ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าหญิงฟันน้ำนมกับเจ้าชายหัวหมากฝรั่ง ตอน อัศวินล่องหน

    ลำดับตอนที่ #5 : รองเท้าแก้วของเจ้าชายอสูร

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 140
      0
      7 ก.ย. 49

     

    บทที่5 รองเท้าแก้วของเจ้าชายอสูร

     

                    บนโต๊ะอาหารเย็น ............ฝ่ายเจ้าของบ้านต้อนรับผู้มาเยือนด้วยอาหารมื้อพิเศษกว่าทุกวัน ทุกคนยิ้มแย้มกล่าวทักทายอย่างอบอุ่น  

    ไม่ว่าจะเป็นเสด็จยาย เสด็จพ่อ เสด็จแม่หรือ เจ้าชายครองสุข      ยกเว้นก็เพียงตัวเจ้าหญิงนั่นเองหละที่ทำหน้าฉงน     ก็จะทำไมล่ะถ้าไม่ใช่คำที่เสด็จแม่ให้เรียกคุณยักษ์ว่า   พี่ชาย    พี่ชายเหรอ.......เจ้าหญิงทวนคำสั่งเสด็จแม่อีกครั้ง    ดูยังไงก็เหมือนในรูป หนังสือท่องอาขยาน (ย.ยักษ์เขี้ยวใหญ่) หรืออาจจะมนุษย์จอมพลัง หนักกว่านั้นก็ คิงคอง ซึ่งคำนี้ถูกเตือนมาแล้ว จึงขอ งดใช้ชั่วคราวน

                   

     

     

    จะให้เรียกว่าพี่ชาย ได้ยังไง??

    รู้จักกันไม่เท่าไหร่ จะมาขี้ตู่เป็นพี่

    ไม่เคยอุ้ม ไม่เคย ขี่คอ ยังไม่รู้จักมักจี่

    พี่ชายหนูก็มี ออกจะแสนดี รักหนูจะตาย................

     

             

                    คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้วล่ะ ที่เด็กหญิงจะยอมรับผู้มาเยือนใหม่ได้ทันที    คิดได้อย่างนั้นก็เริมแสดง

    อาการเป็นเจ้าเข้าเจ้าของหนักขึ้นกว่าเดิม   แหม.......แค่หวงของนิดหน่อยเอง   อย่างนี้ต้องเริ่มจำกัดอาณาเขตแล้วล่ะ   

     

      เส้นเขตแดน.........

     

    .ชอล์กเขียนกระดานดำของเสร็จแม่ ถูกมือดีนำมาแต่งแต้มตำแหน่งผู้ครอบครองเขตแดน ซึ่งนิยามว่า

    อาณาเขต   หากมองมาแต่ไกลกับเหมือนชอล์กที่ใช้ขีดป้องกันมดแมลงเสียมากกว่า       เพราะเล่นขีดซะรอบผนังบ้านทั้งหลัง ไม่เว้นแม้กระทั้งประตูห้องน้ำ

     

                    หมู่นี้มดเยอะเหรอแม่ ทำไมพ่อเห็นขีดชอล์กทั่วบ้านเลย

    เสียงเสด็จพ่อร้องถาม     เมื่อหันไปเห็นล่องรอยของต้นเหตุ เพราะตามพื้นที่นั่งทานข้าวไม่ว่าจะรอบขาโต๊ะกินข้าวก็มีรอยชอล์กจางๆ อยู่

                    ไม่นะ .........ทำความสะอาดทุกวัน เดือนที่ผ่านมาก็พึ่งจะให้เขามาฉีดยาแล้ว

                      เสด็จแม่ตอบและพลางใช้สายตาสำรวจ

                    แม่ว่า...............พอจะรู้สาเหตุ ของที่มาแล้วเสด็จแม่ยิ้มและกลั้นหัวเราะก่อนจะพูดต่อ

