ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jack Frost : Once Upon a Winter (ภาคกำเนิดผู้พิทักษ์)

    ลำดับตอนที่ #5 : การกลับมาของแจ็ค

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 60


     

                                                      



     


     



     

    การกลับมาของแจ็ค

     

     

    อะกาท่าผู้หวาดผวาพาเหล่าดวงวิญาญส่วนหนึ่งหลบหนีเข้าไปในป่าซึ่งสงบกว่าสมรภูมิย้อมๆในเมือง เสียงย่ำหิมะดังสวบๆของเธอก้องอยู่ในอากาศของพงไพร อะกาท่าวิ่งได้อย่างทุลักทุเลเพราะความหนาของหิมะ ผมยาวสีดำของเธอร่วงลงมาปิดหน้าปิดตาขณะพยามวิ่ง แอ็กกี้หยุดพักเพื่อเอามือปัดผมออกไปจากหน้าซีดๆของเธอ เธอหอบออกมาเป็นไอน้ำสีขาวลอยขึ้นไปในอากาศ

    “แอ็กกี้ หนูกำลังจะไปไหน”วิญญาณทหารร่างขาดกระรุ่งกระริ่งดวงหนึ่งพูดด้วยความเห็นใจและเมตตา

    “หนูจะลองไปเตือนคนที่หมู่บ้านชาวสก๊อตค่ะ”อะกาท่าตอบแล้วลุกขึ้นวิ่งต่อ

    “แต่หนูไม่ควรเข้ามาในป่า มันอันตรายมาเลยนะแม่หนู”ผีแม่ชีกระซิบ

    “หนูก็ไม่อยากเข้ามาหรอกค่ะ แต่ถ้าเราไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะค่ะ”แอ็กกี้เตือน

    “แม่หนู”ผีป้ามอลโลพูด “หนูไม่ได้แค่เป็นเด็กวิเศษ หนูยังเป็นเด็กที่กล้าหาญอีกด้วย”

    “ขอพระเจ้าทรงคุ้มครอง”ผีแม่ชีกล่าวอย่างศรัทธา

                “เราจะไปกับหนู”วิญาญจำนวนหนึ่งที่ได้ยินการสนทนาลอยออกมาจากพื้นดินและต้นไม้ซึ่งเป็นที่ซ่อนตัว อะกาท่ายิ้มกว้าง...เธอไม่ได้โด่ดเดี่ยว

    วิ่งมาสักหนึ่งนาทีพวกเขาก้พบกับพุ่มกิ่งไม้หนา แอ็กกี้วิ่งเขาไปในพุ่มไม้นั้น

                “นี้มันนอกเส้นทางแล้วนะนังหนู เราต้องอ้อมบึงน้ำแข็งไปไม่ใช่หรือ”วิญาณดวงหนึ่งร้องขึ้น

                “ทางลัดค่ะ”เธอตอบ

    อะกาท่าผ่านพุ่มไม้ไปได้อย่างยากลำบาก เธอต้องก้มตัวและแหวกกิ่งไม้ที่เหมือนกงเล็บของปีศาจอยู่ตลอดเวลา บางครั้งมันเกี่ยวผมยาวๆของเธอ ทางข้างหน้านั้นมืดมนตาแทบมองไม่เห็นต้องใช้สัญชาตญาณล้วนๆ ไม่รู้ทางออกจะเป็นอย่างไร ทันใดแสงของโลกภายนอกก็แยงตาของแอ็กกี้ เธอเดินให้เร็วขึ้น แต่เมื่อออกมาเธอก็ชนเข้ากับอะไรบางอย่าง

                “โอ้ย!

    แอ็กกี้ลืมตาขึ้นก็พบกับเด็หญิงคนหนึ่งอายุประมาณรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอมีผิวสวยสดใส ผมสีน้ำตาล ตาสีน้ำตาล แตกต่างจากเธอ...ผมของเธอสีดำไร้ชีวิตชีวา ตาของเธอสีฟ้าซีด แต่เธอทั้งสองสิ่งที่เหมือนกันคือบางสิ่งที่สะท้อนอยู่ในแววตาความโศกเศร้าสิ้นหวัง เหมือนชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง

                “อ้าวไง อะกาท่า”เด็กหญิงร้องขึ้น เมื่อโดนเรียกชื่อทำให้แอ็กกี้ทำอะไรไม่ถูก เธอหลุบตาต่ำด้วยความหวาดระแวง

                “สวัสดี เอ็มม่า”เธอทักกลับ

                “เธอมาทำอะไรที่นี่”เอ็มม่าถามเธอ

                “ฉันฉัน”แอ็กกี้กะตุกกะตัก

                “แอ็ม ลูกอย่าไปยุ่งกับเด็กคนนั้น เธอเป็นแม่มด”

