ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Jack Frost : Once Upon a Winter (ภาคกำเนิดผู้พิทักษ์)

    ลำดับตอนที่ #1 : แจ็คสัน โอเวอร์แลนด์ ฟรอสต์

    • อัปเดตล่าสุด 26 ธ.ค. 60








     

     

     






     

     

     

    แจ็คสัน โอเวอร์แลนด์ ฟรอสต์

     

     

    ขาอยู่ในโลกนี้มานานแสนนาน...เขาอยู่ในหลายชื่อ และหลายตัวตน แต่พวกเราเรียกเขาว่า แจ็ค ฟรอสต์ ผู้ให้กำเนิดฤดูหนาวแสนสนุก เซียนสงครามปาบอลหิมะ ศิลปินผู้สร้างฝ่าบนกระจก

     เขาโดดเดี่ยว...อาจเพราะไม่มีใครมองเห็นเขาและเชื่อในตัวของเขา เขาไม่ชอบผูกมัดตัวเอง แน่นอนชีวิตเขาไม่มีกฎ ไม่มีการรับผิดชอบ ยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าท่า เราอาจมองว่าเขาเห็นแก่ตัว อ้อ...นั้นแหละคือตัวของเขา เขาเปรียบตัวเองเป็นเหมือนลูกบอลหิมะ และความสนุก แต่ความจริงแล้ว เขามีอะไรที่มหัศจรรย์มากกว่านั้น...อยู่ภายใน

     

    ....

               

     

    เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อต้นฤดูหนาวปี ค.ศ. 1693 รัฐเพนซิลวาเนีย ณ เมืองเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีนามว่า เบอร์เจสต์ ชาวบ้านมีโอกาสเตรียมตัวเพื่อเข้าสู่ฤดูหนาวที่ยาวนานที่สุดในรอบหลายร้อยปีเป็นอาทิตย์สุดท้ายก่อนภายุหิมะจะมาและเหล่าฝูงหมาป่าที่หิวโหยเริ่มออกล่า แอลลีสัน ม๊อท เด็กสาววัยสิบหกปีก็วุ่นกับการจัดหาของมากมายเก็บไว้ในหน้าหนาว และน้องชายของเธอ เลียม ม๊อท ซึ่งห่างกับเธอสี่ปีพวกเธออาศัยอยู่กับแม่ชีที่รับสองพี่น้องมาเลี้ยงเหมือนลูกที่โบสถ์ ขณะนี้เธอตักหิมะออกจากหน้าโบสถ์แต่เลียมก็มัวแต่เล่นสนุกตามภาษากับหิมะซึ่ง...มันไม่ยุติธรรม

                “เลียม ไม่เอาน่า เรามีงานล้นมือแอลลีสันเตือน ใช้ลั่วตักหิมะแล้วโยนออกไป

              “โถ...นี่ฤดูอะไรแอลลีเลียมถาม แอลลีสันไม่เข้าใจน้องของเธอ แอลลีสันใช้ลั่วตักหิมะยันตัวเองอย่างเบื่อหน่าย หายใจออกมาเป็นไอน้ำสีขาว

                “โง่รึเปล่า นี่หน้าหนาวแอลลีพูด เลียมมองหน้าพี่ของเขา

                “พี่สิโง่แอลลี มันแปลว่า เราจะเหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์ที่จะได้เล่น จากนั้นอีกสี่เดือนกว่าเราจะต้นทนฟังคุณแม่เทศนาวันละสามเวลาหลังอาหาร

                “โอเวอร์น่าเธอกระซิบหรี่ตามองน้องชาย

                “พี่ลองคิดดูเลียมพูด

    แอลลีมองน้องชายและเห็นด้วยกับน้องชายของเธอ แต่ก็แปลว่า เหลือเวลาอีกไม่ถึงอาทิตย์ที่จะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนพายุหิมะจะมาเธอคิด

                “แต่...”เธอหันกลับไปมองหิมะที่กองเต็มหน้าโบสถ์ของเธอ เธอทำหน้าเหยเกกับผลงาน ถ้าจะไปหาอะไรเล่นเราต้องกลับมาก่อนคุณแม่จะมาเลียมยิ้มกว้างตอบรับคำพูดของแอลลีสัน 

              “ก่อนไปเราต้องรู้ว่าคุณแม่ใกล้จะกลับมาถึงรึยังแอลลีบอก

                “อย่าเลย...เสียเวลาน่าเลียมค้าน

                “รับรอง...สามนาที ไม่เกินนี้ สาบานแอลลีสันบอก เลียมพยักหน้าอย่าว่าง่าย แต่แล้วก็ต้องถลึงตาใส่ผู้พี่

              “เป็นไปไม่ได้ สามนาที ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

    เราทำได้ถ้าเพียงแต่เธอต้องช่วยพี่ด้วย

                “ยังไง พี่จะทำยังไง เลียมถาม

                “เราเป็นอะไร เราทำอะไร เธอก็รู้แอลลีลากเสียงเชิงปริศนาเบื่อหน่าย

                “ออ พี่นี้ฉลาดนะเลียมร้องอย่างรู้ทัน

                “ฉันไม่ได้แค่ ‘ฉลาดนะ’ ฉันฉลาดเลยล่ะเลียมเธอพูดเปิกตากว้างด้วยความหงุดหงิดในตัวน้องเธอ

    พวกเธอเดินผ่านตรอกและร้านขนมปังที่ปิดแล้วในหมู่บ้านไปยังที่ลับตาและมืดมิด เธอมองทางมองทางขวา...ไร้ผู้คน แอลลีสันมองตาสีเขียวของเลียม เธอพยักหน้าให้สัญญาณ จากนั้นจมูกของแอลลีก็กลายเป็นจะงอยปาก ขนนกสีดำเช่นเดียวกับผมของเธองอกออกมาจากใบหน้าและตามแขนขาจนกลายเป็นปีก ตาสีเขียวของเธอขยายออกเหมือนแมว ตัวของเธอเล็กลง แล้วในที่สุดเธอก็กลายร่างเป็นนกเค้าแมวสีดำตัวใหญ่

