คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : เข้าฐาน+รอบกองไฟ
ฉันกับเพื่อนอาบน้ำกัน แต่งตัวเสร็จก้อเกือบจะแปดโมงครึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าอาจารย์จะเลื่อนนัดเป็นเก้าโมงเพราะดูท่าทางจะเร็วเกินไป เด็กยังทำภารกิจไม่เสร็จ(ที่จริงพวกอาจารย์เพิ่งตื่นซะมากกว่า อิอิ) ตอนนี้พวกเราใส่กางเกงขายาว เสื้อสีดำ ผ้าพันคอสีแดง รองเท้าผ้าใบ มีกระเป๋าใบกะทัดรัดไว้ใส่กระติกน้ำ สมุดปากกา และของจำเป็นอื่นๆไปด้วย วันนี้เราจะเข้าฐานกันมีทั้งหมดสิบฐาน เวียนกันไป มีฐานผจญภัยด้วย นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เราต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยและรัดกุมเข้าไว้
อาจารย์แจกคู่มือให้คนละหนึ่งเล่ม เอาไว้ให้อาจารย์เซ็นหลังจากที่เราทำกิจกรรมเรียบร้อยแล้ว โดยจะเก็บไว้ที่พี่เลี้ยงประจำหมู่ก้อพี่นศท.อ่ะแหละ หมู่ฉันได้พี่บ๊อบเป็นพี่เลี้ยง พี่แกอยู่ม.4 คุยเก่งน่ารักดี ส่วนพี่โด่งอ่ะเห็นว่าไปอยู่ฐานผจญภัย เลยไม่ได้มาเป็นพี่เลี้ยง พวกพี่เกมส์ พี่วิวด้วย ฉันเลยเอายาคืนมาเผื่อฉุกเฉิน
ฐานแรกที่หมู่ฉันต้องไปเข้าคือฐานปฐมพยาบาล เรื่องแค่นี้จิ๊บมาก แต่ติดตรงที่สามนางมารนั่นพันแผลไม่ถูกซักกะที พวกเราเลยอยู่นานไป(แต่ละฐานมีเวลาครึ่งชั่วโมง)จนเพื่อนหมู่อื่นต้องมานั่งรอต่อคิว อาจารย์รำคาญเลยปล่อยให้ผ่านไป เราเลยไปอีกฐานหนึ่งช้า แต่ละฐานอยู่ไกลพอใช้ได้ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน จนครบทั้งห้าฐาน อาจารย์ก้อปล่อยให้ไปพักทำอาหารกลางวันกัน
“เฮ้อ เหนื่อยเป็นบ้าเลย”ตอนนี้พวกเรากลับมาที่เต็นท์กันแล้ว ฉันเปลี่ยนรองเท้าผ้าใบเป็นรองเท้าแตะ เดินจนเท้าบวมเลยล่ะ
“ช่าย เหนื๊อย เหนื่อย ว่าแต่ตอนเที่ยงเราจะทำอะไรกินดีล่ะ เอาอะไรที่มันง่ายๆนะ ฉันจะของีบสักนิด เดี๋ยวไม่มีแรงเดิน”โอ บอกทุกคน
“ถ้าอย่างนั้นเราทอดไข่เจียวกับยำปลากระป๋องก้อพอนะ ง่ายดี”
“อืม ไปช่วยกันทำเหอะ”ฉันก้อทำหน้าที่ของฉัน นั่นก้อคือหุงข้าวคงไม่ต้องเยอะล่ะมั้ง พวกพี่ๆคงไม่ได้มากินด้วยแน่
“นี่ พวกฉันจะไปกินข้าวหมู่ดาด๊านะ”ยัยโบว์บอกฉันขณะที่ฉันกำลังซาวข้าว
“อ้าว ทำไมล่ะ กินด้วยกันก้อได้นี่ ไม่เห็นต้องไปรบกวนเลย”ฉันหยุดซาวเงยหน้าขึ้นมองยัยโบว์
