ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Running of the Dead

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 57


    ตี๊ดดดดด ตี๊ดดดด ตี๊ดดดดด 

    ปิ๊บ

    “ฮัลโหล”

    “......”

    “ฮัลโหล ใครคะ”

    “.....แก”

    “เอ๊ะ!?”

    “....จ...จะ....ฆ่า...ก....แกกกก”

    “กรี๊ดดดดดดด”

    ตุบ คลึก ๆ!! เสียงคว้างโทรศัพท์ไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องของเด็กสาวมัธยมปลายคนหนึ่ง ซึ่งได้รับสายแปลกๆ เสียงที่น่าสยดสยองนั่นทำให้เธอหัวใจแทบจะหยุดเต้น

    “..ร...โรค....จิตรึไงกัน” เธอหายใจหอบ ก่อนจะคลานไปเก็บโทรศัพท์ที่เพิ่งคว้างทิ้งไปเมื่อกี้ เธอพลิกมาดูเบอร์ว่าเป็นใครโทรมาแกล้งหรือเปล่า.....แต่กลับไม่ขึ้นเบอร์โทรใดๆ ความรู้สึกกลัวเข้าถาโถมตัวเธอจนเหงื่อท่วมไปหมดทั้งตัว

    ปังๆๆๆ 

    เฮือกกก!!

    “นาเสะจัง มากินข้าวได้แล้วลูก”

    “...ค....ค่ะ”

               

                “นี่ๆ เธอว่าวันนี้จะไปได้ดีรึเปล่า งานจบการศึกษาน่ะ.....”

    “...........”

    “นา...เสะจังง”

    “............”

    “นาเสะจัง ฟังอยู่รึเปล่า”

    “อ....อื้มม”

    “ว่าแต่ จบม.ปลายแล้วจะต่อมหาลัยไหนดีน้า นี่ๆ นาเสะตั้งเป้าหมายเอาไว้แล้วรึยัง” ซาจิโกะดูตื่นเต้นกับอนาคตที่ยังไม่มาถึง

    “ไม่เอาน่า ซาจิโกะจัง มันอีกตั้ง 2 ปีไม่ใช่หรอ เราเพิ่งจะขึ้น ม.ปลายได้ปีเดียวเองนะ”

    “เอ....จริงด้วยแฮะ” ซาจิโกะทำท่าครุ่นคิด

    “จริงสิ งั้นเราก็คิดเรื่องคนรักก็ได้นี่นา...”ซาจิโกะเดินเบียดเข้ามาไกล้นาเสะมากกว่าเดิม

    “เอ๊ะ? ความรักอะไรกัน เธอมีคนที่ชอบแล้วงั้นหรอ”

    “ไม่เอาน่า นาเสะจังเองก็แอบชอบชิโนมิยะคุงใช่ม้า” ทันทีที่พูดชื่อ “ชิโนมิยะ” ขึ้น นาเสะก็พลันหน้าแดงไปถึงใบหู

    “เอ๋...  ..บ...บ้าน่า เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว รีบเข้า โรงเรียนเถอะ!” พูดจบก็รีบนำลิ่วเดินเข้าโรงเรียนไปอย่างเร็วโดยไม่รอซาจิโกะ

    วูบบบ...

    มือปริศนาจับเข้าที่ก้นของซาจิโกะทำให้เธอรีบหันกลับไปมองด้วยความตกใจ

    เอ๊ะ! มือใคร! ข้างหลังเราไม่เห็นจะมีใครเลย บ้าแหงๆ เราคงคิดไปเอง ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ซาจิโกะกลับกลัวจนขาสั่นแทบจะเดินไม่ไหว

     

                    ในห้องเรียนห้องหนึ่งที่มีนักเรียนเพียงแค่ 7 คน นั่งคุยกันอยู่บนพื้น แม้จะเป็นเวลา 2 ทุ่มแล้วแต่พวกเขาก็ยังไม่กลับทั้งๆที่งานจบการศึกษาของรุ่นพี่ก็จบลงด้วยดี

    “อ๊า นาเสะจางงงง คิดถึงจังเลยยยยน้า” เพื่อนในกลุ่มของเธอโผเข้ากอด

    “คิดถึง? นี่..มิสึคุจิจัง..เมื่อวานเราก็เจอกันไม่ใช่หรือไง?”

