ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Blacklistแก๊งร้ายของยัยจอมโหด(ต่อ)

    ลำดับตอนที่ #5 : จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด100%

    • อัปเดตล่าสุด 6 ต.ค. 53


    มาอัพนิยายแล้วเจ้าค่ะ ผู้อ่านเบื่อที่จะติดตามผลงานหรืออะไรยังไงบอกกันได้นะคะ^^  ปอนไม่ว่ากัน   ขอแค่คอมเม้นเพิ่มก็พอใจแล้วค่ะ   ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่านนิยายร่วมไปกับ  TK  นะคะ  หวัดดีค่าา~

    ..............................


    บทที่ 13

    จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด

              หลังจากการแข่งขันเสร็จ   จากตอนแรกที่คิดว่าจะไปเลี้ยงฉลองหลังจากลงเวทีเลย  แต่แล้วกลับต้องเลื่อนวันฉลองไปอีก1  อาทิตย์เนื่องจากต้องเตรียมเคลียร์สถานที่และส่งคณะกรรมการถึงประตูบ้าน   ก็ทำให้หมดแรงไปตามๆกัน  พอวันถัดมาก็ติดสอบ  เราก็เลยใช้เวลาทั้งอาทิตย์ไปกับการเรียน  พอถึงวันที่ไปเลี้ยงฉลองกันวันนี้ก็เลยจัดการรวมทีมไปฉลองที่ร้านเดิมนั่นคือร้านหมูกระทะนั่นเอง  

              และคราวนี้ฉันไม่ต้องเป็นปัญหากับการไปเหมือนคราวที่แล้ว  เพราะครั้งนี้เล่นไปกันแบบเป็นคู่  แล้วเจอกันที่ร้านตามเวลานัดหมายเลยทีเดียว  ฉันเองก็ถูกโทโมะนัดแนะจัดแจงให้ฉันไปกับเขาโดยที่ยังไม่ได้ถามฉันซักคำ   เลยเป็นเหตุให้ฉันต้องมาเคาะประตูห้องเขา  เมื่อเห็นว่ามันเกินเวลานัดไปมากแล้ว

              ก๊อก!!ก๊อก!!ก๊อก!!(เสียงน้ำหนักมือทำให้รู้ว่าเริ่มจะกรุ่นๆแล้ว)

              ฉันเดินมาเคาะประตูห้องของนายโทโมะแต่ก็กลับไร้เสียงตอบรับของคนที่น่าจะอยู่ข้างในห้อง   จะเป็นไปได้ไงอ่ะ  ถ้าโทโมะจะออกไปแล้ว  ก็หมอนี่เป็นคนนัดว่าจะมารับฉันไปนี่

              ฉันเตรียมจะเคาะห้องอีกทีแต่ก็มีเสียงผู้หญิงดังลอดออกมาจากในห้อง

              “มาแล้วค่า   มาแล้ว!!”เสียงผู้หญิงดังออกมาจากห้องของโทโมะหรอ 0.0  แล้วเป็นใครกัน ?

              “หวะ...หวายO_O”ฉันต้องตกตะลึงทันทีเมื่อหวายเป็นคนมาเปิดประตู  เธออยู่ในห้องกับโทโมะหรอ  หรือว่าฉันเคาะห้องผิด?

              “อ้าว!!  แก้วเองหรอ  มาทำไมจ๊ะ”หวายยิ้มให้ฉันนิดนึงก่อนถามถึงสาเหตุว่าเหตุใดฉันจึงมาเคาะห้องนี้เปรียบดั่งห้องนี้เป็นห้องของเธอ

              “เอ่อ  สงสัยฉันเคาะผิดห้องน่ะ  ขอโทษด้วยนะฉันนึกว่าเป็นห้องของโทโมะ”ฉันเกาหัวแก้เก้อนิดๆ  แล้วเตรียมเดินจากอกมา  ถ้าไม่มีเสียงจากหวายฉุดรั้งฉันไว้ก่อน

