ผู้พิทักษ์แห่งป่าแสนวิเศษ
นิทานเรื่องสั้น เขียนขึ้น (แบบไม่ค่อยตั้งใจ) แต่แอบแฝงข้อคิดเล็กๆ ที่ได้ยินกันทุกวันจนชินเอาไว้... ถ้ายังไงก้อลองเข้ามาอ่านสิ
ผู้เข้าชมรวม
821
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผู้พิทักษ์แห่งป่าแสนวิเศษ
ป่าแสนวิเศษเป็นป่าใหญ่ที่ประกอบไปด้วยพืชพรรณไม้นานาชนิด มีทั้งพืชธรรมดาๆ อย่างต้นหญ้า ไปจนถึงพืชที่คุณคงไม่เคยได้พบมาก่อนในชีวิต เช่น ต้นไม้พูดได้ ดอกไม้กินคน ต้นมะม่วงเดินได้ เป็นต้น ณ ที่แห่งนี้ สิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดใช้เป็นที่พักพิงอาศัย ตั้งแต่สัตว์ขนากเล็กเท่าไวรัส ไปจนถึงขนาดใหญ่เท่าไดโนเสาร์ สัตว์ธรรมดาที่คุณพบได้ง่ายๆ อย่างนกกระจิบ ไปจนถึงสัตว์วิเศษอย่างนกฟีนิกซ์ และยูนิคอร์น สัตว์ป่าทุกตัวอาศัยกันอยู่อย่างสงบโดยมีสิงโต 3 ตัวร่วมกันเป็นเจ้าป่า (คุณคงจะสงสัยว่าสิงโตเป็นเจ้าป่าแล้วสัตว์ทั้งหลายไม่โดนจับกินกันไปหมดหรือ ไม่หรอก เพราะสิงโตทั้งสามเป็นมังสวิรัติ)
ป่านี้เคยเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลตัดผ่ากลางป่า แต่ละฝั่งแม่น้ำเต็มไปด้วยอาหารนานาชนิด และ ณ ใจกลางป่า มีต้นมะกล่ำเก่าแก่ต้นหนึ่งตั้งอยู่ ว่ากันว่าเป็นต้นมะกล่ำวิเศษ แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าต้นมะกล่ำนี้วิเศษอย่างไร แต่นับวัน ภัยร้ายเริ่มคืบคลานเข้ามาในป่าแห่งนี้ เหล่าสิงโตเจ้าป่าจึงเรียกสัตว์ทุกตัวมาประชุมกัน ณ ลานใต้ต้นมะกล่ำต้นใหญ่ใจกลางป่า เวลาเที่ยงคืนของวันพระจันทร์เต็มดวงเดือน 12
สัตว์พวกแรกที่มาถึงคือเหล่าสัตว์ปีกและแมลงหลากชนิด นกหงหยก นกเงือก นกฟีนิกซ์ ฯลฯ ต่างพากันมาจับจองที่บนต้นมะกล่ำและต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียง สัตว์พวกต่อมาก็คือเหล่าสัตว์สี่เท้า ที่ช่วยกันหอบหิ้วสัตว์น้ำมาด้วย โดยมียูนิคอร์นและม้ามีปีก หรือที่เรียกว่า เพกาซัสวิ่งนำหน้ามา จับจองที่ด้านหน้าที่ใกล้กับต้นมะกล่ำมากที่สุด ลำดับที่สามเป็นเหล่าสัตว์หลายเท้าและพวกไม่มีเท้า เช่น ตะขาบ งู หนอน เป็นต้น สุดท้ายก็เป็นสัตว์ที่...อืม... แบบว่าหน้าตาไม่ปกติ (ไม่ขอเรียกว่าสัตว์ประหลาด เพราะอาจจะโดนจับไปฆ่าได้ง่ายๆ) เช่น ครึ่งวัวครึ่งเสือ อะไรประมาณนี้
