ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้อมูลอ้างอิง

    ลำดับตอนที่ #4 : สัตว์ในเทพนิยาย 1

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 51


    เพกาซัส (Pegasus)

    ประวัติของเพกาซัสตัวนี้ค่อนข้างจะน่าขนลุกอยู่สักหน ่อย เรื่องเริ่มมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า นางคนนี้มีความร้าย

    กาจมากแต่ก็ถูกวีรบุรุษ เปอร์ซีอุล ฟันคอขาดตาย ในขณะที่ นางสิ้นใจตายนั้น มีร่างของม้ากำยำพ่วงพี พร้อมด้วยปีก

    อันกว้างสง่างาม กระโจนออกมา จากลำคอของนาง ม้าตัวนั้นก็คือ เพกาซัส นั่นเอง เมื่อออกมาแล้วมันก็แผลงฤทธิ์ จน

    ไม่มีใครสามารถปราบได้เลยซักคน ทั้งที่เพกาซัสเป็นความหวัง ของคนทั้งเมือง นอกจากความเก่งกล้าในฝีตีนและฝี

    ปีกแล้ว เพกาซัสยังมีควาสมารถอีกอย่าง คือตอนที่มันเกิดมาใหม่ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคนอง นั้น น้ำที่กระเซ็นจาก

    รอยเท้า ที่มันวิ่ง ก่อให้เกิดน้ำพุสวยงาม ที่กวีและศิลปินชื่นชมกันนักหนา คือน้ำพุ ฮิปโปครีนี (Hippocrene) ที่เป็นที่

    รู้จักกันในวรรณคดกรีกโบราณ ว่ากันว่า ใครได้ดื่มน้ำพุนี้แล้ว โอกาสที่จะเป็นกวีเอกอยู่แค่เอื้อมที่เดียว เพกาซัสคึก

    อยู่ ได้ไม่นาน ก็มีคนดีมาปราบ เป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อชาวเมืองโครินทร์มีนามว่า "เบลเลอโรฟอน (Bellerophon)

    เบลเลอโรฟอน เป็นโอรสของเจ้าเมืองโครินทร์ที่มีนามว่า พระเจ้ากลอคุส (Glaucus) ซึ่งเป็นขุนศึกที่รักม้าเป็นชีวิตจิต

    ใจ พระองค์ทรงมีโอรสหลายองค์ กับพระนางยูรีโนมี แต่มีข่าวลือหนาหูว่า เบลเลอโรฟอนหาใช่โอรสที่แท้จริงของ

    กลอคุสไม่ หากแต่เป็นโอรส ของโปเซดอน มหาเทพแห่งท้องทะเลต่างหาก ซึ่งเมื่อพิจารณาจากรูปโฉม และความ

    เก่งกาจกล้าหาญแล้ว ก็น่าจะจริงตามนั้น แต่กลอคุสจะทรงทราบหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ ข้อเท็จจริง ความจริงที่แน่ๆ คือ กล

    อคุสนั้นทรงรักม้าเสียจนป้อนอาหารแก่มันด้วย เนื้อมนุษย์ เพื่อให้มันดุร้ายในการสงคราม การกระทำอันน่าสยด

    สยองนี้ทำให้เทพเจ้า รังเกียจเป็นอันมาก และคนธรรมดาที่ถูกเทพเจ้ารังเกียจแล้ว มักจะชะตาขาดเสมอ กล

    อคุสก็เช่นกัน ทรงถูกจอมเทพซีอุส ลงทัณฑ์ โดยทำให้พระองค์ตกจากรถศึก และม้าเทียมรถของ พระองค์นั่นเองรุมกัด

    กลอคุส แล้วฉีกทึ้งเนื้อกินจนหมด แต่ความ รังเกียจที่เทวดามีต่อกลอคุส หาได้ถ่ายทอดมาสู่โอรสของกลอคุสไม่

    เบลเลอโรฟอน ยังคงได้รับความเมตตาปราณีจากทวยเทพอยู่เสมอ เห็นได้จากการออกไปผจญภัยที่ร้ายแรงปานใด

