังจ้องมองแบบไม่ละสายตา ดวงสีน้ำเงินไพลินมองค้างภาพราวดำลึกเข้านมหาสมุทร รู้สึกตัวอีกทีคือเธอก็ค่อยๆก้าวเท้าเข้าหาภาพนั้นเรื่อยมือเรียวบางยกมือแต่แสงกลมเป็นดวงตะวันบนกำแพงเบาๆก่อนมันยุบตัวลงไป

                    ครืนน.....!เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นจากพื้นกลางตัววิหารเสียงสั่นสะเทือนนั้นดังพอให้ทุกคนมาสนใจจุดเดียวกัน พื้นตรงกลางเปิดออกเป็นชั้นๆจนเผยให้เห็นบันไดที่ทอดยาวลงไปในความมืด

                    "เยี่ยม ทำได้ดีมาก แซฟไฟรคุง"เซตะขณะอื่นพากันรุมดูพร้อมๆชื่นชมแซฟไฟรไป ทั้งหมดต่างวิเคราะห์และตัดสินใจว่าใครจะลงก่อนเพราะไม่รู้ว่ามีกับดักหรือเปล่า โดยกลุ่มแรกมีเซตะนำทาง โนโดกะ ยูเอะ สำรวจกับดักและโกลด์กับซิลเวอร์คอยเปิดทาง ตามด้วยคนอื่นๆที่คอยตามหลังซึ่งหลีกคือรูบี้อยู่ตรงกลางมีกรีน เร้ดปิดท้าย หลังคนลงกันหมด ประตูกลคล้ายรับรู้เคลื่อนตัวมาปิดอย่างรวดเร็ว

                    พวกเร้ดสังเกตเห็นวิ่งย้อนกลับไปดูปรากฏว่าทางเข้าปิดด้วยแผ่นหินหนาหลายชั้น

                    "ดูเหมือนมีแต่เดินหน้าละนะ"เร้ดเอ่ย ถ้าให้พังเจ้าแผ่นหินพวกนี้ออกคงลำบากยิ่งพวกเขาอยู่ใต้พวกมันไม่รู้จะพังลงทับใส่หรือเปล่า เมื่อตามลงถึงด้านล่างคณะก๊วนสำรวจเรียกโปเกมอนของตัวเองออกใช้ท่าแฟล็ชส่องสว่างไปทั่วบริเวณทางเดินใต้ดิน

                    จากที่เห็นทำให้มองเป็นทางเดินปูพื้นสำหรับคนผ่านแม้รอบข้างจะเป็นทางถ้ำธรรมดาแต่พื้นปูอย่างดีด้วยหินอ่อน มีร่องรอยสำหรับเสียบแขวนโคมไฟอยู่บนพนังแม้จะไม่มีคบไฟเหลือแล้วก็ตาม

                    พวกรูบี้เดินต่อมาบนทางเดินยาว เดินมาอยู่ประมาณ 50 ก้าวก็มีเสียงเล็กของคนในกลุ่มบอกให้หยุด

                    "มีอะไรหรอครับ คุณยูเอะ"

                    "โนโดกะ"ยูเอะตอบด้วยการส่งสัญญาณให้เพื่อนสนิท โนโดกะยกก้อนหินไปด้านหน้าหนึ่งก้อน ทันใดกำแพงที่ด้านบนร่วงลงมาทับพื้นพร้อมกับเพดานอีกชั้นที่เต็มหนามแหลมพุ่งลงทับซ้ำเจาะเพดานเก่าเป็นรูโหว่งเป็นกับดักสองชั้นติดๆขึ้นแรกเป็นเพดานธรรมดาทับลงมาถ้าคนเดินผ่านพอแข็งแรงหน่อยอาจทนกระแทกได้แต่พอมีอีกอันหนึ่งแถมเป็นหนามต้องจอดไม่แจวต่อ

                    "กับดักโบราณเป็นบ้า"โกลด์เอ่ยขณะทุกคนกำลังก้าวข้ามพื้นด้านบนของกับดักหนาม เพื่อพื้นบริเวณนั้นไป ไม่ทันได้ก้าวลงจากบนนั้นยูเอะก็ตะโกนสั่งให้โกลด์หยุด