ทันทีที่ทุกคนมาถึงกันพร้อม เจ้าป่าก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีสูงด้านหน้าต้นมะกล่ำ สิงโตตัวแรกเป็นสิงโตสีขาวเหลือบฟ้า ซึ่งมีนามว่าสิงโตมุกดาหาร ตัวที่สองเป็นสิงโตสีดำสนิท จึงมีชื่อว่าสิงโตนิลกาฬ สุดท้าย เป็นสิงโตสีแดงเหลือบเหลืองส้มจึงได้รับการขนานนามว่าสิงโตอัคนี
“วันนี้เรามีเรื่องจะต้องมาปรึกษาทุกคน” สิงโตมุกดาหารเริ่มเปิดการประชุม “เราคิดว่าทุกคนคงได้รับรู้ถึงภัยอันตรายบางอย่างแล้ว เพราะเวลานี้ ลำน้ำสายหลักของเราที่เคยใสสะอาด บัดนี้น้ำได้กลายเป็นน้ำสีดำ มีกลิ่นเหม็น ผลไม้ก็ดูจะน้อยลงทุกที ต้นไม้ที่เคยเขียวชอุ่มก็เริ่มกลายเป็นสีเหลือง”
สัตว์ทุกตัวพยักหน้ากันอย่างเห็นด้วย
“เราจึงอยากจะถามว่าพวกท่านมีใครรู้เรื่องอะไรหรือไม่” สิงโตอัคนีพูดต่อ
สัตว์ทุกตัวนิ่งเงียบ มองหน้ากันไปมา แน่นอนว่าใครๆ ก็ย่อมได้สังเกตความผิดปกติเหล่านี้ แต่ใครจะไปรู้เหตุผล
“ข้าคิดว่าข้ารู้” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับหนูสีเทาตัวจิ๋วที่วิ่งออกมาด้านหน้า มันพยายามยืนบนขาหลังทั้งสอง เพื่อให้ตนเองสูงขึ้น แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีผลเท่าไรนัก
“เจ้าหนูน้อยเอ๊ย” ยูนิคอร์นตัวหนึ่งร้องพลางก้มหัว “เกาะเขาข้าขึ้นมาสิ”
“ขอบคุณ” เจ้าหนูน้อยตอบเบาๆ ก่อนหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าป่าทั้งสาม
“เมื่อวานนี้” เจ้าหนูน้อยเริ่ม “ข้าวิ่งออกไปทางริมชายป่าหวังว่าจะได้เจออาหารอะไรบ้าง เพราะท่านก็รู้ ในป่านี้อาหารเริ่มน้อยลงทุกที ข้าก็กลัวนะว่า แบบว่า ข้าก็มีครอบครัว มีลูกตั้ง 5 ตัวที่ต้องดูแลน่ะ ลูกๆ ของข้าน่ารักมากเลยนะ นี่ๆ ข้าจะเอารูปมาให้ดู ข้าเก็บมัน...”
“เจ้าหนูน้อย เข้าเรื่องซะที” สิงโตนิลกาฬว่า
“อ้อ ขอโทษ แหะๆ ข้าก็พูดเพลินไปหน่อย ก็แหม ข้าเป็นหนูช่างพูดนะ รู้มั้ย หนูทุกตัว...”
สิงโตนิลกาฬกระแอมไอขัดจังหวะเจ้าหนูน้อย ก่อนจะจ้องมันเขม็ง
“ขอโทษ ขอโทษ เอาล่ะ ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง” เจ้าหนูน้อยเริ่มทำหน้าจริงจัง “อย่างที่ข้าเล่าไปบ้างแล้ว ข้าออกไปแถวๆ ริมชายป่า พอดีข้าเห็นอะไรบางอย่าง” มันทำตาโตก่อนมองไปรอบๆ
“จะเล่าอะไรก็เล่ามาสิ” นกฟีนิกซ์ตัวหนึ่งสะบัดขนสีทองประกายก่อนพูดต่อ “มัวแต่อมพะนำอยู่ได้”
“แหม คุณนกแสนสวย ใจเย็นๆ หน่อยสิ ข้าก็กำลังจะเล่าต่อนี่ไงล่ะ” หนูน้อยเล่าต่อ “สิ่งที่ข้าเห็น มันทำให้เลือดภายในกายของข้าเย็นเฉียบ มันทำให้ข้าตัวแข็ง ขยับไปไหนไม่ได้ มัน...”