              “เธอมาไม่ผิดห้องหรอกแก้ว  ฉันอยู่กับโมะน่ะ!”เสียงของเธอเหมือนเป็นหมอกควันอะไรบางอย่างที่ทำให้สมองฉันมึนงง  เธอบอกว่าเธออยู่กับโทโมะงั้นหรอ 

              “เอ่อ  งั้นฉันฝากบอกโทโมะด้วยละกันว่าเดี๋ยวฉันไปเอง”ฉันฝากบอกหวายไว้แค่นั้นก่อนเป็นฝ่ายที่เดินจากมา 

              ฉันเดินมาถึงรถของตัวเองด้วยความเลื่อนลอย  เหมือนถูกค้อนปอนด์ทุบอย่างไงอย่างนั้นเลย  พอขึ้นไปนั่งบนรถปุ๊บสิ่งที่เหมือนอัดอั้นเอาไว้ก็ไหลออกมา  ทั้งๆที่ฉันคิดว่าทั้งชีวิตมันจะไม่ไหลออกมาอีกแล้วนั่นคือ  น้ำตา  ฉันออกรถด้วยความเลื่อนลอย  ม่านน้ำตาเริ่มมากขึ้น...มากขึ้นเรื่อยๆ   ทำไมมันถึงออกมามากมายขนาดนี้  ฉันลองถามตัวเองว่าฉันร้องไห้ทำไม  ฉันเสียใจงั้นเหรอที่เห็นโทโมะอยู่กับหวาย  ทั้งๆที่....ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเลยซักนิด   แล้วฉันจะร้องไห้ทำไม?

              ฉันปาดน้ำตาทิ้งเมื่อเลี้ยวเข้าร้านหมูกระทะชื่อดังที่เคยมากับเพื่อนๆคราวก่อน  หาที่จอดรถแล้วสำรวจหน้าตัวเองอีกที  แสร้งยิ้มเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินลงจากรถไป...

     

    [::Tomo::]

              ผมรีบเดินกลับห้องหลังจากประชุมกันในวงของผมเสร็จลง   ทุกคนรีบแยกย้ายไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมแต่งหล่อไปรับสาวๆของใครของมันทันทีถึงมันจะก่อนเวลานัดชั่วโมงครึ่งก็เถอะ  แต่ผมจะรีบไปซื้อดอกไม้สักช่อมาให้คนที่ผมรักสักหน่อย 

              ผมพันผ้าขนหนูออกจากห้องน้ำเสร็จก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้อง  ผมเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียง  เอ๊ะ?ก็ยังไม่ถึงเวลานัดนี่หน่า  ทำไมแก้วมาเคาะประตูแล้วล่ะ  หรือว่าอยากเจอผมเร็วๆ^^ต้องใช่แน่ๆเลย  รู้ได้ไงเนี่ย  ว่าผมคิดถึง

              ผลรีบเดินไปเปิดประตูห้องทันทีโดยลืมไปว่าทั้งร่างกายพันผ้าขนหนูไว้แค่ผืนเดียว   พอเปิดประตูคนที่อยู่ข้างหน้าผมกลับไม่ใช่อย่างที่ใจคิด  แต่กับเป็น...

              “เธอมีธุระอะไร หวาย”ผมถามเสียงเครียด  เพราะถ้าใครมาเห็นผมอยู่ในสภาพนี้คงโดนซุบซิบนินทาจนลอยไปกระทบหูแก้วแน่ๆ

              “โมะอ่ะ  ทำไมชอบทำเสียงเครียดกับหวายอยู่เรื่อย  หวายก็แค่เอาน้ำส้มมาให้โมะเท่านั้นเอง  หวายคั้นเองเลยนะ”หวายพูดพร้อมกับชูแก้วน้ำส้มที่บรรจุน้ำส้มสีสวย  ผมพูดขอบคุณ   รับแก้วน้ำส้มมาไว้ในมือเตรียมจะปิดประตู