                    สมัยก่อน พี่ชายแม่นะแอบเอาชอล์กที่โรงเรียนมาเล่นที่บ้าน        พอเล่นเสร็จแล้วไม่ยอมล้างมือ..รู้ไหมผลเป็นยังไง

     

                    เด็กทั้งสามคนตั้งใจฟังเป็นพิเศษ เสด็จแม่ยิ้มแล้วหันไปทางเสด็จยาย

     

                    มือก็จะขาวซีด........และคันเหมือนลิงไม่อยู่สุข .......บางคนถึงกับมือลอก      เพราะเล่นแล้วไม่ล้างมือ ยิ่งมาจับของกินเข้าปากนะ.........

    เสด็จยายพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงด้วยพลังพอที่จะทำให้เกิดเสียงเล็กนี้ขึ้น

     

                    มายยยยยยย........เชื่อ ยังไม่ทันจบเสียง เจ้าหญิงก็วิ่งไปในห้องน้ำ ทุกคนได้ยินเสียงน้ำไหลและเสียงสะอื้นอยู่นาน

     

    .......................................

     

                                    ห้องนอนของเจ้าชายครองสุข  คืนนี้ถูกแบ่งพื้นที่ใหม่สำหรับเด็กสองคน  ทุกอย่างดูรกมากขึ้น

    ด้วยเป็นประสงค์ของเจ้าของห้องนั่นเอง      คืนนี้เจ้าชายรู้สึกแปลกจะว่าอุ่นใจก็ไม่ใช่ อึดอัดก็ไม่เชิง  อาจเพราะยังไม่คุ้นหน้าและปรับตัวยังไม่ได้ ลูกพี่ลูกน้องเหรอ?

     

     แปลกที่ทุกงานเลี้ยงที่ผ่านมาไม่เคยมาให้เห็นหน้า       แถม เสด็จแม่เองก็ไม่เคยกล่าวถึง ตัวก็โตออกจะทึ่มอยู่ไม่น้อยเขาคิดในใจ           พอถึงพรุ่งนี้ยังต้องให้เราเป็นพี่เลี้ยงที่โรงเรียนด้วย   ตัวเขาก็ไม่รู้จะทำหน้าที่ได้ดีแค่ไหน     เพื่อนร่วมห้องเรียนคนใหม่เป็นญาติแปลกหน้าของเขานี่เอง      

    หนังสือเรียนของเจ้าชายถูกนำมากองที่โต๊ะอ่านหนังสือเสียแทบจะล้นโต๊ะ ต้องอวดกันเสียหน่อยแล้ว   เด็กชายสองคนหนังอ่านหนังสือเรียนกันคนละมุมห้อง          คืนนี้เจ้าชายกับไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรมากกว่าที่เคยเป็น เพราะเพื่อนคนใหม่ของเขา      เล่นอ่านหนังสือสะกดที่ละคำออกเสียงตะกุกตะกักหลายคำที่เพี้ยนจนตัวเจ้าชายเองกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้   แถมยังชอบแอบงีบหลับบ่อย     ยิ่งเวลาเข้านอนก็ตามมาด้วยเสียง

    คร่อก คร่อก     ฟี้

     

    เจ้ายักษ์ เจ้าชายเดินไปปลุก เหมือนไม่เป็นผล เพื่อนใหม่นอนยิ้มแฉ่งแถมปล่อยพลังเสียงหนักกว่าเดิม

    เจ้าชายคิดในใจหรือจะเป็นการดีนะ         อย่างน้อยก็รู้สึกมีเพื่อนอยู่ข้างๆ เขานอนคิดอะไรเพลิน   และก่อนจะหลับเจ้าชายก็ร้องอ๋อทันที คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับเขาแน่      ที่จะได้เพื่อนใหม่มาร่วมห้องอย่างนี้.......