“พอ พอ ไม่ต้องขยายมาก เอาแต่เนื้อๆ ได้ไหม ไม่เอาน้ำ” สิงโตมุกดาหารว่า “ข้าไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
เจ้าหนูขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ แต่มันก็เล่าต่อด้วยเสียงอันดัง “ข้าเห็นมนุษย์เข้ามาบุกรุกป่าของเรา”
ความเงียบเข้ามาปกคลุมป่าแสนวิเศษในทันที ทุกคนจ้องมองไปที่เจ้าหนูน้อยด้วยความนึกไม่ถึง ไม่นานนัก เสียงร้องด้วยความหวาดกลัวก็ดังไปทั่วป่า ทุกคนยังคงจำได้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อหลายปีที่แล้วที่มนุษย์บุกเข้ามาในป่าแสนวิเศษเป็นครั้งแรก และครั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คงจะแย่กว่าครั้งก่อนเป็นแน่
“ทุกคน ใจเย็นๆ ก่อน” สิงโตนิลกาฬตะโกน
และแล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมบริเวณนั้นอีกครั้ง
“เจ้าว่าเจ้าเห็นมนุษย์เข้ามาในป่าของเรา มนุษย์นั้นมาทำอะไร” สิงโตอัคนีถาม “ตอบเรามาเร็วๆ”
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าเห็นว่ามนุษย์บุกผ่านกำแพงของเรามาได้แล้ว ต้นไม้บริเวณที่พวกนั้นเดินผ่านก็หายไปหมด แถมยังเอาสัตว์หน้าตาแปลกๆ มาด้วยนะ” เจ้าหนูร้องบอก
“อะไรกัน สัตว์หน้าตาแปลกๆ” เพกาซัสตัวหนึ่งเดินเข้ามาใกล้ “ข้าว่าสัตว์ในป่าของเราก็แปลกมากพอแล้วนะ” เขาพูดต่อพลางชำเลืองผีเสื้อกึ่งแมลงปอตัวหนึ่งที่บินวนอยู่ใกล้ๆ
“ไม่ ไม่ มันประหลาดกว่านั้นอีก ตัวมันเป็นสีเทาๆ ข้าไม่เห็นปากมันหรอกนะ แต่ข้าเห็นฟันที่ใหญ่และ
แหลมมากทีเดียว อยู่รอบๆ ตัวมันไปหมด ข้าไม่เห็นมันมีขาเลย มนุษย์จะถือมันไว้ใกล้ๆ โคนต้นไม้นะ มันไม่ร้องสักแอะเดียว ไม่เห็นมันพูดว่าอะไรด้วย แป๊บเดียว ต้นไม้ต้นนั้นก็ล้มไปเลย” มันหยุดพักหายใจ “มีอีกนะ คราวนี้เป็นสัตว์ตัวใหญ่เชียวแหละ มันสีเหลืองทั้งตัวเลย มีปากใหญ่มาก แล้วก็มีฟันซี่ใหญ่กว่าตัวที่แล้วอีก มันไม่มีขาอีกเหมือนกัน ข้าเห็นมนุษย์นั่งอยู่ในหัวมันด้วย สักพัก มันก็อ้าปากกว้าง และก็งับต้นไม้ที่น่าสงสารขึ้นไปไว้บนหลังของเจ้าตัวที่สาม เจ้าตัวนี้นะ ข้าว่ามันประหลาดมากเลย ข้าเห็นปากมัน แต่มันไม่อ้าปากเลย ตาของมันก็รูปร่างแปลกๆ มันไม่กระพริบตาด้วย หลังมันเป็นกล่องทรงสี่เหลี่ยมอันมหึมา” มันทำมือประกอบ แต่ดูไม่ค่อยจะใหญ่นัก “ขนาดยาวกว่าความสูงของต้นมะกล่ำต้นนี้อีก เจ้าสัตว์ตัวนี้เหมือนจะมีขานะ แต่มันไม่ยกขาเลย ขามันเป็นรูปกลมๆ สีดำ อ้อ ตัวนี้ก็มีมนุษย์นั่งอยู่ในหัวของมันเหมือนกัน พอเจ้าตัวที่สองเอาต้นไม้ขึ้นไปไว้บนหลังตัวที่สามจนเต็มแล้ว เจ้าตัวที่สามก็จากไป ข้าไม่รู้เหมือนกันว่ามันเดินได้ยังไงโดยไม่ยกขา พอข้าเห็นว่ามันจากไปแล้ว ข้าก็รีบวิ่งกลับมา” พอพูดจบ เจ้าหนูน้อยก็ได้แต่นั่งหอบอยู่บนหัวยูนิคอร์น
“อืม แปลกจริงๆ ด้วย” ยูนิคอร์นพูดขึ้น “ข้าไม่เคยเห็นสัตว์อะไรแปลกกว่าที่เจ้าว่าเลย”
“เอาล่ะ ข้าจะส่งคนไปสืบเรื่อง” สิงโตมุกดาหารพูด “ข้าว่าพวกนกเหมาะที่สุด เพราะไม่เป็นที่สังเกตมากนัก อ้อ ฟีนิกซ์ เจ้าไม่ต้องไปนะ”
“ทำไมละ ข้าอยากไป” นกฟีนิกซ์ร้องท้วง
“ก็เพราะเจ้าเด่นน่ะสิ ขนสีทองเป็นประกายอย่างนั้น บินไปที่ไหนก็ทิ้งรอยควันไว้อย่างนี้ ใครมองปุ๊บก็เห็นเจ้าปั๊บนั่นล่ะ” ยูนิคอร์นตัวหนึ่งท้วง “แต่ข้าไปได้ไหม ข้าไม่เด่นหรอกนะ และข้าสัญญาว่าจะแอบดีๆ”
“ขอบใจที่ชมนะ แต่เจ้าก็ไม่ต้องไปเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวใหญ่ ใครมองก็เห็นเจ้าเหมือนกันล่ะน่า แถมเจ้ายังซนยังกะลิง” ฟินิกซ์จ้องตาเจ้ายูนิคอร์นอย่างไม่ลดละ
“ข้าไม่...”
