คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กลับเป็นเด็กนั้นไม่ยาก
หลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่แต่ภายในห้อง 7 วัน และทุกคนมั่นใจว่าความทรงจำของเด็กน้อยหายไปหลายเรื่อง วันนี้ร่างเล็กถูกมารดาจับจูงมือไปนอกบ้านในเวลากลางยามเว่ย (13.00-14.59)
สายตาของหญิงสาววัย 25 ปีในร่างเด็กมองรอบตัวอย่างตื่นตาตื่นใจ แม้ที่หน้าต่างห้องจะเห็นต้นไม้ดอกไม้ สายลมที่พัดพากลิ่นธรรมชาติ
สดชื่นเข้าไปภายในห้อง แต่ไม่คิดว่า บ้านจะตั้งอยู่บนเนินสูงประมาณชั้นสามของตึกทำให้สามารถมองเห็นธรรมชาติเหมือนภาพถ่ายเชิญชวนให้ไปท่องเที่ยวในหุบเขาที่สวยงาม 10 อันดับในประเทศ มีทั้งที่ราบและเนินกว้างเตี้ย ๆ พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยสีเขียวอ่อนแก่สลับกันไป บางส่วนเป็นสีเหลืองสีบานเย็นเป็นจุดเล็กกระจัดกระจาย บ้านหลายหลังตั้งอยู่ห่าง ๆ ทุกบ้านมีฐานเป็นหินเรียงคล้ายรั้ว ตัวบ้านเป็นไม้ หลังคาเป็นกระเบื้องดินเผา แต่ไม่มีหลังไหนใหญ่เท่าบ้านตระกูลเย่ พื้นที่ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดชันหรือเชิงเขาถูกปรับให้เป็นที่เพาะปลูกแบบขั้นบันได มีภูเขาใหญ่น้อยโอบล้อมอยู่โดยรอบ อากาศค่อนข้างเย็นสดชื่น"พวกเราอาศัยอยู่ที่หุบเขาเลือนราง" เย่ฮูหยินบอกบุตรสาว "พ่อของเจ้าเป็นประมุขพรรคเงาอัสนี"
ริมฝีปากเล็กชุ่มฉ่ำสีชมพูอ้ากว้าง 'เท่ห์จริง ๆ' มารดาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเล่าต่อ
"คนในพรรคบางส่วนอาศัยอยู่ที่นี่ ดังนั้นหุบเขาเลือนรางจึงเหมือนหมู่บ้านขนาดใหญ่ คนที่เข้าออกที่นี่ได้มีเพียงคนที่ไว้ใจได้เท่านั้น"
คิ้วเล็กบางขมวด หวนคิดถึงหนังจีนกำลังภายในที่ไม่ค่อยมีเวลาดูเพราะมัวแต่ทำงาน เงินก้อนที่ได้มาตอนบิดามารดาเสียชีวิตก็เป็นทุนเรียนมหาวิทยาลัยไปเสียเกือบหมด แถมหนังจีนกำลังภายในที่ดูก็เป็นแนวแฟนตาซีเทพมารที่ดูไม่เคยจบ หรือว่าโลกนี้จะเป็นแฟนตาซี
"แล้วเข้าออกอย่างไรหรือเจ้าคะ" หลังจากฟังสำนวนการพูดจามาหลายวัน ทำใจในการเป็นเด็กมาแล้วจึงพูดได้ไม่ยาก คอยฟังคำตอบว่าขี่สัตว์อสูรเข้าออก ผ่านกำแพงหินเทพหรือเดินผ่านกระจกมาร แต่คำตอบกลับง่าย ๆ
"มีอุโมงค์ซึ่งทางเข้าออกเป็นป่าวงกต"
"แล้วเราหาเงินอย่างไรเจ้าคะ" ดูจากห้องและข้าวของเครื่องใช้ การตกแต่งบ้าน รวมถึงมีคนรับใช้ครอบครัวนี้มีฐานะดีแน่นอน
"หืม? รับจ้างคุ้มกันสินค้า
