คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : สบตา (เปลี่ยนชื่อตอนและเพิ่มเนื้อหาเข้าไปอีกค่ะ)
คุณหญิงอัมพรต้องเตรียมตัวไปดูงานด่วนที่อเมริกาหนึ่งเดือน เธอเลยขอร้องให้เขมจิราช่วยดูแลบ้านและเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ตอนนี้นับวันจิตใจจะยิ่งแข็งกร้าวมากขึ้นทุกวัน แต่ถือว่ามีเรื่องหนึ่ง ที่เป็นเรื่องมหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ ที่คุณหญิงอัมพรรู้จักศักดิ์ชัยพ่อของเขมจิราเมื่อนานมาแล้ว และเพิ่งรู้ว่าพ่อของสาวน้อยหน้าหวานได้เสียชีวิตไปเมื่อสองอาทิตย์ก่อน คุณหญิงได้แสดงความเสียใจกับเธอในเรื่องราวต่างๆที่เธอได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องที่แม่เลี้ยงขายตัวเธอให้กับอธิน การที่เขมจิราไม่มีใครและไม่มีที่อยู่ ทำให้คุณหญิงขอร้องให้เธออาศัยอยูที่คฤหาสน์หลังนี้ เพราะในใจของคุณหญิงตอนนี้ต้องการได้เขมจิราเป็นลูกสะใภ้ซะแล้ว ความน่ารักและอากัปกริยาที่เรียบร้อยอ่อนน้อมถ่อมตนของเธอทำให้คุณหญิงเอ็นดูเป็นอย่างมาก นางพญาแห่งตระกูลวาร์ดคิดว่ายังไงตนเองก็มองคนไม่ผิดอย่างแน่นอน และเจ้าลูกชายตัวดียังไงก็หนีไม่พ้นที่จะต้องตกหลุมรักเขมจิราเข้าซักวัน
“ยังไงหนูยาหยีก็อยู่ที่นี่นะลูก นึกซะว่าเราคือคนในครอบครัวเดียวกัน ป้าเองก็รู้จักศักดิ์ชัยดีแม้ป้าจะไม่ได้เจอศักดิ์ชัยมานาน แต่พ่อของหนูช่วยป้าหลายต่อหลายเรื่องก่อนที่ป้าจะมีทุกอย่างในวันนี้ได้ เดี๋ยวป้าจะให้แม่บ้านจัดห้องนอนให้ แล้วก็ป้าเห็นว่าหนูมีเสื้อผ้าติดตัวมาไม่มากนัก เย็นนี้เดี๋ยวป้าให้คนไปซื้อเสื้อผ้าและตัดชุดให้นะลูก ส่วนเรื่องเงินป้าจะให้หนูเป็นรายเดือน ยังไงเดี๋ยวป้าจะโอนให้ทางบัญชีทุกเดือน” คุณหญิงอัมพรลูบหัวเขมจิราอย่างเบามือด้วยความเอ็นดูเปรียบเสมือนเธอเป็นลูกสาว
เขมจิราก้มลงกราบไปที่ตักของคุณหญิงด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ เธอรู้สึกได้รับความอบอุ่นจากผู้หญิงที่ดูมีสง่าราศีตรงหน้า น้ำตาของเธอค่อยๆรื้นออกมาเล็กน้อย
“หยีขอบคุณคุณป้ามากเลยนะคะที่เมตตาหยี แต่หยีคงรับอะไรจากคุณป้าไม่ได้ ถ้าหยีไม่ได้ช่วยหยิบจับอะไรเลย หยีขอช่วยงานอะไรคุณป้าได้ไหมคะ หยีไม่อยากอยู่เฉยๆ ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาสบตาเป็นการขอร้องกับผู้ที่ชุบชีวิตใหม่ให้กับเธอ ให้ที่พักพิงอาศัยในยามที่เธอไม่มีใครเลยซักคน
“ถ้างั้น ป้าขอให้หนูยาหยีช่วยป้าเรื่องเดียวเท่านั้น หนูต้องสัญญากับป้านะว่าจะช่วยป้าจริงๆ” คุณหญิงอัมพรทำท่าทางหนักใจเป็นการแสดงละคร เพื่อที่จะให้เขมจิราตอบตกลงรับคำ
“ค่ะ หยีสัญญา คุณป้าให้หยีทำอะไร หยีก็จะทำตามที่คุณป้าต้องการ” เขมจิราสัญญาด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจจริง
“ขอบใจนะหนูยาหยี ลุกขึ้นมาเถอะลูก แล้วก็ไปอาบน้ำแต่งตัว ทานอาหารเช้าซะ”