              “โมะเดี๋ยวสิ  หวายขอเข้าไปข้างในหน่อยได้ไหม”

              “เธอจะเข้ามาทำอะไร  ฉันไม่ว่างหรอกนะ”ผมวางแก้วน้ำส้มไว้โต๊ะบนห้องรับแขกแล้วตะโกนคุยกับหวายแทน

              “ก็แค่ไปเก็บแก้วเท่านั้นแหละ  โมะเปิดประตูให้หน่อยน้า”เสียงยังคงดังอยู่หน้าประตูห้อง  ผมคิดว่าถ้าแค่นั้นก็คงไม่เป็นไร  เลยเดินไปเปิดประตูให้หวาย

              “ใจจ้า^-^”หวายยิ้มอย่างน่ารัก  แต่สำหรับผม  ผมไม่หลงเสน่ห์หรอก  เพราะใจของผมมีแค่แก้วเท่านั้น

              ผมเดินไปหยิบแก้วมาดื่มน้ำส้มให้หมด  หวายจะได้รีบๆออกไปจากห้องซะที  พอหมดแก้วผมก็ส่งแก้วคืนให้หวาย  พร้อมจะเดินออกไปเปิดประตูให้ออกไปซะที  แต่ก่อนที่จะเปิดประตูผมก็รู้สึกมึนๆงงๆในหัว  พอหันไปมองหวายอีกทีก็ทันเห็นรอยยิ้มอย่างเป็นสุขจากใบหน้าของหวาย

              “ทะ...เธอ  +-+”หลังจากนั้นสติที่มีอยู่ในตัวผมก็พร่าเลือนและดับวูบลงในทันที

              “...หวายขอโทษนะที่ทำกับโมะแบบนี้   หวายก็แค่ไม่อยากให้โมะไปกับยัยแก้ว  ก็แค่นั้น....^-^

    [::End::]

     

              ฉันยังคงทำตัวเหมือนปกติ  เดินเข้าร้านแล้วมองหาเพื่อนๆ  พอเห็นแล้วก็เดินตรงเข้าไป  ทักทายทุกคน แต่ทุกคนกลับเงียบและมองมาที่ฉัน  จนแจมเอ่ยถามคำถามที่ฉันไม่อยากได้ยิน

              “แก้ว  แล้วโทโมะอ่ะ  ไหนว่าจะมาด้วยกันไง:]”พี่จงเบที่นั่งข้างๆแจมเลยกระทุ้งศอกเป็นการเตือน  ความเป็นพี่ชาย  พี่จงเบคงรู้ว่าฉันเป็นอะไร  หรืออยู่ในหมวดอารมณ์ไหน

              “เขาไม่มาแล้วน่ะ  แล้วทุกคนจะเงียบทำไม  เรานัดมาฉลองกันน้า  มากินกันให้เต็มที่เลย^-^”ถึงแม้ว่าฉันจะยิ้ม  แต่ก็เป็นการยิ้มที่ฝืนสังขารฉันจริงๆ

              “โอเคจ้า  งั้นแก้วไปกับเฟย์น้า  ไปตักเนื้อสรพัดสัตว์มาหม่ำกันดีกว่านะ”เฟย์ลากแขนฉันไปตรงซุ้มที่จัดวางอาหารหลากหลายชนิดวางเรียงรายเป็นตับ  เอ่อ#_#ที่อยู่บนโต๊ะนั่นยังไม่พออีกหรือไงนะ

              “แก้วอยากกินอะไรก็ตักเลยนะ  เหลืออะไรยังไงเดี๋ยวแจมก็จัดการหมดแน่ๆ^^”เฟย์เอ่ยอย่างขันๆแล้วคีบปลาหมึกใส่จาน 

