ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าหญิงฟันน้ำนมกับเจ้าชายหัวหมากฝรั่ง ตอน อัศวินล่องหน

    ลำดับตอนที่ #13 : เจ้าหญิงองค์สุดท้ายในดินแดนคนบาป

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 123
      0
      7 ก.ย. 49

    บทที่ 13  เจ้าหญิงองค์สุดท้ายในดินแดนคนบาป

     

    เช้าตรู่ของวันใหม่..........................เจ้าหญิงครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยบนเตียงนอน  เธอพลิกตัวไปมาดูแล้วคล้ายคนขี้เกียจที่คอยให้แสงของดวงอาทิตย์ที่ผ่านมาจากทางช่องหน้าต่างเป็นตัวช่วยปลุก...............ร่างงามตอนนี้เหมือนผีดิบที่ใช้ผ้าห่มคลุมกายเลี่ยงความสว่างของอรุณรุ่ง

                    หากเวลานี้ได้อยู่ที่บ้านคงถูกปลุกด้วยเสียงของเหล่าสมุนเป็ดและห่าน   ซึ่งจำเป็นจะต้องรีบตื่นตัว    แล้วเก็บที่นอนล้างหน้าและคอยถือตะกร้าตามหลังเสด็จพ่อ  ด้วยยามเช้าจะมีไข่เป็ดให้เก็บไปให้เสด็จแม่ทำขนมหวานไว้ทานในช่วงบ่ายของวัน ส่วนมากก็จำพวก ขนมฝอยทอง(จากไข่แดง)  ฝอยเงิน(จากไข่ขาว)  และของโปรดที่ชอบที่สุดเห็นจะเป็ดบัวลอยหลากสีกับไข่หวานลูกโต

                    ผ้าห่มผืนนั้นไม่มีความสามารถที่จะลดแสงของดวงอาทิตย์ที่ออกจะแรงเสียหน่อยสำหรับเช้านี้   เพราะเจ้าหญิงรู้สึกร้อนขึ้นมา

    แหม..........คุณแสงอาทิตย์ปลุกกันถึงเตียงเลยนะเธอเอ่ยขึ้น     จากนั้นก็ก้าวลงจากเตียงไม้ และเก็บเตียงนอนให้เรียบร้อย  ทั้งที่ใจจริงแล้วอยากที่จะนอนขดตัวเล่นอีกสัก สิบถึงยี่สิบนาที มองไปอีกครั้งที่เตียงนอนและเจ้าหมอนเน่าสมบัติชิ้นเดียวที่ติดตัวมาด้วยแต่ครั้งนั้น ก่อนจะตัดใจเดินจากไป

     

                    ขอบคุณค่ะที่เป็นเพื่อนกันทุกค่ำคืน

    ตั้งแต่หลับจนตื่น รู้ไหมสุขใจแค่ไหน

    ทุกราตรีที่เหนื่อยล้า ได้พักกายก็ชื่นใจ

    ถึงฝันร้ายแค่ไหน ใจก็บอกว่าเจ้ากลัวอะไร

    แค่ภาพลวงตา...............

                    ที่นอน ผ้าห่ม กับหมอนหนานุ่ม

    กลิ่นไอละมุนซุกซ่อนให้เราค้นหา

    มีเรื่องดี ดี ทุกครั้งในยามหลับตา

    อุ่นใจนักหนา  ทุกเวลา ที่ได้อยู่ด้วยกัน

                   

                    ..................................

                    แจกันดินเผาเขียนสีลายบ้านเชียง    มีดอกกุหลาบขาวก้านสูงอยู่ด้านในนับแล้วได้หกดอก    ข้างกันนั้นมีแก้วน้ำส้มคั้นตั้งคู่กับชุดอาหารเช้าสำหรับหนึ่งที่   ซึ่งดูจะแปลกเสียหน่อยสำหรับโต๊ะอาหารในห้องโถงใหญ่นี้    ที่ปกติแล้วทุกคนจะพร้อมหน้าในมื้อเช้า  เพราะถือเป็นมื้อพิเศษที่จะได้ร่วมประชุมกันของเหล่ากองพันอัศวินดำ

