คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การใส่ Sound Effect และ เทคนิคการปลูกความคิดแบบมิจิโกะ
เรื่องของ Sound Effect
**********************************************************
อันนี้เราจะพบเสียงซาวเอฟเฟคตามนิยายแฟนตาซี หรือ เสียงซึ่งเป็นองค์ประกอบในนิยายเช่น
ตูม!!! ซา!!!! เปรี้ยง!!!!
สามเสียงที่ยกตัวอย่างมา เดากันได้ใช่ไหมคะ? ว่าเสียงอะไร...
ตูม!!!! หินก้อนใหญ่ตกน้ำ.... (ใช่ไหมน๊า....) หรือว่า เสียงระเบิดที่ตึกเวิร์ลเทรด??? (ชักมิแน่ใจ)
ซา!!!! เสียงโทรทัศน์หาคลื่นไม่เจอ....(ใช่แน่ๆ..) หรือว่า เสียงทะเลซัดสาดตามริดหาด (ใช่แน่หรอ?)
เปรี้ยง!!!! อันนี้ชัดเลย เป็นที่นิยม เสียงปืนยิงกัน (ถูกแน่ๆ) หรือว่า เสียงฟ้าผ่ากลางทุ่งนา... (มีงี้ด้วย??)
คนอ่านไม่รู้หรอกค่ะว่า เสียงซาวเอคเฟคที่ว่ามา มันมาในรูปแบบไหน อันนี้มิจิจะบอกเทคนิคในการบรรยาย "เสียงซาวเอคเฟค" แทนการยกตัวอย่างเสียงนะคะ
บางทีก็มีบ้าง ที่นักอ่านเจอบรรดาเสียงซาวด์เอคเฟคแล้วนึกถึงเสียงนั้นไม่ถูก เพราะคนเขียน กะ คนอ่าน ไม่ใช่คนเดียวกันนี่คะ.... ดังนั้น การบรรยายจะยกตัวอย่าง เท่าที่มิจิจะช่วยได้...
- ตูม!!! เสียงระเบิดจากไนโตรเจนถูกจุดประทุขึ้นมา เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไปทั่วอาณาบริเวณ ความร้ายกาจของมันมีอานุภาพทำลายล้างมากมาย
- ซา!!! เสียงน้ำทะเลที่ซัดสาดฟองคลื่นตามริมหาด พร้อมกับสายลมที่พัดกลิ่นน้ำเกลือสู่ลมหายใจ ช่างทำให้สบายจนตัวเบาอะไรเช่นนี้
- เปรี้ยง!!! เสียงฟ้าผ่าที่ดังหลังจากฟ้าแลบเป้นเส้นทางจากฟากฟ้า นอกจากดูน่ากลัวแล้วยังส่งเสียงดังสนั่นสั่นไหวเขย่าขวัญจนผวาไม่มีสิ้นสุด พายุโหมกระหน่ำสายลมกรรโชกแรง ความโหดร้ายของธรรมชาติช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน
จากการยกตัวอย่างซาวเอคเฟค 3 เสียง มันมีความต่างกัน ระหว่าง
การใช้เสียงซาวเอคเฟคโดดๆ กับ การบรรยาย แทนการใช้เสียงซาวเอคเฟค..... ให้ความรุ้สึกที่ต่างกัน
ทีนี้ เพื่อนที่เข้ามาอ่าน... ลองใช้วิธีบรรยาย แทนการยกตัวอย่าง ซาวเอคเฟค กันดีไหมคะ? ^^"
เรื่อง เทคนิคการปลูกความคิดแบบมิจิโกะ
**********************************************************
1. เห็นอะไร ก็ใส่จินตนาการ
อย่างเช่น เห็นคนว่ายน้ำทะเล... ก็ลองจินตนาการว่า คนตกทะเล และกำลังขอความช่วยเหลือ และก็มีพระเอกลงไปว่ายน้ำเพื่อช่วยชีวิตขึ้นมา หรือ เห็นทำกำลังปั่นเครื่องดื่มผลไม้ ก็จินตนาการต่อไปว่า เห็นคนกำลังทำเครื่องดื่มที่ห้องทดลอง เป็นเครื่องดื่มสีฟ้าที่อิ่มเหมือนทานอาหาร... (ทำนองนั้น)
2. หยิบยกประสบการณ์ตัวเอง แล้วจินตนาการต่อ...
ถ้าวันก่อนมิจิขึ้นรถเมล์เดินทางไปมหาวิทยาลัย ก็จินตนาการว่า... เรากำลังขึ้นรถลีมูซีน (555+) และมีบริกรนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ ทั้งๆ ที่ชีวิตจริงเราจ่ายค่ารถเมล์ หรือ สงกรานต์ที่ผ่านมาเดินทางไปตจว. ก็จินตนาการว่า เรากำลังผจญภัยในต่างแดน พบเห็นสัตว์ประหลาดมากมาย ทั้งๆ ที่ในชีวิตจริง เราพบผู้คนเล่นน้ำบนท้ายกะบะ (ทำนองนั้น)
3. ฝันกลางวัน แล้วจินตนาการต่อ....
อย่างเช่น... เราฝันว่า เจองูกัด (โอ้ว... พบเนื้อคู่แน่ๆ) พอตื่นขึ้นมา ลองเอาความฝันมาเขียนนิยาย อย่างเช่น นางเอกกำลังเล่นน้ำตกที่สวยงาม เจ้างูร้ายแหวกว่ายน้ำหมายหาอาหาร และพบหญิงสาวกำลังเล่นน้ำอยู่อย่างไม่ระมัดระวัง เจ้างูพิษจึงลักลอบว่ายเข้าไปใกล้และฉกกัดหวังให้เหยื่อตายและกัดกิน พอดีพระเอกพบหญิงงสาวร้องเสียงดังเพราะความเจ็บปวดจึงรีบเข้าไปช่วย (งานนี้นางเอกเราเลยได้พบคู่เลย เพราะเจ้างูแท้ๆ) หรือ
ฝันว่า กำลังทานอาหารมื้อใหญ่ ก็จินตนาการต่อไปว่า กำลังอยู่ในงานเลี้ยง พระเอกกำลังมองอาหารมากมาย แต่ต้องละสายตาเพราะมีสาวสวยอยู่ในงานเลี้ยง แม้ความหิวจะถามหามากมายเพียงไร เขาอดได้ แต่คงอดใจไม่หมายตาที่หญิงงามผู้นั้นคงยาก... (เพ้อละ)
บางทีจินตนาการก็สร้างเรื่องสั้นๆ ได้หลายเรื่อง และก็นำสิ่งเหล่านั้นมาร้อยเรียงเป็นเรื่องยาว...
การจินตนาการ เป็นสิ่งที่ดีที่ทำให้เราได้ขีดเขียนเรื่องสนุกๆ ไว้สักเรื่อง
ไว้คราวหน้าจะบอกเทคนิคในการบรรยายสิ่งรอบด้านนะคะ... ^-^
ความคิดเห็น