คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ภูตผู้พิทักษ์
ภูตผู้พิทักษ์
ในความมืดของมุมมืดใต้พื้นโลก อาณาจักรไร้ชีวิตที่มีเพียงซากปรักหักพังของเหล่าสถาปัตยกรรมโบราณตั้งตระหง่านปราศจากวิญญาณอยู่ในเงาของโลก มีเพียงแสงริบหรี่ของดวงจันทร์ยามค่ำคืนที่ลอดผ่านรูเล็กๆจากปฐพีเบื้องบนที่เป็นประทีปส่องในเห็นภูมิประเทศและเมืองที่ไร้ชีวิต แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ไร้สิ่งลี้ลับ…
“ไงเพื่อน”เสียงแหบห้าวดังขึ้นในความมืด “เราไม่ได้เจอกันนานมาก…จำได้มั้ย”แล้วเขาก็เผยตัวตนของตนออกมาจากเงาอันดำมืดของโลก เขาเป็นผู้ชายวัยประมาณสามสิบปี ตัวผอมและสูงผิดปกติผิวกายของเขาเป็นสีเทา ใบหน้าของเขาหดหู่ โหนกแก้มเว้าตอบ และที่เด่นที่สุดคือดวงตาคมสีเหลืองเหมือนสัตว์ป่า ผมสีดำของเขาลู่ไปข้างหลังเหมือนถูกลมเป่า เขาสวมชุดยาวสีดำหลวมๆและสวมเครื่องประดับแผ่นเรียบๆสีทองไว้ที่คอและข้อมือทั้งสอง
ชายชุดดำย่างกรายอาดๆเขามาหาแสงจันทร์ เขากางแขนออกทั้งสองข้างรับรัศมีแสง เขาหัวเราะแหบๆให้ดวงจันทร์ แต่เมื่อเดินจนมาจนถึงจุดที่มองเห็นดวงจันทร์สีฟ้าเรือง จากตรงนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนจากรอยยิ้มเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความแค้น
“จำได้มั้ย นานมากตั้งแต่พวกขังเจ้าไว้ในความมืดใต้โลก!”เขาตะโกนใส่ดวงจันทร์ด้วยโทสะ “มั่นใจนักมั่นใจหนาว่าสิ่งที่ข้าทำมันผิด…มันผิดยังไง”เขาถามดวงจันทร์ท่าทางของเขาดูสงบลง เขาผายมือออกทั้งสองข้างพลางมองไปบนฝากฟ้าอย่างเพ้อฝัน ราวกับจะเอื้อมแขนไปโอบกอดดวงจันทร์
“อย่ามองข้าอย่างงั้น”เขาพูดเสียงนุ่ม “เจ้าก็รู้ ข้ามีหน้าที่ต้องทำ…แต่ในโอกาสอันเหมาะสมนี้ ข้าอยากจะเซอร์ไพร์สให้โลกรู้ว่าข้ากลับมา”เขากล่าวกับดวงจันทร์ แล้วแย้มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ลมภายุที่มองไม่เห็นก็ก่อตัวขึ้นพัดไปรอบด้านจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั้งเมืองใต้ดิน ทรายสีดำที่มีอยู่ทุกที่ราวหมาสมุทรพัดหมุนวนและเริ่มก่อตัวเป็นมาสีดำนับแสนๆตัวท่าทางของพวกมันดุร้ายเสียงกรีดร้องน่าสยดสยองของมันกึกก้องทุกอณูอากาศ พวกมันย่างกรายราวกับผีที่ลุกขึ้นมาจากหลุม บางตัวผอมเหลือแต่กระดูกบางตัวดีดไปมาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันก้าวมาหาชายชุดดำ บางตัวที่อยู่บนที่สูงก็ไหลลงมาด้วยรูปร่างทรายของมันแล้วก่อตัวเป็นม้าอีกรอบเมื่อมันถึงพื้น ย้ำเตือนให้รู้ว่าต้นกำเนิดของพวกมันคือทรายสีดำทมิฬ
“ดูไนท์แมร์ที่น่ารักของข้าสิ มันพร้อมจะโปรยฝันร้ายไปทั่วโลก เจ้าไม่รู้หรอกว่าพวกมันหิวความกลัวมากแค่ไหน”เขาพึมพำขณะลูบม้าไนท์แมร์ตัวหนึ่งอย่างอ่อนโยน “หมดเวลานิทานก่อนนอนแห่งความสุขของท่านแล้ว…ชายจากดวงจันทร์ ข้าจะพากองทัพฝันร้ายของข้าไปทวงสิ่งที่ข้าควรจะได้คืน ความถูกต้องของข้า สิทธิของข้า โลกใบนี้ที่มันเป็นของข้า ท่านหยุดข้าไม่ได้”เจ้าแห่งฝันร้ายกล่าวกับดวงจันทร์ แต่ดวงจันทร์กลับหากลัวไม่ จันทรากลับสาดแสงแรงกล้าขึ้น ชายชุดดำชะงัก ย่นหน้าด้วยความโมโห แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนผ่านไปพักหนึ่งราวกับเขากำลังเงี่ยหูฝังเสียงของจันทร์ แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ
“หมายความว่ายังไง”เขากระซิบกับตัวเอง ม้าปีศาจรอบๆตัวเขาเริ่มปั่นป่วน “เจ้าสร้างอะไรขึ้นมาเจ้ารู้ตัวมั้ย”แต่เขาก็ยิ้มออกมาบางๆหรี่ตามองดวงจันทร์ “ไม่เป็นไร แล้วเจ้าจะเสียใจที่ทำลงไป จะเป็นยังไงนะข้าขาจะเอาสิ่งที่เจ้าอุสส่าห์สร้างมาเป็นกองทัพของข้า”เขาพูดกับดวงจันทร์ ม้าทุกตัวเริ่มกู่ร้องตอบรับดังกึกก้อง เขายกมือขึ้นห้ามเสียงเมื่อทุกอย่างเงียบลงชายชุดดำก็เริ่มออกคำสั่ง
“เอาล่ะ แยกเป็นสองกลุ่ม ไปทางด้านที่เป็นกลางคืนบนโลก กลุ่มหนึ่งไปทางเหนือ อีกกลุ่มลงใต้” เขาแสยะยิ้ม “ชายจากดวงจันทร์สร้างสิ่งดีๆขึ้นมา เอาล่ะเราจะไปหา แจ็ค ฟรอสต์ กัน”
….
