คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ออกนอกหุบเขา 1
ผู้เป็นอาจารย์มองลายมือที่ดีขึ้นของลูกศิษย์ตัวน้อย สลับกับสีหน้าที่แสดงออกชัดว่ารอคำชมอย่างกึ่งขำกึ่งเอ็นดู "ดีขึ้นแล้ว แต่ตัองฝึกอีกมาก พยายามคัดทุกวันเส้นจะได้คมชัด อ่อนช้อยน่ามองงดงาม"
"เจ้าค่ะ" นางจะพยายามฝึกให้รู้กันไปว่าจะเขียนให้สวยกว่าเด็กประถมไม่ได้
ต้นยามเซิน(15.00-16.59)หลังจากเรียนเสร็จ เท้าเล็กวิ่งสับกันอย่างไวไปหามารดาที่ห้องเก็บสมุนไพร
ฟานถิงหรือเย่ฮูหยินได้ยินเสียงฝีเท้าดังถี่ใกล้เข้ามา มือที่กำลังคัดแยกสมุนไพรหยุดชะงัก สายตามองประตู เพียงเสี้ยวลมหายใจประตูก็ถูกเคาะแล้วเปิดผลัวะเข้ามา
"ท่านแม่พรุ่งนี้จะพาจิงเออร์ไปนอกหุบเขาหรือเจ้าค่ะ" เสียงหวานใสกล่าวออกอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นเต้นดีใจ
ฟานถิงส่งสายตาดุให้บุตรสาว "จิงเออร์ เจ้าลืมหรืออย่างไรว่าเป็นเด็กผู้หญิง กิริยาควรนุ่มนวลสักนิด"
'สักนิด ? งั้นครั้งหน้าจะเดินช้าลงสักหน่อย เปิดประตูเบาลงอีกนิด' "เจ้าค่ะท่านแม่" แล้วยิ้มน่ารักให้มารดาอย่างประจบ
"พรุ่งนี้ช่วงกลางยามซื่อ แม่จะพาขี่ม้าออกไปด้านนอก หากทำตัวดีแม่จะพาไปยังตัวเมืองถางหยาง" ยามซื่อ(9.00-10.59)
เย่ลี่จิงอมยิ้มอย่างดีใจที่จะได้ไปเที่ยว "เจ้าค่ะ วันนี้ลูกว่างขอช่วยท่านแม่จัดสมุนไพรนะเจ้าคะ" เริ่มทำตัวดีทันที
คิ้วโก่งเรียวยกสูงรอยยิ้มเอ็นดูปรากฎบนสีหน้า เมื่อเห็นบุตรสาวทำตัวเรียบร้อยยืนสงบเสงี่ยมแววตาใสกระจ่างรอคอยคำตอบ "มาดูความอดทนในการช่วยงานแม่ของเจ้ากัน"
เย่ลี่จิงดูใบไม้แห้งรูปใบเรียวยาวเล็กสีเขียวเข้มมีก้านสั้น ๆ ปะปนประมาณ 5 กำมือที่มารดาเลื่อนมาให้ตรงหน้า
"ดมกลิ่นแล้วลองบอกแม่ว่า กลิ่นเป็นอย่างไร"
คิ้วเล็กเกร็งขึ้น ก้มหน้าลงไปค่อย ๆ สูดกลิ่นใบไม้แห้งหงิกงอเข้าจมูก "กลิ่นของขม เหม็นเขียวเจ้าค่ะ"
"ชวนซินเลี่ยน" (ฟ้าทะลายโจร) เสียงหวานที่ฟังดูติดจะเข้มงวดบอกชื่อสมุนไพรให้บุตรสาวฟัง "แยกใบออกจากก้านให้แม่"
คนฟังคำสั่งเกือบเผลอร้อง 'ฮะ' ดีที่ยั้งไว้ทัน เสียงมารดาอธิบายต่อ
"การใช้รักษา บางอาการเราจะใช้เพียงใบ บางอาการจะใช้ทั้ง 5 ส่วนหรือใช้ทั้งใบและลำต้น เมื่อพอมีเวลาก็ควรแยกใบไว้ยามต้องการใช้จะได้สะดวก แยกเสร็จนำใบไปบด"