“เรื่องของฉัน แต่ว่าฟากะเปี๊ยกจะมากินที่หมู่เธอแทนคิดซะว่าแลกกันละกัน ไปล่ะ”โบว์เดินออกไป ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอคิดอะไรกันแน่นะโบว์
“บุ๋มแกรู้เรื่องไอฟายัง”หลิวถามฉัน ฉันยกหม้อข้าวไปตั้งที่เตา
“ที่ฟามากินข้าวหมู่เราแทนใช่มั้ย รู้แล้ว เมื่อกี้ยัยโบว์มาบอกฉันเอง”ฉันทำหน้าเซ็งกะตาย ก่อนจะหันไปดูฟา ฟามันหน้าเศร้าๆนะ มันก้อแหงล่ะ โดนเพื่อนในหมู่ตัวเองขอร้องให้มากินที่หมู่อื่นน่ะ อย่างนี้มันน่าจะแลกกันตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องวุ่นวายอย่างนี้
“ฟา ไม่เป็นหรอกนะ เดี๋ยวทุกมื้อฟามากินที่หมู่เราก้อได้ พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ ใช่มั้ย”
“ช่าย”พวกเราตอบกันอย่างพร้อมเพรียง
“ฟาไม่ต้องไปสนใจคนอื่นเลยนะ ยังงัยพวกเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว”น้อยบอก
“จ้ะ เราก้อแค่น้อยใจนิดหน่อยน่ะ แต่ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ ขอบใจทุกคนมากเลยนะ”
ตอนนี้พวกเราทานข้าวมื้อเที่ยงกันด้วยความสนุกสนานเพราะเราอยากให้ฟาหายเครียด อาจารย์ก้อแวะมาดูแล้วก้อให้คะแนน ฉันไปบอกอาจารย์ว่าฟากับเปี๊ยกจะมาอยู่หมู่เราและสามนางมารนั่นย้ายไปอยู่หมู่ดาด๊าแทน คนมันเส้นใหญ่อ่ะนะ เลยผ่านฉลุย อาจารย์จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเลย จากนั้นเราก้อนอนคุยเล่นกันอย่างสบายใจ จนถึงเวลาบ่ายโมง พวกเราก้อเดินไปเข้าฐานกันต่อ
จนมาถึงฐานสุดท้ายเป็นฐานที่เรารอคอยนั่นคือฐานผจญภัย ฐานนี้มีอาจารย์อรรณพเป็นอาจารย์ประจำฐาน อาจารย์ไม่พูดพร่ำทำเพลง บอกให้พวกเราไปตามด่านที่พี่เขาจัดไว้ พวกเราฝากกระเป๋าที่นำมาไว้กับพี่บ๊อบ แต่ละด่านน่าสนุกดี เริ่มจากตอนแรกต้องมีการใส่ร้ายป้ายสีกันนิดหน่อย จากนั้นก้อลอดอุโมงค์ที่พี่เขาเอาทางมะพร้าวมาทำ เราต้องคลานเข่ากัน ดีว่าฉันใส่กางเกงหนาหน่อย เลยไม่ค่อยเจ็บ ถัดมาเป็นปีนตาข่าย
ด่านสุดท้ายคือไต่เชือก มีเชือกผูกกับต้นไม้สองเส้น ข้างบนหนึ่งเส้นข้างล่างหนึ่งเส้น ด้านล่างจะเป็นลำธารลึกประมาณเอว เราต้องค่อยๆกระดึ๊บกันไป พี่นศท.ที่ไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงกับพี่ที่ทำหน้าที่เสร็จแล้วจะอยู่ที่นี่หมดเลย พี่โด่งก้ออยู่ด้วย พวกพี่ๆจะคอยแกล้งให้พวกเราตกน้ำ แต่ฉันไม่ตก ฮ่าๆๆ ระดับไหนแล้วเรื่องแค่นี้จิ๊บๆฉันเกาะไว้แน่นเหมือนตุ๊กแกเลย อีกนิดเดียวฉันก้อจะถึงฝั่งแล้ว แต่ไอน้อยมันไม่ยอม มันดึงฉันลงไปเปียกด้วย