    เขาก็มีชัยอย่าง งดงามเสมอมา ความปรารถนา อันยิ่งใหญ่ของเด็กหนุ่มคนนี้ก็คือ อยากได้เพกาซัสมาเป็นอาชาคู่ใจ

    แต่เขาจะทำได้อย่างไรเล่า ในเมื่อเพกาซัส ไม่ใช่ม้าธรรมดา นอกจากเป็นซุปเปอร์ม้าแล้ว ยังมีปีกบินได้อีกด้วย เขา

    ได้รับคำแนะนำจากนักปราชญ์คนหนึ่งว่า น่าจะลองขอความช่วยเหลือ จากเทพเจ้า ดูบ้าง แต่เนื่องจาก

    เบลเลอฟอนเป็นเด็กหนุ่มรูปหล่อ จึงควรจะขอจากเทวีมากกว่าเทวา เพราะเทวาอาจเขม่นเอาว่าหมอนี่หล่อกว่าผม...

    เบลเลอโรฟอนก็เห็นด้วย เขาจึงไปนอน เฝ้าในวิหารของเทวีอธีน่า ซึ่งมักปรากฎองค์ ในความฝันของ ชายหนุ่มอยู่

    เสมอ การณ์ก็เป็นไปตามที่คาดหมายไว้ กล่าวคือ ในคืนนั้น อธีน่าเสด็จมาหาเขาจริงๆ ไม่เสด็จเปล่า ทรงนำ อานม้า

    ทองคำสุกปลั่งมาประทานให้ด้วย เบลเลอโรฟอนเต็ม ไปด้วยความปิติยินดียิ่งนัก รุ่งขึ้นเขาก็ถืออานม้าทองคำ ที่ได้รับ

    มานั้น ออกเที่ยวตามหาเพกาซัส ด้วยอำนาจอานม้า วิเศษของเทวี เบลเลอโรฟอนก็ได้เพกาซัส มาไว้ในอำนาจ อย่าง

    ง่ายดาย และเขากับม้าวิเศษ ก็ชวนกันเหาะเหินเดินทาง ท่องที่ยวผจญภัยไปทั่วหัวระแหง ตามแบบฉบับเด็กหนุ่มชาว

    กรีกโบราณซึ่งรักการผจญภัย เป็นว่าเล่นนั่นแหละ เบลเลอโรฟอนผจญภัยไปเรื่อยๆ พบทั้งศึกรบและศึกรัก จนแทบ

    เอาตัวไม่รอด แต่ด้วยความช่วยเหลือของยอดอาชาเขาก็เอาตัวรอดได้เสม อมา ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของเขาคือ

    การเอาชนะตัว "ไคมีร่า (Chimaera)




    ยูนิคอร์น (Unicorn)

    ยูนิคอร์นปรา กฎอยู่ในงานศิลปะและเทพนิยายโบราณของดินแดนในแถบ เมโสโปเตเมีย จีนและ อินเดีย

    ยูนิคอร์นเป็น!ที่ดุร้ายมาก ร่างกายของมันเหมือนกับม้า หัวเป็นกวาง เท้าเป็นช้าง หางเป็นหมูป่า มีเสียงแหลมเล็ก มีเขา

    เดียวยาวประมาณ 3 ฟุต อยู่ที่กลางหน้าผาก กล่าวกันว่า หากนำเขาของยูนิคอร์น มาตะไบ ฝุ่นผงที่ได้จาก เขานั้น สามารถ

    ใช้เป็น ส่วนผสมใน น้ำยา แก้พิษ ร้ายแรงได้ และผู้ที่ดื่มน้ำ โดยใช้เขา ของยูนิคอร์น จะไม่ประสบกับ ความ เจ็บป่วย

    หรือโรคภัยใดๆ อีกทั้งยังสามารถ ป้องกัน พิษร้ายต่างๆ ทั้งก่อนและ หลังการดื่มยา พิษเข้าไป




    มนุษย์อาชา (Centaures)