    ไปไหนกันหมดคะ.................   หญิงสาวทำคิ้วขมวดถามขึ้น

    ภารกิจลับ    แผนที่หนึ่งขอรับ     ชายกลางคนซึ่งเป็นพ่อบ้านตอบ

    ลับมากขนาด แหวนก็ไม่บอกกันนี่นะ......................พวกผู้ชายนี่ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่ค่อยจะฟังความคิดเห็นผู้หญิงเลยโลกที่ผู้ชายไม่ค่อยจะคิดถึงกันก็คือความรู้สึกของผู้หญิงนี่ล่ะ

    เอ่อ..............นายท่านคงไม่อยากให้คุณหนูไม่สบายใจมากกว่า ชายคนนั้นตอบแบบหลบสายตาใคร่รู้ของเจ้าหญิง

    ผิดถนัดค่ะ...........การที่ไม่รู้อะไรนี่สำหรับหนูแหวนแล้ว มันยิ่งกว่าเอามือปิดหูปิดตาปิดปากเสียอีกเป็นชุด

    ลุงว่า.............วันนี้นายคงต้องโดนข้อหาหนักแน่พูดจบก็หัวเราะในลำคอ

    แหมพูดยังกับว่า...........แหวนจะทำอะไรเขาได้เธอจบท้ายประโยคด้วยเสียงสูง

    อืม..............แต่ลุงว่าแค่สายตาหนูแหวนเวลาโกรธใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว

    จริงเหรอค่ะเจ้าหญิงทำตาโต

    เป็นอย่างนั้นจริง......................มีทั้งความงามแฝงความลึกลับอยู่ข้างในชายคนนั้นไม่ได้มองเจ้าหญิงเพราะเธอกำลังทำน่าทะเล้นใส่

    นี่.............หนูไม่ใช่แม่มดนะเธอนึกสนุกขึ้นจึงพูดต่อหรือว่า................หนูเกิดมาเพื่อสิ่งนั้นจริงๆ

    ชายวัยกลางคนทำหน้าฉงนแล้วตั้งใจฟังเป็นพิเศษ

    ว่าแต่ คุณหนูแหวนเกิดมาเพื่ออะไรขอรับ

    พูดแล้วเขินจัง...............อะแฮ่ม...........หนูเกิดมาเพื่อเป็นผู้พิทักษ์

                    ดูท่าชายกลางคนจะไม่ค่อยเข้าใจ สิ่งที่เจ้าหญิงพร่ำเสียเท่าไหร่   เพราะเขายิ้มกลบเกลื่อนความไม่รู้แล้วก็ขอตัวจากห้องโถงไป

                    ทำไมชอบทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงกันนะ ..........ผู้ชายบ้าพลัง.......พี่ยักษ์ เจ้าหญิงมองไปที่ดอกกุหลาบสีขาวในแจกัน     แล้วความรู้สึกหนึ่งแวบเข้ามา    ด้วยที่กลีบของดอกไม้เริ่มเปลี่ยนสภาพจากความสดชื่นเป็นเหี่ยวเฉาภายในไปเวลาไม่ถึงนาที   จากนั้นก็หลุดล่วงจากก้านยาวจนหล่นกองเต็มโต๊ะไม้ตัวนั้น.......มันเกิดอะไรขึ้น

     

    ……………………………………..

     

    แมวดำตัวหนึ่งโผล่ออกมา   ไม่มีใครรู้ว่ามันหลบซ่อนอยู่ที่ใดในห้องนี้มาก่อน     สายตาที่จ้องมองมาที่เจ้าหญิง     แฝงไปด้วยความไม่หวังดีเป็นที่สุด   มันก้าวขาเชื่องช้าอย่างไม่เกรงใจเจ้าถิ่นออกจากที่ซ่อนและร้องเหมียวด้วยความดังพอประมาณที่จะทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องนั้นสัมผัสได้

    ไม่ใช่..........ที่เธอจะมาเดินเล่นนะเจ้าแมวป่า

    เหมียว..........เหมียวไม่ได้มีทีท่าสนใจแถมยังเดินส่ายก้นไปมาเหมือนเป็นการถ่วงเวลา

