ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jack Frost : Once Upon a Winter (ภาคกำเนิดผู้พิทักษ์)

    ลำดับตอนที่ #3 : ยุคของความกลัว

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 60


     





    ยุคของความกลัว

     

     

     

                พวกม๊อทกลับมาที่โบสถ์อย่างอ่อนล้า หิมะกำลังตกและดูท่าจะตกหนักขึ้นทุกๆนาที แอลีสันกอดอกมาตลอดทางเพราะความหนาวที่กัดผิวของเธอ เธอทำแบบนั้นขณะบินมาที่หลังคาของโบสถ์เช่นเดียวกับเลียม เขาก็หนาวอย่างเหลือทนมิได้ แต่แจ็คตามพวกเธอมาอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่เงียบพอที่ประสาทไวๆของภูตจะจับไม่ได้ว่าเขาตามพวกเธอมา

     

              “แจ็ค ทำไมยังไม่กลับบ้าน เห็นมั้ยว่าหิมะตกแล้วเนี่ยแอลลีสันถามอย่างหงุดหงิด

     

              “ฉันยังไม่อยากกลับแจ็คท้วงขณะหวนคิดไปถึงป่าอันมืดมนที่เขาเรียกมันว่าบ้าน เขาอยากพูดตรงๆกับสองพี่น้องว่าเขาไม่อยากอยู่คนเดียว แต่มันก็จะทำให้เขาดูอ่อนแอ แจ็คมองสองพี่น้องแล้วพูดขึ้น

     

     “ออแล้วก็อย่าบังคับฉันเลย เสียเวลาแจ็คพูด แอลลีสันจ้องเขาตาเขียวขุ่น แต่อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆเธอคงเถียงกับเขาได้ไม่นานนักในที่สุดเธอก็ยอมเขา

     

                “ก็ได้ เข้ามาในบ้านก่อนสิ อากาศมันหนาวเธอพูดออกมาเป็นไอน้ำสีขาว แจ็คทำหน้าไม่มั่นใจ

     

                “เข้ามาเถอะไม่ต้องห่วงเลียมชักชวนฟันกระทบกันดังกึกๆ

     

    พวกม๊อทพาแจ็คโดดลงมาทางปล่องไฟแล้วของโบสถ์ และบอกให้เขาพักที่โถงสวดมนต์ได้ เมื่อสองพี่น้องเดินขึ้นบันไดไปนอนแล้ว แจ็คก็มองหาที่ๆน่าพักสักที่ เขาพบกับเก้าอี้ยาวตัวหนึ่งที่ท่าทางน่าสบาย แจ็คเหยียดตัวนอนบนนั้น เขาเอาไม้เท้ามาไว้ข้างตัว เมื่อเข้าที่แล้วเขาก็พร้อมจะหลับ แต่พยามเท่าไรเขาก็นอนไม่หลับ เขาพลิกตัวไปมาและพยามนอนอยู่ในท่าต่างๆแต่ก็ไม่ดีขึ้น เขาลุกเดินสำรวจไปรอบๆ แล้วในที่สุดเขาก็ตัดสินใจขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง เขาเจอห้องๆหนึ่งประตูถูกแง้มไว้ เขาจึงผลักมันเบา แต่ประตูกลับส่งเสียงแอ๊ดจนเขาต้องรีบเอามือหยุดประตูไม่ให้เปิดมากไปกว่านั้น แจ็คสวดมนต์ขออย่าให้มีใครยินเสียงเขาเลย เขาเบียดตัวเขาไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆปิดประตูลง ข้างในมีเตียงสามเตียง เตียงที่หนึ่งมีหญิงชรานอนอยู่ เตียงที่สองคือเลียม และเตียงที่สามที่ติดหน้าต่างคือแอลลีสัน แจ็คย่องเข้าไป เงาของเขาสะท้อนกับแสงจันทร์ในขณะที่เดิน เขามองไปรอบๆห้องและพบเข้ากับไข่อีสเตอร์ที่ทำจากไม้สีสันสดอยู่สามฟอง เขาหยิบขึ้นมาดูอย่างพิสมัยเขารู้สึกลึกๆว่า จริงๆแล้วเขาเคยอยากได้มันมานานมาก

     

                “แจ็ค!แจ็คสะดุ้งโหยง หันไปตามเสียงอย่างรวดเร็วจนทำไข่ตก แจ็ครับไข่ไว้และมันก็ลื่นหลุดมือเขาและเขาก็จับไว้อีกทีแบบนี้อยู่หลายรอบราวกับนักมายากลโยนบอลมือสมัครเล่น ในที่สุดเขาก็เอามันกลับไปวางที่เดิมจนได้ แล้วสาบานกับตัวเองว่าจะไปแตะมันอีก เสียงที่เรียกเขาคือเสียงของแอลีสันนั่นเอง เขาเข้าใกล้ๆเตียงของแอลลีสันตามที่เธอเรียก

