คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : เด็กหญิงที่โรงเตี๊ยม
คุณหนูวัยเยาว์ที่กำลังมองไหมสีสวยด้วยความอยากได้ไปทุกสีแต่ต้องเลือกเท่าที่จะใช้เพราะเงินที่ได้มีจำกัด ขณะกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปักดอกไม้สีชมพูหรือสีแดง ทางหางตาก็เห็นมีคนเดินมาใกล้ หรือว่าสาวรับใช้มาตามนางกลับจึงเหลียวไปมอง
นัยน์ตารูปเมล็ดซิ่งของเย่ลี่จิงมองสบตากับนัยน์ตาดอกท้อก่อนจะยิ้มให้และชวนคุย "เอาเส้นไหมไปทำอะไรหรือ?" เด็กตัวเท่านี้เอาไปเล่นพันด้ายแบบโนบิตะหรือไร
"เอาไปปักปลอกหมอนให้ท่านแม่" เสียงเล็กที่ค่อนข้างนุ่มนวลตอบกลับอย่างแผ่วเบา
"เก่งจัง ปักผ้าได้แล้ว" เย่ลี่จิงชม อายุเท่านี้ปักผ้าแล้ว ตอนนางเรียนประถม แค่เย็บด้นถอยหลัง สอยซ่อนด้าย เนาผ้าได้ก็เก่งแล้ว ปักทึบนี่ไม่ต้องเอ่ยถึง
เมื่อเด็กหญิงที่มาทักดูไม่น่ากลัวอีกทั้งยังดูเป็นมิตรจึงถาม "เจ้าทำไม่เป็นหรือ" เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้า จึงมองสำรวจการหน้าตาการแต่งกาย ดูแล้วก็มีฐานะ หน้าตาท่าทางก็ไม่ใช่ชาวบ้านทำงานหนัก เหตุใดไม่ได้ร่ำเรียนการเย็บปัก
เย่ฮูหยินสั่งซื้อเข็มด้ายและกระดุม สายตาก็มองดูบุตรสาวที่เดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งนางจำได้ว่า เป็นเด็กหญิงคนเดียวกับที่เย่ลี่จิงลอบมองตอนทานอาหารกลางวัน เด็กหญิงสองคนก้มหน้าดูสินค้าจนหัวแทบจะชนกัน จังหวะนั้นมีสตรีแต่งกายอย่างสาวรับใช้ในจวนขุนนางเดินเข้ามา
"คุณหนู กลับได้แล้วเจ้าค่ะ" ประโยคแม้สุภาพแต่น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกระด้างเอ่ยขึ้น
เย่ลี่จิงหันไปมองตามเสียงระคายหู
แล้วก็ได้ยืนเสียงนุ่มนวลจากเด็กหญิงข้างกายเอ่ยตอบ "ข้าจ่ายเงินสักครู่"
"มาตั้งนาน เหตุใดจึงยังไม่เสร็จเรียบร้อยเจ้าคะ"
คนระคายหูเริ่มรู้สึกขัดใจ เหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนดูในซีรีส์จีน บุตรสาวที่ไม่เป็นที่โปรดปรานของครอบครัวก็จะโดนรังแก คนรับใช้ก็จะไม่ให้ความเคารพ จากที่เห็นที่โรงเตี๊ยมและที่นี่ก็มีความเป็นไปได้ การตอบของคนข้างตัวยิ่งชัดเจน
"ข้าเลือกไม่ถูก ขอโทษด้วย"
"สตรีผู้นี้เป็นพี่สาวเจ้าหรือ ?" เย่ลี่จิงหันไปถาม
"ไม่ใช่ เออ..คือ " เสียงกระอักกระอ่วนตอบด้วยกังวลว่าควรจะตอบอย่างไร นางไม่อยากมีปัญหากับสาวรับใช้ของพี่สาวต่างมารดา
เย่ลี่จิงลอบยิ้มตีหน้าไร้เดียงสา เบี่ยงหน้าไปมองสตรีที่นางมั่นใจว่าเป็นเพียงสาวรับใช้ "ไม่ใช่พี่สาวแล้วทำไมพูดเสียงดุน่ากลัวจัง" พลางทำท่าคล้ายหวาดกลัว
สาวรับใช้มองเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผิวพรรณดี แต่งกายอย่างคนมีฐานะแต่มิใช่แบบคุณหนูตระกูลขุนนางหรือครอบครัวคหบดีอย่างประเมิน สายตาพลันเห็นหยกสีม่วงอ่อนหายากที่ห้อยไว้ข้างเอว
เย่ลี่จิงที่กำลังโดนมองอย่างสำรวจหันไปหาคนตัวเล็กเท่ากันข้างกาย "ทำไมนางทำอย่างกับว่ามีอำนาจเหนือเจ้าล่ะ"
คนในร้านที่ได้ยินล้วนมีความคิดแตกต่างสีหน้าที่แสดงออกก็ต่างกัน
เย่ฮูหยินยืนนิ่งมองบุตรสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
คนดูแลร้านรู้ว่าลูกค้าในร้านตอนนี้ต่างมีฐานะที่ไม่ควรล่วงเกิน จึงนิ่งเงียบ
"ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองรอคุณหนูสามอยู่ ไม่ทราบคุณหนูท่านนี้.." เสียงสาวรับใช้ที่เอ่ยออกมาอ่อนลงหลายส่วน
เย่ลี่จิงที่เสแสร้งแกล้งไม่รู้เรื่องเอียงคอมองสาวรับใช้ "เรียกข้าว่าคุณหนูเหมือนพี่มิ่งจี้เรียกเลย แต่พี่มิ่งจี้พูดจาดีเรียบร้อย หน้าไม่เชิดขึ้นเหมือนหุ่นกระบอกเสียสมดุลเช่นนี้" ก่อนจะหันไปถามมารดาด้วยน้ำเสียงเจือสงสาร "ท่านแม่ ลูกว่ากระดูกคอพี่สาวคงมีปัญหา ลองหาอะไรมาดามดีหรือไม่เจ้าคะ"