    มานี่มา.................หิวไหม

    ....................      แมวกระโดดขึ้นที่โต๊ะอาหารและ   จ้องมองด้วยสายตาที่เจ้าหญิงก็รับรู้ว่าไม่เป็นมิตรทีเดียว

    จากนั้นจากเสียงแมวเหมียวก็เปลี่ยนเป็นการขู่คล้ายสัตว์ป่า   ด้วยที่โต๊ะอาหารนั้นเป็นโต๊ะไม้   มันจึงได้แสดงการอวดเล็บเท้าให้เธอได้เห็นว่าคมกริบแค่ไหน

    ไม่เอาน่า..................หิวก็ขอกันดี-ดี นะเหมียว

                    เจ้าหญิงประเมินสถานการณ์ได้   เธอจึงลุกขึ้นยืนและมองหาเครื่องมือหรืออะไรซักอย่างที่จะรับมือกับสีขาที่มีท่าไม่เป็นมิตร

    ......................................

     

    ชายวัยกลางคนอ้าปากค้างกับภาพตรงหน้าที่เขาได้เห็น   ทั้งที่ในมือถือถาดผลไม้และอาหารอยู่   แต่มือที่ใหญ่เจ้าเนื้อนั้น        เวลานี้ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะประคองสิ่งที่อยู่ในมือไว้ได้

    เพล้ง......     ทุกอย่างลงไปอยู่ที่พื้นเสียหมด   ผ้าคลุมสีแดงผ่านหน้าเขาไป กลิ่นหอมของดอกไม้ป่าชวนให้หลงใหล   แต่เมื่อสูดดมเข้าไปทำให้แถบจะคลั่งขึ้นมาทันที

    ...........คุณหนูนะ นะ หนี   เป็นเสียงแหบพร่าแต่ก็ดังพอที่จะให้ ใครสักคนได้ยิน

    ชีวิตตาแก่อย่างเจ้ามันสำคัญน้อยกว่าคนอื่นหรือไง.....ถึงได้เป็นห่วงเขานัก   เสียงเย็นสงบออกมาจากผู้สวมหน้ากากสีขาว     ที่บดบังหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง มีเพียงปากสีฉาดซึ่งเขามองเห็นได้ว่ากำลังการร่ายมนตร์ดำ   เป็นผลให้ร่างหนาของเขาแข็งทื่อและชาไปทั่วทั้งตัว      ผมขาวสยายและสะบัดหนึ่งทีคล้ายมีเหล็กแหลมที่ซ่อนอยู่ภายใน

    จากอาการชาที่ร่างของเขา  ก็ตามด้วยความปวดร้อนด้วยหนามแหลมคมที่ทิ่มแทงยังร่างเขาอย่างนับไม่ถ้วน

     

                    ................................

                    กองพันอัศวินดำดูจะมีชัยในการบุกเข้าช่วยเหลือสหายที่ถูกจำคุมตัวไปเมื่อครั้งนั้น      เสียงฝีเท้าม้าที่ควบด้วยความเร็วสูง     เพื่อหลบสายตาผู้ไม่ประสงค์ดีโดยเฉพาะฝ่ายรัฐที่คอยเล่นงานอยู่    พวกเขาจะรู้หรือไม่ว่านั้นคือการวางแผนที่แยบยลของชาวต่างชาติโดยมีฝ่ายรัฐหนุนหลัง???

    หัวหน้ากองพันอัศวินดำ  มองเห็นภูเขาที่มนุษย์เป็นผู้สร้างขึ้นมา  บางอย่างทำให้เขาหนาวเขาไปถึงหัวใจโดยเฉพาะเสียงนั้นที่ได้สัมผัสกับมันอีกครั้ง

    ครืดๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   เขาหยุดอยู่ที่บริเวณที่โล่ง   ไม่ไกลเกินสายตาที่มองเห็นได้ ภาพนั้นคือภูเขาขนาดย่อมหลายลูกทอดตัวเป็นแนวยาว ไม่ผิดแน่........มันคือ