     

                “ข้างล่างไฟไหม้หรือไงแอลลีสันกระซิบอย่างฉุนเฉียว เขานั่งลงยองๆข้างเตียงของภูตแอลลีสันงงกับคำพูดของเธอ

     

                “อะไรนะ

     

                “ฉันถามว่าข้างล่างไฟไหม้หรือไง เธอถึงไม่มีที่อยู่ต้องขึ้นมานี่แอลีสันว่า แจ็คหรี่ตาใส่เธอเมื่อได้ยินคำพูด

     

                “ฉันนอนไม่หลับแจ็คสารภาพ

     

                “แล้วมาบอกฉันหาพระแสงด้ามง้าวอะไรแอลลีสันด่า แจ็คทำหน้าหงอยตาเขาฉ่ำไปด้วยน้ำ ใสและบริสุทธิ์ราวแก้ว แอลีสันพึ่งได้เห็นใกล้ๆแบบนี้ครั้งแรก บอกได้คำเดียวคือเขาหล่อมาก เธอรู้สึกใจอ่อนจนอยากจะร้องไห้ออกมา แอลลีสันหันหน้าไปเรียกเลียมเบาๆ

     

                “รู้แล้วๆฉันนอนฟังอยู่เลียมกระซิบกลับ เลียมลุกขึ้นนั่งมองแจ็คด้วยสายตาเย็นชา ข้างล่างไฟไหม้หรือไงแจ็คเลียมพูดตามแอลลีสัน แจ็คย่นหน้าใส่เขาอย่างไม่พอใจ พี่น้องย่องลงจากเตียงและค่อยๆเลื่อนเตียงทั้งสองมาชนกันทำให้เตียงมีพื้นที่มากขึ้น ทั้งคู่ไล่แจ็คไปนอนติดหน้าต่างโดยมีเลียมอยู่ตรงกลางและแอลลีสันอยู่ถัดจากเลียม แจ็คทำให้แอลลีสันนอนไม่หลับ เธอชะโงกหน้าขึ้นมาแอบมองเขา เขาก็ไม่หลับเช่นกันแต่เขากลับนอนมองเธออยู่ แจ็คยิ้มให้แอลลีสัน เขาทำปากเป็นคำว่าขอบคุณให้เธอแล้วพลิกตัวไปทางหน้าต่างและหลับไป แอลลีสันยิ้มออกมาบางๆอย่างอ่อนโยนและหลับตาล

     

     

    ….

     

     

     

              ในเช้าที่สดใสแจ็คตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นที่สุดในชีวิตของเขา เขามองออกไปข้างนอกหน้าต่าง อากาศข้างนอกสดใสเหมือนฤดูร้อนราวกลับว่าโลกลืมไปว่านี่คืนธันวาคม นกบินผ่านหน้าต่างไป แจ็คลุกขึ้นมาและมองออกไปนอกหน้าต่าง เป็นอย่างที่เขาคิดไว้ ทั้งโลกกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิ! ต้นแปะก๊วยต้นใหญ่ที่อยู่หน้าโบสถ์ผลิใบเต็มที่  ท้องฟ้าสดใสมีเมฆบางๆลอยเต็มฟ้า แจ็คหัวเราออกมาอย่างสดใสเหมือนสภาพอากาศ

     

                “เฮ้! ฉันว่าพวกเธอคงต้องอยากเห็นนี่แจ็คพูด แต่เมื่อเขาหันหลับมาและดึงผ้าห่มออกเตียงทั้งสามมีหุ่นไล่การูปร่างไม่สมบูรณ์นอนอยูแทนทั้งสามคน แจ็คตกใจและหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก เขาเดินถอยออกมาจากเตียงราวกับว่ามันเป็นของไม่ดี แจ็คใจเต้นไม่เป็นสัพ   เขาไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสาม จากเหตุการณ์เมื่อคืนมันทำให้เขาใจไม่ดี แจ็ควิ่งเอาตัวกระแทกประตูใหญ่ออกผางและวิ่งลงบันไดไป เขามองไปรอบๆไม่มีใครหรือสิ่งมีชีวิตใดเลยอยู่ในเมือง เขาโดดเดี่ยวอีกแล้ว เขาทรมานในอกอย่างเจ็บปวด เขากระโดดขึ้นไปบนฟ้าและเหาะไปเหนือเมืองอย่างรวดเร็ว

     

                “ม๊อท!เขาร้องราวจะขาดใจ แอลลีสัน เลียม พวกเธอหายหัวไปไหนกันหมด

     

    ทันใดเมฆดำก็เริ่มบดบังแสงอาทิตย์ลมร้อนพัดปะทะตัวเขาจนเขาลอยไปอีกทางอย่างควบคุมไม่ได้

