คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : (Os: Kariya x Hikaru) Love never ch
Timeline: คาริยะกับฮิคารุกำลังจะจบม. 6
…………………………..
“ ถ้าผมรู้ว่าโอกาสที่ผมชนะไม่มีตั้งแต่แรก ผมคงไม่หลงรักรอยยิ้มของคาริยะตั้งแต่ตอนแรกที่เจอเลยสินะครับ ถ้าเป็นไปได้ผมขอถอนตัวตั้งแต่ตอนนั้นดีกว่า”
วันนี้เป็นวันที่เต็มไปด้วยความยินดีปนกับความเศร้าของนักเรียนม.ปลายปีสุดท้ายของโรงเรียนไรมงทุกคน รวมไปถึงชมรมฟุตบอลด้วยเหล่าผู้เล่นที่เมื่อก่อนเป็นม.ต้นปี 1 ตอนนี้ได้กลายเป็นมัธยมปลายปีสุดท้ายเสียแล้ว เหล่าผู้เล่นที่เมื่อก่อนเคยเป็นถึงผู้ต่อต้านฟิฟเซ็กเตอร์ บัดนี้ได้กลายเป็นเหล่านักเรียนมัธปลายปีสุดท้าย เพื่อเดินเข้ามหาลัยไปเจอกับเพื่อนใหม่
“ ไม่อยากให้ไปเลยอ่า ชินสุเกะ~”
เสียงของ มัตสึคาเซะ เทนมะ ดังไปทั่วห้องในขณะที่เจ้าตัวกอดชินสุเกะเพื่อนของตนไปด้วย เนื่องจากชินสุเกะนั้นติดมหาลัยคนละที่กับพวกเทนมะจึงต้องย้ายตามไปด้วย ทำให้เทนมะที่รู้เรื่องนั้นเข้าจึงตามติดชินสุเกะดังเงา
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า~ เทนมะฉันก็ไม่ได้ไปสักหน่อยนี่น่า แต่ปล่อยฉันก่อนเถอะน่า เดี๋ยวแฟนนายจะงาบหัวฉันเอานะ หันไปดูสึรุงิที่อยู่ข้างหลังนายบ้างสิเฮ้ย!”
ชินสุเกะเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้เริ่มโตขึ้นมาสมกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วนั้นได้บอกเพื่อนตนที่เอาแต่ตามติดเขาจนเหมือนเงาตามตัว โดยไม่สนใจแฟนที่เดินตามอยู่ข้างบ้างเลย จนสึรุงิที่เป็นแฟนของเทนมะนั้นจัองจะงาบหัวชินสุเกะอยู่ตลอด
“ ก็ได้…ว่าแต่ฮิคารุล่ะจะไปต่อที่ไหนหรอ?”
เมื่อไม่ได้เกาะติดเพื่อนสนิทแล้ว เทนมะก็มุ่งเป้าหมายมาที่เด็กหนุ่มผมสีม่วงอ่อนที่กำลังจัดช่อดอกไม้แสดงความยินดีไม่ให้ตกอยู่บนโต๊ะตัวยาวประจำชมรมฟุตบอล เมื่อคนผมสีม่วงอ่อนได้ยินชื่อของตนก็เงยหน้าขึ้นมามองคนที่เรียก
สายตาของคนทั้งห้องที่จ้องมองมาที่ฮิคารุนั้นหวังว่าจะได้คำตอบที่เทนมะถามไป เพราะว่าฮิคารุคือคนเดียวในชมรมฟุตบอลที่ยังไม่ได้บอกชื่อมหาลัยที่ไปต่อให้ทุกคนได้ยิน
“ ไม่รู้สิครับ ยังไม่ได้ประกาศคะแนนเลย…”
สิ่งที่ทุกคนคาดหวังนั้นพังทลายไม่เป็นท่า เด็กหนุ่มผมสีม่วงอ่อนคนนี้ตอบคำถามนี้ด้วยคำตอบแบบนี้ทุกทีที่คนในชมรมถามถึง ทุกคนจึงช่วยรุมกันถามฮิคารุยกใหญ่เผื่อเจ้าตัวจะหลุดชื่อมหาวิทยาลัยที่ไปต่อออกมาบ้าง แต่ก็ได้คำตอบเดิมไปทุกทีจนทุกคนเลิกถาม