     

    จะมีใครเสียล่ะถ้าไม่ใช่ เสด็จแม่ซึ่งเป็นผู้จัดการเรื่องนี้

     

     

    เก็บหนังสือใส่กระเป๋านักเรียน

    พร้อมด้วยกล่องเครื่องเขียนสีชมพูสุดหวาน

    ปิ่นโตน้อย ขวดน้ำน้องหมีเอาไว้ทาน

    สวัสดีค่ะก่อนออกจากบ้าน  จากกันไม่นาน เดี๋ยวเดียวก็มา

    รอรถรับส่งใจจดจ่อ

    ร้องเพลงรอเต้นระบำเริงร่า

    รถจอดปุ๊บประตูเปิด โบกมือทักทายล้าลันลา

    ตั้งใจเรียนนะพี่ชายจ๋า

    เอาไว้ถึงเกณฑ์ปีหน้า  ........ขอไปด้วยคน

     

     

                    ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนทุกครั้งที่    ในการยืนรอรถรับส่งไปโรงเรียน      ยิ่งสำหรับวันนี้ด้วยแล้ว  เจ้าชายครองสุข รู้สึกประหม่ากว่าทุกครั้ง  ที่ผ่านมาเขาเกเรไม่ไปโรงเรียนบ่อยครั้งเท่าไหร่ ความคุ้นเคยกับเพื่อนที่โรงเรียนและ สิ่งต่างๆเหล่านั้นกับยิ่งลางเลือนในภาพของความจริง      ต่างกับภาพในยามฝันซึ่งดูชัดเจนและน่ากลัวขึ้นทุกที

    เจ้ายักษ์ยืนอยู่ข้างตัวเขาและดูจะตื่นเต้นไม่น้อย    เด็กผู้ชายตัวโตยืนหมุน-ไปมาดูเหมือนจะขาดความมั่นใจใน ตัวเอง

     

                    เป็นไร อยู่ให้นิ่งๆหน่อยสิเจ้าชายปราม

                    เปล่า...........สำเนียงเหน่อของคนต่างถิ่นฟังแล้วอดขำเสียไม่ได้

                    เราว่า วันนี้นายโดนรับน้องอ่วมแน่เจ้าชายพูดพลางใช้เท้าวาดภาพบนพื้นดิน และรูปนั้นคืนรูปตุ๊กตาขอฝนถูกแขวนคอ

                    แต่ไม่เป็นไรหรอก .......ยังไงซะ เราก็มีหน้าทีดูแลนายอยู่แล้ว    ถึงความจริงนายต่างหากที่ต้องมาคุ้มครองเรา.........จริงไหม

                    ............................เจ้ายักษ์ทำหน้างง

                    ไม่น่าเชื่อ ว่าแม่จะเลือกคนผิดนะ...........เมื่อไหร่ถอดรูปแล้วบอกเราแล้วกันเจ้าชายทำหน้ากวน

                    ไม่เห็น จะเข้าใจ .......นายคงต๊องเหมือนที่พ่อเราบอกเจ้ายักษ์ทำหน้าล้อเลียน

     

     

    ..............................................

     

                    บนรถรับส่งของโรงเรียน ซึ่งเป็นจุดต้นทางในการรับส่งนักเรียน แต่เด็กก็เกือบจะครึ่งคันรถแล้ว  ดูเหมือนจะเป็นข่าวใหญ่และเป็นเรื่องเดียวที่หลายคนบนรถพูดถึง

     

              ต้องมีอะไร ที่ไม่ธรรมดา.........

                    ยิ่งกว่า........มนุษย์จอมพลัง หรือเจ้าตัวเขียว

                    ดูสิ .........หายไปวันเดียวมีสมุนเป็นยักษ์มาคอยคุ้มกัน

                    เจ้าตัวประหลาดกับยักษ์ในตะเกียง .............เหมาะสมกันจริงๆ

                    ดีนะที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับฉัน

    นี่.......................ไม่มีเรื่องอื่นจะพูดกันหรือไง เจ้าชายทนเสียงข้างหูไม่ได้จึงตะโกนออกไป

    หลายเสียงเงียบลงแต่ยังพอจะได้ยินเสียงกระซิบและพึมพำตลอดการเดินทาง

                   

     

    เป็นเพื่อน กับฉันได้ไหม ..........