     

                “ลมหยุด ลมฉันบอกให้แกหยุดไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลมไม่ฟังคำสั่งเขาอย่างเคย แจ็คยังลอยไปเรื่อยๆไปยังป่า ฝนห่าใหญ่ตกลงมา เขารู้สึกร้อน ร้อนมากๆ เขาลอยไปชนกับยอดสนและตกลงมากระแทกกับพื้นน้ำแข็งของบึงกลางฤดูร้อน ทั้งเจ็บตัวและเจ็บใจทั้งสับสน ภาพมืดไปหมดเขาเหนื่อยจนไม่อยากลืมตาขึ้น เขาตัดสินใจจะนอนสักพัก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เขาบอกตัวเองและพยามยืน แขนขาหนักราวตะกั่วแถมอ่อนปวกเปียกไปหมดและเจ็บอย่างเหลือทน

     

                เปรี้ยง! อัสนีบากกลางภายุฝนฟ้าคะนองส่งเสียงสนั่นไปทั่วทั้งปฐพีราวกัมปนาท แจ็คตกใจและล้มลง ตัวของเขาเปียกปอน เขานั่งอย่างหมดหวังบนพื้นน้ำแข็งเย็นเฉียบ เย็นจับใจ เขาไม่เคยรู้สึกเย็นเท่านี้มาก่อน เข้ายกมือทั้งสองขึ้นมามอง แล้วเขาก็แทบหยุดหายใจ ตัวของเขากำลังละลาย! ราวเหมือนกับน้ำแข็งในฤดูใบไม้ผลิ เขาเอามือลูบหน้าตัวเอง สีของคิ้วสีดำและจมูกสีชมพูกระสีน้ำตาลแดงและแก้มสีเทาของเขาติดมือเขามาอย่างน่าสยดสยอง เขากำลังจะหายไปจากโลกเขาตระหนัก ฟ้าผ่าเปรี้ยงส่งแสงไปทั่วทุกสารทิศ หัวใจของเขาตกไปอยู่ตาตุ่ม เขามองมือของตัวเองแล้วใจหายวาบ น้ำตาสีฟ้าเหมือนสีตาของเขาผสมกับสีดำของขนตาไหลออกมาจากตาทั้งสองเองเฉยๆโดยที่เขาไม่ได้ร้องไห้

     

              “ดูนี่สิ ดูเด็กชายผู้น่าสงสารเสียงแหบๆสะท้อนก้องไปทั้งป่า แจ็คมองไปรอบๆเพื่อหาต้นเสียง ทันใดทรายสีดำก็พัดไปรอบๆป่าและตัวเขา ทันใดชายอายุประมาณสามสิบตัวผอมสูงสวมชุดสีดำก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขา แจ็คมองเขาด้วยดวงตาที่อิดโรย

     

                “เธอเป็นอะไรไปหลานชายเขาเอ่ยถามอย่างนุ่มนวล

     

                “ผมคือผมก็ไม่รู้เหมือนกันแจ็คพูดได้เพียงเสียงกระซิบ

     

                “เธอดูไม่ดีเลยหลานชายชายผู้นั้นเอามือข้างหนึ่งไขว้หลังย่อเข่าลงพินิจเขา ชุดสีดำของเขายาวจนกรอบพื้น แต่ข้าว่าข้าช่วยเจ้าได้นะ

     

                ชายชุดดำยกมือที่เอาไปไขว้หลังไว้ออกมาพร้อมกับไม้คทายาวสีดำออกมา แจ็คเดาว่ามันน่าจะทำมาจากโลหะ ที่ยอดของมันเป็นรูปหัวม้าขดอยู่ในลักษณะของตัว s เขายกมันขึ้นไปแตะที่มือของแจ็ค ทั้งที่มันกำลังละลายอยู่แท้ๆแต่คทาก่อไอสีดำมาหุ้มมือของเขาไว้ราวกับถุงมือ แจ็ครู้สึกดีขึ้น มือของเขาหยุดละลายแล้ว ไอสีดำลามไปจนเกือบจะครึ่งแต่แขนแต่ก็หยุดลง ชายชุดดำยกคทาออกและมองแจ็คด้วยแววตาเจ้าเล่ห์อย่างปิดไม่มิด

     

                “รู้มั้ยข้าเป็นใครเขาถามอย่างเย็นชาและยืนขึ้น แจ็คส่ายหัว แต่คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้แจ็คหายสงสัย แต่มันกลับทำให้ใจของเขาแทบหยุดเต้น

     

                “ข้าคือ บูกี้แมน รู้จักมั้ย พิช แบล็ค ผู้พิทักษ์ความกลัว

     

