ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เย่ลี่จิง (อ่านฟรี 3 วัน ติดเหรียญนะคะ) จบแล้วค่ะ

    ลำดับตอนที่ #1 : เริ่มเรื่องราว

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 65


    **** ไม่อ้างอิงความจริงทางประวัติศาสตร์ ประเพณี  ยุคราชวงศ์จีนแผ่นดิน ประเทศ และทุกอย่าง  (^o^)
      ชื่อก็มั่วเอาเช่นเดียวกับเรื่อง เลือกผิดสินะ ชีวิตเรียบง่ายจึงหายไป เช่นนั้นไม่ต้องคิดคำแปล  
       เรื่องนี้ไร้สาระมากค่ะ  เอื่อยเฉื่อยตามปกติของคนเขียนกว่าจะโตยาวนาน 

     

     

           ตอนแรกมาแค่นี้นะคะ มาให้พออ่านดู  แล้วจะหายไปนาน 

    〰️〰️〰️---------------〰️〰️〰️    


         ใบหน้าเล็กค่อนข้างกลม ขนตางอนเรียงเส้นสวยขยับเมื่อเจ้าของลืมตาขึ้นมาแล้วต้องปรับสายตากระพริบมองภาพตรงหน้า  'ไทยมุงหรือ  แล้วทำไมถึงแต่งตัวเป็นหนังจีนกำลังภายในกัน  เพดานก็แปลก'  สมองเริ่มทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้า   เพราะโรคระบาดที่ทำให้คนป่วยเยอะจนระบบสาธารณะสุขแทบล่ม   อาชีพผู้ช่วยเชฟจึงต้องสะดุดลงอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากร้านอาหารรายได้ลดลง  รวมถึงอาชีพเสริมตอนกลางคืน มือกลองตามผับบาร์ก็โดนยกเลิกเพราะเปิดกิจการไม่ได้    การเปลี่ยนอาชีพจึงเกิดขึ้น วันหยุดเสาร์อาทิตย์ทำหมูปิ้งไก่ปิ้งขายตามตลาดนัด วันธรรมดาขี่มอเตอร์ไซค์ส่งอาหารเพื่อหารายได้  ตอนนั้นก็ขี่อยู่เลนซ้ายสุดด้วยความเร็วปกติตามกฏหมายกำหนด คันหน้าก็ผ่านไปกันได้ แต่พอถึงเธอ รถยนต์ที่จอดนิ่งข้างทางอยู่ ๆ ประตูด้านคนขับก็เปิดพรวดออกมาขวางทางพอดิบพอดีจะเบรคก็ไม่ทัน รถจักรยานยนต์,คันเก่าชนประตูจนเสียหลักล้มรู้สึกร่างลอยกระเด็น  หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท เมื่อรู้สึกตัวก็กลายเป็นภาพตอนนี้  พอลองขยับร่างกายก็ปวดไปหมด
       
                     "จิงเออร์ฟื้นแล้ว  รีบไปบอกท่านประมุข"  เสียงหวานสั่งบ่าวรับใช้ แต่แล้วเมื่อเห็นสายตาเลื่อนลอยระคนสงสัยของบุตรสาวก็ใจไม่ดี   บุตรสาวคนเล็กของนางเย่ลี่จิงอายุเพียง 8 หนาวคิดทำตามพี่ชาย ใช้วิชาตัวเบาเดินขึ้นไปตามหน้าผา ทั้งที่ตนเองมีพลังปราณยังไม่เพียงพอ จึงตกลงมาสลบไปเกือบ 2 ชั่วยาม  ดีที่ไม่มีบาดแผลใหญ่มีเพียงรอยขีดข่วน ไหล่
    หลุดและฟกช้ำ แต่สายตาที่ดูงุนงงสับสนกำลังมองนางอยู่อาจเกิดจากศีรษะกระทบกระเทือน   "รู้สึกเจ็บปวดตรงไหน จิงเออร์ลูกแม่"  มือลูบใบหน้าบุตรสาว  แล้วเลื่อนไปจับชีพจร
        

                         คิ้วเล็กบางขมวด หญิงสาววัยประมาณ 30 ผิวยาวจัดดวงตาเรียวนี่หรือแม่ !   สายตามองไปที่เด็กชายอีก 2 คนวัย 10 ขวบกว่า ๆ ที่ยืนมองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปนวิตกกังวล   
         
                   "หรือว่าน้องสามจะ ...จะจำอะไรไม่ได้" 
         
                 "น้องสาม  จำพี่ได้ไหม?" 
           
