ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อลวนเวทมนตร์ป่วนรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ ๒ วันที่ฟ้าสีหม่นกับคนขี้เหงา ( 60 เปอร์เซนต์ นะครับ )

    • อัปเดตล่าสุด 7 ธ.ค. 49


    ตอนที่ ๒ วันที่ฟ้าสีหม่นกับคนขี้เหงา

    “อยากเจอใครสักคน

    มาช่วยลบความเหงาที่ชอบเล่นกลกับคน คนนี้

    อยู่ข้างกัน สบตา พูดคำหวาน บอกหลับฝันดี

    อธิษฐานดาวตกคืนนี้ ขอมีคนดี เกี่ยวก้อยใจ

    มาเป็นคนพิเศษคู่ใจฉัน

    อยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่าทุกข์หรือสุขแค่ไหน

    เปลี่ยนความเหงาให้เป็นเงาของคนรู้ใจ

    เติมความอบอุ่นให้รักสดใส เปี่ยมความสุขใจ มีฉัน มีเธอ

     

    อาจเพราะว่าสายตาคู่นั้น มีอำนาจิเศษสะกดให้ใครต่อใครตกอยู่ในภวังค์

    เขายืนอยู่สุดถนนร่างสง่าเป็นจุดเด่นที่ใครผ่านไปมาต่างต้องหยุดมอง ผิดกับความรู้สึกภายในของเขาที่

    เบื่อหน่ายต่อสิ่งรอบกายเต็มทนไม่เว้นแม้กระทั่งผู้คนที่กระซิบและหัวเราะคิกคักโดยเฉพาะเด็กสาวซึ่งจับกลุ่ม

    ตรงหน้าเขาอยู่ตอนนี้

    “ไม่ไหวเอาเสีย ผู้หญิงในเมืองมนุษย์พวกนี้” เขาเบือนหน้าหนี มาดนิ่งแต่ท่าทีอย่างนั้นกับยิ่งถูกใจกลุ่มเด็กสาวมากขึ้น

    “บ้า.........แล้ว....ฉันเขินเป็นเหมือนกันนะ” สาวอวบถูกเพื่อนๆ อีก3คนดันหลังให้เข้ามาใกล้ ชายหนุ่มผู้ที่มีสายตาเข้มคู่นั้น

    “พี่ค่ะ ...พวกเราขอถ่ายรูปด้วยได้ไหม” เหมือนจะขวยเขินในตอนแรก แต่พอพูดคำหนึ่งออกมาได้ เธอก็ร่ายยาวต่อเป็นชุด

    “เป็นดาราหรือเปล่าค่ะ มาเที่ยว รอแฟน เขาได้แต่กระตุกริมฝีปากเล็กน้อยและฝืนยิ้มแห้งๆออกไปหนึ่งที

    พวกเธอรีบตอบแทนด้วยเสียงกรี๊ดลั่นไปทั่วบริเวณทางเดิน กล้องถ่ายรูปมือถือหลายเครื่องส่งแสงวูบไหวทำหน้าที่เก็บทั้งภาพคู่ และหมู่คณะ

    จากท่าทีขรึม ไม่นานนักเขากับรู้สึกมีชีวิตชีวา ยิ่งเมื่อมองรอบกายตอนนี้ ดูจะมีคนให้ความสนใจในตัวเขา

    มากกว่าการเดินเข้าไปจับจ่ายของในห้างหรูเสียอีก

    “พวกเจ้า มองแค่สิ่งเปลือกนอกเท่านั้นหรือมนุษย์” ระตูยิ้มกว้างดวงตาฉายแววความคิดอย่างที่ใครก็ยากจะรับรู้ได้

    ..........................

    เป็นเช้าวันใหม่ที่ติชิลา มีพลังวิเศษปลุกตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างมีความสุขเป็นล้นพ้น สาวน้อยเริงร่าหมุนตัวหน้ากระจก

    ร้องเพลงอย่างใจชอบเต้นระบำสนุกสนาน จะว่าไปแล้วก็คล้ายคนมีความรักยังไงยังนั้นไม่ผิดเพี้ยน

    ชุดกระโปร่งยาวลูกไม้สีชมพูสุดหวานเป็นข้อห้ามมิควรสวมใส่ยิ่งนัก ซึ่งว่าตามกฎเมืองเวทมนตร์แล้ว

    แม่มดจะยอมทำผิดธรรมเนียมข้อบังคับที่วางไว้ ก็ต่อเมื่อสิ่งนั้นมีความสำคัญยิ่งยวด ว่าแต่ว่าครั้งนี้

