ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เย่ลี่จิง (อ่านฟรี 3 วัน ติดเหรียญนะคะ) จบแล้วค่ะ

    ลำดับตอนที่ #7 : เด็กหญิงที่โรงเตี๊ยม

    • อัปเดตล่าสุด 13 ส.ค. 65


                     ออกจากร้านขายอาวุธ มารดาก็จับจูงให้เข้าร้านเครื่องเย็บปัก มีทั้งอุปกรณ์และของทำสำเร็จ   แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตากลับมิใช่ถุงหอม ปลอกหมอนปักลาย ผ้าปักลายมงคล แต่เป็นเด็กหญิงที่เจอในโรงเตี๊ยมกำลังก้มหน้าก้มตาดูกลุ่มไหมสีต่าง ๆ  
         

                    คุณหนูวัยเยาว์ที่กำลังมองไหมสีสวยด้วยความอยากได้ไปทุกสีแต่ต้องเลือกเท่าที่จะใช้เพราะเงินที่ได้มีจำกัด  ขณะกำลังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปักดอกไม้สีชมพูหรือสีแดง ทางหางตาก็เห็นมีคนเดินมาใกล้ หรือว่าสาวรับใช้มาตามนางกลับจึงเหลียวไปมอง  

          

                นัยน์ตารูปเมล็ดซิ่งของเย่ลี่จิงมองสบตากับนัยน์ตาดอกท้อก่อนจะยิ้มให้และชวนคุย    "เอาเส้นไหมไปทำอะไรหรือ?"  เด็กตัวเท่านี้เอาไปเล่นพันด้ายแบบโนบิตะหรือไร

         

               "เอาไปปักปลอกหมอนให้ท่านแม่" เสียงเล็กที่ค่อนข้างนุ่มนวลตอบกลับอย่างแผ่วเบา 

         

               "เก่งจัง ปักผ้าได้แล้ว" เย่ลี่จิงชม อายุเท่านี้ปักผ้าแล้ว  ตอนนางเรียนประถม แค่เย็บด้นถอยหลัง สอยซ่อนด้าย เนาผ้าได้ก็เก่งแล้ว ปักทึบนี่ไม่ต้องเอ่ยถึง 

             

                 เมื่อเด็กหญิงที่มาทักดูไม่น่ากลัวอีกทั้งยังดูเป็นมิตรจึงถาม    "เจ้าทำไม่เป็นหรือ"   เมื่ออีกฝ่ายส่ายหน้า จึงมองสำรวจการหน้าตาการแต่งกาย ดูแล้วก็มีฐานะ หน้าตาท่าทางก็ไม่ใช่ชาวบ้านทำงานหนัก เหตุใดไม่ได้ร่ำเรียนการเย็บปัก

            

                 เย่ฮูหยินสั่งซื้อเข็มด้ายและกระดุม สายตาก็มองดูบุตรสาวที่เดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนหนึ่งซึ่งนางจำได้ว่า เป็นเด็กหญิงคนเดียวกับที่เย่ลี่จิงลอบมองตอนทานอาหารกลางวัน    เด็กหญิงสองคนก้มหน้าดูสินค้าจนหัวแทบจะชนกัน  จังหวะนั้นมีสตรีแต่งกายอย่างสาวรับใช้ในจวนขุนนางเดินเข้ามา

      


                   "คุณหนู กลับได้แล้วเจ้าค่ะ"  ประโยคแม้สุภาพแต่น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกระด้างเอ่ยขึ้น 

         

                  เย่ลี่จิงหันไปมองตามเสียงระคายหู 

        

                 แล้วก็ได้ยืนเสียงนุ่มนวลจากเด็กหญิงข้างกายเอ่ยตอบ   "ข้าจ่ายเงินสักครู่"  

          

                "มาตั้งนาน เหตุใดจึงยังไม่เสร็จเรียบร้อยเจ้าคะ" 

          

                คนระคายหูเริ่มรู้สึกขัดใจ  เหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนดูในซีรีส์จีน บุตรสาวที่ไม่เป็นที่โปรดปรานของครอบครัวก็จะโดนรังแก คนรับใช้ก็จะไม่ให้ความเคารพ จากที่เห็นที่โรงเตี๊ยมและที่นี่ก็มีความเป็นไปได้  การตอบของคนข้างตัวยิ่งชัดเจน 