    ภูเขาสีฟ้า...........หรือในชื่อที่เขาคุ้นเคย........เจ้าแท่งเหล็กสีฟ้านั่นเอง

    ชายผู้เป็นสหายคนหนึ่งในกองพันอัศวินดำ  เขาพูดกับผู้หัวหน้ากองพันว่า

    ทางโล่งขนาดนี้........ดูท่าจะเป็นแผนที่เขาเรียกว่า หลอกเสือออกจากถ้ำแล้ว

    ข้าหวังว่า........นั้นเป็นแค่ความคิดของเจ้าเท่านั้นนะสหาย เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและก็อดคิดไปไม่ได้   ด้วยรูปการแล้วมันน่าจะมีการป้องกันแน่นหนามากกว่านี้

    เรารีบกลับกันเถอะ   ท่าจะไม่ดีแล้ว เจ้ายักษ์เอ่ย

                    ไม่ช้ากองพันอัศวินดำ  ก็หายไปจากสายตาของผู้ที่ซุ่มเฝ้ามองอยู่นับร้อยชีวิต

     

    .........................................................

    ภายในปราสาทไม้หลังใหญ่     เด็กหนุ่มถือหนังสือสำหรับลงนามฉบับหนึ่งในมือ   เพียงแค่ยินยอมทุกอย่างก็จะลงเอยไปในแนวทางที่ดีตามที่ฝ่ายรัฐยืนข้อเสนอมา    ไม่มีการเสียเลือดเนื้อไร้การปฏิวัติหากเป็นจริงดังกล่าวอ้างก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีแต่ในความจริงแล้ว     เสียงทั้งหมดของประชาชนจะยอมถูกครอบงำทางความคิดอย่างนั้นหรือ            ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลผู้ที่มีความวิตกไม่ต่างจากเขา       ในเวลานี้ก็คงครุ่นคิดอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

     

    ท่านอาจารย์........ถึงเวลาที่เราต้องเลือกแล้วใช่ไหม เจ้ามิ่งขวัญเอ่ยขึ้น

    หากเจ้ามิ่งขวัญตรองดูแล้ว.........ผลดีในแง่ใดมากกว่า    ข้าพเจ้าคิดว่านั่นเป็นทางเลือกหนึ่งที่ให้ผลเสียน้อยที่สุด ครองสุขละสายตาจากรายงานผลการเดินระบบของเจ้าแท่งเหล็กสีฟ้า

    หากมีทางสายกลางคงจะดีไม่ใช่น้อย.......แต่ประชาธิปไตยอย่างที่ฝ่ายรัฐอ้างในสภาคือการเลือกในเสียงข้างมาก สีหน้าแสดงอาการลำบากใจ

    เมื่อใจสงบและมีสติแล้ว...........เจ้ามิ่งขวัญจะตัดสินทุกอย่างได้ด้วยตนเอง

    ฝ่ายรัฐให้คำมั่นในที่ประชุมสภาว่า........เราจะมีฐานะมั่งมีกว่าแต่ก่อน     ความเจริญจะทำให้ชีวิตสุขสบายเจ้ามิ่งขวัญพูดไปด้วยใจที่ไม่ได้เชื่อดั่งคำอ้างของสภา

    ตอบยากนะครับ.......หากเราเจริญทางด้านวัตถุเทคโนโลยีไปพร้อมกับการเจริญทางด้านปัญญาหรือจิตใจ ข้าพเจ้าว่านั่นถึงจะเรียกว่า ความเจริญที่งอกงามอย่างแท้จริง ครองสุขลุกขึ้นยืน    เขาใช้มือบีบที่ขมับตนเองเบาๆ

    เราอาจจะเป็นเจ้าองค์สุดท้ายที่ไม่สามารถปกครองเมืองนี้ได้แล้ว.....ดั่งคำทานายของสตรีผมขาวผู้นั้น           

    เวลานี้ภาระที่ยิ่งใหญ่และความหวั่นใจทำให้เด็กหนุ่มคิดไม่ตก เพราะแท้ที่จริงแล้วตัวเขาก็แค่เด็กชายผู้ที่จะก้าวไปเป็นชายหนุ่มในวันข้างหน้า   แต่ด้วยเชื้อสายที่สืบสกุลมานั้น   ทำให้เขาต้องรับหน้าที่เป็นเจ้ามิ่งขวัญผู้ที่ครองดินแดนที่เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ของชาวโลกแห่งนี้