                “โว้ว!”น้องของเธอร้องแล้วเลิกคิ้ว

                “เอาเลยนกเค้าแมวแอลลีบอก

    เลียมยิ้ม จากนั้นก็หมุนตัวบนส้นเท้าและการกลายร่างก็เกินขึ้น เลียมกลายร่างเป็นหมาเกรดเดนสีทองตัวโต มันเริ่มดมฟุดฟิดในอากาศ

                “แม่ๆๆๆๆเขาร้องเป็นเพลง นกเค้าแมวแอลลีกลอกตา ผ่านไปสักพัก เลียมก็ชะงักเจอแล้ว ตามมาเขาบอกพี่ของเขา

    เจ้าหมาวิ่งลิ่วนำหน้านกเค้าแมวที่บินอยู่ จากนั้นหมาเลียมก็กระโจนในอากาศแล้วกลายร่างเป็นนกเค้าแมวสีทองโผขึ้นไปในอากาศกู่ร้องเสียงแหลมเหมือนหนูนาอย่างมีความสุข ราวกับเวทย์มนต์สองพี่น้องนกเค้าแมวตีคู่กันขึ้นไปบนฟากฟ้า

    ใช่พวกเธอไม่ใช่มนุษย์ พวกเธอคือสองพี่น้องม๊อท ภูตผู้พิทักษ์เด็กๆ พวกเธอช่วยหาของหายให้พวกเขา คอยนำทางกลับบ้านให้เวลาที่พวกเขาหลงทาง พวกเธออายุมากกว่าร้อยสิบหกปีแล้ว ทุกๆห้าปีพวกเธอจะย้ายไปยังเมืองอื่นเพราะจะได้ไม่ทำให้ผู้คนสังเกตเห็นว่าพวกเธอไม่โตขึ้นพวกเธอเป็นอมตะและเยาว์วัยตลอดกาล มีเด็กๆอีกมากมายที่ต้องการพวกเธอ มีภูตเหมือนกับ พวกเธออีกหลายร้อยคนกระจายกันไปทั่วโลกเพื่อพิทักษ์เด็กๆ เพราะในของหายพวกนั้นมีจิตวิญญาณ มีความรัก ความผูกพันของเด็กกับสิ่งของและคนรอบข้างตัวของเด็กๆ พวกเธอต้องพิทักษ์มัน มันคือหน้าที่ของพวกเธอ

    บินมาประมาณสองนาทีตระกูลม๊อทบินอยู่เหนือป่าที่หลับใหลในน้ำแข็ง เงียบสงบ และมีเสน่ห์ในแบบเศร้าๆ นกเลียมเอียงปีกเลี้ยวและแอลลีตามเขาไป ใต้เธอเป็นลานหิมะกว้างและถัดไปเป็นบึงน้ำแข็งที่ยังไม่แข็งเต็มที่ ในป่าลึกพวกเธอเห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งอายุประมาณห้าสิบปีสวมชุดสีดำขาวคลุมหัวถือตะกร้าที่มีผ้าคลุมอยู่เดินอาดๆผ่านมา

                “นั่นคุณแม่นกเลียมร้อง ทั้งสองโฉบลงไปเกาะบนกิ่งไม้ใกล้ๆนั่น หิมะล่วงหล่นจากกิ่งสู่กิ่ง

                “อยู่ไกลขนาดนี้อีกสามสิบนาทีคงจะถึงโบสถ์ ถ้าไม่แวะไปบ้านวิลเลียมนะ เธอขี้คุยจะตายไปนกแอลลีสันคาดการณ์

                “เวลาถมเถนกเลียมพูด นกแอลลีหัวเราะเบาๆขณะมองเธอเดินผ่านไปในพงไพรมืดมิดราวน้ำจากอเวจี ลมผัดมาวูบ กิ่งสนสั้นไหวไปทั่วทุกรอบด้านส่งเสียงหวีดหวิวราวเสียงของอสูรกาย บรรยากาศเงียบงันดั่งป่าช้า เงียบพอที่โครงกระดูกจะลุกจากหลุมมาหาความสำราญจากพื้นปฐพีได้เลยเทียว

                ทันใดพุ่มไม้ข้างหน้าก็สั่นไหว หญิงชราชะงักด้วยความตกใจ ด้วยสัญชาติตะยานสองพี่น้องโดดลงมาจากต้นไม้และกลับคืนร่างเป็นเด็กอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า ภาวนาอย่างเดียวขอให้สิ่งที่โผล่ออกมาตะครุบหญิงชราตาย

                “คุณแม่!”แอลลีสันร้องออกมา ไอน้ำออกมาจากปากเธอ หญิงชราเสียสมาธิมามองมาพวกเธอทั้งสอง ใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยรอยย่นแฝงความใจดีถอดสี

              เร็วเท่าความคิดหนึ่ง มือสีขาวก็แหวกพุ่มไม้ออกมา เผยให้เห็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอายุประมาณสิบแปดปี เขาสวมเสื้อคลุมที่ทำด้วยหนังสองชั้นและเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวกับกางเกงสีน้ำตาล ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเขา เขาใช้เชือกหนังมัดขากางเกงไว้ไม่ให้อากาศเย็นเข้า เสื้อผ้าของเขาไม่สามารถปิดปังตัวบอบบางและผิวขาวเนียนของเขาได้ เขาช้อนดวงตาโตสีน้ำตาลส่อแววซุกซนและใจดีขึ้นมองตระกูลม๊อท แสดแดดยามบ่ายสะท้อนจากหิมะมาที่เขาเหมือนรังสีแห่งความสดใสรอบตัวเขา เด็กหนุ่มสว่างไสวราวดอกทานตะวันฤดูร้อนแอลลีสันมองเขาไม่ละสายตา เขาทำให้เธอรู้สึกว่าฤดูหนาวไม่หนาวลงไปเลย สดใสเหลือเกิน อุ่นใจเหลือเกิน... เธอถอนหายใจ       