"ลี่จิง" เสียงราบเรียบปรามบุตรสาว พลางก้าวเท้าเข้าไปหา สายตามองสาวรับใช้ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น ก่อนจะก้มหน้าไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่ดูไม่มีความมั่นใจ "คุณหนูสามขอโทษที่บุตรสาวของข้าเสียมารยาททำให้เสียเวลาในการเลือกซื้อของ" แล้วหันไปบอกสาวรับใช้ "ฝากบอกคุณหนูทั้งสองของเจ้าว่า บุตรสาวของข้า เย่ลี่จิงทำให้คุณหนูสามเสียเวลาจึงล่าช้า หวังว่าจะไม่ถือสา"
สาวรับใช้ย่อกายลงพร้อมก้มหน้า "คุณหนูของบ่าวย่อมเข้าใจมิกล้าตำหนิเจ้าค่ะ" ตระกูลเย่โด่งดังขนาดไหนในถางหยาง ถ้าหูไม่หนวกตาไม่บอดย่อมรู้จัก นายท่านยังเกรงใจนับอันใดกับบุตรสาวและบ่าวเช่นนาง
คนที่โดนเรียกว่าคุณหนูสามหันไปมองเย่ลี่จิง ก่อนจะพูดเบา ๆ "ข้าชื่อไฉ่อิน อู๋ไฉ่อิน"
"เรียกข้า ลี่จิง" ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง "เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่" ดูอ่อนแอ่เช่นนี้น้าจะปกป้องเอง มีโอกาสจะฝึกให้สู้คนให้ได้คอยดู
"อืม วันนี้ข้าขอตัวก่อน หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก" อู๋ไฉ่อินบอกกับเพื่อนใหม่
เย่ลี่จิงพยักหน้าพร้อมยิ้มให้
เมื่อเดินออกมาจากร้าน เสียงดุของมารดาก็เอ่ยขึ้น
"เจ้าเสียมารยาทรู้ตัวหรือไม่"
เย่ลี่จิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งดั่งไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด "ที่ลูกเดินไปทักคุณหนูคนนั้นหรือเจ้าคะ ลูกแค่อยากมีเพื่อนด้านนอกหุบเขาบ้าง"
เย่ฮูหยินถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงเศร้าสร้อยกอรปกับแววตาที่สำนึกผิดก่อนจะบอกสิ่งที่บุตรสาวเสียมารยาทไป "ที่ลูกไปกล่าวว่าสาวรับใช้ผู้นั้นไม่สบาย"
"ก็นางคอแข็ง คนปกติจะคอแข็งได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ"
ใบหน้างามมีความยุ่งยากใจปรากฎในแววตาเมื่อคิดหาคำพูดสอนบุตรสาว "คนเรามีหลายแบบ เมื่อโตขึ้นเจ้าจะรู้ ลักษณะสรีระร่างกายก็เช่นกัน เจ้าจะบอกว่าคนนั้นคอเอียง ตาไม่เท่ากัน ว่าไม่สบายทุกคนไม่ได้ และห้ามพูดต่อหน้าเช่นนั้น หากสาวรับใช้ผู้นั้นกระดูกคอผิดปกติจริง ๆ นางย่อมช้ำใจ"
"ลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกลืมนึก"
เมื่อเห็นบุตรสาวคอตก ไหล่ลู่ท่าทางหงอยลงทันทีก็บอกอย่างอ่อนโยน "แต่เจ้าก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่คนนึง ถือว่าดี" บุตรสาวคนที่สามของเจ้าเมืองถางหยาง ซึ่งเกิดจากฮูหยินรอง มีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ได้รับการอบรมอย่างคุณหนูในห้องหออาจทำให้เย่ลี่จิงเรียนรู้การเข้าสังคมอื่นนอกจากที่หุบเขาเลือนราง
ทางจวนเจ้าเมืองถางหยาง
"ไฉ่อินรู้จักกับคุณหนูเย่หรือ" ฮูหยินเอกเอ่ยถามบุตรสาวคนโต ตระกูลเย่ใช่ว่าจะสามารถสนิทสนมได้ง่าย ๆ แม้ในสายตาของนางเป็นเพียงครอบครัวชาวบ้านที่มีฝีมือมีชื่อเสียง มีเงินทองทั่วไป แต่สามีของนางกลับเห็นเย่ฮวงเทียนสำคัญ"เจอกันโดยบังเอิญตอนซื้อของ มิได้สนิทสนมอันใด อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเลยก็ได้เจ้าค่ะ"
นัยน์ตาเรียวของอู๋ฮูหยินสตรีวัย เกือบ 40 ปีหรี่ลง แต่ก็เป็นไปได้ที่จะได้พบกันอีก ตัวเมืองถางหยางมิได้มีพื้นที่กว้างใหญ่ ถนนสายหลักย่านการค้าก็มีเพียงแห่งเดียว แทนที่จะให้สนิทสนมกับเด็กอ่อนแอน่ารำคาญนั่น สู้ให้มาสนิทกับคนของนางมิดีกว่าหรือ สนิทกับใครก่อนใส่ข้อมูลในหัวได้ก่อนย่อมได้เปรียบ
ความคิดเห็น