อาหารได้จากการเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์"หลังจากฟังมารดาเล่าเรื่องต่าง ๆ จึงสรุปได้ว่า ตนเองโผล่มาที่ทางตอนใต้ของแผ่นดินแคว้นซางสี หุบเขาเลือนรางเป็นที่ตั้งของพรรคเงาอัสนีอยู่ภายใต้การดูแลของเย่ฮวงเทียนหรือซึ่งก็คือบิดาของเธอในชาตินี้ พรรคเงาอัสนีเป็นพรรคมีชื่อเสียงในยุทธภพ ไม่ยุ่งเกี่ยวการเมืองไม่เข้าฝ่ายใด เป็นที่เลื่องชื่อในการรับคุ้มกันสินค้าและกิจการที่ไม่เปิดเผยคืองานรับส่งข่าวสารทุกชนิดที่ไม่ผิดคุณธรรมภายใต้ชื่อ มุสิกทมิฬ มารดาปล่อยให้คนสูญเสียความทรงจำนั่งมองดูคนภายในพรรคฝึกซ้อมกระบวนท่าวิทยายุทธในลานกว้างขนาดครึ่งสนามฟุตบอลซึ่งไม่ไกลจากบ้านนัก ถึงจะตื่นตาตื่นใจตื่นเต้นกับสิ่งแปลก เห็นทุกอย่างเหมือนเป็นกีฬาผจญภัยผาดโผนความเสี่ยงสูงในฝันที่เคยอยากสัมผัส แต่กีฬาเหล่านั้นมักต้องใช้เงินและไม่จำเป็นในการดำเนินชีวิต จึงไม่เคยมีโอกาสเล่น ชีวิตที่ยังไม่มีเงินก้อนเงินเก็บ ตั้งตัวยังไม่ได้ ใช้จ่ายอะไรจึงคิดถึงลำดับความจำเป็น เครื่องประดับเครื่องแต่งกายแพงเกิน 3000 บาทณิริณไม่เคยมี เรียนก็เรียนเทคโนโลยีการประกอบอาหารและการบริการไม่จำเป็นต้องแต่งสวย ที่เลือกเรียนด้านนี้เพราะคิดว่าพอจบจะสามารถเปิดร้านของตนได้ในสักวัน จึงเริ่มต้นเก็บเงินด้วยการไปเป็นผู้ช่วยเชฟ และใช้ความสามารถพิเศษทางดนตรีสมัยเรียนโรงเรียนประจำจังหวัดและอยู่ชมรมดนตรีเป็นมือกลองสแนร์วงโยธวาทิต เรียนรู้กลองชุดแบบครูพักลักจำ บ้างก็ดูตามการสอนในยูทูปมาตลอด ช่วงมหาวิทยาลัยปี 4 ไปเป็นมือกลองในผับบาร์เพื่อเพิ่มรายได้ ผู้หญิงทำงานกลางคืนจะให้แต่งตัวแนวหญิง ๆ ไม่ใช่แนวของณิริณ ทอมบอยต่างหากที่ใช่ ท่าทางเหมือนผู้ชายจึงทำให้ปลอดภัยจากบรรดาเสือสิงห์ที่หากินกลางคืน หวนคิดถึงเพื่อนร่วมวง พี่สาว 2 คนและเจ้าหมาจรประจำซอย แผงค้าตลาดนัดที่เช่าไว้ขายของ คราวเคราะห์ที่ไม่คาดคิดทำให้จบชีวิตลงง่ายดาย อย่าประมาทกับชีวิตให้คิดว่าจะตายเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ซึ้งประโยคเหล่านี้เมื่อประสบเอง ใครไม่เคยเจอก็ยังคิดว่าชีวิตตนต้องยืนยาว บุญก็ยังไม่ได้สร้างบาปก็ทำมาบ้าง ไม่ไปนรกให้มาเกิดทันทีเพื่อสร้างบุญใหม่หรือไม่ แล้วนึกถึงอนิเมะแนวเกิดใหม่ จะมีเทวดามามอบพรวิเศษบ้างไหม หากมีจะขออะไรดีนะ ขณะคิดเรื่อยเปื่อยเสียงทุ้มเล็กของเด็กชายเอ่ยเรียกจึงหลุดจากภวังค์
ใบหน้าค่อนข้างกลมหันไปมอง เย่หยางไคพี่ชายคนโต อายุ 13 หนาวเดินมาพร้อมกับพี่ชายคนรอง เย่ตงเหิงอายุ 11 หนาว
"พี่ใหญ่ พี่รอง" เสียงเล็กทักพี่ชาย
"อยากไปฝึกหรือยัง" เย่หยางไคถามน้องสาว เห็นอีกฝ่ายกระพริบตาปริบ ๆ สีหน้างุนงงไม่เข้าใจจึงบอก
"ลองดูไหม แม้จำไม่ได้แต่ท่าทางหรือความเคยชินจากที่เคยฝึกย่อมมี"
"ข้าฝึกกระบี่แล้วรึ?"