    หญิงวัยประมาณสามสิบที่เป็นแม่ของเอ็มม่าเดินเข้ามาและพาลูกของนางออกไปห่างๆอะกาท่า เธอจ้องเด็กหญิงตัวน้อยราวกับเธอเป็นสัตว์ร้าย

                “แม่ เธอไม่ทำอะไรหรอก”เอ็มม่าพูดอย่างเศร้าสร้อย

                “ลูกยังเด็กลูกยังไม่รู้อะไรหรอก”คุณนายฟรอสต์พูดออกสำเนียงสก๊อตแลนด์ “แม่ไม่อยากจะเสียลูกไปอีกคน”พูดเสร็จนางก็ลากมือลูกสาวสวนทางกับแอ็กกี้ไป...ไปทางเบอร์เจสต์ 

                “แม่หนูเธอของห้ามพวกเขานะ”ผีป้ามอลโลพูดขึ้น แอ็กกี้ตัวสั่นและหวาดกลัว เธอรวบรวมความกล้าทั้งหมดและหายใจลึกๆ

                “คุณนายฟรอสต์ คุณไปที่เมืองไม่ได้นะค่ะ”แอ็กกี้เตือน เอ็มม่าหันมามองเธอแต่แม่ของเธอกลับไม่ นางทำเป็นเหมือนกับไม่ได้ยิน แต่ความจริงแล้วนางได้ยิน นางกลับกลัวมากขึ้นกว่าเดิม เด็กหญิงประหาดคนนนี้รู้ได้ยังไงว่าพวกเธอจะไปเบอร์เจสต์

                “แม่”แอ็มม่าคราง คุณนายฟรอสต์หันมาหาลูกของเธอแล้วส่ายหัว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นจากนั้นเธอก็หันกลับไปแล้วเดินต่ออย่างไม่ไยดี เอ็มม่าน้อยชักเริ่มฉุนแล้ว

                “แม่”

                “แม่ค่ะ”

                “แม่”เธอเรียกอีกที แม่ของเธอไม่สนใจยังคงเดินต่อ

                “แม่”เธอเรียกอีกเสียงแข้งกร้าวขึ้น แต่ยังคงเหมือนเดิม

                “แม่! พี่เค้าตายเพราะเขาไม่ยอมฟังคำเตือนนี่แหละ”เอ็มม่าตะโกน คุณนายฟรอสต์ตกใจ นางหันมามองตาของลูกที่เต็มความโศกเศร้า เอ็มม่าหันไปหาแอ็กกี้โดยไม่สนใจแม่ของตน

                “เกิดอะไรขึ้นที่นั่น อะกาท่า”เธอพูดขึ้น

    ไม่ทันที่อะกาท่าจะได้เอ่ยวาจา สายทรายสีดำสายใหญ่ก้ไหลมาขวางทั้งคู่ไว้ เอ็มม่าร้องออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับเข้าไปกอดแม่ แอ็กกี้และเหล่าวิญาญถอยให้ห่างจากทรายมรณะ ทรายแห่งฝันร้ายหลายสายลอยอยู่เต็มฝากฟ้าราวกับจะบดบังดวงอาทิตย์ให้สิ้นแสง

                “นี่แหละค่ะที่หนูกำลังจะบอก”แอ็กกี้กระซิบ

    แต่แล้วม้าสีดำก็งอกออกมาจากสายทรายราวกับผีลุกขึ้นมาจากหลุม สายสายเล็กๆประสานกันเป็นกล้ามเนื้อที่ละมัดๆจนกลายเป็นม้าทั้งตัวอย่างรวดเร็วจนน่าขยะแขยง ม้าสีดำกะโจนออกมาจากสายทรายยาวที่คืบคลานไปในอากาศเหมือนกับอสรพิษ มันเดินตรงไปที่อะกาท่าเหมือนหมาป่าที่หิวกระหายเลือด

                “ข้าได้กลิ่นความกลัวจากเจ้าแม่หนูน้อย”มันครางขึ้นด้วยเสียงแหบพร่า อะกาท่าออกวิ่ง เมื่อเห็นเข้าไนท์แมร์จึงทะยานไปขวางเธอไว้ด้วยท่าทางดุร้ายราวกับแมวป่า มันอ้าปากแยกเขี้ยวสีเหมือนดำเหมือนตะปูขู่เธอดังฟ่อ

                “ออกไป!”ผีป้ามอลโลลอยเข้ามาขวางไว้ เจ้าปีศาจไนท์แมร์คำรามใส่เธออย่างดุร้าย ป้ามอลโลตกใจกลัว เธอและทำสัญญานให้อะกาท่าหนีไป จากนั้นเธอก็ถอยหลังช้าๆ

                “วิญญาญ”มันครางออกมา ไนท์แมร์อ้าปากออกกว้างจนน่าจะเอาลูกบอลใส่เข้าไปได้เลยทีเดียว ทันใดมันก็สูดหายใจเฮือกใหญ่ ร่างโปร่งแสงของป้ามอลโลเริ่มกลายเป็นไอและไหลเข้าไปในปากของมัน เธอกรีดร้องด้วยความตกใจ

                “ไปให้พ้น!

