ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เย่ลี่จิง (อ่านฟรี 3 วัน ติดเหรียญนะคะ) จบแล้วค่ะ

    ลำดับตอนที่ #2 : กลับเป็นเด็กนั้นไม่ยาก

    • อัปเดตล่าสุด 16 ต.ค. 65


                 ถึงจะรู้เรื่องชื่อแซ่ความสัมพันธ์คนในครอบครัวจากฝันที่น่าจะเรียกได้ว่าฝันร้าย เพราะใครจะคิดว่าจะต้องมาเกิดใหม่ในร่างเด็กหญิง 8 ขวบ แถมสัญญาณดีขนาด 6 G รวดเร็วไวปานแสงจึงลบความทรงจำร่างเดิมไม่ทัน เรื่องราวของเด็กหญิงคนนี้เธอก็รู้คร่าว ๆ เท่านั้น    ร่างกายยังเจ็บปวดอยู่บ้างจึงนอนอยู่บนเตียงตามคำสั่งมารดา  ถึงเวลาก็มีอาหารมาให้ บางครั้งก็เป็นมารดามาดูแล บางครั้งก็เป็นพี่เลี้ยงประจำตัว  สายตามองสำรวจรอบ ๆ  เครื่องเรือนของตกแต่ง แม้กระทั่งเตียงที่นอนทุกอย่างเป็นแบบซีรีส์จีนโบราณทำจากไม้เนื้อแข็งฝีมือปราณีต  ห้องค่อนข้างกว้างมีฉากกั้นแบ่งสัดส่วน ที่นี่ไม่ได้อัตคัตขัดสนดูมีเงินมีฐานะพอสมควรด้วยซ้ำ คิดไว้ว่าจะลองเดินสำรวจดูเมื่อร่างกายดีขึ้น  
        

                หลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่แต่ภายในห้อง 7 วัน และทุกคนมั่นใจว่าความทรงจำของเด็กน้อยหายไปหลายเรื่อง  วันนี้ร่างเล็กถูกมารดาจับจูงมือไปนอกบ้านในเวลากลางยามเว่ย (13.00-14.59) 

          

               สายตาของหญิงสาววัย 25 ปีในร่างเด็กมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้ที่หน้าต่างห้องจะเห็นต้นไม้ดอกไม้ สายลมที่พัดพากลิ่นธรรมชาติ

    สดชื่นเข้าไปภายในห้อง  แต่ไม่คิดว่า บ้านจะตั้งอยู่บนเนินสูงประมาณชั้นสามของตึกทำให้สามารถมองเห็นธรรมชาติเหมือนภาพถ่ายเชิญชวนให้ไปท่องเที่ยวในหุบเขาที่สวยงาม 10 อันดับในประเทศ   มีทั้งที่ราบและเนินกว้างเตี้ย ๆ พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวอ่อนแก่สลับกันไป บางส่วนเป็นสีเหลืองสีบานเย็นเป็นจุดเล็กกระจัดกระจาย    บ้านหลายหลังตั้งอยู่ห่าง ๆ ทุกบ้านมีฐานเป็นหินเรียงคล้ายรั้ว ตัวบ้านเป็นไม้  หลังคาเป็นกระเบื้องดินเผา   แต่ไม่มีหลังไหนใหญ่เท่าบ้านตระกูลเย่    พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดชันหรือเชิงเขาถูกปรับให้เป็นที่เพาะปลูกแบบขั้นบันได  มีภูเขาใหญ่น้อยโอบล้อมอยู่โดยรอบ อากาศค่อนข้างเย็นสดชื่น
     

              "พวกเราอาศัยอยู่ที่หุบเขาเลือนราง"  เย่ฮูหยินบอกบุตรสาว  "พ่อของเจ้าเป็นประมุขพรรคเงาอัสนี" 

      

               ริมฝีปากเล็กชุ่มฉ่ำสีชมพูอ้ากว้าง   'เท่ห์จริง ๆ'   มารดาหัวเราะเบา ๆ  ก่อนจะเล่าต่อ 