                ขณะที่เขาพูดม้าทรายสีดำนับพันตัวก็ปรากฏตัวไปทุกๆที่มากมายเกินกว่าที่แจ็คจะเคยเห็น ตอนนี้เขาเผชิญอยู่กับพิชแห่งฝันร้าย แจ็คกวาดมือไปทั่วๆเพื่อหาอะไรป้องกันตัวแต่เขาลืมไปว่าเขาไม่ได้นำไม้เท้าวิเศษออกมาจากโบสถ์ เขาหมดหนทาง

     

                “ถ้าไม่อยากจะเป็นแบบนี้ แจ็ค มาอยู่กับข้าสิ นี่มันยุคของความกลัว รับรองเจ้าจะมีทุกอย่าง ทำได้ทุกอย่างที่เจ้าอยากพิชพูดด้วยเสียงราวกับกำลังเป็นผู้ประกาศโฆษณา

     

                “ฉันจะไปอยู่กับแกได้ยังไง ไม่! ฉันไม่แจ็คปฏิเสธขณะที่เขาละลายเร็วขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ

     

                “โอ้! ข้าไม่ต้องการคำตอบตอนนี้หรอก ข้าต้องการให้เธอกลับไปคิดพูดเสร็จม้านับพันก็กระโจนเข้าใส่เขาอย่างหิวโหย แจ็คใช้แขนทั้งสองป้องกันตัวเองคิดว่าคงจะเสร็จพวกมันเสียแล้ว แต่ทันใดภาพก็นิ่งสนิทราวกาลเวลาหยุดเดินทุกอย่างค้างอยู่ในอากาศราวภาพถ่าย

     

                     “แจ็คมีคนเรียกชื่อเขา เป็นเสียงผู้หญิงที่เล็กและเบามากซึ่งเขาไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน เขามองไปรอบๆอย่างสงสัย

     

                “แจ็ค พี่เอาแต่แกล้งฉันมันดังอีกครั้ง ฟังดูโหยหาอาวรเหลือเกิน

     

                “แจ็คเขามองไปทางซ้ายทีขวาทีหาต้นเสียง

     

                “แจ็คฉันกลัว

     

                “ใครน่ะเขาถาม เสียงดังพอที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ แต่แล้วน้ำแข็งใต้ตัวเขาก็แตกออก เขาหล่นลงไปในความมืดอย่างรวดเร็วราวเขาเป็นตะกั่ว และในที่สุดความมืดก็ครอบงำเขา ความมืดและความหนาวเย็นดั่งภาพสุดแรกในความทรงจำของเขา

     

      

     

    ….

     

     

     

                “แจ็คๆ แจ็ค ฟรอสต์!เสียงเลียมเรียกเขา แจ็คตกใจตื่น ลุกผลุงขึ้นมาจากเตียงสูดลมหายใจเฮือกใหญ่และหอบอย่างแรง หัวเขาหมุนมึนตึบราวกับเขาเอาหัวไปฝาดพื้นมา เขามองไปรอบๆ เขายังอยู่ในห้องชั้นสองของโบสถ์ ยังเป็นกลางคืนอยู่ เลียมและแอลลีสันมองเขาอย่างไม่ละสายตา ทุกอย่างยังปกติสุข ข้างนอกหน้าต่างหิมะตกหนักมากอย่างเคย นี่เขาฝันไปหรือนี่    แจ็คคิด

     

                “พี่เป็นอะไรเลียมถาม

     

                “ฉันฝันร้ายแจ็คบอก เขาหยิบไม้เท้าเข้ามาใกล้ตัวมากขึ้น มันทำให้เขาเย็นใจลง

     

                “นี่อย่าบอกนะว่าเธอมีความสามารถมากขนาดหลับลึกได้ภายในสามนาทีแอลีสันว่า

     

                “ห้ะ! นี่นึกว่าฉันหลับไปเป็นวันแล้วซะอีกแจ็คพูดเสียงสูง สองพี่น้องชูวว์ปากพร้อมกัน แจ็คลืมไปว่าถัดไปอีดเตียงมีแม่ชีนอนอยู่

     

                “นี่แค่สามนาที ออไม่สิ สามนาที สิบวินาทีสิบเอ็ดวิฯแล้วเลียมกระซิบกวนอย่างน่าปวดหัว แจ็คมองเขาหน้าตาย

     

                “ไม่เป็นไรนอนต่อเหอะแอลลีสันกระซิบขึ้น แจ็คใช้ข้อมือทั้งสองข้างปิดตาเครียดๆ ลุกขึ้นยืน แล้วถอนหายใจ

     

                “ฉันนอนไม่หลับเขาพูด

     

                “เราก็นอนไม่หลับ คิดว่าภูติที่ไหนเขานอนกันล่ะ แต่เราต้องทำตามที่มนุษย์เขาทำแจ็คนั้นทอดตามองมาที่เธอ

     

                “เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามสองพี่น้องพูดได้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

     