    เปรี้ยง!

    เสียงของปืนดังลั่นราวเสียงของฟ้าฝ่า ลูกกระสุนถูกยิงไปที่กบาลของเจ้าปีศาจ หัวของมันแตกละเอียดจนกลายเป็นผงสีดำ คุณนายฟรอสต์เป็นคนทำเอง เธอถือปืนลูกโม่ที่มีควัญลอยฟุ้งอยู่ในมือเล็งมาที่เจ้าไนท์แมร์ซึ่งกระเด็นไป เพียงเสี้ยววินาทีหัวของไนท์แมร์ก็งอกออกมาใหม่ มันหันมาแยกเขี้ยวให้นาง ม้าปีศาจต่างผุดออกมาจากทรายทรายอีกหลายตัว ตัวหนึ่งพุ่งชนคุณนาย ฟรอสต์จนกระเด็นไปบนพื้นหิมะ เอ็มม่าวิ่งเข้าไปพยุงเธอลุกขึ้นด้วยความเป็นห่วง แต่ม้าผีกลับเข้ามาโฉบเอ็มม่าออกไป เธอกรีดร้องด้วยความกลัว  แอ็กกี้ควานลงไปใต้หิมะ เธอหยิบก้อนหินได้ก้อนหนึ่งและปาไปที่มัน มันหันเหความสนใจไปที่สาวน้อยและคืบคลานเข้าไปหาเธอราวกับจะกระโดดเข้าไปตระครุบเธอตายได้ทุกเมื่อ อะกาท่าบอกให้ผีป้ามอลโลที่เกือบโดนสูบวิญญาณพาคนตายทั้งหมดหนีไป ไนท์แมร์บินวนไปรอบๆทั้งกลุ่มเหมือนอีแร้งสีดำ วังวนทรายถูกพัดไปรอบๆเหมือนภายุหมุน ทุกๆอย่างดูสิ้นหวัง


     

    ลมภายุกรรโชคโหมกระหน่ำไปทั้งป่า พัดทรายแห่งฝันร้ายฟุ้งขจรหายเข้าไปในอากาศ เหลือเพียงไนท์แมร์อยู่จำนวนหนึ่งที่มองไปรอบๆงุนงง

    “เฮ้!” มีเสียงตะโกนดังมาจากยอดไม้ พวกไนท์แมร์หันไปตามต้นเสียง ไม่ใช่ใครอื่น แจ็ค ฟรอสต์นั่นเอง เขานั่งยองๆอยู่บนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งตีสีหน้ากวนโอ้ยมองลงมายังเหล่าฝันร้าย         “หัดสู้กับคนที่ตัวเท่ากันสิ”

    “นั่นใครน่ะ”แอ็กกี้ผู้มีญาณวิเศษกระซิบ ชี้ไปที่กิ่งไม้ที่แจ็คยืนอยู่

    “ไหน ฉันมองไม่เห็นเลย”คุณนายฟรอสต์กระซิบถามเบามากๆ

    “หนูมองเห็นไม่ชัดนะ”แอ็กกี้พูด ภาพแจ็คในสายตาของแอ็กกี้พร่าเรือนเหมือนภาพใต้น้ำ เธอเพ่งมองไปยังจุดนั้น “เขามีผมสีขาว หนูว่าเขาน่าจะเป็นผู้ชายนะ เขาถือไม้เท้าอยู่ด้วย”

    เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจของเอ็มม่าก็สว่างวาบ เธอนึกถึงพี่ชายของเธอ เธอจ้องไปยังกิ่งไม้กิ่งนั้นแต่เธอกลับมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหิมะ

                “หนูมองเห็นวิญญาน”แอ็กกี้พูด คุณนายฟรอสต์จ้องเธอด้วยความฉงน แอ็กกี้รวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อ “หนูไม่ใช่แม่มดอย่างที่คุณนายคิดนะ หนูก็เป็นเด็กธรรมดาอย่างลูกคุณนายนั่นแหละ”

    คุณนายฟรอสต์คิดถึงตอนที่แอ็กกี้ช่วยลูกสาวเธอไว้จากปีศาจพวกนั้นบางที่เธออาจจะไม่น่ากลัวอย่างที่เธอคิดก็ได้