                    ฟิ้ว!! เสียงแหวกอากาศดังลูกเกาทัณฑ์ลอยเฉียดจมูกจากด้านซ้ายไปทางอย่างรวดเร็วทำเอาคนที่เกือบลูกเกาทัณฑ์ปักปลายจมูกรู้สึกคันๆที่ปลายจมูกขึ้นมา

                    "กับดักสามชั้นเลยนะค่ะเนี่ย"

                    จากนั้นพวกเขาก็เจอกับดักสารพัดอย่างโกลด์ใจร้อนแทบจะโดนทุกครั้งแต่ก็ไม่มีใครคิดจะห้ามเพราะคนแบบบนี้พูดไม่รู้จักจำ ต้องให้โดนสักดอกสองดอกหน่อย

                    หลังจากเดินมาได้สักพักหนึ่งปลายทางเริ่มกว้างขึ้นเรื่อย พื้นที่โดยรอบเริ่มสว่างมากกว่าปกติเพียงต่อจากนั้นไม่กี่ก้าวด้านหน้าก็เห็นจุดแสงสว่างเล็กๆ

                    "เจอทางออกแล้ว"ทั้งหมดต่างเร่งฝีเท้าทันทีเมื่อเห็นแสงสว่างที่ปลายทาง เสียงฝีเท้าถี่รั่วและหนักแน่นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาแสงสว่าง เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วขณะที่พวกเขาเหล่านั้นย่างก้าวกันไปภายในถ้ำที่คับแคบก่อนเส้นทางจะค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นไปพร้อมกับแสงสว่างที่เริ่มส่องทางให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

                    "อุ ว้าว!!"

                    ทันทีพ้นซอยถ้ำที่พวกเขาพบคือพื้นที่กว้างเหมือนห้องโถงตามพื้นเพดานเสาหินมีก้อนผลึกคล้ายคริสตัลงอกเงยผุดมาเปล่งประกายระยิบระยับจนห้องสว่างวูบวาบ แสงสว่างหลากสีแต้มเติมพื้นเพดานเสาหินที่เป็นโทนสีเขียวฟ้าให้ดูเหมือนวิมานแดนสวรรค์

                    ผู้มาเยือนทั้งหลายต่างค่อยเดินหมุนตัวอย่างช้า ดวงตาไล่กวาดมองความสวยงามของถ้ำซึ่งราวกับระดับจิตกรเอกของโลก ขณะบางสายตาก็ยังไม่ลืมเป้าหมายเก่าที่เดินเข้า ณ ที่แห่งนี้

                    "รีบหาสิ่งนั้นเถอะ..."ใช่แล้วเป้าหมายสำคัญที่เขาต้องหาภายในถ้ำมหาจิตรกรรมแห่งหนึ่ง ก่อนสายตาทุกคู่จะไปสะดุดกับสิ่งๆหนึ่งถูกปักอยู่ภูเขาแก้วผลึกที่ก้อนตัวเป็นเนินสูงสุด  ณ ใน ถ้ำนั้น บนเหนือนั้นมีรูให้แสงสว่างจากภายนอกส่องลงทาบบนสิ่งที่อยู่เหนือสุด ดาบเหนือดาบทั้งปวง

                    "Excaliber..."

                    ทุกคนต่างเงยหน้ามองดาบที่เสียบอยู่บนยอดอย่างตกตะลึง แสงส่องกระทบจากแก้วผลึกกับรัศมีที่เปล่งปรัดจากตัวดาบทำให้ดูสูงส่งเสียจนเลิกจับตามองไม่ได้ ดูศักดิ์สิทธิ์ราวกับถ้ามีไว้ครองครอบจะมีอำนาจล้นฟ้าจนเกิดความกระหายโลภอยากได้

                    ขณะพวกเขาตกตะลึงอยู่นั้นเงาลึกลับหลายร่างกำลังค่อยเคลื่อนไปมาหลังแก้วผลึก ค่อยรายล้อมกลุ่มคณะสำรวจไว้ พวกรูบี้เริ่มผิดสังเกตแต่ยังนิ่งเฉยคล้ายรอบางอย่างจนกระเงาที่รายล้อมบีบวงแคบเรื่อยๆ