    ยามเธอเหงาใจ ฉันจะอยู่เคียงข้าง.....

    เล่นสนุกด้วยกัน หากเศร้าจะแบ่งเบาทุกอย่าง

    ในยามที่อ้างว้าง ก็จะไม่ห่างไปจากเธอ

    เป็นเพื่อนกับฉันได้ไหม………

    จะตอบแทนด้วยความจริงใจ.....ที่มีให้เสมอ

    กอดคอกันไว้ สัญญาใจ นะเพื่อนเกลอ

     อุปสรรคที่ต้องเจอะเจอ จะมีฉันเสมอ ตลอดทาง

     

     

                    โรงเรียนรถไฟ เจ้าชายให้ชื่อนี้ ตั้งแต่แรกเข้าโรงเรียนเมื่อครั้งเป็นเด็กอนุบาลหนึ่ง    เพราะเมื่อมองไปหลังรั้วไม้สีขาวจะมีทางรถไฟที่ทอดตัวยาวออกไปไกลจนลับตา      และสุดขอบฟ้านั้นก็จะมี เจ้าวัตถุแท่งสีน้ำฟ้าซึ่งมีเสาสูงต่อยอดตั้งตระหง่านอยู่นับร้อย

     

    มันคืออะไร ตัวเขาก็ไม่ทราบเด็กหลายคนก็สงสัยแต่ไม่มีใครอยากจะหาคำตอบนัก    ด้วยรอบรั้วมีหอคอยสูง  และสายตาเฝ้าดูจากกล้องวงจรปิดอยู่ทุกฝีก้าว   นอกจากนั้นต้นไม้ใหญ่น้อยที่เหมือนกำแพงชั้นดีที่ขึ้นอยู่รอบโรงเรียน     ก็มักจะมีเรื่องเล่าต่างๆพลอยทำให้เด็กหลายคนลืมความอยากรู้อยากเห็นนั้นไปเสีย

     

    ......................................................

                    หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เจ้าหญิงองค์น้อยก็ว่างเสียแล้ว เหมือนทุกวันที่ต้องนั่งเล่นเพียงลำพัง บางครั้งก็ออกไปวิ่งเล่นที่สวนหลังบ้านบ้าง      หรือไม่ก็ไปวุ่นกับเสด็จยายแถวสวนกล้วยสนุกบ้างโดนดุบ้างก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร      เพราะเจ้าตัวยุ่งอย่างเจ้าหญิงใคร่รู้เสียทุกอย่าง

     

              ทามมมม ไมต้อง ปะ ปากๆ แด  แด แดง.....ด้วย

    เจ้าหญิงมองไปที่ตะกร้าหมากแล้วดมกลิ่น

                    อา........ร่อยไหม.....หนู...ขอหน่อย.......เธอทำหน้าเว้าวอน

                    เด็กเคี้ยวไม่ได้ เดี๋ยวเมาเสด็จยายบอก

                    มา เมา ตัว เหม็นเธอทวนคำ

                    ไม่ใช่ ยายหมายถึง เมาหมากพลู

                    มายๆๆๆๆไม่ดีนะ เจ้าหญิงทำนิ้วชี้ขึ้น เสด็จยายยิ้มอายๆ ไม่รู้จะตอบหลานยังไง

                    ยาย โตแล้ว.........ไม่ใช่เด็ก .......เคี้ยวเพลินน่ะ

    เสด็จยายยิ้มเห็นฟันดำ  และมีคราบน้ำหมากไหลจนต้องเอาผ้าขึ้นมาเช็ด

                    โหๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นา น่า กลัวนะ

              ยายยยยย ยายสอนหนู ทำ หนูจะไม่บอกแม่เจ้าหญิงกล่าวพลางทำเสียง จุ๊...................แล้วยิ้มที่มุมปากเป็นที่รู้กัน

     

    ....................................................................

