เชื่อว่าตั้งแต่เด็กจนโต คงไม่มีใครที่ไม่เคยกินขนมมาก่อน แต่ว่าเจ้าตัวขนมนี่ล่ะที่ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมาหลายอย่าง โดยส่วนมากขนมแทบทุกชนิดในท้องตลาดนั้น จะเป็นขนมที่มีส่วนประกอบของ แป้ง น้ำตาล น้ำมัน กะทิ นม ฯลฯ ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดโรคต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โคเลสเตอรอลสูง ความดันสูง เบาหวาน หัวใจ จนกระทั่งไปถึงโรคมะเร็ง
ในปัจจุบัน จึงมีการรณรงค์ให้กินอาหารเพื่อสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการกินผักและผลไม้ โดยมีการแนะนำให้กินผักครึ่งหนึ่งอย่างอื่นครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าถามว่าจะให้เด็กเลิกกินขนมตลอดชีวิตเลยหรือ ถ้าทำได้ก็ดี แต่ถ้าเกิดว่าชีวิตนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ วันนี้ผมก็มีขนมดีๆที่จะมาแนะนำ เผื่อว่าจะไม่ต้องอดขนม(ฮิฮิ เพราะผู้เขียนก็ชอบอยู่แล้ว) แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้วันๆ กินแต่ขนม หรือว่าพอบอกว่ากินแล้วไม่เป็นไร ก็กินเข้าไปเยอะๆ อันนี้ก็ไม่ดี เพราะอะไรก็ตาม ควรกินให้พอดี จะเกิดประโยชน์มากกว่า
ถั่วเหลือง เป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญมากๆ และสามารถที่จะกินแทนเนื้อสัตว์ได้เลยโดยที่สารอาหารที่ได้รับก็ยังครบถ้วน (ขึ้นอยู่กับวิธีการกินด้วยนะจะมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป) นอกจากนี้การทานถั่วเหลืองยังให้ในเรื่องของวิตามินอีกด้วย โดยจะมีวิตามินเอ บี ดี ซึ่งการรับประทานถั่วเหลืองนั้นจะช่วยในเรื่องของการสร้างกระดูก ช่วยเรื่องของสมองและประสาท กับเป็นส่วนสำคัญของเลือดอีกด้วย
งา เป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ในปริมาณที่สูงมาก โดยอาจจะเป็นงาอบอัดแท่ง ไขมันในงาจะมีอยู่มากประมาณ 45-57% จัดเป็นไขมันที่มีคุณภาพดี เพราะมี กรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง และไม่เกิดการเหม็นหืนง่าย เนื่องจากมีสารกันหืนตามธรรมชาติ นอกจากนั้นยังช่วยลดโคเลสเตอรอลในเลือดด้วย ส่วนโปรตีนก็มีอยู่ไม่น้อยกว่า 20% เป็นโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เพราะมีกรดอะมิโนที่จำเป็นอยู่ครบทุกชนิด โดยเฉพาะเมธิโอนิน ซึ่งมีอยู่น้อยในโปรตีนถั่วเหลือง แต่กลับมีมากในงา ดังนั้นผู้ที่บริโภคอาหารมังสะวิรัติ ซึ่งร่างกายจะได้รับโปรตีนจากธัญพืชจึงต้องบริโภคเมล็ดงาร่วมกับเมล็ดถั่วด้วย จึงจะได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นอย่างเพียงพอ ในเมล็ดงาจะอุดมไปด้วยวิตามินบีทุกชนิด (ยกเว้นวิตามินบี 12) ซึ่งจะช่วยในการบำรุงสมอง ประสาท และป้องกันโรคเหน็บชา ส่วนเกลือแร่จะมีมากถึง 4.1-6.5% ที่สำคัญ ก็คือ พวกธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แคลเซียม และฟอสฟอรัส โดยเฉพาะแคลเซียม และฟอสฟอรัสในงาจะมีอยู่มากกว่าผักชนิดอื่น ๆ ถึง 40 และ 20 เท่าตามลำดับ ดังนั้นงาจึงเป็นแหล่งของสารอาหารที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ที่อาจจะช่วยบรรเทาโรคบางชนิดได้ เช่น โรคเหน็บชา โรคปวดตามข้อกระดูก เป็นต้น
หลายๆอย่างที่กินแล้วเกิดประโยชน์ยังมีอีกมากมายหลายชนิด ขึ้นอยู่กับว่าเราทราบสรรพคุณของมันหรือไม่เท่านั้นเอง ไว้โอกาสหน้ามีเคล็ดลับดีๆจะนำมากเล่าให้ฟังอีก วันนี้ขอตัวไปเลือกขนมกินก่อนนะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น