                    หนึ่งในเงาในนั้นพุ่งเข้าหากลุ่มผู้หญิงจากด้านหลังอย่างรวดเร็วและเงียบ

                    "ให้ตายสิ รวมงานกับเซตะทีไรมีแต่เรื่องกับเรื่องจริงๆ"เสียงรูบี้พึมพำเบาดังทำลายความเงียบ เงาร่างที่พุ่งเข้ามาชะงักกลางอากาศเมื่อมีมือของชายหนุ่มยกขึ้นดันต้านไว้ ก่อนมือที่ดันค้างจะบิดหมุนอย่างรวดเร็วร่างที่ลอยเข้ามาลอยหมุนกลับไปในทิศทางเดิม ขณะเดียวก็มีเงาร่างอื่นพุ่งมาจากทิศต่าง

                    "นั้นสิ แต่แบบนี้นว่าน่าสนุกดีออก"โกลด์เอ่ยพร้อมเหวี่ยงแขนซัดโครมด้านหลังจนเงาที่พุ่งมาปลิว             "น่าสนุกกับผีสิยะ ว๊าย!"คริสตัลเถียงกับเงาอีกเงาก็พุ่งซิลเวอร์เข้าแทนทีพร้อมหมุนตัวเตะเงาปัดออกไป ด้านเร้ดหัวเราะแห้งๆกับคำพูดโกลด์พร้อมๆป้องกันรุ่นน้องที่ต่อสู้ไม่เป็นอย่างจิซาเมะกับยุยที่อยู่ด้านหลัง

                    เพียงชั่วพริบตากลุ่มรูบี้ปัดป่ายการโจมตีจากกลุ่มลึกลับออกไปหมดพร้อมกัน พร้อมแฝงแรงกระแทกใส่พวกเข้ามาโจมตีจนไม่เหลือแรงจะลุก

                    "ฮ่าๆๆ ในที่สุดฉันก็เจอพวกแกอีกจนได้ ควรจะพูดคำนี้สินะ..."เสียงหัวเราะแหลมสูงดังขึ้นพร้อมเงาร่างปรากฏอยู่บนภูเขาก้อนผลึกลูกหนึ่งซึ่งไม่ห่างจากลูกที่มีดาบปักอยู่มาก แสงจากด้านทอดลงทำให้ใบหน้าอีกฝ่ายเด่นชัดๆพอเวลาอยู่เหนือพื้นดิน อีกฝ่ายเป็นคนคุ้นตาแต่กลับสวมเสื้อแปลกตากว่าเดิม สายตาของอีกฝ่ายจับจ้องมาทางรูบี้กับเซตะ

                    "ใครอะ?..."เสียงของเซตะกับรูบี้ประสานกันแบบไม่นัดหมาย ทำเอาคนโดนทักเหมือนโดนมีดเล่มใหญ่เสียบเข้ากลางอกดระอักเลือดไปหลายดอก

                    "นี้พวกแกลืมฉันแล้วหรือ(โดยเพราะไอ้หนุ่มนั้น) ฉันเคยเจอแกตอนมาเอาดาบของไกลด ไฮดาว ตอนคอนจิกิ โนะ ยามิ และครั้งสุดท้ายตอนในถ้ำของแปดนักรบมารนะ!"อีกฝ่ายตะโกนกลับ รูบี้กับเซตะทำหน้าครุ่นคิด

                    "อ้อ...จำไม่ได้!"ทั้งสองตอบพร้อมกัน ทำเอาคนฟังล้มทั้งยืน ขณะคนอื่นไม่ว่าฝ่ายไหนพากันนึกสงสารในใจกับตัวประกอบคนนี้

                    "ดาบของไกลด์ ไฮดาว แก๊งกาแล็กซี หรือ?"โกลด์นึกย้อนไปอดีตที่เขาเคยเอาอัญมณีสองอันให้รูบี้กับแซฟไฟร

                    "เรื่องอดีตช่างเถอะ ตอนนี้แก๊งกาแล็กซียุบไปแล้ว และมีคนรวบรวมพวกเราตั้งองค์กรใหม่ขึ้น ชื่องขององค์กรเราคือ โลกสัมบูรณ์ (Verden Komplett) องค์กรที่รวบรวมอุดมการของทุกคนไว้ด้วยกัน"