จากนั้นเราก้อเล่นน้ำสนุกกันใหญ่ คนที่ไม่เปียกคือจิ๋วกับเปี๊ยก ก้อลงมาเล่นน้ำด้วย พี่ๆนศท.ก้อเหมือนกัน เพราะว่าพวกเราเป็นหมู่สุดท้ายแล้ว ยกเว้นพี่บ๊อบคนเดียวที่ไม่เล่น พี่แกบอกว่าจะนั่งเฝ้าของให้ ช่างเป็นพี่เลี้ยงที่ดีจริงๆ จนอาจารย์ไล่พวกเราให้กลับ จึงได้ขึ้นมา แต่ละคนสั่นกันเป็นลูกนกเลย อิอิ เราเดินกลับมาที่เต็นท์พร้อมกับพี่ๆ วันนี้สนุกจัง
“กลับไปอาบน้ำ ทำอะไรเสร็จแล้วอย่าลืมทานยาด้วยนะ เดี๋ยวจะเป็นไข้ วันนี้เล่นน้ำซะหลายชั่วโมง”พี่โด่งบอกฉันก่อนจะถึงเต๊นท์
“ค่ะ พี่ก้อเหมือนกันนะ ดูแลตัวเองด้วย อย่าคิดว่าเรียนนศท.แล้วจะเป็นไข้ไม่ได้ล่ะ”
“ข้าน้อยน้อมรับราชโองการคร๊าบผม”พี่โด่งโค้งให้ พี่ๆคนอื่นหัวเราะกันเลย เพิ่งเคยเห็นพี่แกทำไรบ๊องๆนะเนี่ย น่ารักไปอีกแบบ
“ติ๊งต๊องจริงๆ”แต่ถึงจะติ๊งต๊องบุ๋มก้อชอบนะ
“อ้าว ไหงเป็นงั้นไปซะได้”
“ไปล่ะค่ะ หนาวจะแย่แล้ว เย็นนี้ไปทานข้าวมั้ยคะจะได้หุงเผื่อ เย็นนี้คงกินเยอะเป็นพิเศษ”
“ไปซิครับ น้องบุ๋มก้อ พี่ฝากท้องไว้กับหมู่น้องทุกมื้อแล้วนะ เผื่อไอเกมส์ ไอวิวด้วย ”
“ได้ค่ะ”
ฉันรีบไปอาบน้ำ แล้วก้อมาช่วยกันทำอาหารมื้อเย็นกัน เย็นนี้เราจะทำแกงจืดวุ้นเส้นเต้าหู้หมูสับกัน ของโปรดฉันเลยล่ะ เนื้อต่างๆมันไม่ค่อยสดเท่าไหร่แล้วแต่ก้อยังทานได้รสชาติไม่เปลี่ยนมากนัก พวกเรากับพี่ๆก้อทานกันเอร็ดอร่อย จากนั้นพี่ๆก้อไปเตรียมกิจกรรมตอนกลางคืนต่อ
วันนี้มีกิจกรรมรอบกองไฟ เราต้องเตรียมการแสดงกัน หมู่เราก้อง่ายๆคือร้องเพลงมีแดนซ์เซอร์ด้วย น้อยมันยืมกีตาร์พี่โด่งมาซ้อมเพลง มันเล่นกีตาร์เป็นเราเลยโชคดีไป ส่วนนักร้องเป็นใครไม่ได้นอกจากฉัน ความจริงฉันก้อไม่ได้ร้องดีมากมายแต่ก้อยังดีกว่าทุกคนในกลุ่มที่ไม่ค่อยกล้าร้องกัน ฉันจึงต้องรับไป
พวกเราได้แสดงเป็นหมู่ที่ห้า แต่ละหมู่มีเวลาสิบนาที เมื่อถึงเวลาอาจารย์ก็เรียกออกไปตรงกลาง เราเริ่มบรรเลงทันที พี่เกมส์เอากะละมังมาเคาะเป็นจังหวะให้ด้วยล่ะ เอ้า วัน ทู ทรี Go
“ มาทำไมให้อายบ้านนา เล่านวลน้องไม่ต้องกลับคืนมา
วันจะไปไม่ลาหนีหน้าไปกับหนุ่มเมืองหลวง
ทิ้งคนข้างหลังนั่งน้ำตาร่วง มันเจ็บในทรวงพุ่มพวงรู้รึเปล่า
ทิ้งเคียวคาดไถไปเมื่อเดือนเก้า ช่างสุกสกาวกลับมาทำไม
คงจะโดนเขาทิ้งไปหรือไงเจ้า ถึงเดินหน้าเศร้าหมดอาย