ที่ฮิคารุไม่บอกชื่อมหาลัยที่ตนจะไปต่อนั้นเพราะว่าเจ้าตัวได้เรียนเทียบจนจบมหาลัยไปแล้วตั้งแต่ยังอยู่มัธยมต้นด้วยเส้นสายของพ่อและแม่ เหลือเพียงแต่ปริญญาโทที่ต้องไปต่อที่อื่น ฮิคารุจึงขออนุญาตหยุดพักเรียนมหาลัยกับพ่อแม่จนเขามาเรียนที่โรงเรียนที่ขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลตามความชอบในใจของเขา แม้ว่าเขาจะฝึกมาไม่ถึงปีเหมือนคนอื่นแต่เขาก็เป็นคนที่เรียนรู้เร็ว จนถึงช่วงที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยฮิคารุก็ติวให้กับเพื่อนของเขารวมถึงคนที่เขาแอบรักด้วย
‘คาริยะ มาซากิ’
นั้นคือชื่อคนที่ฮิคารุแอบรัก เขาไม่แน่ใจตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ตัวเขาเองนั้นเริ่มชอบอีกฝ่ายจนมารักข้างเดียวได้ เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ตัวของฮิคารุนั้นเริ่มหลงรักรอยยิ้มที่คาริยะยิ้มมาให้ตน เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่ฮิคารุชอบให้คาริยะมาอยู่ใกล้ ๆ แล้วรู้สึกสบายใจ ถามว่ารู้สึกรักขนาดนี้แต่ทำไมไม่กล้าบอก ไม่ใช่ว่าฮิคารุไม่กล้าแต่สถานการณ์ตอนนั้นที่เขาจะไปสารภาพรักนั้นดูไม่ค่อยเหมาะเท่านั้นไหร่นัก
ครั้งแรกที่ฮิคารุมีความกล้ามากพอที่จะสารภาพรักกับคาริยะคือช่วงมัธยมปีที่ 3 เขาเห็นคาริยะยืนอยู่คนเดียวที่หน้าห้องชมรมฟุตบอล และเขายืนอยู่หลังกำแพงข้างหน้าห้องเพื่อรวบรวมความกล้า
ฮิคารุค่อย ๆ ก้าวออกไปช้า ๆ ก้าวไปได้แค่ 2 ก้าว ฮิคารุก็หยุดกระทันหัน เพราะว่าด้านหน้าข้างคาริยะนั้นมีรุ่นพี่มัดผมทรงทวินเทลสีผมชมพูอ่อนอยู่ ทั้งสองดูเหมือนทะเลาะกันอยู่ ทำให้ฮิคารุเลือกที่จะเดินก้าวออกไปโดยที่ไม่รอฟังเพราะเขาก็ไม่อยากฟังอะไรที่เป็นการทะเลาะกันหรอกนะ แต่ทว่าประโยคต่อมาทำให้เขานั้นต้องหลบที่กำแพงเพื่อทรุดตัวลง น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้ฮิคารุเอามือปิดใบหน้าบังไว้ ประโยคที่ว่านั้นคือ
“ ผมรักรุ่นพี่คิริโนะครับ!! ”
เสียงของคาริยะดังขึ้นตอนที่รุ่นพี่คิริโนะกำลังว่าอีกฝ่าย ดีที่รุ่นพี่คิริโนะนั้นปฏิเสธเพราะว่าเขากำลังคบกับรุ่นพี่ชินโด ทำให้ฮิคารุเริ่มมีความหวังขึ้นมาบ้างแต่ประโยคถัดมาของคาริยะ นั้นก็ทำร้ายจิตใจเขาอย่างรุนแรงเช่นกัน
“ งั้นผมก็จะเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกรุ่นพี่ต้องเลิกกัน ”
เมื่อพูดจบคาริยะก็รีบวิ่งออกไปหน้าโรงเรียนทันที โดยมีคิริโนะที่วิ่งตามไปด้วยพลางเรียกชื่อคาริยะให้หยุดวิ่งเพราะจะเกิดอันตราย ส่วนฮิคารุนั้นเขาไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น ความรู้สึกของเขาเหมือนจะตอบสนองช้าขึ้น น้ำตาที่ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ทำให้ฮิคารุรู้แล้วว่าเขารักคาริยะมากจริง ๆ เท่าที่คนนึงจะรักได้