“พอ พอ ไม่ต้องไปทั้งคู่นั่นแหละ” สิงโตอัคนีตัดบท “นกทั้งหลาย ข้าขออาสาเพียง 5 คนไปสืบ ขอให้บินออกมาข้างหน้า”
นก 5 ตัวบินออกมาเกาะอยู่หน้าสิงโตทั้งสาม มีนกหัวขวาน นกกระจิบ นกเขา นกหงหยก และนกแต้วแร้วท้องดำ
“ดี พรุ่งนี้ขอให้เจ้าบินไปที่ชายป่าเวลาเช้า และไปหาที่เกาะดีๆ หาข่าวมาให้เราให้ได้” สิงโตอัคนีบอก “พรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนกลับมาเจอกันที่นี่ เวลาเดิม ระหว่างนี้ ข้าขอสั่งห้ามเจ้าทุกคน ว่าห้ามออกไปบริเวณชายป่าเด็ดขาด ตอนนี้ทุกคนกลับไปได้แล้ว ”
เวลาเพียงไม่กี่นาที ลานใต้ต้นมะกล่ำก็ว่างโล่ง เหลือเพียงสิงโตทั้งสามตัวที่ยังคงปรึกษากันอยู่เท่านั้น
“ท่านคิดว่ามนุษย์เข้ามาทำอะไรในป่าของเรา” สิงโตมุกดาหารเริ่ม
“ข้าก็ไม่รู้แน่ชัด” สิงโตอัคนีตอบ “แต่จากที่เจ้าหนูตัวนั้นเล่ามา ข้าก็มีความคิดอยู่ 2 อย่าง สิ่งแรกคือ อาจจะเพียงเข้ามาตัดไม้ หรือ สอง พวกท่านก็รู้ว่าป่าของเรามีสัตว์ที่ไม่ธรรมดา บางตัวก็มีอำนาจวิเศษ ข้าเชื่อว่าบางทีมนุษย์อาจจะตามล่าสัตว์เหล่านี้อยู่”
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน” สิงโตนิลกาฬเสริม
“เราต้องช่วยกันหาทางป้องกัน “ สิงโตมุกดาหารพูดต่อ “ข้าเชื่อว่าถ้าเราร่วมมือกัน เราต้องต้านมนุษย์ได้แน่ เราจะไม่หนี แล้วปล่อยให้ป่าแสนวิเศษของเราเป็นอย่างคราวที่แล้วหรอก”
ภาพของสิ่งที่เกิดขึ้นย้อนเข้ามาในความทรงจำของเจ้าป่าทั้งสามอีกครั้ง สมัยที่ทั้งสามยังเล็ก ป่าแสนวิเศษเป็นป่าที่ใหญ่มาก สัตว์ทั้งหลายอยู่กันอย่างมีความสุขกว่าปัจจุบัน มนุษย์พวกแรกเข้ามาในป่าอย่างเป็นมิตร เขาบอกว่าต้องการเพียงที่หลบภัยเท่านั้น แต่เขากลับนำสิ่งร้ายๆ เข้ามาหาป่าแสนวิเศษอย่างรวดเร็ว มีการตัด
ต้นไม้จำนวนมากเพื่อนำไม้ไปสร้างที่พักอาศัย เขาไม่สนเลยว่าต้นไม้นี้จะมีความพิเศษอย่างไร มีอำนาจมนตราอันใดอยู่ สัตว์ทั้งหลายถูกล่า เพื่อนำไปเป็นอาหารเลิศรส โดยเฉพาะสัตว์หายาก ไม่นาน ผู้คนจำนวนมาก็เข้ามาร่วมอยู่ ต้นไม้ถูกตัดมากขึ้น สัตว์ป่าก็ร่อยหรอลงทุกที สัตว์บางชนิดก็ถึงขั้นสูญพันธุ์ สัตว์ที่เหลือจึงตัดสินใจอพยพเข้าป่าลึก เพื่อหนีมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ยังคงตามล่ามาเรื่อยๆ สัตว์ที่มีเวทย์มนตร์จึงใช้มนตร์ถักทอต้นไม้เป็นกำแพง กั้นเขตป่าแสนวิเศษเอาไว้ แต่ไม่มีใครคิดว่ามนุษย์จะฝ่ามันมาได้ง่ายอย่างนี้
“เฮ้อ ข้าไม่คิดว่ามันจะง่ายนักหรอก” สิงโตอัคนีพูดอย่างท้อใจ “ครั้งก่อน มนุษย์ยังไม่พัฒนามากนัก ไม่ได้พาสัตว์หน้าตาประหลาดอย่างนี้มาด้วยนี่”
“อย่าเพิ่งท้อ” สิงโตมุกดาหารพูดอย่างเข้มแข็ง “ข้าเชื่อว่าเราต้องทำได้”
.............................................................