                “ฉันเห็นแล้วที่เธอช่วยพวกฉัน”แม่ของเอ็มม่ากระซิบตอบ

                “แม่ดูพวกมันสิ”เอ็มม่ากระซิบด้วยความประหลาดใจ “พวกมันมองไปที่ต้นไม้นั่น”เอ็มม่าชี้ไปตรงจุดที่แจ็คอยู่

    แจ็คมองลงไปยังผู้คนที่อยู่ด้านล่าง โดยที่ไม่รู้เลยว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวของเขาซึ่งเขาเคยยอมตายเพื่อเธอ และนั่นคือแม่ที่เขาเคยว่าเธอว่าขี้บ่นที่สุดและเขากลับรักเธอที่สุด เขาจำอะไรไม่ได้เลย เขามองทั้งกลุ่มเป็นเพียงแค่ผู้คนที่มองไม่เห็นว่าเขาอยู่ตรงนี้แค่คนธรรมดา

    แต่แล้วเหล่าไนท์แมร์ทั้งกลุ่มก็ทะยานไปที่กิ่งไม้นั่นด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้า แจ็ค ฟรอสต์ผู้วางฟรอมแทบตั้งตัวไม่ทันจนหกขะล้มหกขะลุกอย่างทุลักทุเลก่อนจะกระโจนหลบการชนได้อย่างหวุดหวิด เขาบินขึ้นไปบนฟ้าอย่างว่องไว เหล่าฝันร้ายบินตามขึ้นมา ทั้งสองต่างดูเชิงกัน ไม่มีใครกล้าโจมตีใคร แจ็คตั้งท่าเล็งไม้เท้ามาเหมือนเล็งปืนยาวมาที่พวกม้า สักพักพวกม้าก็แยกกันและต่างเหาะกระจายกลุ่มไปล้อมแจ็คไว้ แจ็คติดกับซะแล้ว เขาเริ่มอึดอัดและรู้สึกคับข้องใจที่หลงกล ไม้เท้าวิเศษเรืองแสงสีฟ้าพร้อมรบตอบสนองความรู้สึกของผู้เป็นนาย

                “ไม่แน่จริงนี่หว่า ไอพวกหมาหมู่ เอ้ย! ม้าหมู่” ว่าแล้วม้าสองตัวก็เข้าจู่โจมแจ็ค แจ็คพุ่งตัวหลบออกมา แต่ก็ต้องตีลังกาหลบอีกรอบเมื่อเกือบโดนฟันคมๆของไนท์แมร์อีกตัวเฉือนหลังเหวอะ เร็วเท่าความคิดของแจ็คการโจมตีต่อเนื่องถูกเสิร์ฟมาเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน แจ็ดรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดการตวัดไม้เท้าก็เริ่มขึ้น แจ็คพลั้งมือตวัดไป แสงสีฟ้าแปล่งประกายออกมาพร้อมกับอำนาจแห่งฤดูหนาว พุ่งตรงไปที่เป้าหมายและพลาด พลาดอย่างขาดลอย แจ็คย่นหน้าให้ผลงาน เจ้าไนท์แมร์ทำเสียงครางคล้ายเสียงหัวเราะชอบใจดูน่าขัน

                “นี่! ไม่ต้องมาทำแบบนั้นเลยนะ”แจ็กพูดด้วยเสียงแตกหนุ่มอันเบื่อโลก แจ็คหมุนตัวแล้วเหวี่ยงไม้เท้าอย่างแรง ลำแสงสีฟ้าเฉียดเจ้าม้าไป แต่ได้ผลที่น่าพอใจ ผลึกน้ำแข็งลามออกมาจากขาอันผอมบางของมัน เจ้าไนท์แมร์ร้องออกมาด้วยความตกใจ น้ำหนักของน้ำแข็งทำให้มันร่วงจากความสูงกว่าร้อยฟุตลงไปแตกละเอียดด้านล่าง




     

                “เสร็จไปหนึ่ง”แจ็คพึมพำ พวกไนท์แมร์ที่เห็นแบบนั้นก็ต่างโกรธแค้นและพุ่งโจมตีแจ็ค

    แจ็ค ฟรอสต์ ตวัดไม้เท้าครั้งแล้วครั้งเล่า หลบครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างทุลักทุเล แต่ในที่สุด เขาก็ทำสำเร็จ แจ็ค ฟรอสต์หอบแฮ่กๆ รู้สึกภูมิใจกับชัยชนะ แต่ทุกอย่างยังไม่จบแจ็คคิด เขาหันไปที่เบอร์เจสต์เมืองอันมืดมน จากนั้นแจ็คก็กระชับไม้เท้าและตรงดิ่งไปที่นั่นทันที