“ค่ะ คุณป้า หยีขอตัวก่อนนะคะ” เขมจิราก้มลงกราบลงที่ตักของผู้มีพระคุณลงอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ
คุณหญิงอัมพรนึกถึงเรื่องราวในสมัยอดีตที่เธอและสามีเพิ่งเริ่มที่จะก่อตั้งธุรกิจเล็กๆ เธอต้องผ่านความลำบากลำบน ผ่านอุปสรรคมากมายหลายอย่างกว่าจะมีวันนี้ได้ สามีของเธอเป็นเพื่อนกับศักดิ์ชัยมานาน ศักดิ์ชัยได้ช่วยเหลือครอบครัวและธุรกิจของเธอหลายอย่าง
จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เมื่อคนที่ทำงานมาด้วยกันเป็นสิบปีได้มาทรยศหักหลัง พยายามที่จะทำลายธุรกิจของตระกูลวาร์ดเพียงเพราะถูกจับได้ว่ายักยอกเงินไป จึงได้เกิดเหตุการณ์ต่อสู้กันและทำให้ ‘เอนดิส วาร์ด’ สามีของเธอต้องจบชีวิตลง
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ศักดิ์ชัยเพื่อนสนิทของเอนดิสที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยถึงกับบ้าคลั่งที่ไม่สามารถที่จะช่วยชีวิตเพื่อนรักได้ ศักดิ์ชัยจึงจัดการกับคนที่ทรยศหักหลังที่ฆ่าเพื่อนของเขาจนสำร็จ และช่วยฟื้นฟูธุรกิจของตระกูลวาร์ดให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง โดยโทษตัวเองเสมอมาว่าเป็นคนที่ทำให้เพื่อนรักต้องตาย ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็หายตัวไปโดยไม่มีวี่แววอีกเลย
คุณหญิงอัมพรยังจำทุกเหตุการณ์ในอดีตได้ดี ความเจ็บปวดที่ต้องเสียคนที่ตนเองรักไป ความซาบซึ้งในน้ำใจของศักดิ์ชัย ทุกสิ่งทุกอย่างคงเป็นเหตุการณ์ที่เบื้องบนกำหนดชะตาชีวิตไว้หมดแล้วที่ทำให้ตนต้องพบเจอสิ่งต่างๆ
“ถ้าอย่างนั้น ก็ถือซะว่าเบื้องบนส่งลูกสาวของคนดีอย่างศักดิ์ชัยมาให้เป็นลูกสะใภ้ฉันเลยล่ะกัน” คุณหญิงอัมพรพึมพำกับตัวเอง
งานที่เขมจิราได้รับมอบหมายให้ทำ คือการให้เธอดูแลลูกชายคุณป้าอย่างใกล้ชิด หืม!!..... เธอได้แต่คิดในใจว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่าเพราะเท่าที่เธอได้ยินมาลูกชายของคุณป้าอายุมากกว่าเธอเกือบสิบปีด้วยซ้ำ แล้วเหตุใดกันคุณป้าถึงต้องให้เธอไปดูแลเขาด้วย แถมยังกำชับแน่นหนาว่าให้ตามคำที่คุณป้าสั่งไว้ หลังจากที่เมื่อวานตอนเย็นคุณป้าได้บินไปอเมริกาแล้ว
เขมจิรานั่งคิดไปเพลินๆว่าลูกชายคุณป้าจะหน้าตายังไงกัน ลองถามพี่ผึ้งสาวใช้ที่คุณป้าสั่งให้คอยดูแลเธอว่าคุณเดนนิสมีนิสัยเป็นอย่างไร กลับได้คำตอบแบบไม่เต็มปากนัก แต่จับใจความสรุปได้ว่าเขาเป็นคนที่เย็นชา พูดน้อย เอาแต่ใจ ขี้โมโห ดุ โมโหร้าย ปากจัด และเป็นเสือผู้หญิง เฮ้ออออ เท่าที่เธอสรุปมานั้นลูกชายของคุณป้าเป็นคนที่เธอไม่อยากจะเข้าใกล้เลยจริงๆ เธอนั่งถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่บนเก้าอี้ในสวนหย่อมเล็กๆในคฤหาสน์ เมื่อนึกถึงศึกหนักที่เธอจะต้องรับในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่คุณเดนนิสไปประชุมที่ต่างจังหวัดสองวันและจะกลับมาในวันพรุ่งนี้ตอนเย็น
…………………………………………………………………………………………………………….
