คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำและแนะนำเนื้อหา
ภูเขาเหล็กสีฟ้าและศรัทธาที่หายไป
คงไม่ต้องจินตนาการอย่างในฝัน หรือสร้างมโนภาพใดๆ อีกต่อไปแล้ว เขายิ้มที่มุมปากมือหนึ่งจับหางเปียปัดไปมาใต้คาง สรรพสิ่งอย่างในนิมิตเมื่อเคยก้องอยู่ในโสตประสาทดูจะไม่แตกต่างกันเลยกับสิ่งที่สัมผัสอยู่ตรงหน้าตอนนี้
“ครืด...........ครืด ...........เคว้ง ......เคว้ง” หัวใจเขาเต้นแรงตามจังหวะเสียงเร่าๆ ซึ่งแผดก้องทั่วอาณาบริเวณโดยรอบ ลมหายใจเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าผู้ที่รักยิ่งจะรับรู้ได้ เช่นเดียวกันกับเขาก่อนที่วาระสุดท้ายจะมาถึง ครองสุขหลับตานึกย้อนไปถึงคำพูดของตนเองเมื่อครั้งเก่าก่อน
“ตา............วันหนึ่งเราจะไปที่ภูเขาเหล็กสีฟ้าด้วยกันใช่ไหม? ” ชายชราไม่ได้ตอบหรอก มีเพียงแววตาเปี่ยมสุขฉายอยู่บนใบหน้าเป็นตัวแทนคำพูดได้ดีอยู่แล้ว ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักตาก็ล้มป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้สายตาคู่เดียวกันนั้น แตกต่างจากที่เขาเคยเห็นยิ่งนัก เป็นไปได้ไหมว่าตาคนเดิมของเขาได้ไปรออยู่ที่ภูเขาเหล็กสีฟ้าเสียแล้ว รอเพียงแต่ว่าเมื่อไรตัวเขาจะก้าวผ่านไปหาเท่านั้นเอง และนั้นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อนำพาความหวัง ความฝันสุดท้ายของผู้ที่รักยิ่ง บ่ายหน้าไปให้ถึงจุดหมายให้ได้แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตทั้งมวล
...............................................................
หลังจากหลุดผ่านห้วงมิติสุญญากาศรูหนอนยักษ์เข้ามาได้ ครองสุขก็ประกาศก้องในใจตนเองว่า เขาจำต้องทำลายมันเสีย เจ้าเครื่องจักรที่เป็นตัวการประหัตประหารมวลมนุษย์ชาติ เพราะตระหนักดีว่าสงครามใดจะเลวร้ายกว่า ความโลภ ความบ้าอำนาจ ไม่มีอีกแล้ว ด้วยล้วนเป็นตัวเพาะบ่มสร้างศัตรูตัวฉกาจต่อโลก ทำให้คนเราต้องมาหักหาญปลิดชีพกันเพื่อการครอบครองอย่างไร้เหตุผล แม้จะต้องใช้ร่างกายมากมายกี่แสนกี่ล้านคนทับถมเป็นภูเขา เพื่อให้ตนเองได้ยืนอยู่ในมุมที่สูงกว่าใครก็ตาม
ครองสุขเข้าใจดีว่าไม่ใช่อำนาจวิเศษใดหรอกที่ทำให้เขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ ด้วยศรัทธาที่ตั้งมั่นต่างหาก ทำให้เขาค้นหาดินแดนเส้นผมบังภูเขานี้เจอ และจากใจที่หาญกล้าสองดวงซึ่งหนึ่งนั้นจากตัวเขาและอีกหนึ่งคือใจซึ่งมาจากร่างที่กำลังจะแตกดับส่งผ่านมาด้วยความรักเพื่อหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน เด็กหนุ่มสุขล้นยิ่งนักหลังจากได้ไขกุญแจเปิดสู่โลกอันงดงามและว่างเปล่าไร้ความกังวลใดๆ
“หึ.........หึ” บางครั้งอารมณ์ขันอาจช่วยกอบกู้สถานการณ์ที่ดูเหมือนจะเลวร้ายสุดกู่ตอนนี้ได้ หญิงต่างชาติสองนาง ในชุดรัดกุมลายพรางเล็งปืนพร้อมลั่นไกระเบิดสมองครองสุขได้ทุกขณะจิต ไม่มีคำพูดใดออกจากปากพวกเธอ แต่ก็รับรู้ได้ว่าหากเขาคิดก้าวขาออกจากจุดตั้งมั่น รับรองได้ว่ามัจจุราชคงมารับตัวเขาได้ในทันที
ครองสุขมองไปที่จุดซึ่งเรียกว่าหัวใจสำคัญของสิ่งก่อสร้างเครื่องจักรกล แสงสว่างจ้ายังคงล้อเล่นกับสายตาตลอดเวลา เทคโนโลยีสมัยใหม่แสดงจุดเคลื่อนไหวเป็นเส้นสูงต่ำ กระจายจากจุดวงกลมเล็กๆ เพิ่มรัศมีครอบคลุมพื้นที่กว้าง หากเขาเดาไม่ผิดเท่าที่ความรู้ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งพึงมี สิ่งนั้นคงมีชื่อเรียกว่า “สื่อ....ซึ่งใช้ส่งผ่านไปจุดต่างๆบนโลกใบนี้” สัญญาณคลื่นเสียง ส่งไปไกลเกินที่ใครจะคาดคิดและประเมินได้ว่าอานุภาพของเครื่องจักรกลนี้น่าเกรงขามสักเพียงใด