     

                    ไม่มีได้มีเรื่องสนุกมากนักหรอกสำหรับวันนี้  เพราะเล่นสนุกได้ไม่เท่าไหร่ เจ้าหญิงก็ต้องมานอนกลางวันทั้งที่ยังไม่ง่วง  แต่ทุกครั้งที่เสด็จแม่ชงนมใส่ขวดให้ดูดแล้วกล่อมนอน      ก็ เหมือนต้องมนตร์สะกดแล้วยิ่งได้เจ้าหมอนคู่ใจอยู่ข้างๆ เจ้าประตูแห่งความฝันก็มาเคาะประตูเรียกกันเป็นประจำ บางวันเจ้าหญิงก็เหนื่อยจากการเล่นสนุกยามเช้า  ช่วงนอนกลางวันก็จะนอนนานมากยิ่งขึ้นพลอยทำให้พลาดโอกาสในการท่องโลกไปหลายครั้ง  เจ้าหญิงไม่เข้าใจในเรื่องความฝันตอนกลางฝันเสียเท่าไหร่เพราะบางครั้งความฝันที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องจริงเสียมาก

    กว่า    เสียงคุ้นหูและความรู้สึกต่างๆเหมือนเกิดขึ้นจริงรอบกายครั้งนี้ก็เช่นกัน

     

                    โลกนี้คงหมดยุค เจ้าชายขี่ม้าขาว

    เลยไม่มีเรื่องราวโฉมงามกับแม่มดร้าย

    จะเหลือก็เพียงเจ้าชายผู้ถูกสาบให้เดียวดาย

    อยู่โดดเดี่ยวกับวันคืนอันโหดร้าย ตลอดมา

                    ....เป็นเจ้าชายอสูร ผู้เศร้าสร้อย

    ที่ได้แต่รอคอยรักแท้ให้มาหา

    เหมือนต้องคำสาป เป็นยักษ์ในตะเกียงที่ถูกจองจำตลอดมา

    ขอเพียงรักแท้  จากใจบริสุทธิ์อันล้ำค้า

    จะลบล้างมนตร์ตรา.....แล้วความสุขจะคืนมาดังเดิม.

     

     

              เจ้าหญิงรู้ดีว่าการแอบเข้าห้องคนอื่น เป็นสิ่งไม่ดี และไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่เมื่อนับ หนึ่งถึงสิบไปที่ร้อย

    ก็เถอะ      เธอก็ห้ามขากับใจตนเองไม่ได้ เอาเป็นว่าขออีกสักครั้งก็แล้วกัน เจ้าหญิงรู้สึกสำนึกผิดแต่ด้วยใจที่อยากรู้ ก็เอาชนะความถูกผิดไปเสียแล้ว

     

     

     

    โลกนี้มีอะไรมากมายมาย หากขวนขวายใฝ่รู้

    กับคำถามที่ว่า ทำไม .......เป็นเหมือนกุญแจไขประตู

    ให้กบตัวน้อยผจญสู่

     ดินแดนแห่งความรู้ คือโลกเรา

    มีปุจฉาก็มีวิสัชนา

    ติ๊กต๊อก...............ใช้สมองไขปัญญาขจัดความเขลา

    อย่าเก็บความสงสัย ไว้เพียงแต่ตัวเรา

    ความใคร่รู้จะช่วยขัดเกลา  เด็กตัวน้อยอย่างเรา  เติบโตงดงาม

     

     