งานเลี้ยงของหมู่บ้านข้างๆเลิกแล้วเช่นเดียวกับในเมืองนี้ที่กลายเป็นยามดึกสงัดผู้คนต่างหลับใหลในบ้านอบอุ่น กำแพงอิฐต้านอากาศหนาวเหน็บที่พัดมาจากป่าทมิฬ กองไฟที่ลุกโชนอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ ดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นและจะตั้งฉากกับโลกเป็นเที่ยงคืนในอีกไม่นาน ในขณะที่ชาวบ้านย่างเข้าสู่ห่วงนิทราลึก พี่น้องม๊อทไม่ได้สนุกกับความฝัน ถึงเวลางานของพวกเธอแล้ว แอลลีสันลืมตาตื่น ตามด้วยน้องของเธอ ทั้งสองมองหน้ากัน จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียงมองไปรอบๆ แม่ชีนอนหลับอยู่ ดูท่าทางจะหลับสนิท เมื่อเห็นอย่างนั้นพวกเธอทั้งสองปั้นผ้าห่มและจัดหมอนไว้บนเตียงคล้ายคนนอนอยู่ เพื่อไม่ให้แม่ชีตื่นขึ้นมาและรู้ว่าพวกเธอหายไป เลียมมองออกไปนอกหน้าต่างที่เกล็ดน้ำแข็งจับ
“เยี่ยม หิมะไม่ตก”เขากระซิบ
“เฮ้! ชูวว์...เงียบ”แอลลีสันเตือน จากนั้นเธอก็หมุนตัวบนส้นเท้าและกลายร่างเป็นกระรอกสีดำ เลียมยักไหล่และทำเช่นเดียวกัน พวกเธอปีนจากไม้กวาดที่พิงผนังอยู่ขึ้นไปบนชั้นวางของและกระโดดไปเกาะคานไม้และคลานไปอยูใต้หลังคา กระรอกแอลลีเหลียวหลังมามองว่าน้องตามเธอทันรึเปล่า…จากนั้นก็ไปต่อ เธอเบียดตัวผ่านรูเล็กๆออกไปเจอโลกภายนอก อากาศหนาวปะทะหน้าของเธอ แอลีสันปีนขึ้นไปบนหลังคา เลียมตามไปติดๆ พวกเธอกลับคืนร่างเป็นเด็กมนุษย์
“งั้นวันนี้เริ่มทำงานจากทางทิศตะวันออกเลียบไปทางทิศเหนือของเขตเมืองแล้วกัน พี่ว่าดีมั้ย”เลียมพูด
“โอ้ว! แน่นอน”แอลลีสันเห็นด้วย แต่เธอไม่ได้ตั้งใจฟัง เธอจ้องที่ดวงจันทร์นวนผ่อง เธอรู้สึกแปลกๆ มีอะไรบางอย่างผิดปกติ เกิดอะไรขึ้น! เธอไม่แน่ใจ...เธอรู้สึกดีและรู้สึกหวาดกลัวในคราวเดียวกัน เหมือนดวงจันทร์เตือนเธอ สังหรณ์บอกเธอว่าคืนนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากล
“ไปเหอะ”เสียงของน้องชายปลุกเธอจากภวังค์
“ได้”เธอตอบ
ทันใด ปีกแมลงปอสีน้ำเงินใสยาวกว่าตัวของแอลลีเองสองเท่าก็งอกออกมาจากหลังของเธอเวทย์มนต์นั้นไม่ทำให้เสื้อที่ใส่เสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว เลียมก็งอกปีกออกมาเช่นกันแต่มันเป็นสีอ่อนกว่าของแอลลีสันเล็กน้อยและยาวเป็นสองเท่าของตัวเขา บัดนี้พี่น้องกลับสู่ความเป็นภูตอีกครั้ง นัยน์ตาของพวกเขาขยายรับแสง หูของพวกเขาแหลมขึ้น สองพี่น้องกระพือปีกอย่างแรงและโผขึ้นไปบนฝากฟ้ายามราตรีอย่างรวดเร็วราวกับลูกธนูถูกยิงจากคันศรที่โก่งเต็มที่ ลอยไปในสายลม อิสรเสรีและหัวใจพองโต ล่องไปกับเกล็ดหิมะ ผ่านยอดคูหาและบินขึ้นไปจนมองเห็นได้ทั้งเมือง วิวของเมืองไม่ได้สวยเลย มืดมิด แต่คืนนี้มันดูดีขึ้นเพราะแสงจันทร์ เมื่อบินขึ้นไปได้สูงเต็มที่ เลียมโห่ร้องออกมาด้วยความคึกคะนอง เช่นเดียวกับแอลลีสัน เธอก็ทำด้วย เธอบินควงสว่านด้วยความร่าเริง