                "คนในพรรคบางส่วนอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นหุบเขาเลือนรางจึงเหมือนหมู่บ้านขนาดใหญ่  คนที่เข้าออกที่นี่ได้มีเพียงคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น"   


                คิ้วเล็กบางขมวด หวนคิดถึงหนังจีนกำลังภายในที่ไม่ค่อยมีเวลาดูเพราะมัวแต่ทำงาน เงินก้อนที่ได้มาตอนบิดามารดาเสียชีวิตก็เป็นทุนเรียนมหาวิทยาลัยไปเสียเกือบหมด    แถมหนังจีนกำลังภายในที่ดูก็เป็นแนวแฟนตาซีเทพมารที่ดูไม่เคยจบ หรือว่าโลกนี้จะเป็นแฟนตาซี 

       

                 "แล้วเข้าออกอย่างไรหรือเจ้าคะ" หลังจากฟังสำนวนการพูดจามาหลายวัน    ทำใจในการเป็นเด็กมาแล้วจึงพูดได้ไม่ยาก   คอยฟังคำตอบว่าขี่สัตว์อสูรเข้าออก  ผ่านกำแพงหินเทพหรือเดินผ่านกระจกมาร แต่คำตอบกลับง่าย ๆ 

     

                  "มีอุโมงค์ซึ่งทางเข้าออกเป็นป่าวงกต" 


                  "แล้วเราหาเงินอย่างไรเจ้าคะ"  ดูจากห้องและข้าวของเครื่องใช้ การตกแต่งบ้าน รวมถึงมีคนรับใช้ครอบครัวนี้มีฐานะดีแน่นอน 


                  "หืม?   รับจ้างคุ้มกันสินค้า

    อาหารได้จากการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์"  
     

                หลังจากฟังมารดาเล่าเรื่องต่าง ๆ จึงสรุปได้ว่า  ตนเองโผล่มาที่ทางตอนใต้ของแผ่นดินแคว้นซางสี  หุบเขาเลือนรางเป็นที่ตั้งของพรรคเงาอัสนีอยู่ภายใต้การดูแลของเย่ฮวงเทียนหรือซึ่งก็คือบิดาของเธอในชาตินี้  พรรคเงาอัสนีเป็นพรรคมีชื่อเสียงในยุทธภพ ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองไม่เข้าฝ่ายใด เป็นที่เลื่องชื่อในการรับคุ้มกันสินค้าและกิจการที่ไม่เปิดเผยคืองานรับส่งข่าวสารทุกชนิดที่ไม่ผิดคุณธรรมภายใต้ชื่อ มุสิกทมิฬ    มารดาปล่อยให้คนสูญเสียความทรงจำนั่งมองดูคนภายในพรรคฝึกซ้อมกระบวนท่าวิทยายุทธในลานกว้างขนาดครึ่งสนามฟุตบอลซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก   ถึงจะตื่นตาตื่นใจตื่นเต้นกับสิ่งแปลก เห็นทุกอย่างเหมือนเป็นกีฬาผจญภัยผาดโผนความเสี่ยงสูงในฝันที่เคยอยากสัมผัส แต่กีฬาเหล่านั้นมักต้องใช้เงินและไม่จำเป็นในการดำเนินชีวิต   จึงไม่เคยมีโอกาสเล่น  ชีวิตที่ยังไม่มีเงินก้อนเงินเก็บ ตั้งตัวยังไม่ได้    ใช้จ่ายอะไรจึงคิดถึงลำดับความจำเป็น   เครื่องประดับเครื่องแต่งกายแพงเกิน 3000 บาทณิริณไม่เคยมี    เรียนก็เรียนเทคโนโลยีการประกอบอาหารและการบริการไม่จำเป็นต้องแต่งสวย ที่เลือกเรียนด้านนี้เพราะคิดว่าพอจบจะสามารถเปิดร้านของตนได้ในสักวัน  จึงเริ่มต้นเก็บเงินด้วยการไปเป็นผู้ช่วยเชฟ และใช้ความสามารถพิเศษทางดนตรีสมัยเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดและอยู่ชมรมดนตรีเป็นมือกลองสแนร์วงโยธวาทิต  เรียนรู้กลองชุดแบบครูพักลักจำ บ้างก็ดูตามการสอนในยูทูปมาตลอด  ช่วงมหาวิทยาลัยปี 4 ไปเป็นมือกลองในผับบาร์เพื่อเพิ่มรายได้   ผู้หญิงทำงานกลางคืนจะให้แต่งตัวแนวหญิง ๆ ไม่ใช่แนวของณิริณ  ทอมบอยต่างหากที่ใช่ ท่าทางเหมือนผู้ชายจึงทำให้ปลอดภัยจากบรรดาเสือสิงห์ที่หากินกลางคืน  หวนคิดถึงเพื่อนร่วมวง  พี่สาว 2 คนและเจ้าหมาจรประจำซอย แผงค้าตลาดนัดที่เช่าไว้ขายของ คราวเคราะห์ที่ไม่คาดคิดทำให้จบชีวิตลงง่ายดาย   อย่าประมาทกับชีวิตให้คิดว่าจะตายเมื่อไหร่ไม่รู้  รู้ซึ้งประโยคเหล่านี้เมื่อประสบเอง   ใครไม่เคยเจอก็ยังคิดว่าชีวิตตนต้องยืนยาว  บุญก็ยังไม่ได้สร้างบาปก็ทำมาบ้าง ไม่ไปนรกให้มาเกิดทันทีเพื่อสร้างบุญใหม่หรือไม่   แล้วนึกถึงอนิเมะแนวเกิดใหม่  จะมีเทวดามามอบพรวิเศษบ้างไหม  หากมีจะขออะไรดีนะ ขณะคิดเรื่อยเปื่อยเสียงทุ้มเล็กของเด็กชายเอ่ยเรียกจึงหลุดจากภวังค์   