     จะบาปมากหรือเปล่าเธอพึมพำ ไม่เอากระทะทองแดง หรือต้นงิ้วอย่างที่เจ้าชายขู่นะ     แล้วยังจะยัง ตระกูลยม อันประกอบไปด้วย ยมทูต ยมบาล ยมราชอีกแต่ละเรื่องของเจ้าชายเป็นภาพในฝันที่หน้ากลัวเป็นที่สุด

    เจ้าหญิงเริ่มไม่แน่ใจเสียเท่าไหร่ว่านี้คือภาพในฝันหรือเจ้าหญิงละเมอกันแน่ ห้องเจ้าชายดูรกและไม่เป็นระเบียบอย่างที่เสด็จแม่บ่นทุกเช้าจริงๆ ยิ่งตอนนี้ถูกแบ่งพื้นที่สำหรับคนสองคนแล้วดูเล็กลงถนัดตา

     

    พวกผู้ชายนี้ ต้องถูกจับไปฝึกความเป็นระเบียบเสียใหม่ เธอมองไปรอบห้องสิ่งที่แปลกตาและดูไม่คุ้นเคยเห็นคงจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ของผู้มาเยือน เสื้อผ้า หนังสือ กระทั่งรองเท้าเจ้าหญิงแอบหัวเราะ ยังกะของเสด็จพ่อ แถมมีกลิ่นเท้าตุ ๆแต่ก็ยังพอทนได้     หากเทียบกับกลิ่นบนหัวเจ้าชาย(หัวหมากฝรั่ง)ซึ่งโตขนาดนี้ยังไม่หายเป็นชันนะตุอีก  ขนาดกลิ่นเท้าแรงขนาดนี้ก็ยังพอทนกว่าเยอะ  …………..

     

    เจ้าหญิงก็หยุดนิ่งกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า เหมือนมีแรงดึงดูด กล่องไม้ขนาดเหมาะมือแอบซ่อนอยู่ข้างเตียง แต่ก็ไม่พ้นสายตาไปได้ อยากรู้จังเลยเก็บอะไรไว้นะ

     เจ้าหญิงคิด ติ๊กต๊อกในใจ  เปิด-ไม่เปิด มือน้อยเอื้อมไปหยิบกล่องไม้ สีแดงขึ้นมา กล่องภายนอกดูไม่ได้น่าสนใจเสีย     ดูแล้วก็ธรรมดาแถมไม่ได้ล็อคด้วยกุญแจ คงไม่ได้สำคัญเสียเท่าไหร่น่า

     หนูแค่อยากรู้ขอดูหน่อยนะพี่ชายยักษ์วัดแจ้ง เธอเอ่ยปากขอในใจ -----หนึ่ง-สอง-สาม เหมือนมีแสงแวบออกมามาจากตัวกล่อง       แสงนั้นสะท้อนตาจนเจ้าหญิงอุทานออกมา ยิ่งเมื่อเปิดกล่องไม้ออกจนเห็นสิ่งของนั้นเต็มตา เจ้าสิ่งนั้นก็สะท้อนแสงแวววับต้องใจนัก

     

      สะ สวย จางงงงงงง

     

     

     

    ....................................................

     

    เป็นช่วงพักเที่ยงที่หน้าเบื่อของเจ้าชาย เขาไม่ได้เบื่อโรงเรียน แต่เพื่อนๆต่างหากที่ชอบมองเขาเป็นคนพิเศษ     ซึ่งในกรณีนี้คนพิเศษหมายถึง กลุ่มเด็กที่ไม่สามารถเข้ากลุ่มกับเพื่อนได้ และยิ่งวันนี้เขามีคู่หูเป็นยักษ์ในตะเกียงเจ้าชายครองสุขก็ยิ่งเป็นเด็กพิเศษยิ่งกว่า

     