“แบบนี้ผมก็ทำได้”เลียมควงสว่านอย่างสวยงามกลางอากาศให้ดู แอลลีเลิกคิ้วยิ้มเยาะ เธอมองไปรอบๆ เธอเห็นอาคารที่หนึ่งมีทางเชื่อมเหมือนสะพานมีหลังคาแคบๆกว้างไม่เกินห้าฟุต เธอชอบความเสี่ยงอยู่แล้ว แอลลีสันไม่รอช้า เธอบินด้วยความเร็วสูงสุด เธอกำลังจะพุ่งชนสะพาน! ชั่วเสี้ยววินาที่ภูตสาวเหวี่ยงตัวหุบปีกดีดตัวเข้าช่องที่เล็กเพียงปล่องไฟ พริบตา เธอก็เลี้ยวลัดฉวัดเฉวียนร่อนผ่านทางเชื่อมได้อย่าง่ายดาย
“โว้ว!”เลียมกู่ร้อง ชั่วเสี้ยวความคิด พี่ของเขาก็มาอยู่ข้างหลังเข้าตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้สร้างความประหลาดใจให้กับเลียม “โอ้ เฮ้!”เขาร้อง
“ลืมไปแล้วเหรอว่าพี่คือภูตที่บินได้เยี่ยมที่สุดในโลก”แอลลีสันอวดตัวเอง
“อ๋อ…เหรอ”เลียมเลิกคิ้วไม่อยากเชื่อ “พิสูจน์สิ”เลียมท้า
“อ่ะๆอ้า…อย่าลืมเรามีงานต้องทำ”แอลลีสันเตือน หมุนข้อมือไปในอากาศ ธาตุต่างๆรวมตัวกันจนปรากกฎกระสอบผ้าสีแดงสลักลายของไม้เลื้อยสีขาววนไปรอบๆเลื้อยไปจนถึงปากกระสอบและก้านที่เหลือของมันมัดปากกระสอบไว้ แอลลีสันยื่นมันไปข้างหน้าของน้องเธอ
“อย่าปอดน่า มา...มาแข่งกัน”เลียมยังตื้อไม่เลิก
“มีหัวคิดหน่อย อีกแปดชั่งโมงจะเช้า เรายังไม่ได้เริ่มงานเลย”เธอไม่รอให้น้องเธอค้าน “เอาล่ะพวก หาของหาย ทิศเหนือถึงทิศตะวันออก”แอลลีสันกระซิบกับกระสอบ ของภายในนั้นดูเหมือนจะตอบรับกับเสียงของเธอ มันเรืองแสงออกมาอ่อนๆ จากนั้นพวกเธอก็บินไปทางทิศตะวันออก พวกม๊อทลงแตะพื้นอย่างบางเบา แอลลีเทกระสอบออก ลูกแก้วเรืองแสงลูกเล็กๆนับร้อยลูกไหลออกมา สิบกว่าลูกกลิ้งไปเรื่อยเปื่อยตามทางของมัน ที่เหลือก็หยุดอยู่กับที่ แอลลีสันเก็บที่เหลือเข้ากระสอบ จากนั้นก็กระซิบกับมันว่า ‘ซ่อน’ กระสอบก็พลันหายไปในอากาศ
“แยกกัน แล้วไปเจอกันที่หน้าโบสถ์ก่อนอาทิตย์ขึ้น”แอลีสันพูด สองพี่น้องแยกกัน แอลลีบินสูงขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ เธอเห็นแสงริบหรี่ของลูกแก้วตามซอกหลืบมืดดำจากมุมสูง เธอบินเข้าไปดู เมื่อเท้าแตะพื้นแล้วปีกก็หายไปจากหลังของเธอ ลูกแก้วอยู่นั่นเอง เธอหยิบมันขึ้นมาดู บนนั้นมีตัวหนังสือเขียนบนลูกแล้วว่า ของเจมส์:ถนนเลค ตรอกที่สี่ 312 เธอหยิบขึ้นมามองและยิ้มให้มัน เธอใช้เท้าเขี่ยหิมะที่พื้นออกและเธอก็พบถุงมือหนังข้างหนึ่ง เธอหยิบมันขึ้นมาปัดและพินิจมันครู่หนึ่ง จากนั้นแอลลิสันก็เนรมิตปีกแมลงปอของเธอออกมาและบินออกไป เมื่อถึงจุดหนึ่งแอลีก็โฉบลงมาใกล้กับบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง เธอโฉบลงมาที่ประตูบ้านเลขที่312 ต่อมาเธอก็เอาถุงมือสวมไว้ที่ลูกบิดประตูแล้วจากไป