                    "และเป้าหมายครั้งนี้ของพวกเราคือ...ดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน เอ็กคาลิเบอร์ขอเพียงมีมันแผนการคงเป็นไปอย่างง่ายดาย"อีกฝ่ายชี้ไปทางดาบที่ปักอยู่บนยอดภูเขาแก้วผลึก

                    "คิดหรอ เราจะยอม!"แซฟไฟรแทบจะเป็นคนแรก ขณะที่คนอื่นแสดงท่าทีเหมือนกัน

                    "ทางเราก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เลยเตรียมการไว้แล้ว!!"อีกแสยะยิ้มพร้อมดีดนิ้วโปเกมอนหลายตัวโผล่มารายล้อม ทุกตัวล้วนแฝงรังสีคุกคามพร้อมจู่โจมทุกเวลา ณ ตอนนี้

                    "จัดการ!!"อีกฝ่ายออกคำสั่งทันที เพื่อให้พวกรูบี้ได้ตั้งตัว การจู่โจมจากโปเกมอนสารพัดชนิดเข้าโจมตีกลุ่มรูบี้ที่อยู่ตรงกลางวงล้อมอย่างรุนแรง

                    ตูม!!! เสียงระเบิดดังขึ้นหมอกควันกระจายทั่วบริเวณก่อนค่อยจางเผยให้ผลการโจมตี ทันทีหมอกจางกลับปรากฏเงาร่างกลุ่มรูบี้ยังคงเหมอนเดิม แปลกไปกว่าเดิมเพียงมีก้อนบอลพลังงานรวมอยู่เหนือหัวกลุ่ม

                    รูบี้ยกขึ้นข้างหนึ่งป้องกันและบีบอัดพลังโจมตีเกือบทั้งหมดกลายก้อนกลมอยู่เหนือฝ่ามือ ลายอักขระสีแดงส่องแสงลามทั่วตัว ขณะสายตากว้างมองความปลอดภัยในกลุ่ม

                    'มาเกียเอเลแฟร์? แต่มันแตกต่างกับตอนสู้กับตาลุงบ้ามกล้ามแฮะ'จิซาเมะซึ่งอยู่ใกล้ๆหันมองชายหนุ่ม เมื่อบอลพลังานและร่างชายหนุ่มเปล่งแสงสีแดงอมด้วยทองๆอ่อนผิดกลับตอนที่เขาในโลกอดีตที่จะเปล่งแสงสีแดงดำ

                    "ดูท่าจะต้องลงแรงกันหน่อยละนะ ถึงจะคุยกันรู้เรื่อง"รูบี้บีบบอลพลังงานก้อนใหญ่แตกแสงสีทองอ่อนคลุมกายพร้อมๆหายตัวไปจากจุดที่ยืนโผล่ไปด้านหลังโปเกมอนตัวหนึ่งที่รายล้อมอยู่แล้วโจมตีกลับไป

                    "เห็นด้วยอย่างยิ่ง"โกลด์ไม่รู้ออกจากกลุ่มไปตอนไหน กำลังควงทวนเล่มโปรดกวาดซ้ายสะบัดขวากวาดล้างโปเกมอนอีกด้านหน้าพร้อมๆกับปล่อยโปเกมอนของตัวเองออกมาช่วย ขณะคนอื่นก็กระจายออกจากกันพร้อมตอบโต้กลับในพริบตา

                    "เฮ้ย เป็นไปได้ยังไง จัดการพวกมันเร็ว!"อีกฝ่ายงงแต่ยังก็ออกปากลูกน้องให้ใช้โปเกมอนเข้าจู่โจมกลุ่มพวกรูบี้ที่เหลือตรงกลางซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มที่สู้ไม่เก่งอย่าง ยุย โนโดกะ ยูเอะ คริสตัล จิซาเมะ บลู ทันใดคาบิก้อนตัวหนึ่งกระโดดลงทับขวางทางพร้อมแส้เถาวัลย์ที่ไร้ที่มาสะบัดฟาดโปเกมอนที่พุ่งเข้าออกไป

