ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Wish of love : ลิขิตชีวิต ลิขิตแห่งความฝัน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1

    • อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 48


                ณ บ้านหลังหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้านแถบชานเมือง บ้านที่ค่อนข้างจะดูลึกลับสำหรับใครหลายๆคนที่สัญจรผ่านไปมา บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ที่



    ท้ายซอยของหมู่บ้าน บ้านหลังนี้เป็นที่รู้กันในหมู่ของเพื่อนบ้านว่า เป็นบ้านของผู้หญิงหากิน บุคคลภายในบ้านจึงเป็นที่รังเกียจของใครหลายๆ



    คนในหมู่บ้าน



    “เจ๊ แม่ล่ะ”



    “รับแขกอยู่”



    “งั้นหรอ”



    “ทำไมเอ็งจะต้องทำเสียงเศร้าขนาดนั้นด้วยวะ ยังไม่ชินอีกรึไง ยอมรับความจริงซะเถอะวะนังนิด ยังไงซะเอ็งก็หนีความจริงเหล่านี้ไม่พ้น รวม



    ทั้งชีวิตทั้งชีวิตของเอ็งด้วย”



    “ไม่มีวันซะหรอกเจ๊ ชีวิตของฉันจะต้องไม่เป็นอย่างนี้ ฉันจะไม่มีวันขายศักดิ์ศรีของฉันเด็ดขาด” หล่อนตอบด้วยแววตาที่แข็งกร้าว แม้จะรู้ว่า



    ตนเองจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง แต่หล่อนบอกกับตัวเองเสมอว่าหล่อนจะสู้ หล่อนจะไม่เดินตามรอยเท้าบุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่



    “เจ๊เข้าใจเอ็ง แล้วเจ๊จะเป็นกำลังใจให้เอ็งนะ เจ๊เชื่อว่าเอ็งจะต้องผ่านจุดจุดนี้ไปได้อย่างแน่นอน เออเจ๊ต้องไปรับแขกแล้วนะแล้วเจอกันนะนัง



    นิด” เจ๊หมวยหรือที่เจ๊ที่นิดมักจะเรียกสั้นๆ หล่อนมักจะไม่เอ่ยชื่อของเจ๊เพราะเหตุใดหล่อนก็ให้คำตอบไม่ได้เหมือนกัน แต่หล่อนรู้เพียงแค่ว่า



    การที่หล่อนเรียกแค่เจ๊มันทำให้หล่อนรู้สึกดีได้อย่างประหลาด เจ๊หมวยเดินจากหล่อนไปนานแล้ว แต่แล้วในที่สุดหล่อนก็พึมพำออกมาได้แค่



    “ขอบใจจ๊ะเจ๊ ขอบใจจริงๆ”



                ปังๆๆๆ



    “นังนิดเปิดประตูซิ ออกมาคุยกับฉันหน่อยซิ นังนิดไม่ได้ยินรึไง เปิดเดี๋ยวนี้นะ”



    หญิงวัยกลางคนที่ยืนเคาะประตูอยู่นั้น อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างที่จะดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดรุ่ย อยู่ในอากัปกิริยาของคนที่เมาได้



    อย่างเต็มที่



    “มีอะไร”



    “แกพูดว่าไงนะนังนิด แกพูดกับแม่แกอย่างนี้หรอฮะ”



    “ก็แล้วทำไมจะพูดไม่ได้ล่ะ ทำไมฉันจะพูดกับคนที่ไม่มีศักดิ์ศรีในตัวเองอย่างนี้ไม่ได้”



                เพี๊ยะ



    “แกไม่มีสิทธิ์ที่จะมายืนด่าฉันฉอดๆอย่างนี้ แกมันเป็นแค่ลูกฉันนะ แกไม่ใช่แม่ฉัน แล้วที่แกโตมาจนป่านนี้ มันไม่ใช่เพราะศักดิ์ศรีของฉันงั้น



    หรอ แกหัดจำใส่หัวแกซะบ้างซิ มีไหมสำนึกในบุญคุณนะ ขนาดหมามันยังรู้บุญคุณต่อผู้มีพระคุณ แต่แกเป็นคน แต่กลับไม่มี ลองเอาไปนอน



    คิดเองก็แล้วกันนะ”พูดจบผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยมือและความเจ็บช้ำของบุคคลที่ยืนอยู่ หล่อนน่ะหรือไม่รู้บุญคุณคน



    ฮึ แค่การที่ฉันไม่เจริญรอยตามบุคคลที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ ฉันมันผิดมากใช่ไหม แม่จ๋าฉันรักแม่ รักมากที่สุด แต่ฉันทำอย่างที่แม่ทำไม่ได้



    ไม่ได้จริง หล่อนได้แต่แค่คิดอยู่ในใจ ความเศร้าใจทั้งหมดจึงระบายออกมาได้แค่เป็นหยดน้ำตา



               7.30 น. ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง



    “เฮ้ย เป็นอะไรน่ะนิดตาบวมอีกแล้ว ทะเลาะกับแม่มาอีกแล้วใช่ไหม”อาทเพื่อนชายของนิดถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ



    เขากับหล่อนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยอนุบาล เขารับรู้ทุกอย่างด้วยความเห็นใจและเข้าใจหล่อน และเขาก็ยืนเคียงข้างหล่อนด้วยดีเสมอมา



    “นิดหน่อยจ๊ะ นิดชินแล้วล่ะอย่ากังวลไปเลยจ๊ะอาท” หล่อนยิ้มให้เขาเพื่อต้องการให้เขาสบายใจไม่ต้องคิดมากเรื่องหล่อนอีก แต่เขาก็รู้อีก



    เช่นกันว่า มันช่างเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าอย่างที่สุด แต่แล้วสายตาของเขาก็พลันไปสะดุดกับรอยแดงรูปฝ่ามือบนใบหน้าของ



    หล่อน เขาเอื้อมมือไปลูบด้ายความสงสารหล่อนอย่างจับใจ



    “เจ็บมากไหมนิด”



    หล่อนยิ้มให้เขาพร้อมกับมือเรียวบางของหล่อนที่วางทับบนมือของเพื่อนอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ



    “ไม่จ๊ะ ไม่เลยจริง” หล่อนกลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหมแล้ว หล่อนจึงซบหน้าลงกับไหล่ของเพื่อนแล้วร้องไห้อย่างเงียบๆ  ชายหนุ่มคงทำได้เพียง



    แค่ปลอบโยนหล่อนและให้หล่อนร้องจนกว่าหล่อนจะพอใจ เขานั่งลูบหัวหล่อนร้องไห้อย่างเงียบๆ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×