เธอลอยขึ้น แอลีสันหยุดที่หน้าต่าง เด็กน้อยกำลังนอนหลับอยู่ข้างๆแม่ของเขา เป็นภาพที่แสนสุข แต่ทันใดแอลลีสันก็รู้สึกเหมือนมีอะไรโฉบผ่านเธอไป ด้วยความตกใจแอลลีสันเหลียวหลังไปดูเดี๋ยวนั้น ที่เธอมองเห็นคือความมืดและความว่างเปล่า เธอว่าคงเป็นเสียงลมแอลลีสันจึงไม่สนใจ แต่วูบเดียวมีอะไรบางอย่างพุ่งมาอีกครั้งแต่มันไม่ได้โฉบเธอ มันชนเธอเข้าอย่างจังเหมือนตั้งใจ ทำให้เธอกระเด็นไปไกลจนตกลงไปบนพื้น เธอโกรธและเจ็บมากเธอยันตัวขึ้นนั่งเอามือลูบไปที่หัวและสีข้างที่ระบม เธอเดาว่าเป็นน้องเธอแต่น้องเธอไม่เคยเล่นแรงแบบนี้ เธอเงยหน้าขึ้นมองด้วยตาที่วาวโรจน์ สิ่งพวกนั้นทำให้ แอลีสัน ม๊อท ถึงกับหยุดหายใจ
มันเป็นม้าสีดำนับสิบตัว ตาของพวกมันเป็นสีเหลืองวาวเหมือนกระจก รูปร่างของมันไม่เรียบสวยสง่าเหมือนม้าปกติเหมือนกับว่ามันถูกสร้างขึ้นมาจากทราย พวกมันล้อมเธอไว้ราวกับจะกระโดดเข้าขย้ำเธอหากมีโอกาส บางตัวพ้นลมหายใจกลิ่นความกลัวใส่เธอ แอลลีสันเข้าตาจน เธอค่อยๆลุกขึ้นช้าๆช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ พวกมันยังมองเธออยู่นิ่งๆ แอลีสันใช้จังหวะนั้นในการหนีเอาตัวรอด เธอบินอย่างรวดเร็วขึ้นไปบนฟ้าชั่วพริบตาเธอก็ทิ้งห่างพวกมันไปได้ไกล แต่พวกมันก็ตามเธอมาด้วยความเร็วที่สูสี
“เลียม! เลียมเธออยู่ไหน”แอลลีสันตะโกนแต่ก็ต้องเอามือปิดปากเมื่อบ้านแต่ละหลังเริ่มเปิดไฟและชาวบ้านเปิดหน้าต่างออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แอลลีสันเบรกเอี๊ยดและโผขึ้นไปบนฟ้าเร็วปานลมกรดม้าสีดำทั้งฝูงตามเธอมาอย่างไม่ลดละ เธอบินเรื่อยไปจนเธอเริ่มรู้สึกถึงเมฆรอบๆตัวเธอ กว่าพวกม้าปีศาจจะตามมาถึงในเสี้ยววินาทีก็พอมีเวลาในแอลลีสันมองว่าน้องเธออยู่ที่ไหน เธอกลายร่างเป็นเหยี่ยวสีดำและเริ่มมองหาด้วยตาของสัตว์ที่ตาไวที่สุดในโลก นั่นไง! น้องของเธออยู่ทางหอระฆังลังโดนไล่ล่าเช่นเดียวกับเธอ เหยี่ยวแอลลีสันไม่รอช้า เธอพับปีกเริ่มการดิ่งสู่พสุธา การแปลงร่างเป็นเหยี่ยวนั้นตบตาพวกม้าไม่ได้…มันได้กลิ่นเธอ พวกมันเริ่มดิ่งเร็วพอๆกับเธอ แอลลีไม่มีทางเลือก ต้องวัดเอาวินาทีที่หวาดเสียวสุดท้าย
น้องของเธออยู่ต่ำลงไปไม่เกินร้อยสิบฟุต เลียมกำลังเข้าตาจนพวกม้าล้อมเขาไว้มากกว่าที่ล้อมเธอเสียอีก ห้าสิบฟุตสุดท้ายแอลลีสันตัดสินใจกลับคือร่างเป็นภูตแต่เธอยังดิ่งไม่หยุด ลมเสียดสีกับหูของเธอดังดั่งคลื่นกระทบฝัง เพียงชั่วเสี่ยวความคิดแอลลีสันอ้าแขนคว้าน้องของเธอบินตรงไปยังช่องว่างที่กว้างไม่ถึงหกฟุตระหว่างกำแพงหินกับระฆัง ตรงนั้น!เป็นความเร็วที่เหลือเชื่อเธอเก็บปีกกอดเลียมไว้แน่นใช้ความเร็วดีดเธอผ่านช่องแคบได้อย่างหวุดหวิด พวกม้าที่ตามบางตัวหยุดไม่ทันและชนเข้ากับกำแพงหินจนแตกเป็นฝุ่นทรายสีดำปลิวหายไปในอากาศ
“แอลลี!”เลียมร้อง แอลลีสันปล่อยเขาให้บินได้ตามปกติขณะอยู่บนฟ้า “นั่นมันบ้าอะไร”เขาถามเร็วจี๋
“โอ๊ย! อย่าพึ่งถาม หนีก่อน”เธอตะโกนแข่งกับลม