    เบอร์เจสต์แย่มาก จากบนฟ้าแจ็คเห็นไฟลุกอยู่เป็นจุดเล็กๆบางจุดมีแค่ควัน แต่เขาตาไม่คมพอที่จะหาสองพี่น้องพบในสถานการวุ่นวายแบบนี้ แจ็คสังเกตเห็นพวกไนท์แมร์หลายร้อยตัวได้อยู่ไปทั่วเมือง แจ็คทิ้งตัวลงในป่า แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แจ็ค ฟรอสต์ลงจอดไม่เก่ง เขาทิ้งตัวลงเหมือนใบไม้แห้งและอาจจะใกล้เน่าด้วย แจ็คถูกลมพัดไปทางซ้ายทีขวาที ในที่สุดเขาก็ตกลงกระแทกกับกิ่งไม้ เสียงของกิ่งไม้หักดังโครมคราม หิมะกระจาย แจ็คคลานออกมาจากพุ่มไม้ด้านล่าง ท้องของเขากระแทกกิ่งไม้ไปหลายกิ่ง ลำไส้ของเขาเริ่มปั่นป่วน เขาเบ้หน้า กระเพราะบีบตัวอย่างรุนแรง แจ็คพยามจะอ้วกออกมาโดยการโก่งคอแล้วทำเสียงแหบชวนสยอง แต่มันกลับทำให้เขาทรามานมากขึ้น เขาอ้วกไม่ออกซึ่งนั่นก็ไม่แปลก ขนาดนอนยังนอนไม่ได้เลยแจ็คคิด

    เขาเดินต่อมาเรื่อยๆ แอบย่องไปตามที่ต่างๆ เพื่อไม่ให้พวกม้าผีเข้ามารุมเขาอีก การกระทำแบบนี้เสี่ยงมาก ถึงแม้เขาจะว่องไวมากก็ตาม แต่เขาก็ตัวใหญ่ไม่ใช่น้อย แจ็คทำตัวลีบที่สุดเมื่อเห็นพวกม้าผ่านมา แถมยังต้องคอยหลบสายทรายแห่งฝันร้ายอีกด้วย แจ็คเดินอ้อมโรงนามาแล้วเขาก็พบกับน้องชายของแอลลีสัน ลักษณะภายนอกของเขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย ตาสีเขียวของเขาโตมากเหมือนกับนกฮูก หูของเขาแหลมเหมือนกับแมว ที่สำคัญเขาขยับหูไปมาได้ด้วย มันทำให้แจ็คคลื่นไส้บอกไม่ถูก

                “เฮ้! เลียม”แจ็คร้องทักด้วยความประหลาดใจ ภูตน้อยตกใจเมื่อได้ยินเสียงของเขา

                “ชูวว์”ภูตน้อยทำเสียงบอกให้เขาเงียบ และพาเขาหลบพวกม้าเข้าไปในโรงนา

    ภายในโรงนากลับมืดสลัวเพราะหน้าต่างทุกบานถูกปิดสนิด แอลลีสันอยู่ตรงนั้นตรงชั้นสองของโรงนา แต่เมื่อเธอเห็นว่ามีคนเข้ามาเธอก็กางปีกสีน้ำเงินใสออกขู่ 

                “นี่เราเอง”เลียมกระซิบ เขาบินขึ้นไปชั้นสอง แจ็คตามเขาขึ้นไป ข้างบนนั้นไม่ได้มีเพียงแอลลีสันเท่านั้น ยังมีเด็กหนึ่งคนกับผู้ชายวัยกลางคนอีกหนึ่งคน ผู้ชายนอนหนุนกองฟางอยู่ท่าทางแย่ส่วนเด็กชายนั่งเฝ้าเขาอยู่

                “เธอหายไปไหนมา”แอลลีสันถามด้วยความเป็นห่วง

                “ฉันไปไม่ไกลหรอก เชื่อสิ”

                “นายไปถึงไหนมาเหรอแจ็ค”เลียมถาม แจ็คทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนเด็กถูกจับได้ว่าขโมยลูกอม

                “ข้ามเทือกเขาไปสองลูก”เขาตอบ สองพี่น้องถลึงตาสีเขียวใส่เขา ทั้งหมดเงียบไปสักพักแล้วแจ็คก็พูดขึ้น

    “นั่นเขาเป็นอะไรน่ะ”แจ็คถาม

                “ฉันว่าเขาคงหายใจเอาฝุ่นทรายเข้าไป”แอลลีตอบอย่างเหนื่อยอ่อน

                “แล้ว

                “มันอันตรายสิ ดูก็รู้”แอลลีสันพูดขึ้นอย่างรู้ใจแจ็ค แจ็คทำสีหน้าสลด“ฉันว่าเดี๋ยวคงหาย”แอลลีพูดต่อ