                “แจ็ค!”เลียมร้อง แจ็ค...โอ้เราตกใจหมด พวกเราหลงคิกว่านายเป็นหมาป่าซะอีก

                “แจ็คสัน โอเวอร์แลนด์ ฟรอสต์ พระเจ้า หลานชายมาทำอะไรที่นี่ เธอเกือบทำป้าหัวใจวายตายคุณแม่ชีถาม

                “ผม?”เข้าพูดขึ้นติดสำเนียงสกอตแลนด์จ๋าพร้อมชี้หน้าหล่อๆของตัวเอง แจ็คยกรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งขึ้นมาให้ดู ส่วนมืออีกข้างเขาถือไม้เท้าที่คล้ายกับไม้คล้องคอแกะที่สูงกว่าตัวเขาพวกเราจะไปที่บึงเขาตอบ

                “พวกเรามีคนอื่นอีกเหรอแอลลีถาม

                “ออ...แค่น้องสาวฉันน่ะแจ็คยกเสื้อคลุมขึ้น เด็กหญิงวัยประมาณไม่เกินสิบสองขวบเกาะเอวของเขาอยู่มองมาทางพวกเธอ

                “โอ้...สาวน้อย เอ็มม่า ฟรอสต์แอลลีพูดด้วยความเอ็นดู

                “นี่อะไรค่ะพี่ เราต้องรีบไปที่บึงไม่ใช่หรือค่ะสาวน้อยถามแจ็ค

                “แม่ชีและสองพี่น้องตระกูลม๊อทเขาตอบน้องของเขา

                “หวัดดีสาวน้อย ที่บ้านเป็นยังไงบ้างเลียมทักทาย เอ็มมาเดินออกมาจากใต้ผ้าคลุมแจ็ค

                “ ดีค่ะเธอตอบท่าทางงงๆ พวกพี่คือ เลียม ม๊อท กับ แอลลีสัน ม๊อท ที่อยู่ที่โบสถ์ใช่ไหมค่ะ หนูรู้จักพวกพี่

                “ใช่ นั่นแหละเราเลียมพูดแล้วท้าวเอว แต่นแต้น!

                “แม่ชี เราอยากคุยต่อนะ แต่เราต้องรีบไปและกลับบ้านก่อนมืดแจ็คตัดบท เนอะเอ็มเขาเรียกชื่อย่อน้องตัวเอง เธอหันมามองแจ็คแล้วพยักหน้า

                “โอ้ แน่นอนจ้ะแม่ชีตอบ

                “แล้วเจอกันแจ็คเลียมเอ่ยลา

                “เจอกันแจ็ครับ

                แม่ชีเดินนำ เลียมหันมามองหน้าพี่สาวของเขาอย่างกังวลก่อนเดินตามไป เหลือไว้เพียงแอลลีสันและพี่น้องฟรอสต์ แอลลีมองหน้าแจ็คไม่ละสายตา

                “มีอะไรรึเปล่า ม๊อทแจ็คถามด้วยความสงสัย

                “แจ็ค เธอสองพี่น้องอย่างไปที่บึงเลยได้โปรด ฉันพึ่งผ่านไปบึง มันยังไม่เป็นน้ำแข็งเต็มที่ ผิวน้ำแข็งบางเกินจะรับน้ำหนักพวกเธอแอลลีเกลี้ยกล่อม พอได้ยินแจ็คก็ทำหน้านิ่วมองเธอ

                “งั้นก็แสดงว่าพี่เดินอ้อมพวกเราล่วงหน้าไปที่บึง จากนั้นพี่ก็เดินย้อนกลับมาเจอพวกเราหรือค่ะเอ็มมา ฟรอสต์ถาม

                “ก็ไม่เชิง

                “พี่ทำแบบนั้นทำไม บึงไกลจามหมู่บ้านเรามาก หนูไม่เห็นพี่มีรองเท้าสเก็ตเลย มีอะไรอย่างอื่นที่เล่นบนน้ำแข็งโดยไม่มีรองเท้าด้วยหรือค่ะ หนูไม่รู้เลย เอาล่ะพี่ไปที่บึงมาจริงๆหรือค่ะเอ็มมาคาดคั้น แอลลีสันเงียบไปด้วยความอึ้ง สาวน้อยคนนี้ฉลาดเหลือเกิน

                “โอเคๆ เราจะไม่เหยียบแผ่นน้ำแข็งที่ไม่แน่ใจว่ามันไม่แข็งพอแจ็คสรุป แล้วหันมามองแอลลี โถม๊อท ไม่ไปไร เชื่อสิ

                “แอลลีสันกลับได้แล้วเสียงแม่ชีเรียกมาแต่ไกล

                “กำลังไปค่ะเธอตระโกนกลับไป แล้วจากนั้นเธอก็วิ่งผ่านหิมะอย่างรวดเร็ว แจ็คตีสีหน้าไปถูกได้แต่ยนคิ้วมองตามหลังไป

              แจ็คยักไหล่เบ้ปากให้การกระทำอันแปลกประหลาดของแอลลีสัน

    เรื่องบึงล่ะค่ะ เอาไง ไปหรือไม่ไปดีเอ็มมาทำหน้าเหงาหงอย แจ็คคุกเขาลงมาปลอบเธอ

                “น้องของพี่ เราจะไป ไม่ต้องห่วง เราไปแน่นอน

                “แต่พี่ไม่กลัวที่แอลลีสันบอกหรือค่ะแจ็คหัวเราะกับคำพูดของเอ็มม่า

                “กลัวเหรอ เฮอะไม่รู้สึกเลยพอพูดเสร็จเขาก็ยกน้องของตนขึ้นขี่คอ แล้วเดินร้องเพลงไประหว่างทางตลอดจนถึงบึง ถึงแม้อากาศจะหนาว และได้ขึ้นชื่อว่าที่แห่งนี้มีหมาป่าชุกชุม แต่ตลอดสิบแปดปีของแจ็ค เขาชินกับมันแล้ว หน้าหนาวคือฤดูที่เขาชอบ มันคือความหรรษาและสนุกสุดเหวี่ยงสำหรับเขา ไหนจะหิมะ ไหนจะวันหยุดเทศกาล ไม่มีอะไรน่าเบื่อเลย ถึงมีก็ไม่มาก