                 คนที่ยังสงสัยว่าตนเองกำลังนอนรักษาตัวหลังเกิดอุบัติเหตุอยู่ที่ไหนมองเด็กชายวัยประมาณมัธยมต้นแต่งชุดจีนโบราณ 2 คนที่พูดขึ้นสลับกัน   จิงเออร์  แม่  น้องสาม  พี่ชาย !!  หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อมือที่ยกขึ้นมาเพื่อบีบขมับจากการปวดหัวกลับเป็นมืออวบเล็ก ๆ ขาวจัดอย่างผิวคนจีนไม่ใช่มือคนทำงานของสาววัย 25 ปี   นี่เธอตายแล้วเกิดใหม่หรือ  ทำไมไม่ไปนรกสวรรค์ใช้บุญกรรมแล้วก็เกิดใหม่เป็นทารก  หรือเป็นการใช้บุญใช้กรรมยุคใหม่ไร้พรมแดนย่นระยะเวลา  
      

                    เสียงประตูเปิดพร้อมด้วยเสียงทุ้มเอ่ยอย่างรีบร้อน "ลูกฟื้นแล้วหรือ" 
      
                    คนบนเตียงที่โดนจับจ้องด้วยสายตา 6 คู่เบี่ยงหน้าหันไปมองต้นเสียง เห็นชายหนุ่มอายุราว 35 - 40 ปี ร่างสูงกำยำผิวคล้ามแดดเล็กน้อย ใบหน้าคมคายดุดันดูแล้วถ้าเล่นหนังจีนคงอยู่ฝ่ายอธรรม หรือเล่นเป็นผู้ร้ายอยู่เบื้องหลังวางแผนแยบยลในภาพยนต์บู๊ล้างผลาญเพราะหน้าหล่อร้าย คางเป็นสันชัด นัยน์ตาดุคิ้วหนารีบก้าวเข้ามา  ก่อนจะยืนจ้องสบตากับใบหน้าเล็กที่นอนมอง คิ้วเข้มขมวดจนเห็นร่องลึก 
       
                "ทำไม?"  
      
                'ทำไมอะไร?' หรือความปวดเมื่อยตามเนื้อตัวนี่  ขาหัก นิ้วหักไปหรือ  รีบขยับก็อยู่ครบ  ขาขยับก็รู้สึก 

     

      
              "เหมือนลูกจะจำพวกเรามิได้"น้ำเสียงสั่นเครือของสตรีเอ่ยบอก  "ข้าจะลองฝังเข็ม"  

     

       'ฝังเข็ม ! '  สายตาหวาดกลัวชำเลืองมองม้วนผ้าซึ่งพอสตรีที่บอกว่าจะฝังเข็มคลี่ออก ก็มีเข็มอยู่หลายสิบเล่มเสียบอยู่เหมือนที่เก็บดินสอ   พยายามจะขยับตัวหนี ความเจ็บปวดตรงหัวไหล่ทำให้หลุดเสียงร้อง  "โอ้ย"  ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเสียงที่เปล่งออกมานั้นเล็กหวานใสเป็นเสียงเด็ก    

     

     คนที่รีบเข้ามาประคองคือบุรุษที่เพิ่งเข้ามาใหม่ "อย่าเพิ่งขยับ ครั้งนี้เจ้าเจ็บหนักกว่าทุกครั้งรู้หรือไม่" เสียงค่อนข้างดุเจือห่วงใย