                “เราต้องไปไล่พวกนั้นซะ แบบนี้ก็ถือว่าให้มันยึดเมืองนะ”เลียมร้อง

                “มันมากขนาดนี้ ออกไปก็ให้มันเชือดเปล่าๆ”แอลลีสันเตือน

                “เราต้องขอความช่วยเหลือกับผู้พิทักษ์คนอื่น”เลียมพูดใส่อารมณ์นิดหน่อย

                “ผู้พิทักษ์คนอื่นคงยังวุ่นกับพวกไนท์แมร์ที่กระจายไปทั่งโลกเหมือนเรานี่แหละ เขาก็มีเมืองที่ต้องปกป้องเหมือนกัน”

                “พูดเรื่องอะไรกันหรือ”เด็กชายตัวที่เงียบอยู่น้อยพูดขึ้น

                “อ๋อ เรากำลังคุยว่าจะไล่พวกไนท์แมร์ออกไปยังไง”เลียมตอบ

                “พวกม้าที่ออกมาจากทรายนั่นเหรอ”เด็กชายพูด “ที่มันทำร้ายพ่อของผม”

                “มันเกิดขึ้นมาจากทรายสีดำ สู้เท่าไรก็ไม่หมด”แอลลีสันกล่าว

                “ถ้าเรากำจัดทรายที่เป็นต้นกำเนิดของพวกนั้นได้ก็คงดี”เลียมพูด ทั้งหมดเงียบไป แต่แล้วพ่อของเด็กชายก็ครางออกมาพร้อมกับเปิดเปลือกตาช้าๆ

                “เขาตื่นแล้ว”แจ็คพูด

                “พ่อฮะ”เด็กชายร้องขึ้นแล้วโผเข้ากอดเขาด้วยความรัก พ่อลูกกอดกันกลมเกลียว แจ็คได้เพียงแต่จ้องมองพวกเขาด้วยความสุข แต่ลึกๆแล้วเขาก็รู้ตัวว่าเขาเองนั้นรู้สึกอิจฉา ผู้เป็นพ่อหันมามองเหล่าภูตด้วยฉงน

                “พวกเธอเป็นใคร”เขาถามขึ้น

                “พวกพี่เค้าช่วยผมกับพ่อไว้จากภายุทราย”เด็กชายตอบแทนทั้งสอง “พวกเขาเป็นภูต” ผู้เป็นพ่อหันไปมองทั้งสองอย่างประหลาดใจ

                “ภูตผู้พิทักษ์ของหาย”เลียมย้ำอย่างภาคภูมิใจ

                “ฉันเคยฝันว่าสักวันจะได้พบพวกเธอ ตอนที่ฉันยังเป็นเด็กพ่อแม่ของฉันเคยเล่าตำนานเกี่ยวกับภูตให้ฟัง แต่ไม่คิดว่าฉันจะได้พบกับภูตจริงๆ พวกเธอตัวใหญ่กว่าที่ฉันไว้คิดมาก แต่ก็ขอบคุณนะที่ช่วยฉันกับลูกชาย”เขาพูดขึ้น มันเต็มไปด้วยกำลังใจ

                “ไม่เป็นไรค่ะ แต่เดี๋ยวเราต้องออกไปไล่พวกไนท์แมร์ข้างนอกนั่น คุณน้าจะต้องอยู่กับลูกสองคนเพียงลำพัง”แอลลีสันพูด

                “ไนท์แมร์เหรอ ฉันนึกว่าพวกฝันร้ายเป็นเพียงวิญญานซะอีก”พ่อพูด สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างงๆ

                “ไม่ค่ะ หนูว่าไม่ใกล้เคียงเลย”แอลลีสันพูด

                “มันไม่ใช่หรอก พวกมันเกิดจากทรายแห่งความกลัว มันอันตรายมาก”เลียมเสริม

                “ถ้ามันอันตรายนัก แล้วฉันจะต้องทำยังไง”เขาถามอีก สองพี่น้องมองหน้ากันแล้วยิ้มออกมา

     

     

     

     

    สองพ่อลูกถูกแต่งตัวเหมือนอัศวินม้าขาวแบบเด็กๆ มีถังครอบหัว กะละมังครอบหน้าอก ใส่ผ้าปิดจมูกปิดปาก ถือคราดต่างหอก ถือพลั่วต่างดาบ หน้าตาของผู้เป็นพ่อดูไม่มั่นใจส่วนลูกชายนั้นสดใสร่าเริงกับเครื่องแบบที่แปลกใหม่และดูน่าขัน เลียมบินมาอยู่ด้านหน้าทั้งสอง ฟุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว  เขายืดอกทำหน้าเหมือนอาจารย์กังฟู