ทำไมฮิคารุถึงยังรักคาริยะอยู่งั้นหรอ นั้นเพราะว่าความรู้สึกของคนเรานั้นหายไปในระยะเวลาสั้น ๆ ซะที่ไหนล่ะ ส่วนอีกเหตุผลคือรุ่นพี่ชินโดกับรุ่นพี่คิริโนะจะแต่งงานกันหลังจากที่เรียนจบมหาวิทยาลัย ผู้ปกครองของทั้งสองตกลงกันเรียบร้อยแล้วด้วยจากที่รุ่นพี่คิริโนะเล่าให้ฟัง ทำให้คาริยะเศร้าไปพักใหญ่ ฮิคารุก็ยังคงปลอบอีกฝ่ายอยู่เหมือนเดิมไม่เคยหายไปไหน
จนกระทั่งตอนนี้ทั้งคู่จบจากโรงเรียนไรมงแล้ว และฮิคารุก็เตรียมใจพร้อมสำหรับคำตอบของคาริยะแล้วด้วย ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไงฮิคารุก็พร้อมรับมันแม้เขาจะเจ็บปวดก็ตรม
ตอนเย็นฮิคารุได้นัดคาริยะผ่านทางอีเมล สถานที่นัดหมายคือต้นซากุระที่บานเต็มที่หน้าโรงเรียน ตอนนี้คนทั้งโรงเรียนได้ทยอยกลับกันหมดแล้วเหลือเพียงแต่ฮิคารุที่ยืนอยู่ใต้ต้นซากุระท่ามกลางกลีบดอกไม้ที่ถูกพัดไปตามสายลม ฮิคารุเรียกกำลังใจให้ตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่นานนักเขาก็ได้ยินเสียงวิ่งมาแต่ไกล
“ มาแล้ว ๆ ”
เสียงของคาริยะดังมาแต่ไกล พร้อมกับโบกมือเพื่อให้ฮิคารุเห็นว่าตนมาถึงแล้วด้วย
“ มีอะไรรึป่าว ฮิคารุทำไมนายถึงได้ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังด้วยล่ะ”
คาริยะถามฮิคารุพลางแอบส่องของที่อยู่ข้างหลังไปด้วย แต่เขาก็ไม่เห็น ตอนนี้คาริยะสูงกว่าฮิคารุเพียงแค่ไม่กี่เซน ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจับหมุนตัวอีกฝ่ายมาเพื่อดูของที่อยู่ข้างหลังแล้ว ทว่าท่าทางของฮิคารุนั้นกลับพยายามปกป้องมันไม่ให้คาริยะเห็นอย่างเต็มที่ ทำให้เขาไม่กล้าจับอีกฝ่ายหมุน
“คือว่า… คาริยะคุง…”
เสียงเรียกชื่ออย่างสนิทสนมยามปกติออกมาจากปากของฮิคารุ เจ้าตัวก้มหน้าเล็กน้อยพลางตัวสั่นไปด้วย คาริยะกลัวว่าเพื่อนสนิทที่อยู่ในไรมงมาตั้งแต่ปี 1 นั้นจะเป็นอะไรไปจึงเอื้อมมือจับไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายและพูดให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้น
ฮิคารุหายใจเข้ารวบรวมความกล้าเข้าปอดและพูดคำที่เขาควรบอกคำพูดเกี่ยวกับความรู้สึกที่เขาเก็บมาตลอดกับคาริยะ
“ ผมรักคาริยะคุงนะครับ!! ”
เสียงตะโกนของฮิคารุดังไปทั่วบริเวณโดยรอบ พร้อมกับยื่นดอกกุหลาบสีขาวกับถุงที่ใส่ของที่ระลึกมาให้เขา ถ้ามีคนอยู่คงเดินเข้ามาเชียร์คาริยะให้รับคำสารภาพรักกับฮิคารุ และคบกันไป แต่ตอนนี้ที่นี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกเสียจากอาจารย์ที่ทำงานอยู่ที่ตึก1 ที่ห่างจากที่นี่พอควร
“ ขอโทษทีนะ แต่ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอก นายก็รู้ว่าฉันรักรุ่นพี่คิริโนะ”
“ไม่ลองคิดดู….”