                “แต่ฉันตาไม่หลิ่ว ไม่ต้องมาบังคับฉันว่าแล้วแจ็คก็เดินไปที่ประตู เปิดผางออกแล้วเดินออกไป สองพี่น้องมองตามเขาไป

     

                “เชื่อเถอะ เดี๋ยวเขาก็กลับมาแอลลีสันกล่าว

     

                “พี่พูดอย่างที่ผมคิดอยู่ตอนนี้แป๊ะเลยเลียมกระซิบกลั้วหัวเราะ

     

                “เรามันพี่น้องกันนี่หว่าแอลลีบอก

     

                “ไปไปหลิ่วตาตามเมืองนี้กันได้แล้วเลียมเย้า แอลลีสันยิ้มแล้วทั้งคู่ก็แกล้งหลับต่อไป

     

     

    ….

     

     

     

    ฉันไม่กลับไปแล้ว!แจ็คตะโกนอย่างเหลือออดขณะบินผ่านภายุหิมะที่ตกหนัก เขาโดดลงไปที่หลังคาของหอคอยหอหนึ่ง เขาตวัดไม้เท้าอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเป็นอาจารย์กังฟูด้านกระบี่กระบอง ลมพัดแรงขึ้น หิมะตกหนักขึ้น ผลึกน้ำแข็งลามออกมาจากปลายเท้าของเขาลามไปตามหลังคาของหอคอย เมื่อเริ่มเบื่อเขาก็นั่งลงพัก เขาก้มหน้าซบเข่าตัวเอง เขาตื่นขึ้นมาในโลกซึ่งเขาฟันธงเลยว่าไม่ใช่ที่ของเขา แต่ครู่หนึ่งแจ็คก็เงยหน้าขึ้นมองหาดวงจันทร์ แต่เมฆปังแสงจนหมดสิ้น มันทำให้แจ็คหงุดหงิดมากขึ้น เขานอนไม่หลับ นั่นไม่ใช่ปัญหา แต่เขานอนไม่ได้นี่สิปัญหา มันเหมือนกับคำสาป มันทำให้เขาเบื่อหน่าย

     

                “มันจะมีอะไรน่าเบื่อไปมากกว่านี้อีกไหมแจ็คถามตัวเอง แน่นอนว่าตอนนี้ไม่มีใครมาอยู่ข้างๆเขา รับฝังเขา และตอบคำถามอย่างแน่นอน แววตาของแจ็คสะท้อนถึงความเศร้า เขาถอนใจขณะหรี่ตามองทะลุภายุหิมะออกไปในที่ไกลแสนไกล ข้างนอกนั่น ไกลออกไปจากที่ๆมีแต่หิมะ ข้ามป่าสน ข้ามเทือกเขา ข้ามมหาสมุทร ข้ามไปยังอีกแผ่นดิน โลกที่ทั้งชีวิตเขาไม่เคยรู้จัก มันมีอะไรอยู่แน่นอนมันมีการผจญภัยและความสนุกรอเขาอยู่ไง แจ็คคิดในใจ

     

                “ลม!แจ็คตะโกนขึ้น ลมภายุส่งเสียงหวีดหวิวตอบรับเขาราวกับเสียงพูด ข้างนอกนั่น ข้ามเทือกเขาไปคืออะไรแจ็คถามลม ลมพัดแรงขึ้นและแรงขึ้น ในอึดใจเดียว หยดน้ำหลายหยดใหญ่ๆที่ถูกลมพัดมาหยิกผิวหน้าของเขา แจ็คตกใจเขาใช้มือลูบหน้าตัวเอง มีหยดน้ำติดมือของเขามา เขาเอามันมาชิม

     

                “เค็มเขากระซิบ น้ำเค็ม มันคืออะไรเขาร้องบอกลม ลมพัดเกล็ดหิมะมามันก่อตัวในอากาศ เป็นรูปเคลื่อนไหวของน้ำขึ้นลงสลับกัน ลมพัดเกล็ดหิมะนับแสนม้วนรูปคลื่นมาท้วมแจ็ค มันเบาบางและเย็นสดชื่น เขาหัวเราะตาหยีอย่างร่าเริง แต่เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบกับฝูงปลาหิมะนับร้อยว่ายผ่านเขาไปอย่างอัศจรรย์ เขามองตามมันไปอย่างไม่ละสายตา แล้วทันใดปลาวาฬเกล็ดหิมะตัวใหญ่มหึมาแทบจะบังท้องฟ้าได้ทั้งหมดก็ว่ายมาเฉียดหัวเขา แจ็คตกใจและแทบหลบมันไม่ทัน เขามองไปรอบๆตัวอย่างสนุกสนาน บนยอดคลื่นเกล็ดหิมะมีโลมาปากขวดครอบครัวหนึ่งเคลื่อนคลาอย่างอิสระอยู่บนนั้น ลูกโลมาเกล็ดหิมะตัวเล็กตัวหนึ่งว่ายผ่านภายุหิมะมาหาเขา มันว่ายไปรอบๆเขาอย่างอยากรู้อยากเห็น พอแจ็คจะเอื้อมมือไปจับมัน เจ้าโลมาน้อยก็ว่ายหนีไปเสียเฉยๆ