         

              "ข้าเลือกไม่ถูก ขอโทษด้วย"

           

              "สตรีผู้นี้เป็นพี่สาวเจ้าหรือ ?"  เย่ลี่จิงหันไปถาม

           

              "ไม่ใช่   เออ..คือ " เสียงกระอักกระอ่วนตอบด้วยกังวลว่าควรจะตอบอย่างไร นางไม่อยากมีปัญหากับสาวรับใช้ของพี่สาวต่างมารดา   

          

               เย่ลี่จิงลอบยิ้มตีหน้าไร้เดียงสา  เบี่ยงหน้าไปมองสตรีที่นางมั่นใจว่าเป็นเพียงสาวรับใช้     "ไม่ใช่พี่สาวแล้วทำไมพูดเสียงดุน่ากลัวจัง"   พลางทำท่าคล้ายหวาดกลัว  

          

               สาวรับใช้มองเด็กหญิงหน้าตาน่ารักผิวพรรณดี แต่งกายอย่างคนมีฐานะแต่มิใช่แบบคุณหนูตระกูลขุนนางหรือครอบครัวคหบดีอย่างประเมิน  สายตาพลันเห็นหยกสีม่วงอ่อนหายากที่ห้อยไว้ข้างเอว 

      

               เย่ลี่จิงที่กำลังโดนมองอย่างสำรวจหันไปหาคนตัวเล็กเท่ากันข้างกาย   "ทำไมนางทำอย่างกับว่ามีอำนาจเหนือเจ้าล่ะ"  

        

               คนในร้านที่ได้ยินล้วนมีความคิดแตกต่างสีหน้าที่แสดงออกก็ต่างกัน   

       

                เย่ฮูหยินยืนนิ่งมองบุตรสาวด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

       

                คนดูแลร้านรู้ว่าลูกค้าในร้านตอนนี้ต่างมีฐานะที่ไม่ควรล่วงเกิน จึงนิ่งเงียบ

         

                 "ขออภัยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองรอคุณหนูสามอยู่    ไม่ทราบคุณหนูท่านนี้.."  เสียงสาวรับใช้ที่เอ่ยออกมาอ่อนลงหลายส่วน

      

                 เย่ลี่จิงที่เสแสร้งแกล้งไม่รู้เรื่องเอียงคอมองสาวรับใช้    "เรียกข้าว่าคุณหนูเหมือนพี่มิ่งจี้เรียกเลย แต่พี่มิ่งจี้พูดจาดีเรียบร้อย หน้าไม่เชิดขึ้นเหมือนหุ่นกระบอกเสียสมดุลเช่นนี้"  ก่อนจะหันไปถามมารดาด้วยน้ำเสียงเจือสงสาร   "ท่านแม่  ลูกว่ากระดูกคอพี่สาวคงมีปัญหา ลองหาอะไรมาดามดีหรือไม่เจ้าคะ" 

       


                "ลี่จิง"  เสียงราบเรียบปรามบุตรสาว  พลางก้าวเท้าเข้าไปหา สายตามองสาวรับใช้ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัวมากขึ้น   ก่อนจะก้มหน้าไปทางเด็กหญิงตัวน้อยที่ดูไม่มีความมั่นใจ  "คุณหนูสามขอโทษที่บุตรสาวของข้าเสียมารยาททำให้เสียเวลาในการเลือกซื้อของ"  แล้วหันไปบอกสาวรับใช้     "ฝากบอกคุณหนูทั้งสองของเจ้าว่า บุตรสาวของข้า เย่ลี่จิงทำให้คุณหนูสามเสียเวลาจึงล่าช้า หวังว่าจะไม่ถือสา" 

         

                 สาวรับใช้ย่อกายลงพร้อมก้มหน้า   "คุณหนูของบ่าวย่อมเข้าใจมิกล้าตำหนิเจ้าค่ะ"  ตระกูลเย่โด่งดังขนาดไหนในถางหยาง ถ้าหูไม่หนวกตาไม่บอดย่อมรู้จัก นายท่านยังเกรงใจนับอันใดกับบุตรสาวและบ่าวเช่นนาง 

        

                คนที่โดนเรียกว่าคุณหนูสามหันไปมองเย่ลี่จิง  ก่อนจะพูดเบา ๆ "ข้าชื่อไฉ่อิน   อู๋ไฉ่อิน"