    อีกห้าวันจะคริสต์มัสอีฟ น้องมีแผนรึยังแจ็คชวนคุย น้องของเธอหัวเราะกับคำถาม

    พี่ล้อเล่นรึเปล่า ไอแผนเนี่ยมันเตรียมมาตั้งแต่อีสเตอร์แล้ว พี่เถอะมีแผนกับเขารึเปล่าเธอพูดอย่างโอ้อวด

    โว่ว!ยัยตัวเล็กแจ็กร้องอย่างหมันเขี้ยวในความอวดดีนั้น เขาเอื้อมมือไปจั๊กกะจี๋เอวของเอ็มมา เธอกรี๊ดกร๊าดหัวเราะร่วน พยามปัดมือของแจ็คจ้าละหวั่นจนเธอเกือบตกจากคอของแจ็ค พี่น้องหัวเราะประสานกัน เอ็มมาตีแจ็คไปสองสามทีในขณะนั้น

    แน่นอน พี่มีอยู่แล้ว พี่ขอให้แซนต้า ให้ลากเลื่อนพี่สักอัน ไม่สิ สองอัน เผื่อน้องด้วยไง ถ้าปีนี้โชคดีนายจ้างพี่อาจจะให้ค่าจ้างเพิ่ม เราจะจัดต้นคริสต์มัสกัน จากนั้นเราจะกินเลี้ยงกันด้วยไก่งวตัวอ้วน

    โถ่จิ๊บๆ ฉันน่ะนะ ขอบ้านตุ๊กตา ลูกม้าสีขาว กับม้าตัวโตๆ เอามาให้พี่ไง รองเท้า สเก็ตคู่ใหม่ อ้อหนูอยากให้ครอบครัวเรามีกินมากกว่านี้จากเสียงที่สดใสของเธอมันเต็มไปด้วยความหวัง แจ็ครู้สึกเศร้าอยู่ลึกๆที่เขาเป็นพี่ที่ไม่รับผิดชอบเอาเสียเลย วันๆเขาคิดแต่ว่าเขาจะเล่นอะไรดีเย็นนี้ แต่เขาก็ทำงานสุดความสามารถ แต่มันก็ไม่พอสำหรับฐานะครอบครัวของเขาอยู่ดี สงสัยหลังจากฤดูใบไม้ผลิ เขาคงต้องไปรับจ้างเพิ่มซะแล้ว แล้วก็คงต้องไปล่าสัตว์มาขายเสริมด้วยละมั้ง แจ็คคิด

    พี่รู้มั้ย คืนนั้นฉันจะนั่งเฝ้าบ้านเลยล่ะเอ็มมาพูด

    ทำไมน้องถึงได้อยากทำแบบนั้นล่ะ ไม่รู้เหรอ ว่าเด็กคนไหนนอนดึก บูกี้แมนจะมาหลอกแจ็คทำเสียงหลอนหลอกน้องเขา ถึงแม้ตัวเขาจะโตขนาดนี้ เสียงจะแตกหนุ่มขนาดนี้ แต่เขายังคงเป็นนักเชื่อตัวยง เขาเชื่อว่านางฟ้าฟันน้ำนมมีจริง ผีบูกี้แมนมีจริง แม้แต่เทพแห่งความฝันอย่างแซนแมนที่ทุกคนลืม แจ็คยังคงเชื่อว่ามีจริง เขาฝันว่าซักวันเขาจะได้มีชื่ออยู่ในรายชื่อเด็กดีของแซนต้า สักวันหนึ่งเขาจะเจอกระต่ายอีสเตอร์ และอีกมากมาย

    เฮอะ ฉันไม่กลัวบูกี้แมนหรอก แล้วอีกอย่างเขาไม่มีทางมาขัดขวางฉันได้ ถ้าฉันเจอแซนต้า ฉันจะขอให้เขาบอกพี่ชายของฉันหน่อยว่า ให้รีบแต่งงานมีลูกไปได้แล้ว

    โห่งั้นถ้าเขามาพี่ก็ซวยดิ

    ก็ฉันอยากมีหลานอ่ะแจ็คเบ้หน้าใส่เธออย่างดื้อดึง เอ็มมาขมวดคิ้วตอบ พี่อายุสิบแปดแล้วนะ ไปจีบสาวได้แล้วแจ็คหัวเราะแห้งๆใส่คำพูดของเธอ

    ไม่ต้องมาพูดตามแม่เลยแจ็คว่า

    อ๋อหนูรู้พี่ต้องการอะไร พี่ไม่อยากแต่งงาน พี่อยากจะขึ้นคาน วิ่งเล่นไปในป่า นอนใต้แสงตะวัน เล่นปาหิมะไปจนกว่าจะสิ้นโลก ปล่อยผมปลิวไปกับอาทิตย์อัศดงเหมือนคนอื่นเค้าในเทพนิยายเอ็มมาทำเสียงแก่เหมือนแจ็คและทำท่าประกอบอย่างนู้นอย่างนี้

    ไม่พี่ไม่อยากหรอก ไอปล่อยผมปลิวไปกับอาทิตย์อัศงน่ะ แต่อย่างอื่นที่พูดมาเมื่อกี้อยากหมดเอ็มมาตีแจ็คอย่างมั่นไส้ไปทีหนึ่ง แจ็คหัวเราะออกมา ล่อเล่นๆเขาพูด