     

                “ว้าว!แจ็ค ฟรอสต์ กระซิบ มีสิ่งสวยงามแบบนี้อยู่บนโลกด้วยเหรอในที่สุดภายุหิมะที่หงุดหงิดก็หายไปจากฟ้า เมฆดำลอยออกไป จันทร์กระจ่างสดใสอยู่บนฝากฟ้า แจ็ครู้สึกเป็นสุขเหมือนกับสภาพอากาศ ทุกๆอย่างสงบเงียบเช่นเดียวกับใจของเขา

     

     

     

    ….

     

     

                ในที่สุดแสงตะวันก็สาดส่องโลกอันเหน็บหนาวอีกครั้ง แอลลีสันเปิดหน้าต่างออกรับความอบอุ่นอันมีค่ายามเช้า เธอชอบแสงแดดและมันจำเป็นอย่างมากในช่วงหน้าหนาวที่ยาวนานแบบนี่ในเพนซิลวาเนีย เกล็ดน้ำแข็งเกาะเต็มกระจกทั้งบาน เธอเอานิ้วขูดๆมันเล่น เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าต่างเพื่อจะได้เห็นผลึกน้ำแข็งสวยๆได้ชัดขึ้น เธอมองอยู่นาน เธอเห็นหน้าคนอยู่ในกระจกหน้าต่างที่ขึ้นฝ่า แอลลีขยี้ตา และมองอีกรอบ ใช่มันเป็นหน้าคนจริงๆหน้าคนที่เศร้าหมองสีฟ้า ใต้ตาดำคล้ำเหมือนผีดูดเลือด เธอจ้องดีๆ เขากระพริบตานี่ รูปหน้าบนกระจกกระพริบตา เดี๋ยวก่อน กระพริบตานี่!

     

                “เฮ้ย! ผีแอลลีสันร้องด้วยความตกใจ เธอเซถ่อยหลังไปชนเตียงและหงายหลังไปทับเลียมที่นอนอยู่ น้องชายตกใจตื่นลุกพรวดขึ้นทันที เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด การลุกของเลียมได้ผลักแอลลีสันที่นอนทับอยู่กลิ้งตกจากเตียงไปกองบนพื้นดังโครม! แม่ชีสะดุ้งตื่นและลุกลงจากเตียงอย่างหุนหันแต่เธอกลับก้าวลงมาเหยียบแอลลีสันที่นอนอยู่บนพื้นอย่างโชคร้าย แอลลีสันร้องเสียงอ๋อย ทำให้แม่ชีรู้ตัวแล้วยกเท้าออกจากอกของเธออย่างสำนึกผิดแล้วพยุงตัวเธอขึ้นมา

     

                “พระเจ้า! เกิดอะไรขึ้น แม่ได้ยินเสียงลูกทั้งสองคนร้องแม่ชีพูดแล้วถอนใจเหนื่อยๆ เมื่อคืนนี้แม่ฝันร้ายมาก

     

                “เอ่อ หนูไม่เป็นไรค่ะ จริง...แอลลีสันหยุดพูด ไม่วายชายตามองวิญญาณที่ทะลุหน้าต่างและกำแพงตรงมายังเธอ “...จริงเธอพูดต่อให้จบประโยค พร้องส่งสายตาไปบอกให้น้องชายของเอมองไปที่หน้าต่าง

     

                เลียมที่งัวเงียหันไปตามที่พี่สาวแนะนำและเมื่อเห็นวิญญาณสีฟ้าเขียวเดินทะลุเตียงและขาเขาไปเลียมก็ตื่นเป็นปลิดทิ้งทันที และไปหยุดต่อหน้าพี่สาวของเขา ดูเหมือนแม่ชีที่เป็นมนุษย์ธรรมดาจะมองไม่เห็นวิญญาณ เลียมผายมือออกทำสีหน้าเชิงบอกว่า เฮ้!แอลลีทำอะไรสักอย่างสิ

     

                “แม่คะ หนูไปก่อนนะคะ รู้สึกไงไม่รู้บอกไม่ถูกแอลลีสันบอก ผละจากแม่ชี แล้ววิ่งลงบันใดไป เลียมตามเธอไปเช่นเคย

     

                สองพี่น้องออกมานอกโบสถ์ อย่างที่คิดไว้ ข้างนอกเต็มไปด้วยคนตายเดินปะปนกับคนเป็น

     

                “เกิดอะไรขึ้นสองพี่น้องพูดพร้อมกัน

     

