ตอนที่ 18 : เที่ยงคืนสิบแปดนาที
เที่ยงคืนสิบแปดนาที
//
อย่าเงียบได้ไหม
22:25 น.
“กูไปสถาปัตย์นะ”
ปั้นดินบอกกับสองแล้วเก็บหนังสือกับเอกสารรายงานที่กองๆกันอยู่เข้ากระเป๋า เขาตั้งใจว่าถ้าเสร็จโปรเจคแล้วจะไปเซอร์ไพรส์พี่กิงที่คณะซักหน่อย ต้องรีบไปก่อนเที่ยงคืนด้วยเดี๋ยวคนพี่ออกมาเซเว่นซะก่อน
“ไปหาพี่กิงหรอ”
“อือ”
“ไปชุดนี่อ่ะนะ”
สองกวาดสายตามองเพื่อนตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าปั้นดินใส่เสื้อกล้ามทีมบาสมหาลัยกับกางเกงขาดๆที่ขาดสูงมากๆ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงชอบใส่เสื้อบาสที่แขนเสื้อกว้างมากจนเห็นแผ่นอกขนาดนั้น
“มีอะไรกระทบหัวมึงไหมสอง ทำไมพักหลังๆมึงดูขี้หวงกูจังวะ ชักจะเหมือนพี่กิงละนะ”
“มึงมันน่าหวงจริงๆนะเว้ย ไม่รู้ทำไมความคิดกูถึงเป็นแบบนั้น ฮ่าๆ”
“พอเลยสัส กูขนลุกหมดละ”
“เออๆ รีบไปเถอะเดี๋ยวฝนตกถ้ามึงเปียกฝนมันยิ่งจะดูแบบ แบบ… เออช่างแม่งเถอะ”
“เคๆ”
ปั้นดินเดินลงมาจากอาคารปฏิบัติการยกข้อมือขึ้นมาดูเวลาแล้วรีบเดินไปทางคณะสถาปัตยกรรม ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะแวะเซเว่นซื้อนมกล่องและของกินอื่นๆให้คนพี่ด้วย เพราะเขารู้ดีว่าถ้าพี่กิงได้ทำงานแล้วจะไม่วางมือจากงาน ถ้าวางมือเมื่อไหร่คือคิดงานต่อไปไม่ออกพี่กิงทำงานยาวจนลืมกินข้าวตลอด ปั้นดินจึงคอยทักไปบอกให้กินข้าวหรือไม่ก็ซื้อไว้ให้เสมอ
ปั้นดินหยิบนมกับกะเพราใส่ตะกร้าแล้วเดินตรงไปคิดเงินที่เคาน์เตอร์ เขาส่งยิ้มให้กับพี่พนักงานที่มักเจอประจำตอนช่วงที่เขามารอพี่กิง
“น้องปั้นไม่ค่อยเห็นหน้าเลยนะคะช่วงนี้”
“ปั้นมาออกจะบ่อยนะครับ”
“ไม่จริงหรอก พี่คนนั้นของน้องก็ไม่เห็นเหมือนกันมีอะไรคืบหน้ารึเปล่าเอ๋ย”
“ฮ่าๆ พี่รอถามพี่เขาเอาละกันนะครับ”
“น่อวววว วันนั้นเราอ่ะนั่งหลับอยู่นานสองนานพี่คนนั้นของน้องเขาจ้องน้องนานมากนะคะ ไหนจะออกไปด้วยกันอีกกกก พี่ไม่ค่อยจะใส่ใจเราเลยนะเนี่ยจริงๆ”
“จริงหรอครับพี่เขาจ้องปั้นหรอ”
“จริงค่ะ สายตาอย่างละมุนเลยนะคะ มองขนาดนั้นไม่ธรรมดาแล้งแหละเนอะ”
“คงงั้นมั่งครับ”
“ยังไงพี่ก็ยินดีด้วยนะคะ ทั้งหมด145บาทค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
“โอกาสหน้าเชิญใหม่นะคะ”
ปั้นดินรับถุงมาจากพี่พนักงานแล้วส่งยิ้มให้ เขาเดินออกจากเซเว่นมาไม่เท่าไหร่แสงจากฟ้าก็สว่างวาบตามมาด้วยเสียงฟ้าร้อง ปั้นดินเร่งฝีเท้าเดินตรงไปทางคณะสถาปัตยกรรมโดยเร็ว ไข้ยังไม่ทันจะหายถ้าเปียกฝนอีกไม่หายแน่ๆ ไหนจะต้องเจอสายตาดุๆของพี่กิงอีก