               ใบหน้าค่อนข้างกลมหันไปมอง  เย่หยางไคพี่ชายคนโต อายุ 13 หนาวเดินมาพร้อมกับพี่ชายคนรอง เย่ตงเหิงอายุ 11 หนาว  


               "พี่ใหญ่ พี่รอง"  เสียงเล็กทักพี่ชาย  


              "อยากไปฝึกหรือยัง" เย่หยางไคถามน้องสาว  เห็นอีกฝ่ายกระพริบตาปริบ ๆ  สีหน้างุนงงไม่เข้าใจจึงบอก 


              "ลองดูไหม   แม้จำไม่ได้แต่ท่าทางหรือความเคยชินจากที่เคยฝึกย่อมมี" 

     

             "ข้าฝึกกระบี่แล้วรึ?"  


             "เจ้าฝึกตั้งแต่ 6 หนาวแล้ว ดื้อดึงจะทำตามพวกพี่ให้ได้ ท่านพ่อจึงยอม" 

     

             ใบหน้าน่ารักพยักหน้าขึ้นลง อมลมในปากทำแก้มป่องพลางคิดว่า  เย่ลี่จิงคงเป็นเด็กแก่นพอตัว ทั้งฝึกกระบี่ ปีนหน้าผาทำมาหมด

     

              ร่างเล็กเดินไปดูกระบี่ไม้ที่ทำมาเหมาะสำหรับความสูงของเด็ก นอกจากกระบี่ยังมีทวนและดาบ  มือเล็กเอื้อมไปจับกระบี่กำไว้มั่น แล้วหันไปมองพี่ชายส่งสายตาเป็นคำถามว่า ให้ทำอย่างไรต่อ  

     

                เย่หยางไควาดกระบี่ ออกท่าฝึกพื้นฐานให้น้องสาวดู  เมื่อเด็กหญิงทำตามได้อย่างไม่มีผิด จึงทำท่าต่อไป 

     

               เด็กหญิงยกแขนใช้ข้อมือตวัดกระบี่ไปด้านข้างตามพี่ชาย รู้สึกว่าการขยับแขนขาติดขัดอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าคล่องและลื่นไหล อาจจะเป็นเพราะร่างนี้เคยฝึกมาแล้วทำให้ร่างกายจดจำไว้ เหมือนคนว่ายน้ำเป็น ขี่จักรยานเป็นถึงจะทิ้งไปนานแต่พอต้องทำก็ทำได้เสมอ 