"เจ้าฝึกตั้งแต่ 6 หนาวแล้ว ดื้อดึงจะทำตามพวกพี่ให้ได้ ท่านพ่อจึงยอม"
ใบหน้าน่ารักพยักหน้าขึ้นลง อมลมในปากทำแก้มป่องพลางคิดว่า เย่ลี่จิงคงเป็นเด็กแก่นพอตัว ทั้งฝึกกระบี่ ปีนหน้าผาทำมาหมด
ร่างเล็กเดินไปดูกระบี่ไม้ที่ทำมาเหมาะสำหรับความสูงของเด็ก นอกจากกระบี่ยังมีทวนและดาบ มือเล็กเอื้อมไปจับกระบี่กำไว้มั่น แล้วหันไปมองพี่ชายส่งสายตาเป็นคำถามว่า ให้ทำอย่างไรต่อ
เย่หยางไควาดกระบี่ ออกท่าฝึกพื้นฐานให้น้องสาวดู เมื่อเด็กหญิงทำตามได้อย่างไม่มีผิด จึงทำท่าต่อไป
เด็กหญิงยกแขนใช้ข้อมือตวัดกระบี่ไปด้านข้างตามพี่ชาย รู้สึกว่าการขยับแขนขาติดขัดอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกว่าคล่องและลื่นไหล อาจจะเป็นเพราะร่างนี้เคยฝึกมาแล้วทำให้ร่างกายจดจำไว้ เหมือนคนว่ายน้ำเป็น ขี่จักรยานเป็นถึงจะทิ้งไปนานแต่พอต้องทำก็ทำได้เสมอ
เย่หยางไคสั่งให้น้องสาวทำท่าเดิมซ้ำ 100 ครั้ง
"อะไรนะ!" เสียงเล็กโวยวาย
"เมื่อก่อนไม่บ่น" คนสั่งเชิดหน้าเล็กน้อยทำท่าเหมือนอาจารย์สอนลูกศิษย์
ริมฝีปากสีชมพูอ่อนเม้มเข้าหากัน พยายามเค้นสมองหาความจำ ไม่
เคยบ่นจริงเหรอ ไม่จริงหรอก เด็ก 8 ขวบต้องทำท่าเดิม 100 ครั้งจะไม่บ่นได้เช่นไร "ไม่จริง ข้าต้องบ่นแน่นอน"เย่หยางไคมองน้องสาวเขม็งแต่ไม่พูดอะไร แต่เย่ตงเหิงหัวเราะแล้วกล่าว "จิงเออร์ความจำเสื่อมยังไง ทีเรื่องแบบนี้กลับจำได้ว่าตนเองไม่ยอมทำ ต่อรองเหลือ 50 ครั้ง"
"เพราะไม่ยอมทำอย่างไรเล่าเจ้าถึงตามพี่กับตงเหิงไม่ทัน" เย่หยางไคบอกน้องสาว
นัยน์ตารูปผลซิ่งมองเด็กชายซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายใหญ่ของตน คิดไปคิดมาหากเป็นวิทยายุทธอย่างซีรีส์จีนในทีวีก็น่าสนุกดี จึงพยักหน้าแล้วบอกอย่างหนักแน่น "ได้"
ผ่านไป 1 ชั่วยามร่างเล็กชุ่มไปด้วยเหงื่อ แขนแทบยกไม่ขึ้นเดินอย่างอ่อนแรงไปหามารดาซึ่งมายืนดูตั้งแต่ครั้งที่ 83 "ท่านแม่ จิงเออร์เหนื่อยจิงเออร์เมื่อย" หญิงสาวที่เกือบเข้าวัยเกินสาวทำตัวเป็นเด็กขี้อ้อนได้อย่างแนบเนียน ทุกคนย่อมอยากกลับเป็นเด็ก วัยที่ได้เล่นมากกกว่าทำงาน วัยที่ซุกซนเล่นอะไรก็ได้โดยไม่มีใครว่าทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่ วัยที่ออดอ้อนใครก็ได้อย่างไรก็ไม่เป็นคนไม่รู้จักโต ความจริงเพียงออกกำลังแค่นี้หากเป็นณิริณไม่มีปัญหาเพราะผ่านมาทั้งขุดดินพรวนดินช่วยพ่อแม่ทำสวนผลไม้ยามกลับไปเยี่ยมบ้าน เที่ยวตามป่าเขาสมบุกสมบันมาตลอด แต่พออยู่ในร่างเด็กหญิงพละกำลังก็หดหายไป
"เจ้านี่นะ" น้ำเสียงเอ็นดูบุตรสาวของฟานถิงหรือเย่ฮูหยินพูดขึ้น ก่อนจะหันไปดุบุตรชายคนโต "น้องเพิ่งฟื้นตัว เหตุใดให้นางออกแรงเช่นนี้"
"ลูกนึกว่าทำไม่ถึง 100 ครั้งนางจะยอมแพ้ก่อน" เย่หยางไคตอบเสียงอ่อน เมื่อก่อนน้องสาวพอทำได้ไม่ถึงครึ่งก็กระเง้ากระงอดงอแง ครั้งนี้กลับตั้งใจฝึกไม่พูดไม่บ่น
เย่ฮูหยินจับข้อมือบุตรสาวเพื่อตรวจชีพจร สีหน้าพอใจเมื่อร่างกายเย่ลี่จิงแข็งแรงดี "กลับบ้านกันเถิด" จับมือเล็กแล้วพาเดินกลับทางเดิม "กลับไปก็พักสักครู่ แล้วค่อยอาบน้ำ อย่าอาบทันที"
"เจ้าค่ะ"
ความคิดเห็น