    ไม่นานสองพี่น้องก็เห็นบึงน้ำแข็ง มันสะท้อนแสงราวอัญมณี สองพี่น้องฟรอสต์เดินลุยหิมะไปข้างหน้า

                “ว้าว!”เอ็มมากระซิบออกมาเบาราวเสียงลมหายใจด้วยความทึ่ง ลมหายใจของเธอออกมาเป็นไอน้ำสีขาวลอยไปในอากาศ แจ็คสันวางเธอลงจากบ่า เธอกระชับรองเท้าสเก็ตน้ำแข็งของเธอ แจ็คยันตัวเองด้วยไม้เท้าที่นำมาด้วย

                “จัดเต็มเลยน้องพี่เขาเชียร์ให้น้องของตนเล่นสเก็ตน้ำแข็ง เอ็มมายิ้มน้อยๆแล้วเริ่มเหยียบน้ำแข็งสีเงิน...มันมั่นคงดี ก้าวแรกเอ็มมาเซไปมาเธอหมุนแขนไปรอบๆเพื่อทรงตัว แล้วก็สำเร็จเธอทำได้ เอ็มมาเลื่อนตัวด้วยความพลิ้วไหวไปบนน้ำแข็ง

                “แจ็ค ดูฉันสิเธอเรียกพี่ของเธอแล้วหันมามอง แต่ก็ต้องตกใจ ในมือของเขาคือบอลหิมะหกลูกเล็งมาที่เธอ

                “โอ้..ไม่ อย่าแม้แต่จะคิดเชียวน้องของเขาเตือน แต่สายไป แจ็คปาบอลสี่ลูกลงบนพื้นน้ำแข็ง อีกสองลูกปาอัดตัวเธอ เอ็มมาทรงตัวไม่ได้เธอล้มก้นกระแทก แจ็คหัวเราะชอบใจ เขาเลื่อนตัวมาพยุงเธอขึ้น เอ็มมาทำหน้าเบ้ใส่แจ็ค

                “ล้อเล่นเอาฮาน่า โอ้ยเฮ้โว่วๆๆๆๆ!”ยังไม่ทันพูดจบเอ็มมาที่ทรงตัวได้ก็ผลักแจ็คคืน เขาล้มก้นจ้ำเบ้า สะเทือนจนถึงกระดูก ไม้เท้าหล่นจากมือเขา แจ็คย่นหน้ามองน้อง

                “ไม่เอาน่าแจ็คผู้หน้าสงสาร ล้อเล่นเอาฮาพูดแล้วเอ็มมาก็หัวเราะชอบใจ

                “อย่าให้จับได้นะแม่ตัวดีเขาคำรามยิ้มๆแล้วลุกขึ้นหัวเราะชั่วร้ายทำท่าจะตะครุบเธอ พอน้องสาวของเขาเห็นเข้าก็กรีดร้องออกมาด้วยความร่าเริง วิ่งไปรอบๆบึงพร้อมกับหัวเราะร่วนด้วยความสนุกสนาน ตามมาติดๆคือ แจ็คผู้รับบทไล่ล่า หลายต่อหลายครั้งที่เขาเกือบลื่นล้ม ในที่สุดเขาก็ต้อนน้องของเขาจนมุม เธอมองซ้ายขวาหาทางหนี แจ็คอยู่ห่างเธอประมาณสิบฟุต เขาหัวเราะหึๆอย่างผู้มีชัย

                “ออกไปนะแจ็คเอ็มมาขู่กลั้วหัวเราะ

                “ใสเจีย เสียใจเขาคำรามและเลื่อนตัวช้าๆเข้าหา

    เปรี๊ยเสียงบางอย่างแตกอยู่ใกล้ๆ มันฟังดูเบาบาง แต่ในหัวของแจ็คมันดังเท่าเสียงอัสนีบาก น้ำแข็งใต้เท้าน้องเธอก็ลังปริแตก

                “โอ้ไม่น้องของเขาตกใจ เธอสะอื้นเอามือปิดปาก

                “เอ็มมาอย่าขยับ!”แจ็คสั่ง คงเป็นเพราะน้องของเขาจับได้ถึงความกลัวในเสียงของเขา น้ำตาของเธอซึมออกมา แจ็ครู้สึกผิดเหลือเกิน เขาตั้งสมาธิควบคุมหัวใจในอกที่กำลังเต้นระรัวราวกลองศึกด้วยความกลัว เขายกมือทั้งสองขึ้นเชิงห้ามไม่ให้น้องเขาขยับค้างไว้ในอากาศ

                “แจ็คฉันกลัวเธอพูด คำนี้สะท้อนอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา

                “พี่รู้ พี่รู้ เราจะต้องไม่เป็นไร เชื่อพี่สิ พี่เคยโกหกเธอซะที่ไหนคำพูดนี้ทำให้เอ็มมาสนใจ สายตาของเธอดูอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอขนาดนี้ ถ้าตกลงไปในน้ำเย็นเฉียบคงจากไปภายในไม่กี่วินาที ทั้งๆที่เขาสัญญากับแม่ไว้ก่อนออกจากบ้านว่าไม่มีอะไรต้องห่วง แต่ตอนนี้เขากำลังจะทำน้องแท้ๆของตัวเองจมน้ำตาย เขาปัดความคิดน่ากลัวออกจากหัว

                “ให้ฉันเชื่อพี่เหรอ พี่โกหกและเอาแต่แกล้งฉัน

                “ไม่...ไม่อีกแล้ว แค่เชื่อ แค่เธอเชื่อในตัวพี่ พี่สัญญาเราต้องปลอดภัยแจ็คมองไปรอบๆ ทางขวาอีกเก้าฟุตไม้เท้าคล้องคอแกะอยู่นั่นเองแจ็คคิดหาวิธีจนหัวปั่น