“เอางี้!”เลียมบอก เขาหันหลังกลับไปหาพวกม้าและบินเข้าหาพวกมัน แอลลีสันห้ามน้องเธอไม่ทัน เขาแปลงร่างเป็นนกอีนทรียักษ์สีทองและโฉบไปหาม้าทมิฬที่ใกล้ที่สุด เจ้าม้าอ้าปากที่มีฟันแหลมเลียงเป็นตับรอรับ นกอินทรีเบี่ยงตัวหลบและชนม้าอีกตัวที่พุ่งมาอย่างจัง ม้าตัวแตกละเอียดแต่เลียมกำลังล่วงลงไปสู่ป่าข้างล่าง แอลลีสันบินไปอุ้มเขาก่อนแต่ด้วยน้ำหนักที่เธอแบกไม่ไหว แอลีสันล่วงปะทะกิ่งสนหักเป็นทางจนกว่าจะถึงพื้นที่เป็นหิมะ เมื่อทั้งคู่ตกถึงพื้นแอลลีสันกระแทกพื้นและกระเด็นไปไกลจากน้องของเธอ เลียมตื่นขึ้น กลับคืนร่าง ทันใดอยู่ดีๆเขาก็เบิกตาโพลงแล้วร้องด้วยความเจ็บปวดเสียงดังก้องไปทั่วป่า นกบางตัวตกใจตื่นจนตกจากกิ่งไม้
“เจ็บเป็นบ้า! มีอะไรหักมั้ยเนี่ย”เขาร้อง เอามือคลำไปทั้งตัว
“ไม่ตายก็บุญจะแย่แล้วไอ้เกรียน”แอลลีสันบอก และมองไปรอบๆป่าที่มีแต่ความมืดชวนขนหัวลุก เธอเดินไปหยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งให้ตัวเองและอีกท่อนหนึ่งให้เลียม
“เราต้องหาที่ซ่อน”แอลลีสันบอก เลียมเบ้หน้าใส่เธอ “เดี๋ยว…”ไม่ทันพูดจบ สองพี่น้องม๊อทก็ชะงักนิ่ง พวกเขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างย่ำหิมะมา ทั้งคู่หยุดหายใจไม่ขยับตัวแม้แต่นิ้วเดียว
สิ่งที่ออกมาจากความมืดคือ เด็กชายวัยรุ่นตัวบางสูงผิวซีดเหมือนศพ ตาสีฟ้า ผมสีหิมะ หน้าตาของเขาดูดีจนหล่อถ้าไม่ติดรอบดวงตาที่คล้ำเหมือนผีดิบ ปากของเขาแห้งแตกและเป็นสีออกม่วงเหมือนคนจมน้ำตาย เขาสวมเสื้อผ้าที่มีแต่น้ำแข็งเกาะ เขาเหมือนผีที่ลุกขึ้นมาจากหลุม เมื่อเขาก้าวมาใกล้ๆก็ทำให้พวกเธอรู้ว่าเขาคือใคร
“แจ็ค!”เลียมร้องเสียงแผ่ว แอลลีสันทำตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ “แจ็ค ฟรอสต์”
“เดี๋ยวก่อนนะ”แจ็ค ฟรอสต์ พูดอย่างสงสัย “เธอ…เธอเรียกฉัน”เขาชี้ที่ตัวเอง เขาสะอื้นเฮือกใหญ่ แล้วยิ้มออกมา ฟันของเขาขาวราวหิมะตกใหม่ “เธอมองเห็นฉัน ฉันน่ะ...นึกๆนึกว่าไม่มีใครมองเห็นฉัน”เขาเริ่มพูดติดอ่างด้วยความตื่นเต้น แอลลีสันแปลกใจกับท่าทางของเขาและพึ่งสังเกตว่าเขาถือไม้เท้าที่น้ำแข็งจับอยู่ด้วย
“แจ็ค เกิดอะไรขึ้นกับพี่ ผมของพี่ ดูหน้าพี่สิ ยังกับศพ”เลียมถาม
“เกิดอะไรขึ้น อ้อ…ฉันหมายความว่าเรารู้จักกันเหรอ”เขาพูดขึ้นสำเนียงสก๊อตของฟังดูแปลกไป แอลลีสันกับเลียมมองหน้ากันอย่างงงๆ
“เอ่อเรื่องนั้นเอาไว้คุยกันทีหลัง เรากำลังโดนม้าบ้าไล่ล่า”แอลลีสันบอก เธอมองหน้าแจ็คที่เงียบไป เขาไม่ได้มองเธอเวลาพูดด้วยเขามองบางอย่างที่อยู่ข้างหลังพวกเธอ ตาสีฟ้าของเขาเบิกโตราวเจอผี แอลลีสันไม่อยากเดาเลยว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังพวกเธอ
“เอ่อ ไอ้ม้าเนี้ยพวกนี้รึเปล่า”แจ็คถามพลางชี้นิ้วไปข้างหลังสองพี่น้อง แอลีสันและเลียมไหวตัวเข้าหาแจ็คตั้งท่าเตรียมประจัญบาน ไนท์แมร์ประมาณสิบห้าตัวสีดำราวกับรัตติกาลของวันสิ้นโลก ทะมึนดั่งปีศาจที่คืนชีพขึ้นมาจากความตาย มันโหยหากลิ่นของความกลัวเหมือนสุนัขป่าล่าเนื้อกระหายเลือด แจ็คกระชับไม้เท้าท่าทางตื่นตกใจกับท่ารับมือของสองพี่น้อง