       

               "เรียกข้า ลี่จิง" ก่อนจะนิ่งไปครู่หนึ่ง "เราเป็นเพื่อนกันแล้วใช่หรือไม่"  ดูอ่อนแอ่เช่นนี้น้าจะปกป้องเอง  มีโอกาสจะฝึกให้สู้คนให้ได้คอยดู  

     

                 "อืม  วันนี้ข้าขอตัวก่อน หวังว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีก" อู๋ไฉ่อินบอกกับเพื่อนใหม่

       

                 เย่ลี่จิงพยักหน้าพร้อมยิ้มให้  


        


                เมื่อเดินออกมาจากร้าน เสียงดุของมารดาก็เอ่ยขึ้น

       

                "เจ้าเสียมารยาทรู้ตัวหรือไม่"

      

                เย่ลี่จิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งดั่งไม่รู้ว่าตัวเองทำสิ่งใดผิด   "ที่ลูกเดินไปทักคุณหนูคนนั้นหรือเจ้าคะ ลูกแค่อยากมีเพื่อนด้านนอกหุบเขาบ้าง"  

     

                เย่ฮูหยินถอนหายใจเมื่อได้ยินเสียงเศร้าสร้อยกอรปกับแววตาที่สำนึกผิดก่อนจะบอกสิ่งที่บุตรสาวเสียมารยาทไป    "ที่ลูกไปกล่าวว่าสาวรับใช้ผู้นั้นไม่สบาย"


                  "ก็นางคอแข็ง คนปกติจะคอแข็งได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ"
     

                 ใบหน้างามมีความยุ่งยากใจปรากฎในแววตาเมื่อคิดหาคำพูดสอนบุตรสาว     "คนเรามีหลายแบบ เมื่อโตขึ้นเจ้าจะรู้ ลักษณะสรีระร่างกายก็เช่นกัน เจ้าจะบอกว่าคนนั้นคอเอียง ตาไม่เท่ากัน ว่าไม่สบายทุกคนไม่ได้   และห้ามพูดต่อหน้าเช่นนั้น หากสาวรับใช้ผู้นั้นกระดูกคอผิดปกติจริง ๆ นางย่อมช้ำใจ" 

     

                 "ลูกขอโทษเจ้าค่ะ ลูกลืมนึก" 

     

                เมื่อเห็นบุตรสาวคอตก ไหล่ลู่ท่าทางหงอยลงทันทีก็บอกอย่างอ่อนโยน    "แต่เจ้าก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่คนนึง ถือว่าดี"     บุตรสาวคนที่สามของเจ้าเมืองถางหยาง ซึ่งเกิดจากฮูหยินรอง มีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ได้รับการอบรมอย่างคุณหนูในห้องหออาจทำให้เย่ลี่จิงเรียนรู้การเข้าสังคมอื่นนอกจากที่หุบเขาเลือนราง


      

                   ทางจวนเจ้าเมืองถางหยาง 

     "ไฉ่อินรู้จักกับคุณหนูเย่หรือ"  ฮูหยินเอกเอ่ยถามบุตรสาวคนโต  ตระกูลเย่ใช่ว่าจะสามารถสนิทสนมได้ง่าย ๆ  แม้ในสายตาของนางเป็นเพียงครอบครัวชาวบ้านที่มีฝีมือมีชื่อเสียง มีเงินทองทั่วไป  แต่สามีของนางกลับเห็นเย่ฮวงเทียนสำคัญ
     

              "เจอกันโดยบังเอิญตอนซื้อของ มิได้สนิทสนมอันใด อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกเลยก็ได้เจ้าค่ะ" 

     

                นัยน์ตาเรียวของอู๋ฮูหยินสตรีวัย เกือบ 40 ปีหรี่ลง  แต่ก็เป็นไปได้ที่จะได้พบกันอีก   ตัวเมืองถางหยางมิได้มีพื้นที่กว้างใหญ่ ถนนสายหลักย่านการค้าก็มีเพียงแห่งเดียว   แทนที่จะให้สนิทสนมกับเด็กอ่อนแอน่ารำคาญนั่น  สู้ให้มาสนิทกับคนของนางมิดีกว่าหรือ  สนิทกับใครก่อนใส่ข้อมูลในหัวได้ก่อนย่อมได้เปรียบ 




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×