              “อื้มๆ  เฟย์ตักแทนแก้วละกัน  พอดีไม่ค่อยหิวเท่าไหร่อ่ะ  เฟย์แก้วไปที่โต๊ะก่อนนะ  พอดีเมื่อยๆน่ะ”ฉันบอกเฟย์  เฟย์เลยกลับมาพร้อมฉันเลย  วันนี้โต๊ะต่อกันเพียงสองโต๊ะ ที่นั่งฉันเลยอยู่ตรงหัวโต๊ะ พอฉันนั่งลงปุ๊บ  เสียงกวนๆของป๊อปปี้ก็ดังขึ้นทันที่

              “แน่ะ!ๆๆ   นั่งหัวโต๊ะ  จะเป็นเจ้ามือหรอไงแก้ว”พูดไม่พอ  ยังเอาตะเกียบมาชี้หน้าอีก 

              “ก็ได้”ฉันตอบด้วยเสียงเนือยๆ  ไม่รู้จะพูดอะไรนี่หว่า  ไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับใครจริงๆ

              “เอ่อ...แก้ว  เป็นอะไรรึเปล่า  แก้วดูเครียดๆนะ”ฟางเอื้อมมือมาจับมือฉัน  เหมือนต้องการส่งความห่วงเป็นมาให้

              “ไม่มีอะไรหรอก  อย่าไปปวดหัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย  แก้วก็แค่ไม่สบายนิดหน่อยน่ะฟาง  ไปได้เป็นอะไรจริงๆ^^”ฉันยิ้มเหมือนต้องการตัดคำถามของคนอื่นๆอีก  ฉันรู้ว่าทุกคนเป็นห่วงฉัน  แต่ฉันก็อยากขอเวลาทำใจเรื่องที่จะเล่าเหมือนกัน  

              “เอาล่ะๆ  ทุกคนคร้าบบบ   มาชนแก้วกันหน่อยเร้วววว  ไม่ต้องรอใครแล้วคร้าบบบ”เขื่อนก็ยังพยายามสร้างสีสันให้กับทุกคนเรื่อยๆ  อย่างไม่หยุดหย่อน

              “เอ่อ  ขอโทษนะจ๊ะ  ใช่เคนตะป่าวอ่ะ”มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเคนตะ  พอเคนตะหันไปมองอย่างตกตะลึง  เธอเป็นใครกันนะ

              “พะ...พี่มดO.O!!~

              “เคนตะจริงๆด้วย เย่!!  พี่คิดถึงนายมากเลยรู้ไหม  ตั้งแต่เราเลิกกันนายก็ไม่ติดต่อพี่เลย”หา!!  ผู้หญิงคนนี้เคยคบกับเคนตะหรอ  ไม่น่าเชื่อ

              “อะ...เอ่อ  พี่ครับอย่าพูดถึงเรื่องที่มันผ่านมาแล้วเถอะนะครับ  เอ่อ...ผมมีฟะ...”

              “แต่เราก็เริ่มกันใหม่ได้นี่  พี่ยังรักเคนตะอยู่นะ  และพี่ก็รู้ด้วยว่าเคนตะก็รักพี่^^”เออ  ดีจริง  พูดเองเออเองซะงั้น  ผู้หญิงนี่ไงนะ - -*(แกลืมไปรึเปล่าแก้วว่าแกก็ผู้หญิงน่ะ)

              “พี่ครับ  ผมมีแฟนแล้วฮะ  ขอโทษนะครับ”โอว์!!  สุดยอดมากเคนตะ  นายโคตรแมนเลยอ่ะ!!

              “ไม่เป็นไรจ้า  พี่ก็แค่บอกไว้ก่อนเผื่อมีหวัง  ถ้ายังไงคิดถึงพี่ก็โทรหาได้นะจ๊ะ   พี่ไปก่อนนะ”เธอยื่นนามบัตรให้เคนตะก่อนที่จะเดินจากออกไป  ทิ้งความเจ็บช้ำใครกับใครบางคนที่นั่งข้างๆนายเคนตะนั่น

              “เอ่อ  ขนมจีนไปห้องน้ำก่อนนะ”ขนมจีนรีบลุกขึ้นก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำ   โดยมีเคนตะวิ่งตามไปด้วย  คนตาไวอย่างฉันก็พอมองเห็นน้ำตาที่คลอเบ้าก่อนที่ขนมจีนจะไป  งานนี้ฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องมีเคลียร์!!