    “อ๊ะ...จริงด้วย แฮ่ๆ”

    “เลิกเล่นกันได้แล้วนะ เอาล่ะ ปิดเทอมนี้เรามีแพลนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันล่ะ” ผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมดันแว่นตาที่ตกลงมาปลายจมูก

    “ห๊ะ!? เมื่อกี้นายว่าไงนะ เรา? เราทั้ง 9 คนนี้น่ะหรอ?”

    “ใช่แล้วล่ะ ชิโนมิยะ นายเองก็ว่างไม่ใช่รึไง ปีหน้า คุรันคุงก็จะย้ายโรงเรียนแล้ว....ไม่ใช่หรอ?” เขาพูดพลางหันไปหาคุรันเป็นเชิงถามว่าใช่หรือเปล่า

    “อ....อื้ม” คุรันพยักหน้าหงึก ชิโนมิยะเหลือบเห็นรอยยิ้มฝืนๆของคุรันก็นึกเศร้าไปด้วย

    “เอางั้นก็ได้ พวกเธอว่าไงล่ะ “

    “โอ้ เป็นช่วงเวลาที่ดีนะที่จะได้ไปพักผ่อน เนอะๆ สึคิชิมะจางงง”มิ สึคุจิลากเสียงยาวหันไปทางเพื่อนผู้หญิงอีกคนที่เงียบมาตั้งแต่เข้ามาในห้องเรียนแล้ว

    “.........” ไม่มีเสียงตอบแต่เพียงแค่หันหน้ามาพยักหน้าเป็นคำตอบว่า ใช่

    “ดี งั้นเริ่มเดินทางพรุ่งนี้โลดดด” อากิ เด็กหนุ่มที่ใส่แว่นพูดพร้อมยกมือขึ้นเป็นสัญญาณว่าลุยโลดดด

    “โอ้!!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นสึคิชิมะที่ทำท่ายกมือเหมือนอากิ

     

                    วันนี้เป็นวันอากาศดี ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ทุกคนกันพร้อมหมดแล้ว ทั้งสัมภาระ กระเป๋าต่างๆ ดูเหมือนจะหนักเกินตัวไปหน่อยอย่างมิสึคุจิที่ทั้งตัวเล็กและผอมอย่างเธอ แต่ใครๆก็รู้ว่าเธอน่ะอึดถึกแค่ไหน

    “โอ้ เอาล่ะ อาซายาเตะ มิสึคุจิ พร้อมออกเดินทางงง!” และดูเหมือนเธอจะแอกทีฟไปหน่อยกับการไปเที่ยวครั้งนี้

    “นี่ๆ เธอไม่ดูแอกทีฟไปหน่อยหรอ ทำอย่างกับไปเที่ยวรอบโลก” อากิเดินเข้ามาพูดข้างๆมิสึคุจิเบาๆแล้วดันแว่น

    “เอ๋....นายจะพาฉันไปอย่างนั้นหรอ”

    “ฝันไปเถอะ ยัยดอกเห็ดแห้งเหี่ยว” พูดจบก็เดินไปเปิดประตูรถตู้ที่จอดเอาไว้หน้าบ้านของอากิ

    “......เชอะ ดอกเห็ดแห้งเหี่ยวงั้นหรอ” เธอบ่นพึมพำคนเดียวโดยไม่สังเกตว่าเพื่อนๆได้ขึ้นรถไปหมดแล้ว

    “เฮ้ ยัยดอกเห็ดแห้งเหี่ยว ถ้าไม่รีบฉันจะทิ้งไว้ที่นี่นะเว่ยยยย” อากิเปิดกระจกและตะโกนเรียกมิสึคุจิให้รีบมาขึ้นรถ แต่ในระหว่างนั้น

    “เห.....ดูหวานกันจังน้า อากิคุงกับมืสึคุจิจังเนี่ยย คิคิคิ” แน่ล่ะ เสียงของจอมจับคู่จะเป็นใครไม่ได้นอกจากซาจิโกะ ที่พูดกระซิบข้างๆหูของอากิที่นั่งอยู่เบาะข้างหน้า

    “เงียบน่า ยัยต๊อง” อากิสบถด้วยใบหน้าที่แดงเถือก

    ครืดดดดดด  เสียงประตูรถเลื่อนเปิด มิสึคุจิมองไปทั่วรถ

    “เอ.....ที่นั่งเต็มแล้วหรออ”

    “ตาบอดหรอ ที่ข้างฉันก็ว่าง หรือถ้าไม่อยากนั่งก็กลับบ้านสิ”

    “อ้าว นายนั่งอยู่นี่นี่เอง” เธอยิ้มแบบกวนและก้าวขาขึ้นรถ  หน็อยย ยัยนี่มันประสาทรึไงฟะ อากิคิดในใจ