อีกฝากหนึ่งใต้ร่มเงาของต้นไม้มีผู้ชายสามคนในชุดดำมองตรงไปยังปั้นดิน ที่รีบเดินไปจากทีนี่
“พี่แม่งก็ใจเย็นสัส เมื่อไหร่จะได้ซัดมันซักที”
“รอมันไปในที่คนน้อยๆก่อน”
“แต่ว่านะพี่ ไอ้เดือนมันน่าแดกขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ขาวสัสๆอ่ะพี่”
ชายที่เป็นลูกพี่มองไปยังปั้นดินอีกครั้งเขาก็เห็นด้วยกับลูกน้องที่บอกว่าเดือนน่าแดก จัดมันเลยตอนนี้ก็ไม่ได้นายบอกให้ไปทำในที่ที่คนไม่พลุกพล่านและไม่ใช่ในเขตมหาลัย และอย่างน้อยๆเขาก็รู้แล้วว่าไอ้เดือนมันย้ายหอไปอยู่ไหน หนีไปสิหนีไปเรื่อยๆเขาก็จะตามหามันจนเจอทุกครั้ง
“รอไปก่อนเถอะไอ้หนู อีกไม่นานเสร็จพี่แน่”
..
23:30 น.
กิงวางมือจากการตัดกระดาษแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เวลานี้ปกติเขาจะเดินออกไปเซเว่นแล้ว แต่วันนี้งานหนักถึงขั้นเดินออกมาไมได้ เขากดหารายชื่อของคนน้องเพื่อจะบอกว่าวันนี้จะไม่ออกไปหา
(ไม่มีสัญญานตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้…)
กิงขมวดคิ้วแล้วกดโทรออกไปอีกครั้ง
(ไม่มีสัญญานตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้…)
“ทำไมไม่รับ!”
“ออกไปหาน้องดิ”
กิงรีบเดินออกจากห้องสตูเพื่อไปหาเจ้าตัวแสบทันทีด้วยความหงุดหงิด บทจะมีเบอร์โทรน้องดันไม่รับโทรศัพท์เขา
..
ซ่าๆๆ
ปั้นดินอีกไม่ไกลก็จะถึงคณะของคนพี่แล้วแต่ดันเจอฝนเข้าให้จนได้ เขารีบวิ่งเข้าไปใต้ถุนตึกคณะสถาปัตย์หรือที่เด็กคณะนี้เรียกว่าลานเต็ก เขามองไปรอบๆหาร่างที่คุ้นชินของคนพี่แต่ก็ไม่เจอ เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูอีกครั้ง
หรือพี่กิงจะออกไปแล้ว...
23:30 น.
ยังไม่เที่ยงคืนเลยนี่นา..
ปั้นดินตัดสินใจเดินเข้าไปหาบรรดานิสิตสถาปัตย์ที่กำลังทำกิจวัตรของตัวเองอยู่ เขาเลือกไปยังกลุ่มที่ใกล้เขาที่สุดเพื่อเข้าไปถามหาคนพี่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน สามารถเข้าไปหาได้หรือไม่
“เอ่อคือ.. รู้จักพี่กิงปี5ออกแบบภายในไหมครับ”
ปั้นดินเกาท้ายทอยแก้เขินทันทีหลังจากที่เจอสายตาของผู้หญิงและผู้ชายห้าคนมองตรงมายังเขาทั้งหมดเลย
“พี่กิงอยู่ในห้องสตูค่ะ ทางนู้นนน”
หนึ่งในนั้นชี้ไปทางห้องสตูดิโอที่พี่กิงเคยลากเขาไปให้ดู ปั้นดินก้มน้อยๆเพื่อเป็นการขอบคุณแล้วตั้งท่าจะเดินออกจากตรงนี้
“เดี๋ยวครับ”
“ครับ?”