นึกว่าเป็นคุณนายไปแล้ว น้องแก้วฉัน
จำได้ไหมเป็นคุณนายกี่วัน ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร
อะโอ๊ยทำเป็นเศร้าให้เราเอาใจ น้ำตาพี่ไหลใครก็รู้ดี
ไปหาข้างหน้าดีกว่าคนสวย หาคนร่ำรวยก็อาจจะมี
ปีนี้ไม่มีความหมาย ขืนอยู่ไปจะเป็นของฟรี
ขอบใจสุดซึ้งที่คิดถึงพี่ ขอให้โชคดี โทษทีนะพี่ไม่ว่าง”
ตามด้วย
“น้องเป็นสาวขอนแก่นยังบ่เคยมีแฟนบ้านอยู่แดนอีสาน
น้องเป็นสาววัยอ่อนได้แต่นอนตะแคงยามเมื่อแลงฝันหวาน
จะมีชายใดไผแดต้องการ จะมีชายใดไผแดต้องการ
หมายปองน้องนั่นแม้นต้องการ จะคอย
น้องเป็นสาวบ้านป่าเช้าก็ไปทำนา ค่ำลงมาเหงาหงอย
เขาว่าน้องเป็นลาวเป็นสาวเมืองอีสานใจน้องนั่นเลื่อยลอย
จงเอ็นดูแน่เด้ออ้ายเด้อ จงปราณีน้องแน่จักหน่อย
ฮักน้องบ่อยๆตัวน้องได้พลอยดีใจ
ใจดวงเดียวที่น้องมีอยู่เปิดประตูให้แล้วดวงใจ
พี่อย่ามองว่าน้องต้อยต่ำ หากจะดำก็ดำแต่กาย
สาวอีสานมองเหม่อ นอนละเมอเหม่อคอยใจเลื่อนลอยคอยหาย
เห็นเป็นลูกชาวนาอ้ายจึงบ่อยากเจอบ่อยากมามั่นหมาย
คอยแรมปีน้องนี้เอียงอาย คอยๆๆน้องคอยจนอาย
คิดแคลงแหนงหน่ายหรืออ้ายบ่อยากมาแล”
เราร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน หลายคนมาร่วมเต้นด้วย ที่เลือกเพลงลูกทุ่งเพราะเพลงมันสนุกดีร้องง่าย พวกเราแสดงจบได้รับเสียงปรบมือดังมาก จากนั้นเราก็นั่งชมการแสดงของหมู่อื่นต่อจนถึงเที่ยงคืน อาจารย์ประกาศรางวัลในการทำอาหารดีเด่น เป็นใครไม่ได้นอกจากหมู่เราเองที่ได้คะแนนสูงสุด เราเลยต้องออกมาขอบคุณโดยการร้องเพลงอีกรอบ หลังจากนั้นอาจารย์ปล่อยให้พวกเราพักตามอัธยาศัย จะกลับไปนอนหรือนั่งคุยกันต่อก็ได้ เพราะพรุ่งนี้นัดตอนเก้าโมงเช้าเพื่อทำพิธีปิดค่าย
ในหมู่เรามีเหลือเพียงฉัน น้อย หลิว ฟาเท่านั้นที่ยังนั่งกันอยู่ ที่เหลือกลับไปนอนกันหมดแล้ว เรานอนดูดาวคุยกันเพลินจนกระทั่ง
“อะแฮ่ม ยังไม่นอนกันเหรอครับสาวๆ”เสียงพี่เกมส์ดังขึ้นทำให้พวกเราลุกขึ้นนั่ง
“ยังไม่ง่วงน่ะค่ะ เลยนอนดูดาว คุยกันเล่น”ฉันตอบไป เห็นพี่โด่ง พี่วิว พี่เกมส์ พี่ทับ พี่ก้อง พี่เอก พี่บอย มากันครบทั้งเจ็ดคนเลย พากีต้าร์มาด้วยล่ะ
“ถ้าอย่างนั้นพวกพี่ขอนั่งด้วยละกันนะ”พี่โด่งถาม
“ได้ซีคะ ไม่มีปัญหา”