คืนวันต่อมา เมื่อสัตว์ทุกตัวมากันพร้อม เจ้าป่าทั้งสามก็เรียกนกทั้งห้าตัวออกมาด้านหน้า
“เอ้า เล่ามา” สิงโตนิลกาฬสั่ง “เริ่มที่เจ้าก่อนแล้วกัน หงหยก”
นกหงหยกมองสำรวจตัวเองให้แน่ใจอีกครั้งว่าดูสวยดีแล้วก่อนก้าวออกมาด้านหน้า “อะแฮ้ม กราบเรียนท่าเจ้าป่าผู้เกรียงไกร และสวัสดีเพื่อนๆ ชาวป่าแสนวิเศษทุกท่าน ข้าน้อย นกหงหยก ผู้มีขนงดงาม และ...”
“เจ้าหนูน้อยตัวที่สองแล้วไง” ยูนิคอร์นล้อ
นกหงหยกทำตาค้อนใส่ก่อนพูดต่อ “เมื่อเช้านี้ หลังจากที่ข้าเกาะกิ่งไม้อยู่เป็นนานสองนาน ข้าก็ได้เห็นมนุษย์ทำสิ่งเดียวกับที่เจ้าหนูน้อยเล่า แต่คราวนี้ สัตว์หน้าตาประหลาดที่มนุษย์นำมาด้วยนั้นดูเหมือนจะมีมากกว่า 3 ตัว ข้าจึงพยายามนับ แต่มิสามารถทำได้ เพราะมันมีจำนวนมากเหลือเกิน”
“เพราะเจ้านับเลข 1-10 ไม่เป็นนะสิไม่ว่า” นกกระจิบว่า จนทำให้นกหงหยกหันมาส่งค้อนอันที่สองให้ ก่อนหันกลับไป
“นอกจากนี้ ข้ายังเห็นว่ามนุษย์ถางป่าผ่านกำแพงมามากแล้ว ถ้าเรายังไม่ต่อต้าน อีกไม่กี่วัน มนุษย์ก็คงมาถึงจุดที่เราอยู่แล้ว” นกหงหยกโค้งคำนับก่อนถอยกลับไปอยู่ที่เดิม
“ส่วนข้า” นกกระจิบเดินออกมาข้างหน้า “ข้าก็ได้ลองนับดูแล้วเหมือนกัน” มันหันไปมองนกหงหยกเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่ามีราวๆ 10 ตัว ซึ่งข้าก็ว่าเป็นจำนวนที่มากอยู่ โดยเฉพาะเมื่อแต่ละตัวมันใหญ่มากขนาดนั้น นอกจากนี้ ข้าก็เห็นว่ามนุษย์ก็มีจำนวนมากเช่นเดียวกัน แต่ละคนก็ตัดไม้ไปเป็นจำนวนมาก”
“ข้าก็บินเข้าไปเกาะบริเวณใกล้ๆ มนุษย์” นกแต้วแร้วท้องดำกล่าว “ข้าได้ยินว่ามนุษย์เรียกสัตว์ที่หน้าตาประหลาดอย่างนี้ว่า เครื่องอะไรสักอย่าง เครื่องจัน ไม่ใช่ เครื่องจน ก็ไม่ใช่ อ้อ! ใช่ พวกมนุษย์เรียกว่า เครื่องจักรกล แล้วก็อะไรอีกน้า ระ... อ้อ รถ แล้วก็อันสุดท้าย อืม เลื่อย...เลื่อยไฟฟ้า ข้าคิดว่าเป็นชื่อของสัตว์เหล่านี้”
“ข้าได้บินวนออกไปนอกป่าด้วย” นกเขาออกมารายงาน “ข้าคิดว่าข้าบินไปไกลมาก และข้าก็ได้เห็นสัตว์เหล่านั้น กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้อีก พร้อมกับมนุษย์จำนวนมาก ข้าละกลัวจริงๆ”