ม้าตัวหนึ่งร้องอย่างบ้าคลั่งและกระโจนเข้าใส่ทั้งกลุ่ม แอลลีสันยกท่อนไม้ขึ้นฟาดจนม้าตัวแตกเป็นผงเช่นเดียวกับไม้ของเธอที่แตกละเอียด โดยไม่ต้องเอ่ยวาจาเลียมน้องชายของเธอโยนไม้ให้เธออย่างรู้ทัน แอลลีสันรับไม้ไปฟาดตัวต่อไปอย่างห้าวหาญ การจู่โจมของม้าเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตัวแล้วตัวเล่ากระโจนเข้าหาพวกเขา เลียมกลายร่างเป็นสิงโตตัวใหญ่มหึมาคำรามดั่งเหมือนเสียงฟ้าร้องในคืนภายุฝนฟ้าคะนอง เขาเข้าฉีกกัดและตะปบม้าจนทรายกองใหญ่หล่นลงมาและม้าทั้งตัวสลายไปในที่สุด แต่เมื่อสิงห์ใหญ่หันกลับมาก็ถูกอาชาสีดำอีกตัวแตะเต็มแรงจนกระเด็นไปไกล เจ้าสิงห์ครางโอดโอยและเมื่อตั้งสติได้ก็รู้ว่าตนเองอยู่ในวงล้อมของไนท์แมร์สามตัวเสียแล้ว ในชั่วเสี้ยววินาที แจ็ค ฟรอสต์ ตวัดไม้เท้าของตน ประกายแสงสีฟ้าและน้ำแข็งก็พุ่งจับม้าทั้งสามตรึงไว้อยู่กับที่ และเขาก็กระโจนมาใช้ไม้เท้าฟาดม้าทั้งสามจนแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างรวดเร็วจนตาแทบมองเขาไม่ทัน เลียมกลับคืนร่างเป็นคนอีกครั้ง
“นายทำอย่างนั้นได้ยังไง”เลียมชี้ไปที่ไม้เท้าอย่างอยากรู้อยากเห็น
“ไม่รู้ดิ เจ๋งป้ะล่ะ”แจ็คพูดอย่างโอ้อวด
“ขอยืมไปเล่นที่บ้านได้ป่ะ”เลียมร้อง
ไม่ทันที่แจ็คจะได้ตอบม้าสีดำก็พุ่งเข้าชนแจ็คลอยไปชนต้นไม้ เขาไออย่างแรงขณะที่หิมะก้อนโตที่อยู่บนกิ่งไม้พากันหล่นลงมาใส่เขา แอลลีสันโผขึ้นขี่ม้าตัวนั้นไว้ แต่เมื่อเธอสัมผัสมันทรายสีดำแห่งฝันร้ายก็ค่อยเลื้อยขึ้นมาบนมือเธอ มันทำให้เธอรู้สึกขยักแขยงและยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกถึงความกลัวจนเธอคลื่นไส้อยากจะอ้วก แอลลีสันสะบัดมือหนีและใช้มือทั้งสองควักตาของม้าผี มันร้องด้วยความเจ็บปวดจนปล่อยให้แจ็คกลิ้งหนีออกมาจากระยะโจมตีและฝาดไม้เท้าใส่ขาทั้งสี่ในจังหวะเดียวกับที่แอลลีสันกระโดดออกและใช้เท้าถีบมันไปชนกับต้นไม้จนเป็นผงอย่างหวุดหวิด การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆจนไม่เหลือม้าสักตัว มีเพียงฝุ่นสีดำบนหิมะสีขาว
แต่มันไม่ได้จบลงที่ชัยชนะ ม้าผีที่คิดว่าน่าจะเหลือแค่ฝุ่น กลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาโดยที่เวทย์มนต์ชั่วในอากาศได้ก่อเกิดร่างกายสีดำของมันขึ้นมาใหม่ และในตอนที่ต่อสู้อยู่ พวกเขากลับไม่ได้สนใจเศษดินเศษฝุ่นสีดำที่ปลิวไปรอบตัว ตอนนี้ทรายที่อยู่รอบๆตัวของทุกคนกลับคืนชีพขึ้นมา พี่น้องม๊อทและแจ็คโดนพวกมันล้อมไว้ระยะเผาขน ทั้งหมดทำอะไรไม่ถูก ไม่มีแผน ไม่มีทางหนี ไม่มีทางชนะ
แต่ยังมีความหวัง ชั่วพริบตาสองพี่น้องงอกปีกใสออกมาและโดยไม่ได้ให้สัญญาณทั้งคู่ก็ฉุดแจ็คโผขึ้นไปบนฟ้าอันหนาวเหน็บ เมื่อเป็นดังนั้นพวกม้ากลายเป็นทอนาโดทรายสีดำทะมึนไล่พวกเขาไปติดๆ
“ตัวนายเบาเหมือนนุ่นเลยแจ็ค”เลียมร้องแข่งกับลมออกมาด้วยความตกใจ แอลลีสันเห็นด้วยกับน้องชายของเธอ
“เอาลงเลยนะ!”แจ็คร้องขณะดิ้นรนให้หลุดจากสองพี่น้อง “ลม ลม!”แจ็คตะโกนขณะห้อยต่องแต่งโดยมีภูตทั้งสองจับต้นแขนไว้แน่น