       

                   เย่หยางไคสั่งให้น้องสาวทำท่าเดิมซ้ำ 100 ครั้ง 

      

                 "อะไรนะ!"  เสียงเล็กโวยวาย

      

               "เมื่อก่อนไม่บ่น" คนสั่งเชิดหน้าเล็กน้อยทำท่าเหมือนอาจารย์สอนลูกศิษย์ 

      

                ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มเข้าหากัน พยายามเค้นสมองหาความจำ  ไม่

    เคยบ่นจริงเหรอ  ไม่จริงหรอก เด็ก 8 ขวบต้องทำท่าเดิม 100 ครั้งจะไม่บ่นได้เช่นไร    "ไม่จริง ข้าต้องบ่นแน่นอน"
       

              เย่หยางไคมองน้องสาวเขม็งแต่ไม่พูดอะไร แต่เย่ตงเหิงหัวเราะแล้วกล่าว  "จิงเออร์ความจำเสื่อมยังไง ทีเรื่องแบบนี้กลับจำได้ว่าตนเองไม่ยอมทำ ต่อรองเหลือ 50 ครั้ง" 

      

                "เพราะไม่ยอมทำอย่างไรเล่าเจ้าถึงตามพี่กับตงเหิงไม่ทัน"  เย่หยางไคบอกน้องสาว

        

                นัยน์ตารูปผลซิ่งมองเด็กชายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายใหญ่ของตน  คิดไปคิดมาหากเป็นวิทยายุทธอย่างซีรีส์จีนในทีวีก็น่าสนุกดี  จึงพยักหน้าแล้วบอกอย่างหนักแน่น   "ได้"  

      

                 ผ่านไป 1 ชั่วยามร่างเล็กชุ่มไปด้วยเหงื่อ แขนแทบยกไม่ขึ้นเดินอย่างอ่อนแรงไปหามารดาซึ่งมายืนดูตั้งแต่ครั้งที่ 83   "ท่านแม่ จิงเออร์เหนื่อยจิงเออร์เมื่อย"   หญิงสาวที่เกือบเข้าวัยเกินสาวทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนได้อย่างแนบเนียน ทุกคนย่อมอยากกลับเป็นเด็ก วัยที่ได้เล่นมากกกว่าทำงาน วัยที่ซุกซนเล่นอะไรก็ได้โดยไม่มีใครว่าทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่  วัยที่ออดอ้อนใครก็ได้อย่างไรก็ไม่เป็นคนไม่รู้จักโต   ความจริงเพียงออกกำลังแค่นี้หากเป็นณิริณไม่มีปัญหาเพราะผ่านมาทั้งขุดดินพรวนดินช่วยพ่อแม่ทำสวนผลไม้ยามกลับไปเยี่ยมบ้าน เที่ยวตามป่าเขาสมบุกสมบันมาตลอด แต่พออยู่ในร่างเด็กหญิงพละกำลังก็หดหายไป

      

                "เจ้านี่นะ"  น้ำเสียงเอ็นดูบุตรสาวของฟานถิงหรือเย่ฮูหยินพูดขึ้น   ก่อนจะหันไปดุบุตรชายคนโต "น้องเพิ่งฟื้นตัว เหตุใดให้นางออกแรงเช่นนี้" 

      

               "ลูกนึกว่าทำไม่ถึง 100 ครั้งนางจะยอมแพ้ก่อน" เย่หยางไคตอบเสียงอ่อน  เมื่อก่อนน้องสาวพอทำได้ไม่ถึงครึ่งก็กระเง้ากระงอดงอแง ครั้งนี้กลับตั้งใจฝึกไม่พูดไม่บ่น  

     

              เย่ฮูหยินจับข้อมือบุตรสาวเพื่อตรวจชีพจร  สีหน้าพอใจเมื่อร่างกายเย่ลี่จิงแข็งแรงดี   "กลับบ้านกันเถิด"  จับมือเล็กแล้วพาเดินกลับทางเดิม "กลับไปก็พักสักครู่ แล้วค่อยอาบน้ำ อย่าอาบทันที"  

      

                "เจ้าค่ะ" 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×