“อยู่คณะไหนหรอ”
“วิศวกรรมโยธาปี3ครับ”
“ว๊าววววว ”
ทั้งโต๊ะส่งเสียงออกมาแล้วมองมาทางเขาตาไม่กระพริบ ปั้นดินที่โดนแซวทั้งทางสายตาและทางเสียงก้มหน้าแดงๆลงทันทีเพราะเขิน เขาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้เลยมีแต่ไปแซวคนอื่นมากกว่าพอเจอกับตัวเขาเลยทำตัวไม่ถูก
“งั้นผมขอไปก่อนนะครับ”
“โหหห จะรีบไปไหนครับน้องงงง อยู่ให้พี่จ้องก่อนเด๊”
“วิดวะโยธาขาวจังคร้าบบบบ”
“เปียกหมดแล้ว มาพี่เช็ดให้”
พี่คนหนึ่งเดินมารั้งแขนเขาไว้แล้วใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กๆเช็ดผมให้เขา กลิ่นหอมอ่อนๆของผ้าขนหนูของพี่เขาทำให้ปั้นดินหลับตาสูดกลิ่นเข้าลึกๆ
โอ้ยยย เคลิ้มจังแฮะ
“ปั้นดิน...”
เสียงคุ้นแท้วะ…
เสียงอันคุ้นเคยดีทำให้ปั้นดินค่อยๆหันหลังกลับไปมองด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆเขาต้องโดนดุแน่ เพราะตอนนี้เปียกมากไหนจะมือใหญ่ๆของใครไม่รู้ที่วางอยู่บนหัวเขาอีก
กิงกวาดสายตามองคนตรงหน้าด้วยความโมโหเขาแทบจะกระชากแขนน้องออกมาจากรุ่นน้องของเขา อะไรคือการที่เจ้าแสบนั้นยืนเคลิ้มเพราะใครที่ไหนไม่รู้มาเช็ดผมให้ ยังไม่รวมกับชุดที่น้องใส่ตอนนี้ด้วยนะ กางเกงตัวนี้เขาจะเอาไปเผาทิ้ง
“พี่กิง…”
ปั้นดินก้าวขาไม่ออกเพราะเจอสายตาดุๆของคนพี่ โดนพี่กิงโกรธเขาแน่ๆเงียบแบบนี้ ร่างบางของปั้นดินค่อยเดินไปหาพี่กิงแล้วก้มหน้ารู้สึกผิดทันที
“มาทำอะไร”
“พี่กิงบอกว่ามาหาได้ ผมเลยมา”
กิงมองน้องที่ก้มหน้าให้เขาแวบนึงแล้วเดินไปทางกลุ่มรุ่นน้องของเขาโดยไม่สนใจคนน้องที่ก้มหน้าแทบติดพื้นแล้ว
“พวกมึงว่างหรอ”
“มะ ไม่ว่างครับ”
“ไม่ว่างก็ทำงานไป ครั้งหน้าถ้ากูเห็นพวกมึงแซวน้องอีกกูจะไม่ให้คำปรึกษากับแบบของพวกมึง”
“โอ้...”
กิงพูดเสร็จแล้วเดินกลับมาหาร่างบางที่ตอนนี้ก็ยังก้มหน้ามองพื้นอยู่ถ้าเดิม
“ตามกูมา”
ปั้นดินรีบเดินตามคนพี่ไปทางห้องสตูดิโอทันที ตายๆพี่กิงโหมดนี้ไม่เคยโอเค เขาจะทำยังไงดี พี่กิงเปิดประตูเข้ามาในห้องสตูดิโอ สัมผัสแรกที่ได้รับคือความเย็นจากแอร์ในห้อง มันยิ่งทำให้เขารู้สึกหนาวเพราะความเปียก มองไปรอบๆเห็นพี่มอสและมีพี่ผู้ชายอีกสองคนอยู่กลางห้อง โดยสายตาของทุกคนในห้องกำลังมองมาทางเขาเป็นตาเดียว
“ขาวสัสๆ”
“เปียกซะแนบร่างเลยว่ะ”
กิงหยิบกระป๋องกาแฟข้างๆตัวขว้างใส่เพื่อนทั้งสองคนทันทีหลังจากที่มันแซวน้อง พอเห็นเพื่อนแซวแบบนี้ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้เขาหลายเท่า
“ไอ้สัสนี่ ไปแดกรังแตนที่ไหนที่ไหนมา”
“บ้านพ่องมึง”
“เอ้า ไอ้นี่”