     คู่หูของเจ้าชายดูจะมีความสุขกับอาหารเที่ยงที่เสด็จแม่เตรียมให้ยิ่งนัก ไข่ตุ๋นกับกับข้าวผัดกุ้ง ที่โรงเรียนก็มีอาหารน่ากินเยอะแยะ      ขนมหวานก็เพียบแต่ทุกครั้งที่เปิดกล่องอาหารของเสด็จแม่ที่เตรียมให้ เขาก็อมยิ้มน้อยๆเสมอ     แม้เวลาเปิดออกบางครั้งจับได้ว่าเจ้าหญิงน้อยแอบชิมอาหารของเขาอยู่เป็นประจำ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ดูเหมือนไข่ตุ๋นมีรอยนิ้วจิ้มเป็นรูตรงกลาง

     

    อร่อยนักเหรอเจ้าชายถามคู่หู

    อืม.........หร่อย พ่อไม่เคยทำให้กิน อย่างมากก็ได้เงินมากินข้าวเที่ยง

    เจ้ายักษ์พูดทั้งที่ข้าวเต็มปาก

    แล้วนายมาที่นี่ทำไม

    อืมมมมมมมมเขาส่ายหัว แล้วหันไปดื่มน้ำอึกใหญ่

    ไม่รู้........ แปลกนะแล้วไม่คิดถึงบ้านเหรอ

    อยู่ๆเหมือนเขาจะอิ่มหรือไม่ก็มีอะไรติดคอ     คิดอีกทีอาจเดินเลี่ยงไปเพราะคำถามที่ไม่อยากตอบ

     

     พิลึกเจ้าชายพูด

     

                    เจ้าชายยังคงนั่งเล่นอยู่แถวนั้นสายตามองออกไปไกล วัตถุสีฟ้ามีเสาสูงยามนี้ดูแปลกตาไป อาจเพราะเวลาช่วงเที่ยง กระนั้นเจ้าชายคิดว่าตัวเองตาไม่ฟาดแน่ เพราะเหมือนว่าเสาสูงที่ถูกต่อยอดขึ้นไปจากวัตถุสีฟ้านั้น คล้ายมีแสงบางอย่างส่งออกมา อะไรกันนะ

     

    สงสัยล่ะสิเสียงนั้นมาจากข้างหลัง ทำให้เจ้าชายสะดุ้ง เป็นเจ้ายักษ์นั้นเอง

    นิดหน่อย เขาทำหน้าเหมือนไม่ได้เกิดอะไรขึ้น

    รู้ไหม..........เมื่อก่อนที่นั้นมีเรื่องเล่ามากมาย........

     แล้วยังไง   มันลึกลับมากนักเหรอ

    นายเห็น เจ้าเหล็กสีฟ้านั้นใช่ไหม ...........พวกผู้ใหญ่เข้าเรียกมันว่า สื่อ........

    สื่อ .......เจ้าชายทวนคำพูด

    แม่นแล้ว.............สื่อ

    นายรู้เรื่องอะไรอีก..............เจ้าชายสนใจขึ้นมาทันที

    ฮ่าๆๆๆๆๆ.......เรื่องหลอกเด็กว่ะเจ้ายักษ์หัวเราะรวน

    ตลกนักเหรอ.........เจ้ายักษ์

    ไม่รู้สิ .........ก็แค่ที่บ้านฉันมีรูปถ่ายไอ้เจ้าแท่งเหล็กสีฟ้าพวกนั้น พอฉันถามพ่อ พ่อก็โมโห แถมห้ามให้ฉันยุ่งเรื่องพวกนี้อีก

    นายเรียกมันเจ้าแท่งสีฟ้า ว่าอะไรนะเจ้าชายถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    สื่อเจ้ายักษ์ตอบด้วยเสียงชัดเจน

     

    หรือจะเป็นเจ้าสิ่งนั้นที่เป็นตัว สื่อ เชื่อมโยงเจ้าชายกับเรื่องบางอย่างและวันนี้เจ้ายักษ์ก็ทำให้ภาพบางอย่างกระจ่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น  …………..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×