                “จำเอาไว!”เลียม ม๊อทกำชับ “นี่เราไม่ได้ไปรบ เราแค่ป้องกันตัว ถ้ามันเข้ามาทำร้ายเรา ตีไม่ยั้งแล้วชิ่งหนี อย่าลืมนะว่ามันไม่มีวันตาย หนีให้เร็วที่สุด อย่าเข้าใกล้สายทรายสีดำเด็จขาด อออย่าหายใจเอาฝุ่นเข้าไปอีกล่ะ และที่สำคัญ ลืมไม่ได้เลยอย่ากลัวเด็จขาด ความกลัวคืออาหารของมัน และถ้าเจอพวกชาวบ้าน ช่วยเอาวิธีพวกนี้ไปบอกทีแล้วกัน”เลียมพูดทำเท่

    “อย่ามาก ไอน้องชาย”แจ็คเหน็บเข้าให้ เลียมหัวเราะหึๆอย่างโหดเหี้ยม

    “เราไม่ควรหลอกพวกเขา”แอลลีสันกระซิบเตือนเลียม

    “อะไร ฉันทำตามทฤษฎีเป้ะๆ”เลียมร้อง

    “ไม่ใช่ พี่หมายถึง ชุดน่ะ เราไม่ต้องให้เขาใส่ขนาดนี้ก็ได้”

    “ไม่เป็นไรหรอกพี่ ดูหน้าพวกเขาสิ ฮาออก”เลียมขำคิก

     

    .....

     

    ทั้งหมดย่องออกจากโรงนาอย่างเงียบเชียบ สองพ่อลูกแยกไปอีกทาง พวกม๊อทและแจ็ครวมหัวกันแล้วเริ่มวางแผน                                                                                                                                                      

               “เราต้องล่อมันออกไปจากที่นี่”แอลลีสันพูด เลียมดูว่อกแวกมากเขาหันซ้ายทีขวาทีอย่างไม่มีสติ

               “ยังไง”แจ็คถาม

               “ฉันยังคิดไม่ออก เธอล่ะ”แอลลีตอบ เลียมสกิดเธอยิกๆแต่เธอไม่มีเวลาพอจะยุ่งกับเรื่องไร้สาระ

               “พอๆกับเธอนั่นแหละ”แจ็คกล่าว                                                                                                                   

    “เอ่อ เราต้องทำอะไรสักอย่างนะ”เลียมกระซิบ

    “อะไรเล่า!”แอลลีสันขึ้นเสียง ค้อนขวับไปหาเลียมแต่ก็ถึงกับผงะ บนหลังคารอบตัวของเธอเต็มไปด้วยไนท์แมร์นับร้อยจ้องมองอยู่เหมือนอีกาจากนรก แอลลีสันอึ้งถึงกับน้ำลายหนืดคอเลยทีเดียว แจ็คยังมองหน้าเจื่อนๆของเธออย่างไม่ละสายตา ดูเหมือนเขาแทบไม่อยากหันไปมอง

    “ใช่...ใช่มั้ย”แจ็คพูดอย่างหดหู่จ้องตาเธอ แอลลีสันพยักหน้าช้าๆ แจ็คพยักเม้มปากหน้าตอบ