    ติชิลาเธอทำเพื่อสิ่งใด หรือเพื่อใครกันนะ

    ติชิลาในชุดสุดหวานเดินไปตามท้องถนนพร้อมความสุขกับรุ่งอรุณ แต่ทุกอย่างพลันสูญสลาย

    เพราะภาพตรงหน้าที่เห็นตอนนี้ โลกสีรุ้งสดใสเปลี่ยนเป็นสีเทาในพริบตา ขอบตาเธอร้อนผ่าวแทบ

    จะเผาผลาญทุกอย่างในโลกนี้ได้เลย

    นายต้นไม้ ยืนเกาะประตูรถคันงามป้ายแดง หน้าตาคล้ายจะบ่งบอกว่าเวลานี้มีเพียงแต่ตัวเขา

    และแม่สาวปากแดง ขนตาสีม่วงฉ่ำคนนั้นอยู่ลำพังสองต่อสองบนถนนสายนี้

    “บ้า........ฉันไม่ได้โกรธ เปล่าอิจฉา แค่หมั่นไส้นิดหน่อย” ติชิลาพยายามข่มอารมณ์ ปรามตนเองให้แจ่มใสเข้าไว้

    ทว่าผมหยิกสีแดงเพลิง เกิดปฏิกิริยาต่อความรู้สึกภายใน สนองความเคืองที่ก่อตัวอย่างรวดเร็ว

    แสดงอาการฟูฟ่อง ดูแล้วน่าขันระคนน่ากลัวพอๆ กัน

    “โอม .........เพี้ยง” เธอหลับตาลบสิ่งทีเห็นนั้นเสีย

    “โธ่.........เป็นอะไรไปนะเรา” ความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น ทำไมต้องยอมให้นายต้นไม้และหญิงสาวแก้มป่องคนนั้น

    มามีอิทธิพลทำให้เกิดอารมณ์โมโหร้ายกับโลกทั้งใบได้ถึงเพียงนี้ ติชิลาก้มหน้ามุ่ยสีหน้าเศร้าผิดกับชุดสวยสีชมพูแสนหวาน

    ความน้อยใจก่อตัวตามมาและพาลเกเรชวนให้เธอมองเห็นท้องฟ้าเป็นสีหม่นอย่างคนขี้เหงาชอบเอ่ยถึงกัน

    สาวน้อยอยากเข้าใจอะไรมากกว่านี้ อย่างน้อยก็เรื่องของจิตใจมนุษย์บนโลก ถึงแม้ตำรามากมายเคยกล่าวถึง

    ก็ดูเหมือนว่าความเป็นจริงแล้วมันยากจะหยั่งถึงยิ่งนัก เธออยากจะมีเกราะกำบังป้องกันตนเองจากสิ่งที่มองไม่เห็น

    ด้วยวันนี้ความอ่อนแอทำให้รับรู้ว่าโลกนี้กว้างใหญ่เสียจนตัวเธอเองกลัวที่จะตองเผชิญสิ่งต่างๆ ตามลำพัง

    “อ้าว...................ยายหัวรังนก ทำไมมานั่งอ้วนอยู่นี่คนเดียว” นายต้นไม้วิ่งเหยาะๆเข้ามาทักทายด้วยภาษาน่ารักมาก

    .............................. หน้านิ่งขอบตาแดง

    “เป็นไรจ้ะ.....ทำตาเยิ้มเชียวเธอ”เข้าใจพูดนะพ่อคุณ ติชิลาอยากจะกระโดดคว้าคอเสื้อ ต่อยหน้ายียวนให้หายแค้นยิ่งนัก

    “เปล่า” ติชิลาส่ายหน้าช้า ทำปากเบ้ น้ำตาเอ่อขึ้นมา

    “ไปกันใหญ่แล้ว ตะกี้หน้าบึ้งเป็นนางยักษ์ ประเดี๋ยวจะกันแสง” เขางงจึงได้แต่ยืนทำคิ้วชนกัน

    ครั้นจะเข้าไปปลอบ ติชิลาเองก็ยกมือขึ้นห้าม

    “ไม่ต้องมายุ่งเลย” เธอตวาดใส่ พร้อมกับอาการงอแงเป็นเด็ก

    “พิลึก แล้วยายบ๊อง” ต้นต่อท้ายประโยคด้วยการขำ หึๆ ในลำคอ

    “คน..... ผีทะเลฉันมารอนายตั้งนานแล้วนะ มัวแต่ทำตัวเป็นเจ้าเอ๋ง ชะเง้อคอเห่าเครื่องบินอยู่ได้”