มอสผู้ที่รู้สาเหตุของความหงุดหงิดของเพื่อนตัวเองได้แต่ส่ายหัวไปมา น้องเล่นแต่งตัวแบบนี้เป็นใครก็หวง และดูท่าว่าน้องจะเป็นแบบไม่รู้ว่าตัวเองมีแรงดึงดูดกับเพศเดียวกันมากแค่ไหน
“พี่กิง คือปั้นจะผลักเขาออกแล้วนะครับ”
กิงหันไปมองหน้าน้องที่ตอนนี้เริ่มคิ้วขมวดพร้อมส่งสายตาเศร้าๆใส่เขา เขาหลับสายตาน้องแล้วเดินไปล๊อกเกอร์เอาเสื้อผ้าของเขาให้น้องไปเปลี่ยน ถ้าน้องไม่สบายหนักกว่าเดิมนั่นคือความผิดของเขาที่ดันไปบอกน้องว่าให้มาหาเขาที่คณะได้
ปั้นดินรับเสื้อผ้ากับคนพี่แล้วช้อนตาขึ้นไปมองพอเจอสายตาเย็นชาของคนพี่เข้า เขาเลยก้มหน้าลงแล้วยืนขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำที่มีอยู่ในสตูดิโอ
“มึงนี่ก็ตึงจังกิง สงสารน้อง”
กิงไม่สนใจที่มอสพูดเขาใช่สว่านเจาะไม้ต่อไปเฉยๆ สายตาหันไปทางน้องที่พึ่งออกจากห้องน้ำออกมาด้วยเสื้อยืดประจำสาขาของเขา น้องมองมาทางเขาแล้วทำหน้าเบะๆหน่อยๆใส่ เจ้าตัวเดินไปหยิบถุงเซเว่นแล้วเอากล่องนมออกมาเจาะแล้วยื่นให้เขา กิงรับนมจากน้องมาดูดแล้วทำงานต่อ
“ปั้นขอโทษ”
พี่กิงไม่เคยโกรธนานขนาดนี้เลย ปั้นดินยื่นมือไปจิ้มต้นขาคนพี่เบาๆให้สนใจเขาซักที แต่คนพี่ก็ไม่สนใจเขาทำงานต่อไปหน้าตาเฉย ปั้นดินส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากพี่มอสบ้างแต่พี่มอสกับส่ายหัวให้ พี่ๆที่เหลือก็มีท่าทีเช่นกัน
“พี่กิง ไม่โกรธปั้นได้ไหม”
“….”
“พี่กิงไม่เงียบใส่ปั้นดิ”
“….”
“งั้นปั้นกลับแล้วนะ”
เมื่อคนพี่ไม่ยอมพูดกลับปั้นดินซักทีเขาเลยตั้งท่าจะออกไปจากห้องสตูดิโอ ถ้าพี่กิงไม่ยอมพูดกับเขาแบบนี้ก็ไม่รู้จะอยู่ทำไม เคยบอกแล้วว่าไม่ชอบให้เงียบใส่มีอะไรก็บอกกันตรงๆ
“อย่าลืมกินข้าวนะครับ”
ปั้นดินวางกล่องผัดกะเพราลงข้างๆคนพี่แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกมา เขาแอบหันหลังไปมองประตูหวังให้พี่เดินออกมาแต่ก็ไร้วี่แวว พี่กิงโกรธแบบนี้ก็ดีเขาจะได้ออกไปจากห้องพี่กิง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาพี่กิงจะได้ไม่โดนด้วย
ได้…
ปั้นจะเดินออกไปเอง
ปั้นดินตัดสินใจวิ่งออกจากคณะสถาปัตย์กลับหอ ฟ้าฝนเหมือนจะเกลียดเขามากสินะถึงได้ตกลงมาแรงขนาดนี้ ปั้นดินยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ปนไปกับสายฝนออกจากหน้าเบาๆ
พรุ่งนี้ตื่นมาเขาจะไม่เจอพี่กิงหรอ
เขาจะทำตัวให้ชินยังไงกันนะ
กิงมองกะเพรากับกล่องนมที่น้องซื้อมาให้นานสองนาน เขาโกรธที่น้องไม่รับโทรศัพท์เขา โกรธที่น้องไม่หวงตัวเอง โกรธน้องที่ตากฝนเพื่อเอาของพวกนี้มาให้เขา เสียงฝนที่ตกลงมาแรงกว่าเดิมทำให้กิงละสายตาจากกล่องนมแล้วมองไปยังหน้าต่าง
“ไอ้กิงเมื่อเช้าน้องมากลับมึง”
“….”