     

                    หลังจากนั้นรถก็ออกและวิ่งไปบนถนนเรื่อยๆ ทุกคนบนรถดูสนุกสนานเฮฮากันมาก ทั้งร้องเพลง ทั้งเล่นไพ่โป๊กเกอร์ สารพัดอย่างกิจกรรมที่จะหาเล่นได้ แต่เมื่อผ่านไป 3 ชม. ทุกคนก็เริ่มเพลียและผล็อยหลับไป จนในที่สุด 5 ชม. แห่งการเดินทางมาจนถึงบ้านพักตากอากาศของครอบครัวอากิก็สิ้นสุดลง ทุกคนดูงัวเงียหลังจากโชเฟอร์บอกว่าถึงที่หมายแล้ว มิสึคุจิก้าวขาลงเป็นคนแรกเพราะเธอนั่งติดกับประตู  

    “ว้าว ใหญ่จังเลย” มิสึคุจิพูด

    “หึ แน่นอนล่ะ” อากิหัวเราะเบาๆ

    “แต่โทรมไปนะ” ซาจิโกะพูดขึ้นทำให้อากิต้องหันมาจ้องเป็นเชิงว่า กลับไปอยู่บ้านเอ็งไหมล่ะ

    “ไม่เอาน่า ซาจิโกะจัง “ อากิหันไปสั่งโชเฟอร์โดยไม่สนใจคำพูดห้ามปรามของนาเสะ

    “นี่ๆ ข้างหน้ามีทะเลด้วยนะไปเล่นกันเถอะ !” ซาจิโกะพูดขึ้นพลางชี้ไปทางหาดทรายหน้าบ้านพักของอากิ ซึ่งมันอยู่ไม่ไกลนัก

    “อื้อ” ทุกคนเห็นพ้องต้องกันและรีบขึ้นบ้านพักไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ

     

    “ฮ้า....กลิ่นของทะเล” คุรันยืนสูดกลิ่นของทะเลและวิ่งลงน้ำก่อนเพื่อน 

    ทุกคนสนุกสนานกัน แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ 1 อาทิตย์...เอ้ะ หรือตั้ง 1 อาทิตย์ดีนะ เอาเถอะ ยังไงพวกเราก็จะทำให้ 1 อาทิตย์นี้มีความหมาย นาเสะคิดและยิ้มให้กับเพื่อนๆที่ยืนอยู่ในน้ำทะเล เธอไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปสมทบอีกแรง ถัดจากที่พวกเขาเล่นน้ำไม่ไกลนัก......สึคิชิมะที่เปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำแต่ไม่เล่นน้ำ เอาแต่นั่งจ้องบางอย่างตรงทะเล โขดหิน หรือทุกที่ที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอทำเหมือนเป็นยามเฝ้าให้ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติเธอก็หยิบหนังสือเล่มเล็กออกมาอ่าน

     

                   

                    เวลาผ่านไปไม่กี่ ชม. ก่อนพระอาทิตจะตกดิน ทุกคนอาบน้ำทานอาหารเสร็จก็มานั่งรวมกันที่โต๊ะอาหาร ที่เป็นแบบนี้เพราะถ้ามาเพื่อจะเล่นน้ำทะเลเฉยๆมันก็ไม่มีความหมาย

    ตุบ! อากิเอามือทุบโต๊ะก่อนจะพูดถึงกิจกรรมที่จะทำ

    “เอาล่ะ ฉันคิดว่าฉันมีไอเดียเจ๋งๆสำหรับคืนนี้”

    “นี่นายคิดอะไรแผลงเอาไว้แล้วใช่มั้ย” ชิโนมิยะพูดขึ้นอย่างรู้ทัน

    “เยสเซอร์ เรามาทดสอบความกล้ากัน”

    “เหหหห!??”ทุกคนร้องเป็นเสียงเดียวกัน

    “เล่ากันว่าหากเล่นเกมปันโนจิที่เป็นคำสาปของซาโนจิจะทำให้เห็นสถานที่อีกมิติหนึ่ง “

    “แล้ว...ยังไง?” นาเสะถามขึ้น

    “นายเชื่อ?”ซาจิโกะถาม

    “ฉันขอเดาว่านายคงจะเอามาจากเวปไซต์โฮมเพจที่มีคนสร้างขึ้นมา....ใช่หรือไม่?” เป็นครั้งแรกที่สึคิชิมะพูดประโยคยาวขนาดนี้