     

      'ควรเรียกตนเองว่าอะไร  ผู้ชายคนนี้คงเป็นพ่อ'  เมื่อกำลังสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก แล้วยังกลัวว่าจะพูดผิดจึงเงียบ  นอนลงอย่างว่าง่ายพลางมองดูเข็มในมือขาวเนียนที่มาอยู่ตรงหน้า    กลืนน้ำลายด้วยความหวั่นใจ  เจ็บเหมือนฉีดยาไหม ทำอย่างไรดี  ที่นี่ที่ไหน  เด็กคนนี้อายุเท่าไหร่  เธอตายแล้วหรือแค่วิญญาณออกจากร่างมาเข้าร่างคนอื่น เป็นผีสิงคนอื่นเช่นนี้จะโดนพระมาไล่ไหม   ถ้าเธอมาสิงก็น่าจะคุยกับเจ้าของร่างได้สิ เหมือนในละครจึงหลับตาพยายามพูดคุยในใจ  แล้วรู้สึกว่ามีเข็มจิ้มตรงระหว่างคิ้วแต่ไม่เจ็บ แล้วก็มีอีก 3 จุดบนใบหน้า ทุกจุดล้วนตึง ๆ แต่ไม่เจ็บเหมือนโดนฉีดยาหรือโดนเข็มตำ  เมื่อไม่รู้สึกเจ็บจึงไม่สนใจ  ตั้งใจหาทางคุยกับเจ้าของร่าง แต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา  เพราะมัวหลับตาจึงไม่เห็นสีหน้าวิตกกังวลของทุกคนที่รายล้อมอยู่  

     

      "จิงเออร์ รู้สึกอย่างไร"  บุตรสาวของนางนอกจากจะจำสิ่งใดไม่ได้ ยังพูดโต้ตอบได้หรือไม่ 

     

         นัยน์ตารูปเมล็ดซื่งลืมตาขึ้นมอง ก่อนส่ายหน้าเพราะยังปรับตัวไม่ทัน ไม่รู้ควรทำอย่างไรจึงไม่อยากพูด  

     

        ผู้เป็นมารดายกมือขึ้นปิดปากตนเองน้ำตารื่น นางเป็นหมอยังไม่รู้ว่าทำไมบุตรสาวถึงสูญเสียความทรงจำ ศีรษะมีรอยช้ำและโนเล็กน้อยไม่น่าจะกระทบกระเทือนมาก  แล้วยังพูดไม่ได้อีก  สามีดึงตัวนางไปโอบกอดอย่างปลอบใจ  


     

            "เป็นพ่อแม่และพี่ชายเหรอ?" สายตาไล่ทีละคนตามลำดับที่เอ่ย

        
                  "จิงเออร์ จำอะไรไม่ได้จริง ๆ ด้วย" เด็กชายที่โตที่สุดพูดขึ้น
       
                 "บางทีอาจแค่ชั่วคราว" เด็กชายอีกคนพูดขึ้นบ้าง สายตามองคนตัวเล็กที่ยังกระพริบตาปริบ ๆ มองเขาอย่างคนแปลกหน้า 
          
                   เย่ฮวงเทียนเป็นคนตอบบุตรสาว "พ่อ แล้วนี่แม่ของเจ้า"  ชี้ไปทางบุตรชายอีก 2 คน " พี่ใหญ่  พี่รอง เจ้าจำชื่อตนเองได้ไหม" 
     
                   หลังจากคิดว่าไม่ควรโวยวาย บอกความจริงว่าตนเป็นใคร จึงตัดสินใจปิดบัง    "จิงเออร์"  เสียงเล็กหวานใสตอบเบา ๆ  
     