                “โว่ว!ฉันเคยเห็นผีนะ แต่ไม่เคยเห็นเยอะขนาดนี้มาก่อนเลยเลียมพูด

     

                “ไปดูรอบๆกันเหอะแอลลีสันบอกน้องชาย สองพี่น้องวิ่งไปที่ลับตาคนแล้วแปลงร่างเป็นนกนางแอ่นแล้วร่อนไปเหนือเมืองทันที

     

              รอบเมืองอันหนาวเย็นเต็มไปด้วยเหล่าวิญญาณเดินเปะปะไปทั่วมากกว่าชาวบ้านเองเสียอีก แต่ทุกอย่างสงบสุขคงเป็นเพราะมนุษย์ธรรมดามองไม่เห็นวิญญาณ แต่เหตุใดถึงได้มาชุมนุมกันเยอะแบบนี้ คงเป็นเพราะเด็กผู้หญิงคนนั้น แอลลีสันมองต่ำลงไปสังเกตเด็กหญิงผมยาวสีดำอายุประมาณเจ็ดขวบที่อยู่ถัดไปจากจัตุรัสกลางเมือง เธอกำลังพูดคุยอยู่กับวิญญาณจำนวนหนึ่ง พี่น้องม๊อทโฉบลงไปเกาะที่ต้นไม้ที่มีหิมะเกาะอยู่ตามกิ่งที่อยู่ใกล้ๆเธอ หน้าตาของเธอหน้ารักตาสีฟ้าของเธอคล้ำเหมือน แจ็ค ฟรอสต์ พี่น้องม๊อทจำได้พวกเขาเคยเอาหนังสือเทพนิยายไปคืนให้เธอเมื่อสี่เดือนก่อน เธอชื่อ อะกาท่า พวกม๊อทเรียกเธอว่า แอ็กกี้ เธอเป็นเด็กที่มองเห็นคนตาย

     

                “ไม่ คุณไม่เข้าใจ หนูไม่ค่อยถูกกับคนเมืองนี้แอ็กกี้บอกกับเหล่าวิญญาณสีฟ้าอมเขียวเหมือนคนจมน้ำตาย

     

                “แต่นี่มันคือวิกฤตร้ายแรงมาก หนูคือคนเดียวที่เข้าใจว่าพวกเราพูดอะไรวิญญาณป้าแก่คนหนึ่งกล่าวกับเธออย่างเมตตา

     

                “แต่หนูเป็นแค่เด็กนะค่ะ คุณนายมอนโล หนูไม่กล้าแอ็กกี้ตอบอย่างหวาดหลัวและไม่มั่นใจ ตลอดการเจรจาเธอหลุบตาต่ำหน้าตาของเธอดูหม่นหมอง พี่น้องม๊อทอยากรู้เหลือเกินว่าพวกเธอคุยอะไรกัน ทั้งสองจึงโฉบลงมาจากต้นไม้ ลงไปบนพื้นหิมะแล้วกลับร่างเป็นภูตดังเดิม เหล่าวิญญาณและเด็กน้อยต่างตกใจและดูท่าจะวิ่งหนีพวกเธอ

     

                “เดี๋ยวอย่าพึ่งไป!เลียมร้อง พลางกางนิ้วออกห้ามทั้งหมด

     

                “ขอโทษที่ไม่มีมารยาท แต่อย่าว่าเราสองคนสะเออะเลย ขอถามหน่อย นี่มันเกิดอะไรขึ้นแอลลีสันหุบปีกภูตและถามออกมา แต่ทุกคนกลับเงียบและจ้องพวกเอตาเขม็ง แอลลีสันหน้าแตกยับเยิน

     

                “ขอโทษนะนางฟ้า คือพวกเธอสองคนเป็นใครกันจ้ะในที่สุดผีป้ามอนโลถามขึ้นเธอผายมือไปยังทั้งคู่ สองพี่น้องถลึงตาใส

     

              “ฉันไม่ใช่นางฟ้า ฉันเป็นภูตม๊อททั้งคู่ตะโกน

     

                “นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ทำไมมีพวกผีมาเดินเพ่นพ่านเยอะแบบนี่เนี่ยเลียมร้องขึ้นอย่างหมดหวัง

     

                “น้อยๆหน่อยไอหนู หัดมีสัมมาคารวะ พูดดีๆซิผีชาวนาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียว

     

                “โหผมอ่ะนะอายุร้อยสิบสองแล้วลุง ลุงไม่ต้องมาสอนผมเลยเลียมกล่าวพลางกางปีกใหญ่สีครามขู่เตือนถึงต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของเขา พวกวิญญาณพากันตกอกตกใจ แอลลีสันใช้แขนรวบปีกทั้งสี่ของน้องเธอไว้

     

                “เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีไอน้องชายมันกำลังเข้าวัยรุ่นแอลลีสันก้าวมาห้ามน้องชายของเธออย่างอับอาย