“อะไรกันนี่มันคิดจะเล่นไม่ซื่อกับฉันงั้นเหรอ สงสัยอยากจะลองดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะไปเคลียร์เอง แกจัดการมันไปก่อนแล้วกัน” เดนนิสคุยโทรศัพท์กับ ‘ภานุ’ผู้ช่วยคนสนิทด้วยท่าทางโมโหเกรี้ยวกราดกับเรื่องที่ปลายสายโทรมา
รถของเดนนิสค่อยๆเคลื่อนตัวเข้ามาในตัวคฤหาสน์ เมื่อรถจอดสนิทเขาไม่รอช้าให้คนขับรถมาเปิดประตูให้เนื่องด้วยความหัวเสียกับเรื่องที่เขาต้องเข้าไปจัดการในวันพรุ่งนี้
“คุณเดนนิสคะ เย็นนี้จะรับประทานอาหารเย็นเป็นอะไรดีคะ” เมื่อผึ้งเห็นเจ้านายเดินเข้ามาก็ถามไปโดยไม่ได้ดูสีหน้าและอารมณ์ของคนถูกถามซักนิด
เดนนิสเดินเลยผ่านไปโดยไม่หยุดตอบคำถามและตรงขึ้นไปบนห้องนอน โดยไม่สนใจคนถามว่าตอนนี้มีสีหน้าอยากจะร้องไห้แค่ไหน เมื่อสาวใช้เพิ่งรู้ตัวว่าทำพลาดไปที่ทำอะไรโดยไม่ได้ดูสถานการณ์ก่อนเลย
“พี่ผึ้งคะ เมื่อกี้หยีได้ยินเสียงรถ คุณเดนนิสกลับมาแล้วเหรอคะ” เสียงของเขมจิราทำให้คนที่ยืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่ถึงกับยิ้มกว้างขึ้นมาได้
“ใช่ค่ะ คุณเดนนิสกลับมาแล้ว และก็ขึ้นไปข้างบนแล้วค่ะ เมื่อกี้พี่ถามว่าเย็นนี้จะรับประทานอะไรดี แต่ดูเหมือนว่าคุณเดนนิสจะกำลังอารมณ์เสียอยู่ คุณเขาเลยไม่ได้ตอบอะไรค่ะ”
“เหรอคะ งั้นพี่ผึ้งไปทำธุระอย่างอื่นต่อเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องคุณเดนนิส หยีจัดการเอง” เขมจิรายิ้มหวานให้กับสาวใช้
“ค่ะ ยังไงรบกวนคุณหยีช่วยดูเรื่องอาหารเย็นของคุณเดนนิสด้วยนะคะ”
“ค่ะ เป็นหน้าที่ของหยีอยู่แล้ว ไม่รบกวนอะไรหรอก” เมื่อเขมจิราบอกอย่างนั้น สาวใช้ก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาและขอตัวไปทำงานบ้านอย่างอื่นต่อ โดยกลับกลายเป็นว่าคนที่หนักใจแทนคือเขมจิรานั่นเอง
เขมจิราสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งทีและทำใจชั่วครู่อยู่ข้างหน้าห้องของเดนนิส ‘เอาหน่า เราแค่จะมาถามเขาว่าเย็นนี้จะทานอะไรดีเท่านั้น’ เธอนึกคนเดียวอยู่ในใ จ ก่อนที่กลั้นใจเคาะประตู
“ก๊อกๆ……ๆๆ คุณเดนนิสคะ…ก๊อกๆ …คุณเดนนิส….” เขมจิราเคาะอยู่ชั่วครู่แต่ไร้วี่แววเสียงที่จะตอบกลับมาซักนิด เธอรู้สึกหนักใจว่าจะทำอย่างไรต่อดี จนเธอตัดสินใจค่อยๆแง้มประตูเข้าไป