“เอาของนายกลับไปด้วย ฮิคารุ ไม่ใช่ว่าตลอดที่ผ่านมาฉันไม่รู้นะว่านายรักฉัน แต่ฉันรับมันไม่ได้จริง ๆ … ”
คาริยะพูดแบบนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาก่อนที่จะก้าวเดินออกมาอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้ฮิคารุยืนอยู่ตรงนั้นราว 2 ชั่วโมงได้ ก่อนที่ฮิคารุจะก้าวเดินออกมาจากโรงเรียนเพื่อเดินทางกลับบ้าน ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะมีรถจากที่บ้านมารับฮิคารุ แต่หลังจากที่ฮิคารุนั้นรู้ตัวว่ารักคาริยะจึงได้บอกให้คนขับรถไม่ต้องมารับกับเพราะจะเดินกลับเอง
ฮิคารุก้าวข้ามถนนโดยมีสัญญาณไฟสีเขียวเป็นสัญลักษญ์ว่าให้คนเดินผ่านได้ ตัวเขานั้นเดินก้มหน้าร้องไห้มองเพียงแต่พื้นทางม้าลายเท่านั้น ถึงแม้จะเตรียมตัวมาดีอย่างไง เขาก็เจ็บอยู่ดี
“ กรี๊ดดดด!!!/เฮ้ยย!!!”
เสียงของผู้หญิงและผู้ชายร้องขึ้นพร้อมกัน ทำให้ฮิคารุเงยหน้าขึ้นมามองด้านหน้าพบกับรถยนต์ที่ดูเหมือนกับเบรกแตกกำลังพุ่งมาที่เขา รอบข้างของเขาตอนนี้ทั้งฝั่งซ้ายและขวากลับไปยืนที่ฟุตบาทอย่างรีบร้อนเหลือเพียงแต่เขาที่ยังยืนอยู่
ฮิคารุพยายามที่จะวิ่งไปที่ฟุตบาทฝั่งใดฝั่งหนึ่งให้เร็วที่สุดแต่ก็ไม่ทัน รถยนต์คันนั้นพุ่งเข้ามาที่เขาโดยตรง แรงกระแทกที่ฮิคารุได้รับทำให้ความรู้สึกของเขาได้ตอบสนองต่อสิ่งใด ดอกไม้กับถุงของที่ระลึกที่ซื้อให้กับคาริยะคุงคนที่เขารักก็กระจัดกระจาย
“แฮ่ก แฮ่ก”
เสียงหอบหายใจของคาริยะที่รีบวิ่งมาโรงพยาบาลทันที ที่ได้ยินข่าวของฮิคารุโดนรถชนเข้าที่ทางม้มลายหน้าโรงเรียนระหว่างทางกลับบ้านผ่านหน้าจอทีวี และแชทกลุ่มชมรมฟุตบอลเมื่อเช้านี้ โค้ชบอกว่าฮิคารุเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว หมอรายงานว่าปลอดภัยดี แต่สมองได้รับการกระทบกระเทือนอาจทำให้ความจำเสื่อมชั่วคราว
‘อย่างน้อยนายก็ยังไม่ทิ้งฉันไป ฮิคารุ’
คาริยะคิดในใจพลางโล่งอกที่ฮิคารุปลอดภัยดี ถึงแม้จะมีอาการฟกช้ำและมีอาการความจำเสื่อม
“คาริยะ…”
เสียงของโค้ชเอนโดได้เรียกชื่อของคาริยะที่ตอนนี้ก้มหน้าลงและมีน้ำตาไหลอยู่ ทั้งสองมือประสานกันแน่น เอนโดคิดว่าคาริยะเองก็คงดีใจเหมือนกันที่ฮิคารุปลอดภัยดี เอนโดได้ยื่นถุงของที่ระลึกสีขาวที่ตอนเปื้อนเลือดของฮิคารุให้กับคาริยะ
“ฮิคารุ คงอยากให้นายมาก ๆ เลยล่ะ ลองเปิดดูสิแต่ระวังบาดนิ้วด้วยนะ”