    “อ...อื้อ”และถูกต้อง เธอเดาถูก    

    “ฮะ....ฮ่าๆๆๆๆๆๆ นี่นายเชื่อด้วยหรอเนี่ย” มิสึคุจิหัวเราะลั่นทำให้อีกฝ่ายเกิดความไม่แน่ใจ

    “อย่าหัวเราะกับคำสาปของซาโนจิ....”และอีกครั้งที่สึคิชิมะพูดขึ้น ทันไดนั้นทุกคนก็เงียบลงทันที   ‘ทำไมยัยนี่ถึงได้พูดได้หน้าตาเฉย ทั้งที่มันควรจะน่ากลัว คุรันคิดพร้อมกับมองไปทางสึคิชิม่าที่กำลังยกแก้วนมอุ่นขึ้นดื่ม

    “เอาล่ะ พร้อมกันหรือยัง” อากิถามทุกคน แต่ดูเหมือนสีหน้าเหล่านั้นจะแอบกลัวเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าตอบรับ  อากิล้วงเอากระดาษสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ พร้อมยื่นมันออกไปกลางวง

    “ทีนี้ทุกคนก็จับกระดาษใบนี้ไว้ หลังจากนั้นให้ทุกคนพูดในใจว่า ซาโนจิ ซาโนจิ เธออยู่ไหนได้โปรดมารับฉันที 7 รอบ ห้ามท่องเกินหรือขาดไปแม้แต่คำเดียว” อากิทำสีหน้าจริงจังซึ่งทุกคนดูออกว่านี่ไม่ใช่เพียงแค่การล้อเล่น

    ไม่นานนัก ซาจิโกะก็พูดขึ้น “นี่ ทุกคนท่องครบหมดแล้วใช่มั้ย?” เธออธิฐานเสร็จเป็นคนแรก

    “อื้ม” ทุกคนตอบ

    “เอาล่ะ จากนั้นทุกคนปล่อยมือจากกระดาษนั้น หากมือของคนไหนมีรอยเลือดล่ะก็.....” ทุกคนรีบเอามือออกมาจากกระดาษอันทีทันไดแต่ก็ไม่พบซักรอย

    “โถ่ นี่อำกันใช่มั้ยยะ” มิสึคุจิพูดอย่างโมโห เพราะเธอเองก็แอบเชื่ออยู่เหมือนกัน

    “มันมาแล้ว.....เค้า...มาแล้ว” สึคิชิมะพูดขึ่น ทำเอาทุกคนอกสั่นขวัญหายกับไปตามๆกัน แม้แต่อากิผู้ที่นำเกมนี้มาเล่นก็เถอะ

    “...คิคิคิ.....”

    “เอ๊ะ!!! นั่นเสียงอะไร”

    “เฮ้ นี่ยัยเห็ดอย่าล้อเล่นนะเว่ย”

    “พวกเธอไม่ได้ยินกันหรอกหรอ.....เสียงนั้น เสียเด็กหัวเราะ”

    “โถ่ พอเถอะ มิสึคุจิพวกเรากลัวกันแทบแย่แล้วนะ”

    “ใช่ๆ “ ทุกคนเริ่มทำสีหน้าไม่ดี

    “...ฮิฮิฮิฮิ พี่สาววว.....มา....เล่นด้วยกันสิ”

    เฮือกกกก

    “นาเสะ! เป็นอะไร”

    “ส....เสียงนั่น......” ดวงตาของนาเสะเบิกกว้างขึ้นพร้อมกับรู้สึกคุ้นเสียงนี้ ใช่มันเป็นเสียงของโทรศัพท์ลึกลับนั่น

    “พอเถอะ เอาแล้ว ฉันจะไปนอนแล้ว....”ซาจิโกะพูดจบก็รีบลุกออกจากวงทันที  ไม่ทันได้ก้าวออกไปก็เหมือนแผ่นดินจะไหวอย่างรุนแรง ทั้งแก้ไวน์ แก้วแชมเปญที่ตั้งเรียงไว้อย่างสวยงานอีกทั้งขวดไวน์ราคาแพงก็ตกลงมาแตกกองอยู่บนพื้น  ทุกคนกรีดร้องและรีบไปหลับใต้โต๊ะ ทุกอย่างเหมือนจะพังลงมาแต่เสียงของพื้นไม้ที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาดูเหมือนจะพังลงไป ทุกคนร่วงลงไปข้างล่างพร้อมกับเสียงกรีดร้องไม่ว่าจะเป็นสึคิชิมะเองก็ตามแต่

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×