ทันใดนั้น สายลมแรงพร้อมกับหิมะตามที่แจ็คเรียกก็พัดเขาหลุดมือของสองพี่น้องไปอย่างปาฏิหาริย์ เขาเหาะอยู่บนฟ้าราวกับเขาเป็นอากาศธาตุไร้น้ำหนัก สองพี่น้องบินมาหาเขาด้วยความตกใจ
“โว้ว!แจ็ค ฉัน ฉันบอกไม่ถูก นายบินได้ นายคือ…”เลียมอ้ำอึ้งด้วยความตื่นเต้น แอลลีสันยิ้มออกมาบางๆอย่างลิงโลด
แต่แล้วใบหน้าแอลลีสันก็เปลี่ยนไปเป็นหวาดกลัว เธอจับแขนของเลียมกับแจ็คและหมุนตัวเหวี่ยงทั้งสองออกไปเธอหุบปีกทิ้งตัวเองลงจากอากาศหนีจากการชนของฝูงทรายมรณะอย่างฉิวเฉียดราวสายฟ้า เมื่อแอลลีสันหยุดดิ่งและบินต่อมีม้าอีกหลายสิบตัวตามเธอมาอย่างเกรี้ยวโกรธ ตาของพวกมันเรืองแสงสีเหลืองเหมือนแสงตะเกียงฝักทอง แอลลีสันได้แต่บินหลบจ้าละวันแต่เธอหลบตลอดไปไม่ได้ ในที่สุดเธอก็พุ่งถอยหลังไปชนกับม้าตัวหนึ่งที่โฉบผ่านมา เธอหล่นทะลุตัวของมัน เกล็ดทรายคมๆกรีดผิวของเธออย่างเจ็บแสบการชนทำให้เธอรู้สึกจุกเหมือนฟาดตัวเองลงบนพื้นน้ำแข็งด้วยหลัง เธอแถบขยับตัวไม่ได้เลียมรีบบินมาพยุงเธอไว้แต่เธอยังหนักอยู่ดีสำหรับเขาและแจ็คจึงมารับเธอไปอุ้มไว้แทน พวกเขาจนมุมรอบตัวเต็มไปด้วยความหายนะ
“พี่ฮะผมกลัว”เลียมกระซิบ แจ็คหันมามองเลียมสายตาของเขาแสดงถึงความคุ้นเคยชั่วครู่แล้วหายไป
“พี่ก็กลัว”แอลลีสันกระซิบตอบ เธอมองตาของแจ็ค ตัวของเขาเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง“แจ็ค ฟรอสต์ เมื่อกี้เธอถามว่าเรารู้จักกันรึเปล่าใช่มั้ย ฉันชื่อว่า แอลลีสัน ม๊อท นั่นน้องชายฉัน เลียม ม๊อท เราคือภูตพิทักษ์ความสัมพันธ์ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ราวกับฟ้ามีตา ทันใดแสงสว่างสีทองราวกับแสงตะวันก็โปรยปราบไปทั่วท้องฟ้า ทรายสีทองทอประกายหลั่งไหลลงมาจากฝากฟ้านับล้านๆสาย หลายแสนสายไหลลงไปจนถึงพื้นดินและไหลไปตามบ้านเรือนส่องแสงสว่างไปตามถนน สวยงามราวกับสรวงสวรรณ์เลยทีเดียว
“นั่นมัน ทรายความฝันของมนุษย์ทราย”เลียมร้องออกมาด้วยความหวัง แอลลีสันขอให้แจ็คปล่อยเธอลงและเธอขอบคุณเขา
ทรายหลายพันสายล้อมพวกเธอและฝูงม้าไว้ พวกม้าเริ่มตื่นตระหนกราวกับว่ามันกำลังกลัว ทรายเล็กๆสายหนึ่งไหลเอื่อยๆส่องแสงริบหรี่เลื้อยไปเรื่อยเปื่อยเหมือนงู ม้าสีดำต่างหลบทรายสายนั้นกันอย่างวุ่นวาย แต่ไม่ทันไรม้าตัวหนึ่งที่โชคร้ายถูกทรายสัมผัส ทันใดทรายก็ไหลเข้าไปในตัวมันและลามไปทั่วตัวม้าในไม่กี่วินาทีกายแผ่กระจายเร็วราวกับการเทสีลงไปในน้ำ ม้าตัวนั้นกระโดดไปมาอย่างทรมานจนในที่สุดทั้งตัวของเจ้าม้าถูกทรายสีทองกัดกินทรายสีดำทุดเม็ด ม้าปีศาจดำกลายเป็นพีกาซัดสีทองกระพือปีกอย่างสง่างามราวกระโดดออกมาจากความฝัน พีกาซัดบินไปชนกับม้าดำอีกตัวหนึ่ง ทรายสีทองทำเช่นเดียวกันโดยการเปลี่ยนมันกลายเป็นกระเบนราหูตัวใหญ่มหึมาสีทองสว่างสดใส การเปลี่ยนแปลงแพร่ไปอย่างรวดเร็วเหมือนเวทย์มนต์ของแสงยามเช้าที่ขับไล่ฝันร้ายยามราตรี