    คำทำนาย....มันอาจเป็นแค่ภาพลวงตาหรือเป็นเส้นกำหนดที่เขียนให้เราเดินไป    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะเลือกเชื่อหรือไม่   ครองสุขใช้มุมมองของตน   เพื่อให้เจ้ามิ่งขวัญเข้าใจถึงความแตกต่าง

    เราว่า...............ท่านนอกจากจะเป็นอาจารย์แล้ว    หากยึดอาชีพหมอดูด้วยคงจะมีเงินทองเลี้ยงชีพได้มากโข   ผู้หญิงในเมืองคงจะชอบใจน่าดู

    คำกล่าวเกินไป ข้าพเจ้าไม่เคยดูดวงให้ใคร.......เพียงแต่ใช้หลักของเหตุผลมาช่วยวิเคราะห์ครองสุขยิ้มที่มุมปากและนึกขำอยู่ในใจ

    ...................................

     

    กลุ่มเมฆเคลื่อนตัวมาอย่างรวดเร็วอีกทั้งลอยตัวต่ำ   และลมพัดแรงผ่านกายร่างของเจ้ายักษ์    ไม่แปลกนักที่กองพันอัศวินดำจะตั้งรับสถานการณ์ทันที

    ข้าไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน..... เหล่ากองพันอัศวินดำ ต่างพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน

    เราจะฝ่าหรือจะถอยกลับดี ..........ท่านหัวหน้ากองพัน หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น

    มันอาจเป็นแค่ภาพลวงตา..........ที่ใช้บางอย่างสร้าง   เจ้ายักษ์มั่นใจอย่างนั้น เพราะนี่อาจเป็นฝีมือของใครที่ใช้เจ้าเครื่องมือนั่น (แท่งเหล็กสีฟ้า) หรือเป็นแค่เรื่องตลกของอำนาจมืดอย่างที่เขาลือกันผู้หญิงผมขาวที่รับใช้ต่างชาติ ซึ่งอาศัยอยู่ที่ปราสาทดินแต่ตัวเขาเองกับเรียกว่า    จอมปลวก

    ร่างสง่าควบม้าสีน้ำตาลฝ่ากลุ่มของเมฆสีดำที่มีสายฟ้าเล็กๆผ่าลงมาที่พื้นด้านล่างเป็นระยะ  เมื่อเขานับเลขในใจตั้งแต่หนึ่งถึงห้า  ก็จะมีสายฟ้าผ่าลงมาที่พื้นกลุ่มใหญ่      เป็นอย่างนั้นซ้ำไปมาจนทำให้พอจะเขาใจว่าธรรมชาติคงไม่บังเอิญจะนับเลขหรอกนะ

     

    ............................................

    หญิงสาวสองคนยืนอยู่คนละมุมห้องบนหอคอยสูง       ผู้หนึ่งในชุดสีแดงเพลิงสวมหน้ากาก    ส่วนอีกร่างอยู่ในชุดขาวสะอาดตาผมยาวสลวยสีดำของเธอตัดกับผิวยิ่งนัก

    ฉันหวังว่า.....เราคงจะไม่รู้จักกันมาก่อนนะ ริมฝีปากงามสีฉาดขยับไปมา

    ..............เจ้าหญิงเพ่งดูผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะว่าไปแล้ว........แต่งตัวแบบนี้ คงไม่ใช่คนดีเสียเท่าไร

    พูดได้น่ารักมาก.....มิน่าเจ้าถึงเป็นหัวใจของกองพันอัศวินดำ

    ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้ ก็เชิญกลับเถอะ.. ที่นี้ไม่คุ้นกับการตอนรับแขกพิเศษ   เจ้าหญิงผายมือเป็นเชิงส่งแขก