พี่โด่งมานั่งข้างๆฉัน พี่วิวก็ไปนั่งข้างๆไอหลิว สองคนนั้นคุยกันกระหนุงกระหนิงเห็นแล้วน่าอิจฉาจัง เรานั่งคุย ร้องเพลงกันไปเรื่อยๆ ฉันรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำกะทันหันจะชวนไอหลิวไปเป็นเพื่อนก็เกรงใจมัน จะชวนไอน้อยก็กลัวว่าฟาจะอยู่คนเดียว ฉันไม่อยากไปลำพังเลยนั่งบิดไปบิดมาจนพี่โด่งสังเกตเห็น
“น้องบุ๋มเป็นอะไรรึป่าวครับ”พี่โด่งถามเบาๆ
“คือว่า คือบุ๋มปวดท้องอยากไปห้องน้ำแต่ไม่กล้าไปคนเดียว จะชวนพวกนั้นไปเป็นเพื่อนก็เกรงใจน่ะค่ะ”ฉันตอบด้วยเสียงเบาที่สุด ไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน แค่พี่โด่งก็เขินจะแย่อยู่แล้ว
“อ๋อ ฮ่าๆๆ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเป็นเพื่อนเอง เฮ้ย เดี๋ยวมานะโว้ย”พี่โด่งขำนิดนึง จากนั้นก็บอกคนอื่นๆก่อนจะลากฉันออกมาทันที อ๊ายตายแล้วพี่โด่งจับมือฉันด้วย
พี่โด่งพามาถึงห้องน้ำ และรอจนฉันทำธุระเสร็จ
“ทำไมไม่ยอมบอกตั้งแต่แรกล่ะ นั่งบิดอยู่ได้”พี่โด่งถาม
“ก็บุ๋มอายนี่นา จะชวนไอหลิวก็เกรงใจเห็นคุยกับพี่วิวอยู่ จะชวนไอน้อยก็กลัวว่าฟาจะอยู่คนเดียวอีก”
ฉันเขินไม่กล้ามองหน้าพี่โด่งเลย
“เอาเหอะ อิอิ พี่ก็หยอกเล่นหรอกน่า ว่าแต่จะกลับไปที่เดิมหรือว่าไงดีล่ะ”
“ทำไมพี่โด่งถามอย่างนั้นล่ะ”
“ก็ คือพี่ พี่อยากคุยกับบุ๋มน่ะ ถ้ากลับไปพี่ก็เขินไม่กล้าคุยแน่”ใจตรงกันเลยแห๊ะ
“อ่านะ งั้นไปนั่งคุยกันตรงนั้นก็ได้”บุ๋มก็อยากคุยกับพี่เหมือนกันอ่ะแหละ
“อืมๆ”พี่โด่งพยักหน้า จากนั้นก็จับมือฉันเดินไปทางที่ฉันว่า เป็นคนละฝั่งที่จะกลับค่าย ตรงนั้นมีม้านั่งให้นั่งได้ แถมมีไฟด้วย ทำให้ไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่
“พี่โด่งทำไมต้องจับมือด้วยล่ะ”ฉันถาม
“ไม่ได้เหรอ โทษนะ คือพี่เผลอไปหน่อย”พี่โด่งรีบปล่อยมือฉันทันที
“ก็จับไปซีไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย ถามไปอย่างนั้นแหละ”
“จริงนะ”
“ค่ะ”พอฉันรับคำพี่แกก็รีบจับทันที อย่างกับกลัวฉันจะหนีอย่างนั้นแหละ ก็ใครจะไม่ชอบบ้างล่ะ มือพี่โด่งน่ะอุ่นจะตาย อิอิ เรานั่งคุยกันจนเกือบตีสามแน่ะ พี่โด่งเล่าอะไรให้ฉันฟังเยอะแยะเลย ฉันเพิ่งรู้ว่าบ้านพี่เขาอยู่หมู่บ้านเดียวกับบ้านฉันล่ะ โชคดีเป็นบ้า ตลอดเวลาที่คุยกัน ฉันมีความรู้สึกว่าฉันคงไม่ได้แอบชอบพี่เขาฝ่ายเดียว ดูเหมือนพี่โด่งก็น่าจะมีใจให้ฉันบ้างเหมือนกัน ฉันอยากบอกว่าชอบพี่เขาแต่ไม่กล้า เอาไว้ดูกันไปนานๆดีกว่าเนอะ
ความคิดเห็น