สายตาเด็กหญิงมองตามทิศทางที่ใบหน้ามารดาหันไป เห็นเครื่องมือรูปร่างคล้ายเรือหางยาวท้องแหลมหัวท้ายโค้งขึ้นเล็กน้อย มีลูกกลิ้งเหมือนจานประกบกันโดยมีด้านจับเป็นแกนกลาง 2 ข้างวางไว้ มารดายังอธิบายวิธีการบด การทำความสะอาดหลังจากใช้แล้วให้ฟังคร่าว ๆ ด้วย
มือจับที่คีบอันเล็กเกลี่ยสมุนไพรให้กระจายออกอย่างเบามือ ถึงจะไม่มีความรู้เรื่องสมุนไพรแต่ด้วยนิสัยที่เบามือกับวัตถุดิบยามทำอาหารก็ติดตัวมา ผักผลไม้มิควรช้ำให้เสียหาย สมุนไพรก็คงเฉกเช่นเดียวกัน
ฟานถิงมองบุตรสาวที่นั่งทำงานตามที่นางสั่งอย่างตั้งใจ สายตานิ่งสงบ การขยับการจับมิได้ลงแรงหนักทั้งที่นางยังมิได้พูดสอน หรือว่าแม้ความทรงจำจะขาดหายแต่พฤติกรรมที่เคยโดนฝึกยังคงอยู่ สายตาอ่อนโยนมองบุตรคนเล็กมุมปากยกยิ้ม ก่อนจะวางใจปล่อยให้เย่ลี่จิงทำงาน ส่วนตนเองหันไปจดรายชื่อสมุนไพรที่ต้องหามาเพิ่มเติม ถึงจะยอมปล่อยให้บุตรสาวทำงานโดยไม่ได้ยืนคุมแต่ก็คอยลอบมองเป็นระยะ จนกระทั่งผ่านไป 1 เค่อก็เห็นบุตรสาวแยกใบออกจากก้านจนจะเกือบหมด
"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ" เสียงใสบอกมารดา
"นำก้านใส่ขวด ส่วนใบนำไป
บดให้ละเอียด"การบดยาไม่ยากเย่ลี่จิงทำได้อย่างไม่มีปัญหา หลังจากนั้นมารดาให้ดูสมุนไพรอีก 4 - 5 ชนิด แล้วถามชื่อของสมุนไพรซ้ำอีกครั้ง ใบหน้าเล็กที่มีกรามออกเล็กน้อยมิได้เป็นรูปไข่ตามค่านิยมความงามเอียงคอไปมา รู้สึกเหมือนโดนสอบภาคปฏิบัติ หากสอบผ่านจะได้เลื่อนขั้นเดินทางเข้าไปเที่ยวยังตัวเมือง
"อ้ายเฉ่า (艾草) หรืออ้ายเย่ (艾叶) " (เป็นพืชในตระกูลดาวเรือง) เสียงเล็กใสบอกตามที่มารดาชี้ "ติงเซียง (丁香)" รูปร่างเช่นนี้ไม่บอกก็รู้ว่าคือกานพลู แล้วบอกชื่อสมุนไพรที่เหลือ "ไป๋จื่อ สือชางผู่ ฝูหลิง ถูกหรือไม่เจ้าคะ" เมื่อเห็นมารดาพยักหน้า แผ่นหลังเล็กจึงยืดขึ้นอย่างภูมิใจ
ผู้เป็นมารดามองอย่างรู้ทัน "ได้ พรุ่งนี้แม่จะพาไปเที่ยวถึงตัวเมืองถางหยาง" แล้วตั้งรับร่างเล็กวัย 8 หนาวที่โผเข้ามากอด
"รักท่านแม่เจ้าค่ะ" เกิดเป็นน้องน้อยสุดท้องถึงสองชาติเรื่องประจบขอให้บอกเถิด
"ถ้าแม่ไม่ตามใจจะรักหรือไม่" มือลูบศีรษะได้รูปของบุตรสาว