     

                “พี่อ่ะเลียมร้องอย่างอดเสียดายมิได้

     

    คือเราพิทักษ์ที่เมืองนี้อยู่ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นถึงได้วุ่นวายไปทั้งเมืองอย่างนี่ละค่ะพูดจบแต่อย่างเดิมพวกผีพากันอึ้งเงียบใส่เธอ แอลลีสันกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย

     

    แอ็กกี้!แอลลีสันร้องออกมาอย่างเหลืออด สาวน้อยสะดุ้งโหยงก้าวออกมากข้างหน้าฝูงชนที่ตายแล้ว

     

    หนูหนูก็ไม่รู้ค่ะ พวกเค้าบอกหนูว่าเรากำลังมีวิกฤตแอ็กกี้พูดอย่างไม่มั่นใจอย่างเคย

     

    วิกฤตอะไรสาวน้อยเลียมถาม อะกาท่าน้อยกลอกตาทางซ้ายทางขาวไปมาพยามหาทางออก แล้วในที่สุดเธอก็พูดขึ้น

     

    เจ้าแห่งฝันร้ายกำลังวางแผนยึดโลกกลับสู่ยุคมืดของเขา เขาส่งฝันร้ายไปทั่วทุกแห่งบนโลก แต่เพราะเมื่อคืนก่อนแซนแมนส่งทรายแห่งความฝันมากำจัดฝันร้ายจนหมด เจ้าแห่งฝันร้ายจึงวางแผนจะส่งม้าไนท์แมร์มาโจมตีเราในตอนกลางวัน ตอนที่แซนแมนไม่ได้ส่งทรายแห่งความฝันมาปกป้องเราแอ็กกี้พูดอย่างหวาดกลัว สองพี่น้องมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้ เรามีปัญหาใหญ่แล้วจริงๆ

     

    เราต้องไปบอกให้ทุกคนรู้เลียมกระซิบ

     

    ไม่ได้หรอก ไม่มีใครเชื่อพี่ เค้าจะบอกว่าพี่เป็นแม่มดหมอผีแอ็กกี้พูดด้วยเสียงสั่นๆ เหมือนกับที่เค้าบอกว่าหนูเป็นเมื่อได้ยินคำพูดที่เศร้าหมองอย่างนั้น แอลลีสันก็คุกเข่าลง วางมือขวานบไหล่ของเธอ จ้องเขาไปในดวงตาอันทุกข์ตรมของเธอ

     

    เธอไม่ใช่แม่มดสาวน้อย การที่เธอมองเห็นวิญญาณคือพรสวรรค์ของเธอ

     

    แต่ทุกคนกลัวหนู ไม่มีเด็กคนไหนเล่นกับหนู หนู ทรมานเหลือเกินแอ็กกี้สะอื้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใครๆก็รู้ พี่น้องม๊อทเองก็ด้วย อะกาท่าเกิดมาพร้อมกับความแตกต่าง มันทำให้คนกลัวสิ่งที่เธอมี กลัวสิ่งที่เธอทำ เธอโดดเดี่ยวมานานมากสำหรับมนุษย์ เด็กๆในเมืองเกลียดเธอ ไม่มีใครคุยกับเธอ ถึงมีก็น้อยมาก

     

    แล้วไงล่ะจ้ะ ใครจะแคร์ ในเมื่อหนูพูดความจริง หนูไม่ได้โกหกเหมือนพวกที่อ้างว่าตัวเองเห็นเหมือนสิบแปดมงกฎบางคนป้ามอนโลปลอบเธอ

     

    ทันใดท้องฟ้าก็มืดมน แต่ไม่ได้เป็นเพราะเมฆ มันเป็นเพราะทรายสีดำที่หมุนวนไปรอบราวกับภายุใต้ฝุ่น ทั้งเมืองจับตามองกลุ่มทรายขนาดยักษ์ แอลลีสันมองมันตาไม่ขยับ การเตือนนี้สายไปแล้ว

     

    หนี…”เธอกระซิบ แต่เมื่อทุกอย่างยังนิ่งอยู่เธอก็เริ่มขึ้นเสียง หนีๆๆๆ ไป ไปกันได้แล้วเมื่อได้ยินดังนั้น ทั้งกลุ่มจึงวิ่งเข้าหาที่ปลอดภัย ในเวลาแบบนี้ไม่มีอะไรให้คิด ม๊อทไม่เคยสู้กับทรายแห่งฝันร้ายมหาสารแบบนี้มาก่อนในรอบร้อยปี แต่ตอนนี้เธอเผชิญหน้าอยู่กับมันเพียงแค่สองพี่น้อง โดยปราศจาก แจ็ค ฟรอสต์ หรือผู้ช่วยเหลือใดๆ




    © themy�butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×