    ติชิลาระบายความในใจที่อัดอั้นออกไปให้เขารับรู้ถึงความน้อยใจของตน

    “นี่ ..........เธอหมายความว่าอย่างไร” ต้นชักฉุน เขากอดอกวางท่าจิ๊กโก๋

    “ตรงตามที่พูด มิได้อ้อมค้อมแต่อย่างใด เจ้าค่ะ” ติชิลาเช็ดน้ำมูก ทำตาโตจ้องหน้าต้นไม้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน

    “อืมม์ คนที่ชอบจุ้นเรื่องชาวบ้าน จะเรียกว่ากะไรดีนะ” เขาเอียงตัวเข้าใกล้เธอ เม้มปากแล้วขยับซ้ายทีขวาที

    “เปล่า ฉันเปล่าจุ้น แล้วก็ไม่ได้แอบมองด้วย ประเจิดประเจ้อขนาดนั้น” ติชิลาทำจมูกย่น พ่นลมใส่หน้าต้นอย่างแรง

    “ยี้..........ผู้หญิงอะไร ไม่น่ารักเอาเสียเลย” กัดริมฝีปากล่างยกมือข้างหนึ่งขึ้นสูงหมายจะเขกที่หัวเธอสักที

    “แล้ว .....ใครเขาบอกให้รักล่ะ” พอเธอพูดจบ คนทั้งคู่ก็เกิดอาการนิ่งงัน พอนึกถึงคำพูดที่ตนเอ่ยออกไปได้

    บ้า .........บ้า........ที่สุด” ติชิลา เก้อเขิน อายม้วน ส่วนต้นก็เกาหัวยิ้มแก้มแดงไม่แพ้กัน

    “รัก..........อะไรกันเล่า ....... ร่างสูงโปร่ง รีบเดินไปคว้าจักรยานและผิวปากไปตามเรื่อง

    เขาทำคิ้วยุ่งพอนึกอะไรขึ้นได้อีกก็พึมพำกับต้นเองว่า

    “ยายเพี้ยน หัวรังนกเอ๊ย”

    ................................................

    ต้นเป็นคนอาสาปั่นจักรยานเอง เพราะเขายืนยันว่าอาการเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อวานหายดีแล้ว

    เมื่อเป็นอย่างนั้นสาวน้อยในชุดหวานจึงนั่งซ้อนท้ายปล่อยใจไปตามสายลม

    “หนักจังเลย ผู้หญิงจริงๆหรือเปล่า นึกว่าลูกหมูอู๊ดๆ เสียอีก” ติชิลาไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาเสียแล้ว

    ได้แต่นั่งนิ่ง มองถนนหนทาง พอเขาจอดรถเธอก็ทำหน้าที่ส่งของตามบ้านแต่ละหลังอย่างเสียมิได้

    “รู้ไหม ผู้หญิงน่ะยิ้มทีไร โลกก็สดใส สว่างล้ำเมื่อนั้น” เขาบอกเธอเผื่อว่าจะช่วยกระตุ้น

    ให้เปลี่ยนใบหน้าหงอยเหงาให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง

    “แต่คงไม่ใช่ฉันคนหนึ่งล่ะ” ติชิลาพูดจบก็ฉีกยิ้มกว้างให้เห็นเป็นขวัญตา

    ................................... ต้นไม้ถึงกับมองตาค้าง พร้อมกับการกลืนน้ำลายล้างคำพูดตนเองไปอึกใหญ่

    “เอ่อ .........ไม่ขอออกความเห็นดีกว่า” เขามุ่งหน้าปั่นจักรยานต่อไป และเธอก็ยังคงนั่งนิ่งอาการแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอดห่วงไม่ได้

    “เหลือฉบับสุดท้ายแล้วเดี๋ยวรับผิดชอบเอง ว่าแต่เธอจะให้ไปส่งที่ไหนไหม” เขาถาม

    “ไม่เป็นไรฉันอยากเดินเล่นเสียหน่อย“ ก้มหน้ามองพื้นถนน

    “แล้วพรุ่งนี้ ค่อยเจอกันนะ อย่าลืมสัญญาล่ะ” ต้นส่งเธอที่ริมทางเท้า เขายิ้มแก้มบุ๋มให้ติชิลา

    แล้วควบจักรยานจากไปด้วยความเร็ว แต่ก็ยังไม่ลืมหันหลังกลับมาโบกมือให้

    พร้อมยังทำหน้าตลกล้อเลียนเธอ หวังเรียกเสียงหัวเราะจากสาวน้อยหัวฟู

    ติชิลามองดูเขาจนสุดสายตา หัวใจเวลานี้เต้นตึกตักจนตัวเธอเองก็ไม่อาจควบคุมได้

    เพราะอะไรกันนะ ความรู้สึกเช่นนี้

    ................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×