"รักสิเจ้าคะ เพราะจิงเออร์รู้ว่าท่านแม่รักจิงเออร์ ถ้าตามใจทุกอย่างลูกสาวจะเสียนิสัย แต่ไม่ต้องกังวลตามใจอย่างไร จิงเออร์ก็รู้ความ" แน่นอนณิริณอายุขนาดนี้ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีได้ก็อายเด็กแย่
ฟานถิงชะงักมือที่กำลังลูบศีรษะเล็ก มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย บุตรสาวของนางกำลังบอกว่า ต่อให้ตามใจอย่างไรก็จะไม่เสียนิสัยเช่นนั้นหรือ หึ ลูกคนนี้ "เช่นนั้นหากแม่ยอมให้เจ้าทำตัวเหมือนเด็กชาย วิ่งไล่ตามพี่ใหญ่พี่รอง กระโดดโลนเต้นอยู่ในบ้าน ปีนผาปีนต้นไม้ เจ้าก็สามารถเป็นกุลสตรีได้หรือ"
ครานี้คนที่โดนถามเงยหน้ามองมารดากระพริบตาปริบ ๆ มารยาทของโลกเก่าพอรู้อยู่หรอก โลกนี้เป็นอย่างไรนางยังไม่มั่นใจ "ลูกไม่รู้ว่ากุลสตรีเป็นอย่างไร แต่จะพยายามทำตัวให้เรียบร้อยยามจำเป็น"
ฟานถิงอึ้งไปทันทีจะหัวเราะก็ไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่เชิง ไม่รู้ว่ากุลสตรีเป็นเช่นไร เพราะการดำเนินชีวิตของหุบเขาเลือนลางไม่ใช่อย่างคุณหนูในเมือง การทำความเคารพก็ต่างกัน แต่ความอ่อนหวานหรือนุ่มนวลของสตรีปกติก็จะต้องมี แต่เย่ลี่จิง... สายตามองใบหน้าของบุตรสาวที่แหงนเงยมองนาง ตั้งแต่ฟื้นมาถึงจะไม่เป็นม้าดีดกระโหลกเท่าเก่าแต่ก็มิใช่มีพฤติกรรมเหมือนเด็กหญิงทั่วไปเสียทีเดียว "แม่จะให้เจ้าเรียนรู้ไว้บ้าง หากวันหน้าอาจต้องออกงานเจอคนหมู่มากจะได้ไม่ขายหน้า"
"เจ้าค่ะ"
วันรุ่งขึ้นตรงตามเวลาที่นัดไว้กับมารดา เย่ลี่จิงแต่งตัวชุดสีชมพูนวลตาแบบเด็กหญิงแต่รัดกุม ผมเป็นมวย 2 ข้างผูกริบบิ้นสีแดงด้วยฝีมือพี่มิ่งจี้ เดินไปที่โถงรับแขกของบ้าน โผล่ไปก็เจอทั้งบิดามารดานั่งอยู่คู่กัน มือเล็กยกประสานก้มศีรษะเล็กน้อยทำความเคารพตามอย่างที่ได้รู้มา
"คารวะท่านพ่อท่านแม่เจ้าค่ะ"
คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน สายตามองร่างเล็กที่แต่งตัวน่ารักทำตัวเรียบร้อยอย่างแปลกใจ ก่อนจะหันมองภรรยา พร้อมส่งสายตาแสดงความสงสัย แล้วได้ยินเสียงหวานกระซิบอธิบายว่า
"นางทำตัวเรียบร้อยเพราะได้เข้าเมือง"
ใบหน้าคมคายจนดูดุดันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ "อย่าซุกซน หากหนีไปไหนคนเดียว กลับมาพ่อจะให้อยู่แต่ในบ้านเดือนนึงไม่ให้ย่างเท้าออกไปสักก้าว"
"เจ้าค่ะท่านพ่อ" หน้าดุกับเสียงดุไม่ทำให้กลัว ตอนไม่สบายบิดาห่วงขนาดไหน ทำไมจะไม่รู้