              แจ็คสัน ฟรอสต์ ถอดรองเท้าสเก็ตออก ใช้เท้าเปล่าเหยียบน้ำแข็ง มันทำให้เขาคล่องแคล่วขึ้น แต่กลับกันเท้าของแจ็คเย็นยะเยือกและเจ็บปวดเพราะน้ำแข็งกัด แต่สำหรับเขามันเจ็บน้อยมากถ้าเทียบกับความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นถ้าเขาช่วยน้องตัวเองไม่ได้ เขาแถกเท้าเปล่าไปข้างๆน้ำแข็งใต้เท้าเขาร้าว ใจของแจ็คหล่นวูบ เช่นเดียวกับน้ำแข็งใต้เท้าของเอ็มม่าที่แตกเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆเขาหันไปฝืนยิ้มให้น้องของเขาอย่างเจ็บปวดทรมาน

                “เรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า...ดีมั้ย เล่นตังเตที่น้องชอบเล่นทุกวันไงแจ็คทำให้ดู

                “หนึ่งเขาก้าวเท้าอีกก้าว พอเตะพื้นน้ำแข็งมันก็ร้าวเป็นทางยาว เขายกขาอีกข้าง ตอนนี้เขาอยู่ในท่ากระต่ายขาเดียว เขากางแขนออกทรงตัว มันได้ผล ทุกอย่างเงียบสงบน้ำแข็งไม่ร้าวอีก

                “สองแจ็คหัวเราะเบาๆแล้วมองไปที่เอ็มมา

                “สาม!”เขาก้าวอีกก้าว กระโดด และก้มลงฉวยไม้เท้าขึ้นมาจากพื้น เขายิ้มออกมาอย่างมีความหวัง เอ็มม่ายิ้มตอบ

                “ตาเธอแล้ว มา...มาหาพี่เอ็มมาทำอย่างเดียวกัน

                “หนึ่งแจ็คนับ ก้าวแรกของเธอทำน้ำแข็งร้าวหนักกว่าเดิม อีกก้าวมันแย่ลงอย่างรวดเร็ว

                “แจ็คแจ็คเอ็มมาสะอื้น

                “เธอต้องทำได้แจ็คปลอบ

                “สองเอ็มมาก้าวมาอีกก้าวและอีกก้าว

               “สาม!”ในเสี้ยววินาทีแจ็คสันใช้ไม้เท้าเกี่ยวเอวของเอ็มมาแล้วเหวี่ยงเธอเข้าฝั่งอย่างปาฏิหาริย์ แรงเหวี่ยงทำให้เอ็มมาล้มลงไปกับพื้นแต่แรงเหวี่ยงทำให้แจ็คลื่นไปสลับที่กับเอ็มมา...พวกเขารอดอย่างหวุดหวิด แจ็ครู้สึกเหมือนยกก้อนหินออกจากอก ตอนนี้เขาเบาใจลง เขาจ้องน้องของตนด้วยความอ่อนโยน เขาช่วยชีวิตเธอ พระเจ้า!เขาช่วยชีวิตเธออย่างกล้าหาญเลยนะทั้งที่เขาแกล้งเธอมาตลอดชีวิตหลังจากจบเรื่องนี้เขาอยากจะบอกเธอว่าที่เขาทำไปเพราะเขารักเธอ และอยากให้เธอสนใจ และอยากบอกเธอว่าเขาขอโทษ แจ็คคิด

                เอ็มมายันตัวขึ้นยิ้มให้แจ็ค...ยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาถอนใจด้วยความโล่งใจและแปรมปลีอยู่เต็มอก ทุกอย่างไปได้สวย

    เปรี้ยตู้มแต่ทันใด น้ำแข็งใต้เท้าของเขากับแยกตัวออกจากกัน ร่างกายหนักอึ้งของเขาดิ่งลงห้วงลึกอย่างรวดเร็ว เร็วจนเขาไม่มีโอกาสได้ร้องออกมาด้วยความกลัว น้ำเย็นและมืดดำทำให้ทั้งร่างของเขาชา เขาขยับตัวไม่ได้ น้ำเย็นไหลเขาไปทางจมูกและปากแช่แข็งปอดของเขา ภาพที่เห็นมืดมน เขาเห็นภาพเอ็มมาอันพร่าเรือนกรีดร้องเรียกชื่อเขาใจจะขาด เด็กหญิงผมยาวสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลตัวน้อยที่น่าสงสาร เขาคิดในใจ เขามองไม่เห็นหน้าน้องสาวอีกแล้ว และเขาก็มีหลายคำพูดที่จะบอกเธอก่อนตาย แล้วนี่น้องสาวเธอจะเดินทางกลับหมู่บ้านได้รึเปล่า...เขาก็ไม่รู้ เขาเสียใจเหลือเกินที่จะต้องให้เธอไปบอกกับแม่ของพวกเราว่าลูกชายของเธอตายแล้ว แจ็คเสียใจและหวาดกลัวอย่างไม่มีคำบรรยาย นอกจากจะบอกว่าถ้าคนเราย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่ยอมสัญญากับเอ็มมาว่าจะพามาเล่นสเก็ตตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เขาอยากจะร้องไห้เหลือเกินแต่น้ำเย็นทำให้เขาลืมตาไม่ขึ้น แต่อย่างน้อย น้องของเขาก็ไม่ตายอย่างเขา เขาดีใจและคงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วในวินาทีสุดท้ายของชาตินี้ ความคิดขาดตอนมีเพียงความมืดมนในหนึ่งนาทีสุดท้าย จบเรื่องราวของ แจ็คสัน โอเวอร์แลนด์ ฟรอสต์

     

    ....