โค้ชเอนโดบอกแบบนั้นกับคาริยะ ก่อนที่จะเอามันใส่ในมือของคาริยะและเดินออกไปสอบถามอาการกับหมอต่อ คาริยะรีบเปิดถุงดูด้านในทันที ถึงแม้ด้านในจะแตกแต่เขาก็จำได้นี้เป็น กล่องดนตรีลูกแก้วรุ่นลิมิเต็ดที่เขาอยากได้ตอนที่ไปเที่ยวในห้างกับฮิคารุเพื่อซื้อของเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับรุ่นพี่ที่เคยเป็นคนรักของเขา แม้คาริยะจะอยากได้อย่างไงแต่ก็ต้องเก็บตังค์ไว้ซื้อของให้กับคิริโนะ สุดท้ายวันนั้นเขาก็ได้ของขวัญให้รุ่นพี่ที่เขารักอย่างเดียว
ฮิคารุรักเขามากจริง ๆ ทำไมกันนะ ทำไมกัน เขาถึงไม่เคยมองเห็นว่าฮิคารุรักเขามากขนาดไหนกัน
“ขอโทษ…ขอโทษจริง ๆ…”
เสียงอันแผ่วเบาจนคนรอบข้างไม่ได้ยินของคาริยะเอ่ยออกมา
‘ขอโทษจริง ๆ ที่ฉันรู้สึกตัวตอนที่สายเกินไปแล้วฮิคารุ….’
เวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายปีจนตอนนี้คาริยะใกล้จะจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าฮิคารุจะหายจากอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเสียที หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้นขึ้นคาริยะก็รับปากกับพ่อแม่ของฮิคารุว่าจะดูแลฮิคารุให้ดี และจะรับหน้าที่ฟื้นความทรงจำที่หายไปของฮิคารุด้วย
คาริยะและฮิคารุเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกัน เอกเดียวกัน ที่โตเกียว และคนที่สอบได้คะแนนอันดับ 1 นั้นคือ คาเกยามา ฮิคารุ ที่พวกพ่อและแม่ของฮิคารุพามาสอบรอบที่สามได้ทัน แถมยังได้คะแนนสูงสุดในคณะ ถึงแม้ตัวของคาริยะจะรู้อยู่แล้วว่าฮิคารุจะเรียนรู้เร็วก็เถอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเก่งขนาดนี้
“ฮิคารุ ถึงเวลากินข้าวกลางวันแล้ว”
คาริยะยกจานข้าวเข้ามาไว้ตรงหน้าของฮิคารุ และไม่ลืมที่จะหอมแก้มนุ่มของฮิคารุไปด้วย เขาทำแบบนี้ประจำเพื่อหวังว่าฮิคารุจะจำเขาได้
“ ผมจำไม่ได้เลยนะครับว่า คาริยะคุงชอบหอมแก้มผมด้วย? ”
‘คาริยะคุง!!’
ชื่อที่เรียกถูกเปลี่ยนไปเป็นเหมือนกับตอนที่ฮิคารุยังไม่มีอาการความจำเสื่อมทำให้คาริยะตกใจไม่น้อย เขาจึงถามคำถามกับฮิคารุไปว่าความทรงจำกลับมาแล้วหรอ ฮิคารุเพียงแค่พยักหน้าเท่านั้นคาริยะก็รีบพุ่งตัวเข้าไปกอดและอุ้มฮิคารุขึ้นมานั่งบนโต๊ะอาหารโดยกวาดพวกกับข้าวไปไว้ข้าง ๆ โต๊ะแทน ตอนนี้คาริยะสูงกว่าฮิคารุสัก 20 เซนได้ ทำให้เขาต้องก้มหน้าเลื่อนลงไปใกล้ ๆ กับหน้าของฮิคารุ ริมฝีปากของทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่เซน เป็นฮิคารุเองที่ยอมแพ้และหันหน้าหนีคาริยะ
“ผ— ผมพึ่งรู้ว่าคาริยะคุงขี้แกล้งหนักขนาดนี้นะครับ ตอนนั้นคาริยะคุงไม่ได้บอกว่าไม่รับรักผม— อื้อ!”