“สำหรับข้า” นกหัวขวานเดินออกมา “ข้าได้บินวนเข้าไปใกล้สัตว์หนึ่งในสามตัวนั้น ข้าลองดูว่ามันทำมาจากอะไร แต่ข้าก็ไม่รู้ ข้ารู้เพียงว่ามันแข็งมาก แข็งกว่าไม้หลายเท่านัก เพราะข้าเจาะไม่เข้า”
“ขอบใจเจ้ามาก” สิงโตอัคนีชม “เจ้าหาข้อมูลมาได้มากทีเดียว ข้าอยากถามว่าใครมีแผนจะจัดการกับมนุษย์เหล่านี้อย่างไรหรือไม่ หลังจากที่ได้ฟังข้อมูลเหล่านี้ไปแล้ว”
“ข้า” เสือโคร่งตัวใหญ่เดินออกมาด้านหน้า “ข้าคิดว่า...” เขาเดินออกไปกระซิบกับสิงโตทั้งสาม ดังนั้นเราจึงไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรกัน สิงโตทั้งสามพยักหน้าเป็นระยะๆ อย่างเห็นด้วย เสือโคร่งใช้เวลานานถึง 10 นาทีในการอธิบายสิ่งเหล่านี้ สงสัยจะเป็นแผนการใหญ่ทีเดียว
“ข้าคิดว่าแผนนี้ใช้ได้ดีทีเดียว” สิงโตนิลกาฬร้อง “เราคิดว่าเราควรเริ่มดำเนินการตั้งแต่คืนนี้ ข้าคิดว่ามนุษย์คงยังไม่นอนกัน”
“อืม แต่ยังไงเราก็ต้องเตรียมแผนการขั้นที่สองไว้ก่อน” สิงโตมุกดาหารว่า “กระต่าย ข้าให้เจ้าไปเป็นฑูต เพกาซัส เจ้าช่วยพากระต่ายตัวนี้ไปที ขอให้เร็วหน่อยนะ เหล่านกทั้งหลาย จงไปหาเถาวัลย์มาถักเป็นเชือก ยูนิคอร์นเจ้าไปช่วยนกทำให้เชือกเหล่านั้นแข็งแรงขึ้น ผึ้ง ต่อ แตน ขอให้รวมกันเตรียมตัวไว้ให้พร้อม หมี ข้าขอให้ท่านช่วยเก็บหินแข็งๆ ทั้งก้อนใหญ่ก้อนเล็ก มารวมกันไว้ งู ข้าขอบริจาคพิษของท่านสักเล็กน้อยมาเคลือบก้อนหินเล็กๆ นิดเดียวพอนะท่าน เอาล่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปได้ แล้วกับมารวมกันที่นี่ตอนรุ่งสางนะ”
สัตว์ทุกตัวทำงานกันอย่างแข็งขัน ขณะที่เสือโคร่งและสิงโตทั้งสามต่างก็รอคอยการกลับมาของฑูตตัวจิ๋ว แต่ทั้งสี่ก็ไม่ต้องรอนาน เพราะไม่กี่นาทีต่อมา เพกาซัสก็กลับมาพร้อมกับกระต่ายที่ตอนนี้โทรมลงไปมาก
“ทำไมถึงมาเร็วนักล่ะ” สิงโตอัคนีถาม
“ความจริงข้ายังไม่ได้เริ่มเจรจาอะไรเลยท่าน” เจ้ากระต่ายหอบ “ทันทีที่พวกมนุษย์เห็นข้า พวกนั้นก็หยิบจับอาวุธเข้ามาไล่ข้าทันที ข้าไม่มีเวลาอธิบายอะไรหรอก เพราะถ้าข้าหยุดอธิบาย ป่านนี้ข้าได้กลายเป็นกระต่ายย่างไปแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น เห็นทีคงต้องใช้ขั้นรุนแรงซะแล้ว” เสือโคร่งว่า
.............................................................