    กล่าว กันว่าไม่มีอะไรจะน่าตื่นเต้น เท่ากับที่ได้เห็นฝูงเซนทอร์ควบไล่กันมาตาม ไหล่เขา เซนทอร์มีร่างเป็นมนุษย์ผู้

    ชายแต่ส่วนลำตัวลงไป เป็นม้าหนุ่มที่มีกล้ามเนื้อ เป็นมัดๆ อย่างสง่างามอาศัยอยู่แถบภูเขาของอาคาเดียและเทสสาลี

    ในประเทศกรีซ ถ้าดูจากรูปร่าง เซนทอร์ดูเหมือนจะป่าเถื่อน เอาเรื่องแท้ที่จริง พวกเขามีชาติกำเนิดอันสูงส่งทีเดียว

    ต้องโทษ ผู้ให้กำเนิดคนแรกคือ อิคซอนอันธพาลแห่งสวรรค์ที่ขึ้นชื่อเป็น ผู้ให้ กำเนิดเซนทอร์ ตระผมลหนึ่ง กับอีก

    ตระผมลที่เกิดจากโครนัส ฝ่ายหลังมีธรรมชาติ ทางด้านอุปนิสัยที่ดี แตกต่างจากฝ่ายแรก มากเซนทอร์ ตระ

    ผมลอิคซอน เกิดจากอิคซอนกับเนฟีลี เป็นสิ่งมี ชีวิตพันธุ์ใหม่ มีพละกำลัง ชอบดื่มไวน์กับชอบไล่คว้าผู้หญิง ซ้ำชอบ

    ทะเลาะ เวลาเมา เซนทอร์จึงถูกมองว่าเป็นพวกขี้เมา ไม่กลัวใครทั้งสิ้น *ยกเว้น อีรอส-กามเทพ และไดโอนิซุส-เทพ

    แห่ง เมรัย*

    โดย ปกติพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ในด้านมืด, มีนิสัยดื้อด้านตามธรรมชาติ ส่วน เซนทอร์ตระผมลโครนัสต่างกับตระ

    ผมลอิคซอน ราวฟ้ากับเหว เพราะ เป็นเซนทอร์แสนดี โครนัสแต่งงานกับฟีลีร่านางอัปสรน้ำผู้เลอโฉม

    มีลูก ที่ดี ชื่อ ไครอน ซึ่งเป็นผู้คงแก่เรียน มีความสุขุมรอบคอบ จนได้รับเลือกให้เป็นอาจารย์ ของเหล่าวีรบุรุษ หลาย

    คนในตำนาน กรีก เช่น อคิลีส, เฮอร์คิวลีส, เยสัน, พีลูส, อีเนียส และคนอื่น ๆ อีก และบรรดาลูกศิษย์ของเขา ก็

    ประพฤติตัวตามแบบครูบาอาจารย์ ได้เป็นอย่างดี ในตอนปลายอายุ ถูกเฮอร์คิวลีสยิงด้วยธนู อาบยาพิษ โดยความ

    สำคัญผิดของ เฮอร์คิวลีสในระหว่างที่ ตามล้างเซนทอร์พวกหนึ่งแม้ว่า เฮอร์คิวลิส จะช่วยแก้ไขให้รอดตาย และไค

    รอนแม้จะเป็นหมอ อยู่กับตัว แต่ก็ไม่สามารถ ถอนพิษยาได้ พิษยาบันดาลให้ไครอน เจ็บปวดรวดร้าวนักหนา ภาย

    หลังซูสได้ตอบแทน ความดีความ ชอบของเขาด้วยการให้ปรากฎเป็นหมู่ดาวราศีธนู ไครอนนี้เป็น อาจารย์ผู้ปราด

    เปรื่อง เชี่ยวชาญในวิชาการต่าง ๆ มีวิชาดนตรี เภสัชกรรมวิทยา และวิชาธนูศิลป์ เป็นต้น เป็นที่นับถือของ ชาวกรีก

    โบราณว่า เป็นผู้ สอนมนุษย์ให้รู้จักใช้พืชสมุนไพรทำยา
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×