ฮิคารุยังพูดไม่ทันจบคาริยะก็จับใบหน้าของฮิคารุหันริมฝีปากเข้ามารับจูบของตนเองอย่างเอาแต่ใจ แต่ก็ไม่ได้รุกล้ำเข้าไปถึงของใน แต่เพียงเท่านี้ฮิคารุก็เขินหน้าแดงจนกลายเป็นมะเขือเทศสุกเสียแล้ว
“ฉันไม่ได้แกล้งนายฮิคารุ นี่คือเรื่องจริงและอีกอย่างพ่อแม่นายก็อนุญาตให้เราแต่งงานแล้วด้วย รอแค่นายฟื้นความทรงจำกลับมาแล้วไปยอมรับมันต่อหน้าพวกพ่อแม่เท่านั้นเอง”
คาริยะเลื่อนริมฝีปากมากระซิบที่ข้างหูแดงที่แสดงอาการเขินของฮิคารุได้เป็นอย่างดี ฮิคารุรู้ว่าเขามีจุดอ่อนไหวอยู่ตรงหูแต่เขาไม่คิดว่าคาริยะจะรู้ด้วยตลอดเวลาที่เข้าความจำเสื่อมคาริยะทำอะไรเขารึป่าวนะ
“ฉันไม่ทำมันหรอกถ้านายไม่ยินยอมน่ะ”
ราวกับคาริยะอ่านใจฮิคารุได้ เขาตอบคำถามในสิ่งที่ฮิคารุนั้นคิดอยู่ได้ช่างพอดีเสียจริง
“ฮ่าฮ่า ช่างเถอะว่าแต่ฮิคารุนายความทรงจำกลับมาเมื่อไหร่กัน”
“อ— เอ่อ คือผมว่าน่าจะเมื่อวานตอนเย็นนะครับ ”
ฮิคารุตอบไปตามความจริงเขาเริ่มรู้จำได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เขาจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้คาริยะพาเขาไปไหนมาถึงได้มีกลีบดอกไม้ติดเสื้อผ้า
“อ่อ—ช่วยได้จริง ๆ สินะ ”
คาริยะเล่าว่าเมื่อวานนี้เขาพาผมไปที่โรงเรียนไรมงเพื่อดูต้นซากุระหน้าโรงเรียนที่บาน แถมยังมีเรื่องเล่าที่ว่าถ้าขอพรโดยพาคนรักของตนมาด้วยจะทำให้พรสำเร็จหนึ่งข้อซึ่งคาริยะก็ขอพรทำให้ความทรงจำผมกลับมา
“ฮิคารุ ต่อไปนี้ก็เรียกฉันว่ามาซากิด้วยล่ะ”
ว่าแล้วคาริยะก็หอมแก้มฮิคารุอีกข้างนึงก่อนจะเอาตัวเขาลงมาจากโต๊ะกินข้าวและจัดโต๊ะอาหารเหมือนเดิม ถึงแม้ฮิคารุจะค่อนข้างงงก็เถอะว่าทำไมถึงอุ้มเขาไปบนโต๊ะอาหาร
*******************
เอาจริง ๆ ฉากบนโต๊ะอาหารไรต์กะว่าจะเอาNC สักช็อต แต่ไม่ดีกว่า55555
ไรต์คิดว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจากที่ไรต์ไปอ่านมาจากแฟนฟิคกับตัวเมะมามันน่าจะเริ่มต้นจากที่คาริยะชอบคิริโนะ ชอบแบบฝังลึกในใจ แต่คิริโนะคบกับชินโดแล้ว ฮิคารุที่มาที่หลังและรักคาริยะเข้าจึงพยายามช่วยให้คาริยะลืมคิริโนะและเยียวยาแต่ผลสุดท้ายในตอนต้นนั้นเจ้าคาริยะยังใจโลเลว่าจะรักเจ้าฮิคารุดีมั้ยจนตัดสินใจพลาดและบอกว่ารักไม่ได้เพราะยังยึดติดกับคิริโนะอยู่ จนสุดท้ายต้องเกิดเหตุร้ายแรงจริง ๆ เสียก่อนเจ้าคาริยะถึงจะยอมบอกความในใจต่อฮิคารุ ส่วนตอนจบสุดท้ายนี้พวกรีดเอาไปต่อเติมในจินตนาให้เสร็จเลยค่ะ
ความคิดเห็น