“นี่มันอะไรกัน”แจ็คกระซิบตาสีฟ้าของเขาเป็นประกายสะท้อนกับแสงของทรายแห่งความฝัน เขาเอื้อมมือไปสัมผัสมันอย่างเบามือ ทันทีที่เตะมันฝูงผีเสื้อสีทองก็กรูกันบินบินออกมาปลายนิ้วของเขาราวดอกไม้ไฟที่พุ่งขึ้นไปบนฟ้า แจ็คหัวเราะชอบใจและหายใจรัวๆด้วยความตื่นเต้น
“แซนแมน มนุษย์ทรายแห่งความฝัน เขาโปรยความฝันตรงเวลาทุกวัน เราโชคดีมากเลย มันทันเวลาพอดี”แอลลีสันบอก เธอหันหน้าไปมองดวงจันทร์เต็มดวงสว่างสดใสที่แผ่รัศมีไปทั่วท้องฟ้าสีน้ำเงิน
“ใครนะ”แจ็คถาม
“เขาคือเทพผู้พิทักษ์ความฝัน เขาสร้างความฝันและส่งไปให้ทุกคนในตอนที่พวกเขาหลับ”แอลลีสันเล่า แจ็คยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะที่ฝังเธอ
“ฉันเคยได้ยินเรื่องของเขา”แจ็ค ฟรอสต์พูด แต่สักพักเขาก็ย้นคิ้ว “เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไปได้ยินมาจากไหน”แอลลีสันเลิกคิ้วกับคำพูดของแจ็ค
“ฉันคิดว่าต้องมีคนเล่าให้นายฟังแน่ๆแจ็ค ใครๆก็รู้”เลียมแสดงความคิดเห็น
“ที่ไหน”แจ็คพูด
“ใครจะไปรู้ อาจจะเป็นในเมืองหรือว่าหมู่บ้านหรือที่ไหนก็ได้”เลียมตอบ
“เฮ้! ฉันว่าพวกเรามีปัญหา”แอลลีสันขัดและชี้ไปที่เมือง ทั้งเมืองสว่างไสวราวกลางวันด้วยแสงไฟและคบเพลิงมันผิดปกติที่ไม่มีใครหลับนอนในเวลาดึกสงัดแบบนี้ ทั้งสามมองหน้ากันโดยไม่ต้องพูดจาแอลลีสันแปรงร่างเป็นนกเค้าแมวเช่นเดียวกับเลียมและพวกเขาก็ตรงไปยังเมืองทันที
….
แต่ละบ้านเปิดไฟสว่าง แจ็ค เลียม และแอลลีสันเลือกบ้านหลังหนึ่ง เขาชะโงกหน้าเข้าไปดูทางหน้าต่างโดยไม่ให้เจ้าของบ้านรู้ตัว ในบ้านเป็นห้องแคบๆลกๆไปด้วยของเก่า เด็กหญิงคนหนึ่งนั่งร้องให้อยู่บนเตียงโดยมีพ่อและแม่ของเขาปลอบอยู่ เลียมโผไปดูอีกหลังอีกหลังและอีกหลัง เขาบินกลับมาด้วยสีหน้ากังวลแกมโกรธแค้น
“แอลลี พี่ต้องมาเห็นด้วยตาตัวเอง”เขาคำราม พวกเขาไปตามที่เลียมบอก ทุกอย่างแย่มาก ไม่มีใครกล้านอนหลับได้อีกหลังจากฝันร้าย เด็กๆเล็กหวาดผวาร้องไห้และซ้อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ส่วนเด็กโตและผู้ใหญ่ก็นอนลืมตาโพลงอยู่บนเตียงในห้องที่เปิดตะเกียงสว่างโล่ แอลลีบินขึ้นไปเหนือเมืองไม่มีคูหาหลังไหนที่ไม่ได้เปิดไฟ เธอโกรธจนตัวสั่นแกมหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“เธอโอเคมั้ย”แจ็คตามขึ้นมาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรโอเค”แอลลีสันพูด “พวกฝันร้ายกัดกินความฝันของเด็กๆเมืองนี้ไปเกลี้ยงแล้ว จะบอกให้นะ ฝันร้ายของไนท์แมร์คือมนต์ดำไม่ใช่ความฝัน มันจะฝังอยู่ในหัวของพวกเขาไปอีกหลายวัน พวกเขาจะจะนอนไม่หลับ อ่อนแอและล้มป่วย”แอลลีสันลูบหน้าตัวเองอย่างเครียดๆและมองไปทางอื่น
“พวกมันล่อเราออกไปจากเมืองเพื่อจะได้ไม่มีใครปกป้องเมืองในตอนที่พวกมันกินความฝัน”เลียมพูดอย่างโกรธแค้น
“ไม่ใช่แค่ที่นี่หรอก ตอนนี้ไนท์แมร์คงไปทั้งโลกแล้ว”แอลีสันว่า “เขากำลังจะกลับมา”เธอกระซิบ
“เธอหมายถึงใคร”แจ็คถาม
“พิช…เจ้า พิช แบล็ค บูกี้แมน ผู้พิทักษ์ความกลัว…”
ความคิดเห็น