                    "ไม่ให้ทำได้หรอก"เร้ดกล่าวยิ้มขณะสั่งการโปเกมอนตัวเองอยู่ฟุจิกิบานะ

                    "หน้าปกป้องพวกคุณหนูฉันจัดการเองค่ะ"เซ็ตซึนะหยิบยันต์ขึ้นกางอาคมร่ายครอบกลุ่มยุยไว้พร้อมหันไปจับดาบไม้จู่โจมด้านอื่น ขณะเดียวรูบี้สั่งมิโรราคอสเข้าไปใช้มิโรโค้ดป้องกันพวกผู้หญิงที่สู้ไม่เป็น

                    "ฉันไม่ยกโทษให้คนเลวหรอกนะ"แซฟไฟรประกาศกร้าวขณะสั่งโปเกมอนโจมตีอย่างหนักแน่น มือไม่นิ่งเฉยจับดาบกวาดเป็นวงกว้างทำให้กำลังศัตรูลดลงอย่างรวดเร็ว

                    "เหวอออ"เมื่อกำลังฝ่ายตนลดลงแบบรวดเร็วชายอดีตแก็งกาแล็กซีถึงผงะถอยกลับไปพร้อมรีบฝีเท้าไปหาเป้าหมายหลักเพื่อบรรลุภารกิจให้ได้ ที่วิ่งตามบันไดมาเรื่อยๆปลายนิ้วยื่นออกไปเอื้อมแตะ

                    "ออกสิวะ ให้ตายสิทำไมหนักแบบนี้"อีกฝ่ายจับด้ามดาบออกแรงดึงแต่ไร้ผล แม้รูปร่างภายนอกเหมือนดาบโบราณธรรมดาที่เสียบบนพื้นแต่กลับหนักราวขุนเขาจนคนถือไม่อาจออกแรงยกขึ้นได้เลย ขณะอีกฝ่ายหมนมุ่งอู่ก็มีเงาคนมาขวาง

                    "ฝันไปเถอะ"นามิปรากฏตัวขึ้นขวางเหวี่ยงดาบไม้ประหลาดในมือกระแทกร่างอีกฝ่ายผงะถอยไป ซิลเวอร์ได้จังหวะพุ่งตัวเข้าคว้าอีกฝ่ายโยนไปกลางวงเพื่อให้ห่างจากตัวดาบ

                    ในเวลาเดียวกัน รูบี้กำลังติดพันกับฝูงโปเกมอนมังกรบินบนอากาศ เขาหลบหลีกไปมาพร้อมบ่นอบอิบเกี่ยวกับเรื่องเสื้อผ้าเล็กน้อย ไม่ทันไรฝูงมังกรก็ปล่อยไฟลูกไฟใส่เขา รูบี้ใช้ดาบปัดออกอย่างรวดเร็วแต่แรงปะทะทำให้เสียสมดุลในอากาศ ร่างเขาร่วงลงเร็วกว่าเดิม

                    ชายหนุ่มกวาดตามองหาแท่งผลึกแก้วซะก้อนให้มือเอื้อมไปคว้าไว้เพื่อจะหยุดการร่วงลงและพลิกตัวกลับ มือเขาคว้าบางอย่างได้เขารีบพลิกตัวแต่ทว่าเกิดปัญหาเมื่อสิ่งที่เขาคว้าหลุดตามแรงเขาไปด้วยทำให้เสียหลักอีกครั้งกลิ้งตกไปด้านล่าง

                     นามิที่อยู่ใกล้ดาบที่สุดหันกลับมองก็ตกใจ พร้อมสิ่งรูบี้คว้าไม่ใช้สิ่งนอกจากดาบที่ปักอยู่ในนั้นแหละ

                    "อูย!"รูบี้พลิกตัวขึ้นนั่ง ขณะมองสิ่งในมืออย่างแปลกใจ เพราะพบว่าตัวเองไปคว้าดาบที่ปักอยู่มาซะแล้ว ตัวดาบในมือเริ่มเปล่งแสงสีขาวอ่อนคล้ายตอบรับการถูกถอดจากฝัก

                    "รีบเอาดาบนั้นมาเร็วเข้า!"ฝ่ายชายอดีตแก๊งกาแล็กซีตาเหลือกรีบสั่งลูกน้องเข้าจู่โจมรูบี้ที่นั่งมองดาบอยู่ทันที