              ฉันนั่งรอเวลาให้ผ่านไปเรื่อยๆ โดยที่กินไปเขี่ยไป  มันเหมือนว่าวันนี้ก็มีแต่อะไรที่แย่ๆไปหมด  ทั้งฉัน  ทั้งเพื่อน  เห้อ!!  เบื่อ!!  เมื่อไหร่จะได้กลับห้องซะที

              “แฮก!  ขอโทษที  มาช้าไปหน่อย”เสียงทุ้มๆที่แสนคุ้นเคยดังอยู่ที่หัวโต๊ะตรงข้าม   เขามองฉัน  และฉัน...หลบสายตาเขา  ฉันไม่กล้ามองดวงตาที่แสนอ่อนโยนคู่นั้นซึ่งบัดนี้มันกลับเหมือนต้องการจะขอร้องอะไรสักอย่างที่ฉันไม่รู้ได้  แต่ที่แน่ๆ ฉันไม่กล้าแม้จะเงยหน้าสบตาเขา

              “แกมาตอนเขาอิ่มกันแล้วไม่มาเลยจะง่ายกว่าไหมโมะ”พี่จงเบถามเสียงกวน  แต่หน้าพี่ดูจริงจังเหลือเกิน  ตกลงจะมาดีหรือร้ายเนี่ย - -^

              “เอาน่า  ยังไงมันก็ยังมาเก็บเศษอาหารทัน”เขื่อนพูดพร้อมกับรวบรวมทุกสารพัดเนื้อสัตว์ยำลงไปในจากเดียว  แล้วยื่นให้ตรงหน้าโทโมะที่ยังไม่ยอมนั่งซะที

              “แก้ว  โมะมีเรื่องอยากจะอธิบายให้แก้วฟังนะ  ไปคุยกันข้างนอกหน่อยได้ไหม”โทโมะพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งขอร้องกึ่งบังคับ

              “เอ่อ...อื้ม  ก็ได้”ฉันลุกขึ้นแล้วก้าวพรวดๆไปบริเวณสวนที่ตกแต่งอยู่หน้าร้าน  ซึ่งมีต้นไม้ปกคลุมรอบๆ  จัดไว้อย่างสวยงาม  รวมถึงไฟหลากสีที่ประดับประดาไว้บนต้นไม้ด้วย  ช่วยทำให้ภายใต้ความมืดมิดก็ยังมีแสงสีสวยซ่อนอยู่

              ฉันหย่อนตัวลงบนชิงช้าเด็กเล่นตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆบ่อน้ำพุขนาดเล็ก  ฉันฟังเสียงรองเท้าที่เดินตามเข้ามาแล้วหย่อนตัวลงชิงช้าตัวข้างๆ  แล้วแกว่งไปมาอย่างช้าๆ

              “มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะแก้ว...”เสียงโทโมะที่เจือไปด้วยความเสียใจเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบที่เกาะกุมหัวใจทั้งสองอยู่ในความมืดมิด

              “แล้ว...นายรู้หรอว่าฉันคิดอะไร”ฉันถามเขา  อยากให้เขาเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฉันฟัง  อยากให้เขาอธิบายทุกอย่างให้ฉันเข้าใจ  ไม่ใช่เงียบแบบนี้  ความเงียบน่ะ  มันไม่ใช่คำตอบที่ดีเสมอไปหรอกนะ