จากเสียงหัวเราะในลำคอ ครองสุขเปลี่ยนเป็นการขบฟัน ขู่คำราม “กรร กรร”
“Shut up” (หุบปาก) เป็นคำตะโกนฝ่าอากาศออกมาจากร่างขาวดวงตาสีน้ำขาว เกิดเสียงสะท้อนภายในห้องเหล็กสีฟ้า ทำให้ขนสันหลังลุกดีทีเดียว แต่ยามนี้ครองสุขหาได้กริ่งเกรงว่าวิญญาณของตนจะหลุดลอยไม่ เพราะเขาเข้าใจความหมายจากสายตาของผู้ที่รักยิ่งแล้วว่า สิ่งที่ตาเคยติดตามค้นหาด้วยความยากลำบากตลอดชีวิตที่ผ่านมานั้น หาใช่แค่เรื่องเล่านิทานใต้แสงจันทร์ไม่ ทว่าวันนี้เวลานี้ เขาได้ก้าวมาเหยียบเต็มสองเท้าแล้วและสำคัญกว่าอื่นใด เด็กหางเปียเจ้าตัวโชคร้ายประจำวงศ์ตระกูล คือผู้กอบกู้โลกได้สำเร็จอย่างที่เคยลั่นสัจจะไว้ไม่ผิดไปแม้แต่น้อย
“เคว้ง.........ครืด..............” เสียงเพรียกนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมขอบตาที่ร้อนผ่าวซึ่งเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำใส ไม่ใช่ความอ่อนแอในตัวเขาหรอก หากแต่คือผลลัพธ์จากความอิ่มเอมที่ยิ่งใหญ่ต่างหาก
“ปัง ...............ปัง” ลูกกระสั่นฝ่าอากาศมุ่งตรงมายังครองสุขอย่างไม่ผิดเป้าหมาย เขาหาได้ขัดขืนหลบหนีไม่เพราะรู้ดีว่าภารกิจลับนั้นได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ร่างสูงโปร่งฟุปกองลงกับพื้นอย่างสง่างาม เป็นเวลาเดียวกันที่แสงสีทองส่งประกายเรืองรองอย่างอัศจรรย์ใจออกมาจุดรวมแสง
ภาพแห่งฝันร้ายและความหวาดกลัวที่เคยหลอกหลอนเลือนหายไปทีละน้อย และเวลานี้กับมีสิ่งมาเติมใจที่เคยว่างเปล่าของเขาให้เต็มเปี่ยม ความสว่างพร่างพราวมีอำนาจลึกลับ กลืนทุกอย่างหายไปเพียงไม่กี่วินาที ความมืดมิดเข้ามาแทนพื้นที่ ประสาทของการได้ยินลดน้อยลงไปจนมีค้าเพียงศูนย์ ครองสุขไม่อาจล่วงรู้สิ่งใดได้แม้กระทั่งการหายใจของตนเอง
“ใช่.....เขาทำผลงานชิ้นโบแดงไร้ที่ติลุล่วงไปได้ด้วยดี ความเลวร้ายหายไปจากโลกนี้ได้มาจากศรัทธาที่เขายึดมั่นสัมฤทธิ์ผล”
อำนาจจากความชั่วร้ายได้สาบสูญไป ชัยชนะของวันนี้คือความสงบ การปล่อยวาง อย่างที่มนุษย์เดินเท้าทุกคนต้องได้พบเจอ รอเพียงเวลาและวาระสุดท้ายของชีวิตเท่านั้นว่าเมื่อไรจะมาถึง จากนั้นภาพที่ปรากฏในม่านตาของเขาคือ จุดเล็กๆ ที่กระพริบ อย่างเนิบนาบก่อนที่จะวูบหายไปในที่สุด
ครองสุขรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นยามรุ่งสาง ใน วัน เดือน ปี ที่เขายังมิอาจทราบได้ว่าตนเองหมดสติไปนานแค่ไหน เขาผลุนผลันลุกขึ้นจากเตียงนอนทันทีเมื่อรวบรวมแรงได้ “ตา” สองขาออกวิ่งไปยังจุดหมาย หากเมื่อมาหยุดอยู่ที่ห้องโถงของบ้าน แข้งขากับอ่อนล้าแทบจะพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ต่อไปไม่ได้ รอยยิ้มของตาจากภาพถ่ายบนหิ้งสูงส่งมาทักทายเขา
สายไปเสียแล้ว..........ตากับเขาอยู่กันคนละชาติภพ วันนี้ไม่มีตาแล้ว ใครจะเล่าเรื่องสนุกให้เขาได้ฟังอีก รวมไปถึงสิ่งที่เคยถวิลหา “ภูเขาเหล็กสีฟ้า” ก็เป็นเขาเองที่ลบมันออกไปจากแผนที่โลก โดยมีตาคอยนำทางให้เขาไปสู่ดินแดนสนธยาเพื่อปลดปล่อยความปวดปร่าซึ่งมีอิทธิพลต่อผู้คนทั่วหล้า ไม่มีแล้วเครื่องจักรกลที่เคยซ่อนตัวอยู่ในภูเขาเหล็กสีฟ้าซึ่งมนุษย์เป็นผู้สร้างเพื่อหวังปลิดชีพมนุษย์ด้วยกัน
ณ วันนี้ตาและภูเขาเหล็กสีฟ้า ความทรงจำในคืนวันเก่าก่อนก็หาใช่ว่าจะลดน้อยลงไม่ ยังคงเกาะกินใจจนทำให้เกิดคำถามที่ว่า แท้จริงแล้วศรัทธาของคนเรานั้นอยู่ที่ใด? เป็นไปได้ไหมว่ามันได้หายไปตังแต่แรกเริ่มที่เราลืมตาขึ้นมาดูโลกใบนี้ลี้หายไปอย่างไม่เคยส่งสัญญาณใดกลับมาอีกเลย
ความคิดเห็น