                    ทันใดนั้นดาบที่รูบี้ถืออยู่เปล่งแสงมากขึ้น สว่างจนตาพร่าครอบคลุมร่างของเขาหายไปในภาพสีขาววงรัศมีความสว่างขยายกว้างออกอย่างอย่างรวดเร็ว กลืนกินรอบข้างไปอย่างรวดเร็วไม่เว้นแม้แต้โปเกมอนที่เข้าจู่โจมชายหนุ่ม

                    แก้วผลึกในตัวถ้ำพากันสะท้อนแสงจนวูบวาบไปทั่วห้องความสว่างของแสงทำให้ทุกคนต้องหลับตาลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพียงชั่วพริบตาแสงก็โดนดึงกลับเข้าสู่ตัวดาบในมือของชายหนุ่ม พร้อมกับภาพโปเกมอนกลุ่มที่เข้าโจมตีเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย

                    "อะ...!?"รูบี้เงยหน้ามองตรงหน้างุนงงเข้ายังไม่ทันทำอะไรศัตรูตรงหน้าก็หายไปแล้ว เช่นเดียวกับคนอื่นๆที่ยังงุนงงไม่แพ้กัน ชายอดีตแก๊งกาแล็กซีเห็นโปเกมอนกลุ่มใหญ่หายไปในพริบตาเหลือเพียงลูกน้องไม่ถึง 10 คนก็ถอยทัพออกจากจุดนั้นทันทีโดยไม่ต้องให้สัญญาณกัน

                    "สุดยอดเลยแบบนี้ ของจริงชัวร์ป๊าป"คาซึแทบจะเป็นคนแรกที่อุทานออกมา พลังที่ปล่อยออกเมื้อกี้ไม่ได้คุกคามใครแต่กลับกำจัดศัตรูได้อย่างร่องรอย เรียกได้งดงาม ไร้ที่ติและยังทรงพลัง

                    "รูบี้ขอฉันดูหน่อย!!"โกลด์วิ่งหน้าตั้งคนแรกขอจับดาบตั้งแต่ไกล

                    "เอ๊ะ..!?"รูบี้กำลังลุกขึ้นเพื่อตรวจสอบตัวดาบที่เขาถือ เขามั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือของดาบในมือ ทว่าขณะเขาเพียงเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นเสียงปริแตกก็ดังขึ้นบนตัวดาบ รอยปริแตกร้าวปรากฏบนปลายใบมีดแล้วลามไปทั่วดาบทั้งเล่มแบบรวดเร็วก่อนแตกหักราวหินที่ถูกกระทบจนแตก

                    เพล้ง!!

                    "เฮ้ย!"รูบี้อดอุทานเมื่อดาบแตกเป็นชิ้นเล็กน้อยและสลายตัวเป็นธาตุอากาศและเป็นแสงดูดเข้าไปในแขนเขาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตกลงบนพื้นเสียอีกราวกับมันไม่มีตัวตนจริงบนโลกนี้แต่แรก คนรอบข้างที่กำลังเดินเข้ามาหารูบี้ก็ตกใจเช่นกันชายหนุ่มเพียงลุกขึ้นไม่ทำอะไรกับตัวดาบเลยแม้แต่น้อยไหงดาบกลับแตกสลายและโดนดูดไปได้

                    "ดาบละ!? นี่นายเขมือบไปแล้ว"โกลด์ที่วิ่งมาถึงก่อนเพื่อนเอาคล่ำบนพื้นใต้เท้ารูบี้เพื่อหาเศษของดาบศักดิ์สิทธิ์ทว่าเขาไม่พบแม้แต่เศษเสี้ยวของมัน พร้อมจับแขนรูบี้เขย่า

                    "รูบี้นายทำอะไรยะ"แซฟไฟรเข้ามาเขย่าคอรูบี้ ซึ่งชายหนุ่มไม่ได้โต้กลับเหมือนอยู่ในภวังค์มึนงง

                    "หมายความว่ายังไง เมื่อกี้ดาบแสดงพลังออกแล้วแตกสลายไปเลย"จิซาเมะสรุปเรื่องราวที่เกิดขึ้น พร้อมเข้าหาแซฟไฟรไม่ให้เขย่าชายหนุ่มจนตายก่อน ดวงตาของเธอจับจ้องไปผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีเจ้าของเรื่องการตามหาดาบอย่างเซตะ