รุ่งสาง สัตว์ทั้งหลายเริ่มเดินทางออกไปยังชายป่า ต่างคนต่างก็แบกอุปกรณ์ไปคนละชิ้นสองชิ้น เมื่ออยู่ไม่ไกลจากชายป่า เสือโคร่งก็สั่งให้ทุกคนหยุด
“ข้าคิดว่าทุกคนคงเข้าใจหน้าที่ของพวกท่านดีแล้ว” เขาเริ่มพูด “ฟีนิกซ์ ท่านอยู่ตรงนี้คอยเป็นหน่วยพยาบาลน่ะดีแล้ว ไม่ต้องพยายามออกไปด้านนอกด้วย” เขาหันไปว่าฟีนิกซ์ที่ทำท่าว่าจะหลบออกไปด้วย “ที่เหลือ เราจะเริ่มกันทันทีที่มนุษย์เริ่มทำงาน”
เหล่าสัตว์ทั้งหลายไม่ต้องรอนาน ไม่กี่นาทีหลังจากที่พวกเขามาถึงชายป่า เสียงเครื่องจักรก็ดังขึ้น
“ได้เวลาเริ่มงานแล้วพวกเรา” สิงโตทั้งสามตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“เฮ” สัตว์ทุกตัวพร้อมใจกันร้องก่อนเริ่มทำหน้าที่ของตน
“ขั้นแรก ดึงดูดความสนใจ” เสือโคร่งพูดกับตัวเองขณะที่นั่งสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ
เพกาซัสพร้อมกับนกหลายร้อยตัวโผบินขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยช่วยกันแบกหินกันไป โดยที่เพกาซัสแบกก้อนที่ใหญ่ที่สุด
“ยิง” เพกาซัสตะโกน พร้อมกับที่ตัวเองปล่อยให้ก้อนหินก้อนยักษ์ลงไปโดยมีจุดหมายอยู่ที่เครื่องจักรที่ใหญ่ที่สุด เปล่านกที่เหลือเริ่มทำตาม บ้างก็มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เครื่องจักร บ้างก็มีจุดหมายอยู่ที่หัวของคนที่ไร้ที่กำบัง
“เฮ้ย นั่นอะไรน่ะ” เสียงมนุษย์คนหนึ่งตะโกนขึ้นมา พร้อมกับทำตาโต “นั่นมันตัวอะไร” แต่เมื่อเขาเห็นก้อนหินขนาดไม่เล็กก้อนหนึ่งที่พุ่งมาโดยมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่หัวของเขา เขาก็ได้รู้ว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว เขาวิ่งกลับไปกลับมา เรียกเพื่อนๆของตนเองออกมาดูสิ่งที่เกิดขึ้น
“เครื่องนี่พังเลย” ผู้ชายอีกคนหนึ่งร้องพลางวิ่งเข้าไปดู “แล้วเราจะตัดไม้ต่อได้มั้ยเนี่ย”
และแล้ว คนที่มามุงดูก็ต้องเป็นอันหลบกันจ้าละหวั่นเพราะก้อนหินชุดที่สองถูกขว้างมาจากทางชายป่า ที่สำคัญ คนที่ปา ปาแม่นซะด้วย มนุษย์บางคนพยายามจะยิงปืนมาที่คู่ต่อสู้ แต่ไม่เข้าเป้าสักนัด
“ขั้นที่สอง กองทะลุทะลวง” เสือโคร่งยิ้มอย่างสะใจ
ฝูงผึ้ง ต่อ และแตนที่บัดนี้รวมกันเป็นกองทัพขนาดยักษ์บินกรูกันเข้าสู่สมรภูมิรบ ทุกตัวค่อยจ้องหาที่เหมาะๆ ก่อนจะจ่อก้นไปพร้อมกับปล่อยเหล็กในออกมา ถ้าใครโชคดีก็จะโดนน้อยหน่อย แต่ถ้าใครโชคร้ายหน่อย ก็จะโดนหลายที แต่ไม่มีใครโชคดีถึงขนาดไม่โดนเลย
“ขั้นสุดท้าย ต้อนเหยื่อเข้าถ้ำ” เสือโคร่งพึมพำก่อนจะเรียกเหล่าเสือและสิงโตออกไปร่วมวง
หมู่เสือและสิงห์เริ่มต้อนมนุษย์ผู้โชคร้ายเข้ามารวมกันเป็นวงกลม เนื่องจากทุกคนถูกต่อยกันมาอย่างถ้วนหน้าจึงไม่มีใครกล้าสู้กับเสือและสิงโตอีกนับสิบ หลังจากนั้น ม้าสองตัวก็นำเชือกเถาวัลย์ยาวออกมาพันรอบมนุษย์ทั้งหมดอย่างแน่นหนา หลังจากที่โดนก้อนหินปาใส่ โดนเหล่าผึ้ง ต่อ แตนต่อยกันไป โดนเสือสิงโตต้อน แถมยังถูกมัด มนุษย์ทุกคนจึงมีหน้าตาเหรอหรา ไม่ต่างอะไรกับคนเพิ่งตื่นนอนและกำลังจะนอนต่อ
สัตว์ทุกตัวต่างร้องเฮลั่นด้วยความดีใจ ไม่มีใครเจ็บตัวมากนักนอกจากผึ้ง ต่อ แตน ที่ปวดก้นไปตามๆ กัน หลังจากนั้น สิงโตทั้งก็เรียกพรรคพวกกลับไปประชุมกัน ทิ้งมนุษย์ผู้เจ็บปวดไว้เบื้องหลัง