    “เฮ้อ!”แจ็คร้องเสียงดังอย่างเบื่อหน่ายเชิงประชด เมื่อได้ยินเสียงฝูงม้าเข้ารุมพวกเขาทันที ทั้งกลุ่มหลบไปได้อย่างอุตหลุด พี่น้องม๊อทแปลงร่างเป็นเหยี่ยวและโผขึ้นไปบนท้องฟ้า แจ็ควิ่งหนีไปเร็วจี๋ เขากำไม้เท้าแน่น ไนท์แมร์ตัวที่เร็วที่สุดกำลังจะทันเขา มันอ้าปากเตรียมงับ ชั่วเสี้ยววินาทีก่อนที่เขี้ยวสีดำจะกัดแจ็ค แอลลีสันก็โชบเขาลอยขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างเฉียดฉิว ก่อนที่ขากรรไกรอันทรงพลังจะงับโดนเขา เสียงฉับเหมือนเสียงมีดสับลงเขียงยังก้องอยู่ในหัวเขาอยู่เลย พวกปีศาจตามพวกเขามาอย่างไม่ขาดสาย ขณะพุ่งขึ้นไปบนฝากฟ้า แจ็คยิ้มให้แอลลีสัน เธอยิ้มตอบเขา จากนั้นถูตสาวแสนคล่องแคล่วก็เหวี่ยงแจ็คขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็วราวการพุ่งหลาว เสียงของลมเสียดสีส่งเสียงดังหวีดหวิว แรงของลมตีตาแจ็คจนต้องหรี่ตาให้เหลือเล็กนิดเดียว แอลลีสันแปรงร่างเป็นนกอินทรีสีดำดุจรัติกาลโฉบเฉี่ยวล่อไนท์แมร์ทั้งฝูงไปให้ห่างจากแจ็ค ฟรอสต์ แต่ไม่เป็นไปตามนั้น แอลลีสันล่อพวกมันไปได้เพียงครึ่งฝูงแต่อีกครึ่งฝูงตามแจ็คขึ้นไปบนฟ้า เด็กหนุ่มผู้ครอบครองอำนาจแห่งฤดูหนาวเล่นกายกรรมอันตรายในอากาศ แจ็คเหวี่ยงตัวเองหลบคมเขี้ยวมรณะและการพุ่งชนมหาปะลัยนับสิบครั้งได้อย่างวุ่นวาย อารมณ์ของแจ็คเริ่มจะระเบิด แจ็คหันตัวตวัดไม้เท้าวิเศษกลางอากาศ ลำแสงสีฟ้าก็สว่างวาบเป็นวงกว้างราวกับฟ้าผ่า ฝูงม้าเกือบทั้งฝูงแตกกระจายเป็นผงสีขาวเหมือนหิมะร่วงกราวลงมาจากฝากฟ้า เสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั้วทั้งผืนนภา แจ็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาไม่เคยทำอะไรที่รุนแรงแบบนี้ได้มาก่อน แจ็คลอยคว้างอย่างไร้จุดหมายอยู่กลางอากศด้วยความฉงนสนเท่ห์อัดแน่นอยู่ในหัว เขาก้มลงมองไม้เท้าเคลือบน้ำแข็งของตนอย่างประหลาดใจ โดยไม่รู้เลยว่าสายทรายสีดำขนาดมหึมากำลังจะฟาดใส่เขา ทันใดสายทรายขนาดมหึมาเท่ากับแม่น้ำก็ถาโถมใส่ตัวของเด็กหนุ่ม ท้องนภากลับมืดมิดไปในทันใด  แจ็ค ฟรอสต์ตะเกียดตะกายแหวกว่ายอยู่ในวังวนแห่งทรายสีดำที่ท้วมหัวของเขา คลื่นทรายลูกยักษ์พัดเขาจมหายลงไปในโลกที่มีแต่ทราย ทราย และทราย ไม้เท้าที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งลื่นๆหลุดจากมือเขาในขณะที่แจ็คหนีเอาตัวรอด สายตาของแจ็คมืดบอด เขาควานมือไปเรื่อยๆแต่ก็เปล่าประโยชน์ แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีแจ็คก็หล่นทะลุไปอีกด้านหนึ่งของทรายเสียแล้ว แจ็คกำลังจะร่วงลงจากท้องฟ้า! เขามองเห็นปลายเท้าเปล่าของตนเองและต่ำลงไปสักแปดร้อยฟุตคือป่าสนแห่งฤดูหนาว แจ็ครู้สึกผิดปกติไป เขารู้สึกว่างเปล่าโหวงเหวงเหมือนจมอยู่ในน้ำ ปลายเท้าของเขาว่างเปล่า ตัวของเขาหนักราวกับตะกั่ว เขาเอื้อมมือไขว่คว้าสายทรายเพื่อยึดเกาะ แต่ทุกครั้งที่จับมัน เม็ดทรายเม็ดเล็กๆจะร่วงออกมาทางช่องว่างบนมือของเขา ในที่สุดแจ็คก็ดิ่งท้าความตาย เสียงลมดังอื้ออึงเหมือนเสียงของคลื่นก้องไปทุกทิศทางรอบตัวของแจ็ค เด็กหนุ่มตกอย่างรวดเร็วและหมุนเหมือนลูกข่างอยู่ในอากาศอย่างควบคุมไม่ได้

    “ลม!”แจ็คร้องเรียกแข่งกับเสียงของอากาศที่เสียดสีเขา “ลม!”เขาร้องสุดเสียง

    ไม่เกิดอะไรขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ลมไม่ยอมฟังคำสั่งของเขาอีกแล้ว แจ็คร่วงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ภาพของป่าสีดำชัดขึ้นเรื่อยๆหรือจะเป็นเพราะไม้คทาวิเศษ แจ็คคิด แต่ก็สายไปแล้ว แจ็คที่ปราศจากไม้เท้าก็เหมือนนกที่ไร้ปีก

                 “ตายล่ะหว่า”แจ็คกระซิบ














     

    © themy�butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×