“น้องจะกลับยังไง ไอ้สัสมึงเลิกโกรธน้องได้แล้ว!”
“.…”
“ไอ้เชี่ยกิง!!!”
กิงหยิบกุญแจรถแล้วพุ่งตัวออกจากห้องสตูดิโอเพื่อตามคนน้องไป ภาพของผู้ชายสามคนเมื่อเช้าและคำพูดของสองวิ่งเขามาในหัวเขาทันที่
‘มันเคยโดนผู้หญิงตบเพราะหน้าเหมือนเดือนด้วยนะพี่’
กิงขับรถไปตามทางเรื่อยๆสายตาก็กวาดหาคนน้อง แต่ก็ไม่พบร่างบางของน้อง เขาทุบพวงมาลัยรถด้วยความโมโห
“แม่งเอ้ย!!”
ปั้นดินที่วิ่งออกมาพ้นเขตมหาลัยแล้วจึงหยุดแล้วๆค่อยเดิน เขาใช้มือปาดน้ำตาอีกครั้งแล้วทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นเพราะหมดแรง ค่อยๆเงยหน้ารับสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสายแล้วหลับตาลงช้าๆ
ชายทั้งสามคนที่รอปั้นดินออกมาตั้งแต่แรกตรงเข้ามาล๊อคแขนของปั้นดินไว้แล้วต่อยไปที่หน้าท้องเขาแรงๆ ปั้นดินจุกจนขยับตัวไปไหนไม่ได้ชายทั้งสามคนยกตัวปั้นดินขึ้นแล้วพาตัวร่างบางไปที่รถแล้วออกตัวหนีจากตรงนี้ทันที
..
กิงรีบวิ่งขึ้นห้องไปหาน้องเขาหวังว่าน้องจะอยู่ในห้อง น้องอาจจะนอนห่มผ้าห่มในห้อง ไม่ก็กำลังต้มไข่หรือทำอะไรซักอย่างอยู่ที่ห้องของเขา
“ปั้น”
เขาเดินไปหาที่ห้องนอนก็ไม่เจอคนน้อง
“ปั้น”
เดินไปห้องครัวก็ไม่เจอน้อง
เขาค่อยๆยกมือที่สั่นเทาขึ้นมากดโทรออกหาคนน้อง
(หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้)
“ปั้นพี่ขอร้อง..”
(หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้)
กิงกดโทรหาน้องหลายครั้งก็โทรไม่ติดเขาจึงตัดสินใจโทรหาสองทันที
(ครับพี่)
“มึงอยู่ไหน”
(ห้องครับ พี่มีอะไรรึเปล่า)
“ปั้นอยู่กับมึงไหม”
(มันออกไปหาพี่กิง ไม่เจอหรอ)
“เจอ ทะเลาะกันนิดหน่อยน้องเลยวิ่งออกมา”
(พี่กิง…ไอ้ปั้นมันมีผมเป็นเพื่อนแค่คนเดียว มันจะไปไหนได้!!!)
กิงขาอ่อนยวบทันทีหลังจากที่สองพูดแบบนั้น เขาปล่อยให้น้องวิ่งตากฝนออกมาเอง
(เดี๋ยวผมลองโทรไปถามที่บ้านมัน)
กิงยกมือขึ้นมาทึ่งผมตัวเองแรงๆกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น ถ้าเขาพูดกับน้องน้องจะไม่วิ่งออกมา ทำไมเขาปล่อยให้น้องออกมาแบบนี้ รู้ทั้งรู้ว่าน้องไม่มีรถทำไมเขาถึงปล่อยน้องออกมา
ครืดด ครืดด
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งกิงรีบหยิบมากดรับทันที
(มันไม่ได้กลับบ้าน)
“.…”
(ผมเอาพี่ตายแน่ถ้าเพื่อนผมเป็นอะไร)
..
//
โกรธปั้นแล้วมันดีอย่างไรครับ
ปั้นดิน.
On Twitter
พี่กิงงี่เง่าอ่ะ
น้องงงงอย่าเป็นอะไระ คือสองเกรี้ยวกราดเวอรรร์
เกิดอิหยั่งขึ้นนน
น้องปั้นลูกกกกกกกก ใครทำลูกฉัน! มอสอย่าทำอะไรพี่กิงเลยแค่นีพี่กิงก็คิดมากแล้วน๊า