     

    ภาพแรกของในความทรงจำผมคือความมืดมนและความหนาวเย็น เกิดอะไรขึ้นกับผม...ผมจำไม่ได้ ผมไม่มีความทรงจำเหลืออยู่เลยมีแต่ความกลัว

    ชื่อของผมคือ แจ็ค ฟรอสต์ ผมรู้ได้ไงเหรอ...ก็ดวงจันทร์บอกผมมางี้

                แจ็ค ฟรอสต์ ลอยขึ้นมาจากความมืดมิด ผ่านน้ำเย็นเยือก แผ่นน้ำแข็งหนาแยกทางให้เขาอย่างเกรงใจ ให้ แจ็ค ฟรอสต์ ทะลุผ่านไปได้สะดวก เขาลอยขึ้นจากบึงน้ำแข็งช้าๆตรงสูงขึ้นไปเรื่อยๆ




    สิ่งที่เขาเห็นคือท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มและแสงที่เจิดจ้าของดวงจันทร์ที่เข้าตาเขา เขากระพริบตาถี่ๆ และสูดหายใจเฮือกแรกราวกับไม่ได้หายใจมานาน ไอสีขาวออกจากปากของเขา แจ็คมองไปรอบๆและหอบช้าๆขณะลอยขึ้นมา ไม่มีไอน้ำออกมาจากลมหายใจของเขาอีกแล้ว...ตลอดกาล แสงของดวงจันทร์เต็มดวงสาดส่องต้องตัวของเขา สว่างและอบอุ่น จากนั้นเขาก็ไม่กลัวอีกเลย และราวกับดวงจันทร์กำลังพินิจพิจารณาเขาครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ค่อยๆลอยกลับลงมายังบึงน้ำแข็ง เมื่อเท้าเปล่าของเขาสัมผัสพื้นน้ำแข็งที่แตกออกเขากลับทำให้มันก็กลับสมานกันจนกลับเป็นแผ่นน้ำแข็งแผ่นใหญ่เหมือนเดิมได้อย่างมหัศจรรย์เพียงการสัมผัส เขายิ้มด้วยความประหลาดใจในความมหัศจรรย์นั้น มันเกิดขึ้นได้ยังไง เขาถามตัวเอง หรืออาจเป็นเพราะท่าน เขาถามในใจพร้อมมองไปที่จันทรากะจ่างดวงนั้น แล้วท่านทำเพื่ออะไร คำถามนั้นไร้คำตอบ

    เขาออกสำรวจไปรอบๆบึงอย่างเพลิดเพลิน แต่ก็ต้องแปลกใจกับไม้เท้าคล้องคอแกะบนพื้นน้ำแข็ง เขามองมันแล้วยิ้มบางและยื่นปลายเท้าไปแตะมัน ชั้ววินาทีนั้นผลึกน้ำแข็งจากปลายเท้าของแจ็คก็เลื้อยวนรอบไปตามเนื้อไม้ตรงจุดที่เขาสัมผัส น้ำแข็งเกาะไม้เร็วราวไฟลุกลามบนน้ำมัน ด้วยความประหลาดใจอย่างสุดซึ้ง แจ็ค ฟรอสต์ หยิบมันขึ้นมามองอย่างหลงใหล เพียงแค่สัมผัสปลายนิ้วของเขาปฏิกิริยาของมันรุนแรงกว่าที่เขาคิดไว้ เสี้ยววินาทีแสงสีฟ้าสดใสก็ส่องประกายออกมาพร้อมผลึกน้ำแข็งก็ได้วาดลวดลายบนไม้เท้าจากจุดที่จับมือถึงยอดและปลายของไม้เท้าอย่างรวดเร็วจนเกล็ดน้ำแข็งกระเด็นเข้าตาเขาอย่างตั้งตัวไม่ทัน แจ็ค ฟรอสต์ ยกมือขึ้นบังตาขณะนั้นไม้เท้าลื่นหลุดจากมืออีกข้างลงตีพื้นน้ำแข็งอย่างจัง น้ำแข็งคงแตกแน่ แจ็คคิด แต่กลับกัน ผลึกน้ำแข็งจากไม้เท้าเลื้อยไปตามพื้นน้ำแข็งเพื่อแช่แข็งน้ำแข็งอีกทีเช่นเดียวกับรอยยิ้มที่เลื้อยไปบนปากของเขาซึ่งจะฉีกถึงหูในอีกไม่นานนี้ เขาตื่นเต้นเกินจะบรรยาย เขาได้พลังพิเศษมามันคืออำนาจของฤดูหนาว!

     

                เขาหยิบไม้เท้าตรงไปที่ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ที่สุด เขามองมันด้วยความร่าเริงต่อมาเขาก็สะกิดต้นไม้ด้วยไม้เท้า เป็นอย่างที่แจ็คคิด ผลึกน้ำแข็งลามขึ้นไปบนต้นไม้เหมือนไม้เลื้อยฤดูร้อนโหยหาแสงแดด เขาเอื้อมมือไปลูบผลึกน้ำแข็งอย่างคลั่งไคล้ เกินจะบรรยายทีเดียว...เขาได้สิ่งที่มหัศจรรย์อย่างนี้มาไว้ในมือของเขา เจ๋งเท่สุดยอด หัวใจของเขาพองโตด้วยความตื่นเต้น ราวจะโดดออกมาจากอกของเขา เขายิ้มอย่างบ้าคลั่ง เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ เรามาหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า แจ็คคิด เขากระโดดลงบนพื้นน้ำแข็งและออกวิ่งลากไม้เท้าไปบนพื้นลื่นๆ แจ็คกู่ร้องด้วยหัวใจที่เบ่งบาน เนื่องจากความเร็วที่เขาวิ่งเขาลื่นและหมุนไปบนพื้นอย่างควบคุมไม่ได้และอีกไม่กี่วินาทีเขากำลังจะชนกับเนินหินข้างหน้า

     