                "ชื่อแซ่เต็ม ๆ"  เย่ฮวงเทียนถามอีกครั้ง 

                 "ไม่รู้"  ก่อนจะปวดศีรษะจนนิ่วหน้า ได้ยินเสียงสตรีที่เป็นมารดาร้องเรียกอย่างตกใจทั้งที่อยู่ใกล้แต่เสียงเหมือนห่างไกล ความรู้สึกเหมือนร่วงหล่นจากที่สูง แล้วทุกอย่างก็ดับวูบไปอีกครั้ง
      
               "ท่านแม่  น้องเป็นอย่างไร"   เย่หยางไคถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นร่างเล็กยกมือกุมศีรษะ ท่าทางเจ็บปวดแล้วสลบไป 
       
               "แม่ก็จนปัญญาได้แต่รักษาตามอาการ ที่ตรวจดูตอนนี้นอกจากรอยช้ำทุกอย่างในร่างกายทั้งอวัยวะภายในก็ปกติ นางเพิ่งฟื้นคงต้องพักผ่อน"  ถอนหายใจแล้วมองสบตาสามี "หากนางจำสิ่งใดไม่ได้" 
     
               "ก็ค่อย ๆ บอก ค่อย ๆ สอนกันใหม่ นางอยู่กับเราอย่างไรก็มีความผูกพัน ไม่เป็นไร" เสียงทุ้มปลอบ
      

                  ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ความหนักอึ้งในหัวเหมือนตอนฝันร้ายแล้วต้องตื่นนอนกระทันหันทำให้ขยับศีรษะ หายใจหอบหนัก  รู้สึกสัมผัสจากฝ่ามือที่ลูบศีรษะอย่างอ่อนโยน พอลืมตาก็เห็นสตรีผิวขาวเนียนคนเดิม
     
                   "ท่านแม่"   มองใบหน้าเรียวที่ไม่ใช่รูปไข่สมบูรณ์เป๊ะอย่างสาว
    เกาหลีผ่านมือหมอแต่ก็ถือว่า เรียวสวย   "ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ จิงเออร์พอจำอะไรได้เล็กน้อยแล้ว"  

     

       
         เย่ฮูหยินยิ้มอย่างดีใจ ก้มหน้าไปหอมแก้มกลมของบุตรสาว  "เจ้าชื่อแซ่อะไร" 
         
               "เย่ลี่จิง 8 หนาว   พี่ชายใหญ่ เย่หยางไค พี่ชายรอง เย่ตงเหิง  จิงเออร์ตกหน้าผาถึงมานอนอยู่นี่"   ความจริงอยากจะบอกว่า ณิรินอายุ 25 ปี โดนพวกเผอเรอไร้ความระมัดระวังเปิดประตูรถออกมาโดยไม่สนใจใคร ทำให้มานอนอยู่นี่  ถ้าฝันเป็นจริง ณิริณตายแล้ว เฮ้อ !   บิดามารดาล้วนเสียชีวิตเพราะคนเมาแล้วขับ ตนเองก็ตายเพราะความสะเพร่าของคนขับรถอีก    พี่สาว 2 คนต่างแต่งงานมีครอบครัว  ประกันชีวิตก็มี เท่ากับมีเงินก้อนให้พี่สาวคนละครี่งตามที่เคยลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ไว้ในสัญญาประกัน   ไม่มีหนี้สินเพราะมีเงินเท่าไหร่ก็ใช้อยู่เท่านั้น ไม่กินหรูไม่อยู่สบาย ไม่มีเงินซื้อบ้านก็เช่าหอ  มอเตอร์ไซค์ซื้อตั้งแต่เรียนจบผ่อนหมดแล้ว ไม่มีสิ่งให้กังวล      สายตามองใบหน้างดงามของสตรี แปลกหน้า นัยน์ตาเรียวสวยซึ่งยังคงยิ้มให้อย่างดีใจ   ชีวิตที่ไม่มีบิดามารดาดูแลปรับตัวสู้งานดูแลตนเองมาตลอดกับเรื่องหลุดโลกตอนนี้ทำไมจะปรับตัวไม่ได้       "แต่บางเรื่องก็ยังนึกไม่ออก"  เสียงเล็กบอกออกไป
     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×