                    "ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บนแผ่นศิลาไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย"เซตะตีหน้าเครียดเล็กน้อย เขาไม่รู้เพราะพวกเขาหยิบดาบออกมาผิดวิธีหรือทำอะไรไม่ถูกต้องหรือเปล่า

                    "ทุกคน มาดูทางนี้สิ"เสียงนามิดังขึ้น ทุกคนเงยหน้าตรงหน้าหญิงสาวกำลังยืนอยู่บนยอดภูเขาแก้วผลึกที่เคยเป็นบริเวณที่ปักดาบ"มีอักษรโผล่มาด้วย"

                    เสียงตะโกนของนามิทำให้คนทั้งกลุ่มตื่นพากันรีบขึ้นไปดูตามที่อีกฝ่ายพูดทันที

                    "นี้ภาษาอะไรละเนี่ย"แซฟไฟรอักษรเขียนที่เขียนยึกยับแปลก

                    "ภาษาฮีบรูนะ"รูบี้ตอบ ขณะเซตะก้มลงใช้มือคล่ำเพื่อถอนความหมาย

                    "หากผู้ใดได้อ่านข้อความนี้แปลว่า ดาบได้ถูกถอนไปแล้ว ทว่าดาบที่ท่านได้ไปมิใช่ดาบที่แท้จริงเพียงอย่างใด เป็นเพียงตัวแทนสัญลักษณ์ความศักดิสิทธิ์ของดาบที่แท้จริงเท่านั้น เชกเช่นเดียวกาบเล่มที่มหาราชผู้หนึ่งเคยถือครองกวาดล้างแผ่นดินเมื่อคราครั้นอดีต"

                    "ดูเหมือนดาบนี้ก็ของปลอมสินะ"กรีนกล่าว

                    "เห?!!"เสียงอุทานของคนหลายๆคนดังขึ้นงั้นแปลว่าพวกเขาเหนื่อยเปล่าละสิ

                    "ไม่ใช่หรอก ดาบเล่มนี้ก็ถือเป็นของจริงเหมือนกันเพียงแต่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คล้ายดาบของกษัตริย์อาเธอร์นั้นแหละ"เซตะกล่าว

                    "อืม...งั้นดาบอาเธอร์หายไปคงเป็นกรณีคล้ายๆกัน"ยุยที่ฟังอยู่วิเคราะห์

                    "ยังไง ของปลอมแต่เป็นของจริง แต่ก็ไม่ใช่ของจริง"พวกบรรดาเรียนตกทั้งหลายพากันมึนหัวกลับไปกลับมา พวกที่เหลือขี้เกียจอธิบายจึงได้แต่ปล่อยๆไป

                    "อะ เดี๋ยวมีต่อท้ายด้วย...ภายในดาบก็โดนถอดถ้ำแห่งนี้จะถูกทำลาย...?"เซตะอ่านแล้วเอนคอนิดๆ

                    "ถูกทำลาย...?"คนอื่นทวนคำ ก่อนมีเสียงอะไรบางอย่างถล่มลงพื้นดินสั่นไหว แก้วผลึกบางจุดเริ่มปริแตก พวกรูบี้มองรอบข้างอย่างสังหรณ์ใจไม่ดี

                    "เผ่นเหอะ!!"พวกรูบี้ตั้งใจหนีไปทางด้านบนซึ่งเป็นรูให้แสงรอดเข้ามาเหนือที่พวกเขายืนพอดีเพราะทางเก่ามันปิดไปแล้ว พวกเขายังแบกเซตะที่ดูเหมือนไม่ยอมหนีจนกว่าจะเก็บหลักฐานให้ได้หมดไปอีกด้วย

                    พวกเขาออกมานอกถ้ำได้ก่อนถล่มและไปรอเฮลิคอปเตอร์ที่ชายหาดเดิมไม่นานก็มีเฮลิคอปเตอร์มารับทั้งหมดขึ้นเครื่องพอนั่งลงถอนหายใจยาวอย่างพร้อมเพรียงเมื่อปัญหาเรื่องต่างๆจบลง

                    "......"รูบี้หงายมือดูมือที่ดูดกลืนดาบเข้าไปอย่างเงียบพร้อมครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทบทวนไปมา

                   

    จบตอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×