ภายในห้องมืดสนิท อากาศข้างในเย็นเฉียบจนเธอคิดว่าหน้าจะเป็นห้องแช่แข็งเสียมากกว่าห้องนอนเสียด้วยซ้ำ สายตาของเธอค่อยๆปรับตามความมืดจนเธอเริ่มมองเห็นทุกอย่างภายในห้องแบบสลัวๆ เธอเดินเข้าไปอย่างแผ่วเบาด้วยความกล้าๆกลัว และกวาดสายตาทั่วห้อง เพื่อหาผู้เป็นเจ้าของห้องว่าอยู่ที่ไหนกัน จนสายตาเธอไปหยุดอยู่ที่เตียงนอน
เขาหลับอยู่เหรอเนี่ย เธอค่อยๆเดินเข้าไปใกล้เตียงนอนของเดนนิส และเพ่งมองไปที่เขา ในห้องที่มีแต่ความมืด เธอรู้เพียงแต่ว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ามีรูปร่างสูงใหญ่และกำลังนอนหลับอยู่ จะเอายังไงต่อดีล่ะ เธอควรจะปลุกเขาไปทานข้าวเย็นดีไหม หรือปล่อยให้เขานอนต่อไปดี
เขมจิราตัดสินใจที่จะไม่รบกวนคนตรงหน้าดีกว่าจึงหันหลังกลับเพื่อที่จะออกจากห้อง แต่อยู่ดีๆคนที่นอนหลับอยู่กลับดึงแขนเธอไว้ และฉุดตัวเธอล้มลงบนเตียงนอน โดยเขานอนคว่ำอยู่บนตัวเธอ
“กรี๊ดด….อุ๊บๆ” เขมจิราร้องขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่คนร่างโตจะใช้มือปิดปากเธอ
“เงียบหน่า ไม่งั้นฉันจะจูบเธอจริงๆด้วย” เดนนิสขู่ จนเธอเงียบไปด้วยความตื่นกลัว
ชายหนุ่มค่อยๆเอื้อมมือขึ้นไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง โดยที่เขายังคล่อมร่างหญิงสาวที่กลิ่นตัวหอมหวานเหมือนใบหน้าของเธออยู่ เมื่อไฟสว่างขึ้นด้วยแสงของโคมไฟดวงเล็ก ทำให้สาวน้อยหวานที่นอนตัวสั่นอยู่ภายใต้ร่างใหญ่สบตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาๆและสายตาแหลมคมเหมือนเสือที่จ้องจะตะครุบเหยื่อของเขา ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์
“ใช่จริงๆด้วย ฉันจำกลิ่นตัวเธอได้ แม่สาวน้อยที่วิ่งตัดหน้ารถฉันนี่เอง ฮึฮึ.. นี่เธอยังไม่ออกไปจากบ้านฉันอีกเหรอ…เธออยู่ที่นี่ต่อ เธอต้องการอะไรจากฉันหรือเปล่า ” ชายหนุ่มค่อยๆใช้มือลูบไปที่พวงแก้มที่แดงระเรื่อตามธรรมชาติของเธออย่างชวนสยิว
เขมจิราเริ่มรู้สึกตัวและหลุดจากภวังค์เพราะสัมผัสของเขา เธอดิ้นขลุกขลัก พยายามดันชายหนุ่มที่ทับตัวเธอจนแทบจะหายใจไม่ออก
“ปล่อยยาหยีค่ะ คุณเดนนิส ปล่อยหยี” เธอพยายามที่จะดันเขาออกอย่างเต็มแรง แต่ให้ตายสิเขาตัวหนักอย่างกับอะไรดี
“เธอเข้ามาในห้องฉันเองนะ สาวน้อย เธอต้องการอะไร ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ” เดนนิสใช้สายตาโลมเลียมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยเฉพาะอกนุ่มๆที่เขากำลังทับอยู่ และยิ่งเสื้อคอกว้างของเธอที่มันย่นลงมาเผยให้เห็นอกอวบแน่นที่เบียดชิดกันซะจนมันทำให้เลือดในกายเขาสูบฉีดขึ้นมาทันใด
ความคิดเห็น