              “โมะเองก็ไม่รู้เหมือนกัน  แต่โมะอยากบอกแก้วว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆนะแก้ว  แก้วต้องเชื่อโมะนะ”โมะลุกขึ้นแล้วมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฉัน  มันยิ่งทำให้น้ำตาที่กักเก็บเอาไหวเริ่มไหลออกมา

              “แล้วหวายล่ะ นายจะไม่บอกฉันหน่อยหรอว่าเธอเข้าไปห้องนายได้ไง  นายจะบอกว่าเธอปีนหน้าต่างเข้าไปยังงั้นหรอถ้าไม่ใช่นายเองนั่นแหละที่เปิดประตู!!”ฉันไม่รู้สึกตัวว่าเริ่มขึ้นเสียงมากเรื่อยๆ จนกลายเป็นการตะคอก  ฉันไม่รู้ตัวว่าเสียงของฉันสั่น  เหมือนกับดวงใจของฉันที่ตอนนี้กำลังสั่นไหว  กลัว...ว่าเขาจะยอมรับความจริง...

              “โมะเป็นคนเปิดประตูให้หวายเข้ามาเอง...”โทโมะพูดออกมาเสียงแผ่ว  ถ้าบริเวณนี้ไม่เงียบสงัดฉันก็คงไม่ได้ยิน

              “อืม^-^เอาล่ะ  ฉันเข้าใจแล้ว  นายไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรนี่  ในเมื่อฉันก็เข้าใจทุกอย่างดีอยู่แล้ว!  ว่านายกับหวายเป็นอะไรกัน”ฉันส่งยิ้มเลือดเย็นไปให้เขา  ที่เหมือนคนแปลกหน้า...ไม่รู้จัก...ไม่คุ้นเคย..

              “แก้ว...”เสียงที่เขาเรียกฉันเหมือนกระซิบ  แต่ฉันไม่ต้องการฟังอะไรอีกแล้ว  ฉันไม่อยากได้ยินเสียงหรือเห็นหน้าเขาอีกแล้ว  ฉันลุกขึ้นยืนเตรียมตัวจะเดินกลับไปที่รถ  แต่มือที่เคยอบอุ่นแต่ตอนนี้กลับดูว่างเปล่าเอื้อมมาจับมือฉัน  สมองอยากสั่งให้สะบัดทิ้ง  แต่ใจกลับสั่งให้หยุดนิ่ง  ใจฉันมันอยากรอ...ซึ่งฉันเองยังไม่รู้เลยว่าหัวใจต้องการรออะไร

              “ฉันรักเธอ...โมะรักแก้วนะ  รัก...จนไม่อยากจากแก้วไปไหนอีก  รัก..จนไม่อยากให้แก้วห่างจากโมะ  รัก...จนไม่อยากให้เราไกลห่างกัน  รัก...ที่จะได้รักแก้ว....”น้ำตาของฉันยังคงไหลต่อเนื่องเหมือนมันไม่สามารถหยุดได้  ก่อนที่หัวใจจะสั่งการ   สมองบ้าๆก็สั่งให้ทำสิ่งที่ตรงข้ามกับใจออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

              “กลับไปหาหวายเถอะ  เราเป็นแค่เพื่อนกัน  เธอเองคงต้องการนายมากกว่าฉัน..”พอพูดจบฉันก็รีบเดินจากมา  ทิ้งความเจ็บปวดและน้ำตาไว้กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขารักฉันหมดหัวใจ....

              ...ถึงแม้ที่จริงแล้วฉันก็รักเขาหมดหัวใจเช่นกัน...


    .................................................................................

    ถึงตอนนี้แล้วผู้อ่านอยากให้รักออกมาเป็นแนวไหนบ้างคะ

    เพื่อน....คนรัก....หรือคนแปลกหน้า....

    เรารักเขา  เขารักเรา   แต่หัวใจสองดวงไม่อาจรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้

    เพราะมี'คนอื่น'เข้ามาแทรกกลางระหว่างความรัก

    ช่วยกันติดตามด้วยนะคะ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×