               ลมและหิมะพัดมาวูบหนึ่งยังไม่ทันที่แจ็คจะอ้าปากร้อง ลมก็พาตัวสูงๆของแจ็คลอยสูงขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็วสูงขึ้นไปเหนือป่าและเหนือบึง เขาพยามทรงตัวในอากาศ ช่วงหนึ่งเขาเห็นฝีมือที่เขาสร้างบนพื้นน้ำแข็งของบึงใหญ่ในมุมสูงมันสวยเหมืนงานศิลปะชิ้นโบแดง มีผลึกน้ำแข็งทั่วทุกตรารางนิ้วของพื้นน้ำแข็งและมันเรียงตัวกันอย่างอิสระ ไม่ทันที่จะได้หายใจสักเฮือกเดียว ลมก็เปลี่ยนทิศและหายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย  แจ็คตก...และกำลังดิ่งอย่างรวดเร็วสู่พสุธา เขาร้องออกมาด้วยความตกใจในขณะที่ร่างกายของเขาปะทะกิ่งไม้หนาๆเสียงร้องและเสียงโครมครามดังไปทั่วป่า การดิ่งหยุดลงตรงกิ่งไม้กิ่งใหญ่ที่สุด แจ็คคว้ามันได้อย่างหวุดหวิดก่อนจะตกลงไปกระแทกพื้นข้างล่างแต่ใบหน้าและลำตัวฟาดกับกิ่งไม้ดังโครมหิมะร่วงจากกิ่งสู่กิ่งตรงจุดที่เขานอนอยู่ กามและซี่โครงของเขาเจ็บปวด แจ็คเกร็งนิ้วเท้าที่เย็นเฉียบแก้ปวด มือของเขายังกำไม้เท้าแน่นอย่างหวงแหน ความเจ็บแบบไหนก็คงเทียบไม่ได้กับความเจ็บที่ตกลงมาจากที่สูงสองร้อยฟุตฟาดไปฟาดมากับต้นไม้ แต่มันเป็นความเจ็บที่ตื่นเต้นดีถ้าโชคดีตกมาไม่ตายอย่างเขา แจ็คตกจากความสูงสุดขั้วโดยไม่เป็นอะไรมาก เขาขยับกามตนเองแก้ปวด แต่ก็ไม่วายที่จะหัวเราะกับความโชคดีของกับตนเอง

          เสียงเพลงลอยแว่วมาแต่ไกล เรียกความสนใจของ แจ็ค ฟรอสต์ อยู่หมัด บางเบาและไพเราะ แจ็คปีนขึ้นไปนั่งยองๆบนกิ่งไม้ด้วยเท้าเปล่า พยามมองหาต้นเสียงและเขาก็เจอ ไม่ไกลจากเขาคือหมู่บ้านที่เรืองรองในความมืด รู้สึกจะเป็นเพราะงานเลี้ยง เขาคิดในใจ

                แจ็ค ฟรอสต์ ให้ลมหนาวพัดเขาเหาะไปบนฟ้าจนไปถึงหมู่บ้าน เมื่อถึงพื้นแจ็คแทบไม่รู้วิธีลงจอด เขาต้องล้มกลิ้งล้มหงายตีลังกาไม่เป็นท่าจนผ้าคลุมติดเกล็ดหิมะของเขาขึ้นมาคลุมหัวตัวเอง เขากลิ้งไปมาและในที่สุดเขาก็ทรงตัวได้ แจ็คมองไปรอบๆเห็นผู้คนพลุกพล่าน เด็กๆกำลังเล่นกัน มีกระท่อมอยู่ไม่เกินยี่สิบหลัง แต่ละหลังจุดไฟอย่างสว่างไสวดูคุ้นตา แจ็ค ฟรอสต์ เดินดุ่มๆเข้าไปกลางฝูงชน

                “หวัดดีฮะเขาพูดกับผู้หญิงคนหนึ่งแต่เธอไม่มองเขาและเดินผ่านเขาไปอย่างไร้น้ำใจ แจ็คก็ไม่สนเธอเช่นกัน

                “หวัดดีฮะ รู้มั้ยที่นี่ที่ไหนเขาพูดเสียงดังกลางฝูงชนขณะเดินไปเรื่อยๆ ไม่มีใครหน้าไหนหันมามองเขา แจ็คเริ่มเอะใจ มีอะไรผิดปกติ ในตอนนั้นมีเด็กหญิงคนหนึ่งผมยาวสีน้ำตาลตาสีน้ำตาลเดินมาใกล้เขา ใบหน้าของเธอดูหมองเศร้าและคุ้นเคย แจ็ค ฟรอสต์ จ้องเธอด้วยความสนใจ แต่เขาก็ผ่านเธอไป ข้างหน้าเขามีเด็กกลุ่มหนึ่งเดินมาทางเขา แจ็คไม่หลบเพราะเดี๋ยวพวกเขาคงหลบให้เขาเอง แต่แล้วเด็กชายคนหนึ่งก็เดินทะลุตัวของเขาไปเฉยๆ ผ่านร่างกายของเขาราวกับเขาเป็นวิญญาณธาตุอากาศไร้ตัวตน แจ็คเซด้วยความตกใจ ไม่ทันไรชายอีกคนข้างหลังเขาก็เดินทะลุตัวเขาไปหน้าตาเฉยเช่นกัน

    แจ็คแทบจะทรุดเข่าลงตรงนั้น ความหวั่นไหวแผ่ขยายไปตามแขนขาและตกไปหนักอึ้งอยู่สมองกับหัวใจของเขา เขายืนมองไปรอบๆด้วยความตะลึงงัน ไม่มีใครมองเห็นเขาหรือได้ยินเขา ไม่มีแม้แต่คนเดียว แจ็ค ตระหนัก ความสับสนมากเกินกว่าที่จะอยู่ตรงนี้ต่อไปได้อีก แจ็ค ฟรอสต์ ผู้เป็นทุกข์พละออกจากผู้คน หันหลังให้พวกเขา ต่อไปนี้เขาจะโดดเดี่ยว แจ็คบอกตัวเองด้วยความเจ็บปวดแล้วเดินอย่างอ่อนล้าเข้าไปในป่าอันมืดมิตร กลับไปยังที่ๆเขามา และควรจะอยู่แต่เพียงผู้เดียว

             

     

     

    © themy�butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×