    ก็ได้.........แต่เธอต้องไปด้วย เสียงนั่นเข้มขึ้น    แถมลูกสมุนเจ้าแมวสีดำตัวใหญ่พลันครางเหมียวรับคำเจ้านายด้วย

                                    อาจเพราะวันนี้ไม่ใช่วันของเจ้าหญิง       ด้วยไม่สามารถที่จะขัดขืนอะไรได้เลย นอกจากผู้หญิงชุดแดงกับแมวสีดำแล้วยังมีผู้ติดตามสมทบมาอีก   คนเหล่านั้นอยู่ในชุดขาวมีทั้งชายและหญิงรวมแล้วหกคน  ต่างย่างสามขุมเข้ามาจับตัวเธอไว้     พวกเขาพึมพำด้วยภาษาลึกลับที่เธอเองไม่เคยได้ยินมาก่อน       เจ้าหญิงคิดหากพ้นจากพันธนาการนี้ไปได้    จากจุดนี้ไม่เกินสามก้าวกล่องไม้สีแดงคงจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้น     แต่เวลานี้สายเสียแล้วเธอจึงได้แต่นิ่งและก้มหน้าต่ำเพื่อไม่ให้ผู้มาเยือนอ่านสายตาได้ว่า...........ภายในห้องโถงนี้มีสิ่งหนึ่งที่ล้ำค่ายิ่งนัก    

                                   

                                    จงอดกลั้นความหวาดกลัวเอาไว้

                    ยิ้มรับความพ่ายแพ้ได้แต่ใจอย่าคิดถอย

                    วันนี้ไม่ใช่ของเรา ยังมีพรุ่งนี้ที่รอคอย

                    ความหวังอาจเหลือน้อย

                    แต่อย่าปล่อยให้หลุดมือ

                                    ไม่นานจะพบชัยชนะที่ยิ่งใหญ่

                    ก้าวต่อไปด้วยหัวใจของเด็กดื้อ

                    มีบทพิสูจน์  แพ้-ชนะให้ฝึกปรือ

                    แล้วสักจะมีดาวในมือ ให้เจ้าถือและครอบครอง

     

    .............................

     

    ท้องฟ้าคำรามประหนึ่งเกิดอาเพศร้าย      หากมองขึ้นไปด้วยตาเปล่าส่วนหนึ่งมีสีเหลืองปนแดงสดและกั้นกลางด้วยสีขาวไต่ระดับไปจนสีดำดูน่าเกรงขามเกินที่มนุษย์ที่อยู่ใต้ท้องฟ้าจะอดหวั่นใจไม่ได้

    ใบประกาศหลายสิบใบปลิวไปทั่วจากถนนในเมือง ตามแรงลมไปจนถึงป่าหนึ่งซึ่งลึกลับจนสายตาคนทั่วไปไม่อาจมองเห็นหากอ่านข้อความในนั้นจะทำให้ทราบว่า……………

     

     

     

    ครบรอบปีเวียนมาอีกคราหนึ่ง

    กราบเรียนถึงน้องพี่ชาวเมืองทั้งหลาย

    ร่วมเทศกาลวันหน้ากาก.....เสริมความสุขทั้งใจ-กาย

                    ขอให้ทุกข์มลาย  เงินทองมากมาย เกษมเปรมปรีดิ์

     

                    มือหนึ่งขยำใบปลิวกระดาษนั้นอย่างไม่เหลือชิ้นดี    สายตาเกรี้ยวกราดอีกทั้งแดงกล่ำมองไปบนท้องฟ้า

    ที่เวลานี้เหมือนเป็นใจกับคำพูดยิ่งนัก

    สมใจข้าก็ครานี้..........ธรรมชาติใช่สิ่งที่จะให้พวกเจ้ามาล้อเล่นได้   ร่างนั้นสนุกขึ้นอีกครั้ง    เมื่อหยาดฝนที่ร่วงลงมาจากฝากฟ้าจับตัวรวมกันเป็นก้อนน้ำแข็งหลากหลายขนาด 

     หาที่หลบภัยให้ดีล่ะ....................พายุกำลังจะมา.....ฮ่า ฮ่าเสียงหัวเราะดังก้องขึ้นในป่าลึกลับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×