เพราะตัดสินใจจะเป็นเย่ลี่จิง จึงเดินไปจับมือมารดายามออกไปนอกบ้าน เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง ม้าถูกนำมาผูกเตรียมไว้ 2 ตัวตรงทางลาดด้านล่าง มีคนติดตามเป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่ง นั่งอยู่บนหลังม้ารออยู่ไม่ไกลนัก ม้าของนางตัวขนาดกลางสีน้ำตาล ของคนอื่นสูงใหญ่และกำยำ ร่างเล็กตวัดตัวขึ้นหลังม้าก็บังคับให้ม้าเดินตามม้าของคนติดตามที่นำไปก่อน บริเวณในหุบเขาเลือนลางนางเที่ยวเล่นจนแทบทุกที่ แต่ทางที่มุ่งออกนอกหุบเขานั้น มิเคยเฉียด เพราะมีคนในพรรคเฝ้าดูแล เหมือนค่ายทหารที่มีทหารยืนรักษาการณ์หน้าประตูค่าย หัวใจเต้นเร็วอย่างตื่นเต้น ธรรมชาติสมบูรณ์รอบตัว อากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย ปลายทางหลังออกจากหมู่บ้านมาได้ระยะหนึ่งคือป่าทึบและภูเขาสูง การจดจำทางวงกตใช้หลักอะไรในเมื่อต้นไม้เป็นพันธุ์เดียวกันแม้สูงใหญ่จะแตกต่าง พื้นดินก็ไม่มีให้เห็นว่าตรงไหนโดนเหยียบย่ำจนเกิดเส้นทาง หินใหญ่สักก้อนอย่างที่เคยดูหนังไว้อ้างอิงให้เป็นเอกลักษณ์ก็ไม่มี สายตาพยายามสอดส่ายมองสิ่งที่แตกต่างพอเป็นแนวทาง ก่อนจะเงยหน้ามองด้านบน กิ่งไม้แต่ละกิ่งอาจมีสัญลักษณ์
เสียงมารดากล่าว "หากจำชนิดกาฝากแฝงและสมุนไพรบางอย่างทีคล้ายวัชพืชได้ สัญลักษณ์ที่หลบซ่อนบนกิ่งก้าน เจ้าก็จะรู้เคล็ดของวงกตนี้"
"สอนลูกได้หรือไม่เจ้าคะ"
"อายุครบ 12 หนาวเมื่อใด แม่จะสอนเจ้า"
"เช่นนั้นพี่ใหญ่ก็เรียนแล้วนะสิ" เสียงใสรำพึงกับตนเอง แต่มารดาได้ยิน
"อย่าคิดให้หยางไคสอน แม่จะคาดโทษไว้ กฎเป็นกฎ"
"เจ้าค่ะ ลูกทราบแล้ว"
หากไม่สังเกตจะไม่เห็นว่ามีอุโมงค์อยู่เพราะมีต้นไม้บังอำพราง พ้นอุโมงค์ก็เป็นป่าวงกตอีกครั้ง ครั้งนี้มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ นางต้องบังคับม้าเลี้ยวไปมาหลายหนตามคนนำทาง มีเสียงน้ำตกแว่วจากที่ไกล ๆ เสียงนกเสียงกระรอก กลิ่นหอมของดอกไม้โชยมาเข้าจมูก ต้นหยาวสูงใหญ่หลายต้น จนถึงกอไผ่กอใหญ่ที่ดูมีรอยคนเหยียบย่ำจนพื้นโดยรอบโล่งเตียนมีเพียงหญ้าต้นเล็กที่ทนทาน แปลว่าแถวนี้คงมีคนเข้าถึง ก่อนที่ต้นไม้จะบางตาลงจนเห็นทางดินผสมหินที่ใช้เป็นทางสัญจรหลัก
ความคิดเห็น