“เราขอขอบใจทุกท่านที่ร่วมแรงร่วมใจกันปกป้องป่าแสนวิเศษของเราเอาไว้” สิงโตมุกดาหารกล่าว เมื่อทุกคนมาพร้อมกันที่ลานใต้ต้นมะกล่ำ
“แล้วเราจะทำอย่างไรกับมนุษย์เหล่านี้ล่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากฝูงชน
“ฆ่าซะเลย” เสือตัวหนึ่งร้องขึ้น “เหมือนอย่างที่มนุษย์ทำกับพวกเรา”
มีหลายเสียงร้องดังขึ้น แสดงความเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นจะบาปมากเลยนะ” เสียงแก่ๆ ดังขึ้นจากด้านหลังของสิงโตทั้งสาม ทำให้ทุกคนหันไปจ้องมองที่ต้นมะกล่ำเก่าแก่ด้วยความประหลาดใจ
“เสียงข้าเองนั่นล่ะ ไม่ต้องมาทำหน้าประหลาดใจ เจ้าเขาเดียว” ต้นมะกล่ำพูด
“ท่านเรียกข้าเหรอ” ยูนิคอร์นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“เอาเถอะ เอาเถอะ อ้า สดชื่นจริงๆ หลังจากที่หลับมาร้อยปี” ต้นมะกล่ำเริ่มขยับกิ่งก้านของตน “อะอ้า ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ ข้าทันสมัยหรอกน่า ถึงข้าจะหลับไปนานแต่ข้าก็รู้ข่าวคราวมาตลอดนั่นแหละ”
“ว่าแต่ ท่านมีอะไรแนะนำเราหรือไม่ ท่านมะกล่ำวิเศษ” สิงโตมุกดาหารคุกเข่าลง สัตว์ตัวอื่นๆ จึงทำตาม
“อย่างแรก ข้าเสนอให้พวกเจ้าปรับปรุงป่านี้ใหม่ โดยต้องปลูกต้นไม้เพิ่มขึ้น เดี๋ยว อย่าเพิ่งถาม โดยเอาเม็ดมะกล่ำวิเศษของข้าไปปลูกทดแทนไม้ที่มนุษย์ตัดไป” เมื่อพูดจบ เม็ดมะกล่ำสีทองเป็นประกายก็ร่วงลงมาจากต้นมะกล่ำราวกับสายฝน “เจ้าทุกคนต้องช่วยกัน ฟื้นฟูป่านี้ให้ดีดังเดิม และข้าเสนอให้เจ้า” นางใช้กิ่งหนึ่งชี้มาที่สิงโตนิลกาฬ ”ไปเจรจากับมนุษย์ให้เลิกตัดไม้ทำลายป่าซะ เลิกล่าสัตว์ด้วย แล้วปล่อยเขากลับไป”
“แต่ข้าว่ามันจะไม่ได้ผล” นกฟีนิกซ์ท้วง “ข้าเชื่อว่าถ้าให้ไปเจรจาอย่างเดียว อีกไม่นาน มนุษย์ก็คงลืม”
“แต่เจ้ามีวิธีดีกว่านี้เสนอหรือไม่” ต้นมะกล่ำร้องถาม
“ข้า... ข้าก็ไม่รู้” นกฟีนิกซ์ตอบ
“แต่ข้าคิดว่าความคิดของข้าน่าจะใช้ได้นะ” ยูนิคอร์นร้องขึ้นมา “ข้ารู้มาว่ามนุษย์มีวิธีการบันทึกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น อะไรน้า เขาเรียกว่าหนัง... อะไรสักอย่าง อ้อ หนังผีกระสือ”
“เขาเรียกว่าหนังสือ เจ้าเขาเดียว” ต้นมะกล่ำร้องบอก
“นั่นแหละ นั่นแหละ เราก็ทำบ้างสิ เสร็จแล้วเราก็ให้มนุษย์ไปไว้ดูว่าตัวเองทำความเสียหายให้แก่ป่าไม้มากแค่ไหน แล้วถ้าขืนยังจะมารุกรานเราอีกจะเจออะไรอย่างนี้อีกไง” ยูนิคอร์นพูดพลางยิ้ม
“อืม น่าสนใจนะ” ต้นมะกล่ำยิ้มตอบ
หลังจากนั้นสัตว์ทุกตัวก็ช่วยกันเขียนหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่ง โดยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับป่าของพวกเขาลงไป เขียนถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ และการสู้รบย่อยๆ ครั้งนี้ อ้อ มีภาพประกอบด้วย เมื่อเขียนเสร็จ ทุกคนก็ตกลงให้สิงโตนิลกาฬนำสาสน์นี้ไปมอบให้กับมนุษย์และปล่อยพวกเขากลับไป โดยมีเงื่อนไขว่าห้ามกลับมารุกรานป่ามหัศจรรย์อีก และทุกคนก็อยู่กันอย่างมีความสุขตลอดไป
คุณอาจจะถามว่าไหนล่ะ หนังสือที่ว่า
ก็เล่มนี้ไงล่ะ คุณเพิ่งอ่านจบตรงนี้เอง
ผลงานอื่นๆ ของ ^olive^ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ^olive^
ความคิดเห็น