ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ้านวรา

    ลำดับตอนที่ #4 : -

    • อัปเดตล่าสุด 22 พ.ย. 65


    เขาถือไม้เบสบอลเดินไปในสวนรอบๆกับลุง เพื่อเช็กกุญแจบ้านแต่ละหลัง มีลมเย็นพัดมายามค่ำคืน มันไม่ร้อนเหมือนตอนอยู่ที่บ้าน เริ่มต้นที่ห้องผ้าได้มีการล็อคกุญแจหนาแน่น หน้าต่างทุกบานต้องไม่เปิด เช็กรถทุกคันที่จอดว่ามันได้ล็อคอย่างดี เดินวนไปที่ประตูรั้วมักุญแจดอกใหญ่และมีกลอนสลักไม้อย่างดี  เห็นมีห้องเล็กอยู่เป็นบ้านแบบห้องเดียว ตั้งอยู่ข้างประตูรั้ว เขาไม่ทันได้สังเกตฝั่งทางซ้ายเลย เพิ่งเห็นก็ตอนนี้ ที่ด้านในนั้นก็มีบ้านอีก 

    “บ้านไอ้ตี๋ โซนนี้ตี๋มันดู ปล่อยมันเราไม่ต้องไปดู” ลุงอธิบาย เขาเห็นตี๋ปั่นจักยานอยู่ไกลๆ เรายังคงเดินไปตามทางที่เขาเข้ามาครั้งแรก จนมาถึงลานจอดรถ ลุงก็เช็คดูทุกคันเป็นอย่างดี มีทั้งรุ่นเก่า ใหม่ ธรรมดาและราคาแพง ยามนี้เขาต้องมาทำแบบนี้ทุกวัน ตรวจความเรียบร้อยตรวจฟืนไปว่ามีตรงไหนที่ต้องเปิดหรือปิด 

    เมื่อมาถึงตึกใหญ่ ไฟก็ถูกปิดเรียบร้อยดี แต่เสียงนาฬิกาลูกตุ้มที่แกว่งเล่นเอาเขาสะดุ้งจนทำให้คุณลุงหัวเราะ จนมันตีครบตามชั่วโมงลุงก็พูดขึ้น

    “ตัวก็ใหญ่ทำไมตกใจง่าย” 

    “ผมก็ตกใจเป็นนะลุง..ใครอยู่นี่ล่ะ?” 

    “เห็นใคร..?”

    “เปล่าครับผมแค่ถามดู”

    “ถ้าเจ้าของบ้านไม่มาก็ไม่มีใครอยู่น่ะสิ เออ ถามมาได้ แต่คลังแสงอยู่นั่นหมด....เปิดไว้ระบายอากาศ ทำความสะอาดตลอดเวลา ของที่มันไม่ค่อยได้ใช้งานจะพังไว เดี๋ยวจะมีคนมาเปลี่ยนม่าน ต้องมาคอยดู มันเก่าขาดหมดแล้ว ม่านก็ต้องแบบเก่านะ แกไม่ชอบให้มันเปลี่ยนไป เฟอร์นิเจอร์นี่แหละจะหายากหน่อย ถ้าหาไม่ได้ต้องคอยซ่อมทำให้เหมือนอันเดิม” มันทำให้เขานึกถึงวันที่อรัญญาจะยิงเขา หากได้ยิงจริงเขาคงไม่รอด 

    “สรุป อรัญเคยยิงคนจริงๆไหมลุง?”

    “ยิงสิ ซ่อมจนเหนื่อย ประตูนั่นกะบานใหม่ ยิงทีมันกระจาย พังหมด ยามใครจะมาต้องรู้ก่อน แปลกหน้านี่ไม่รอด ต้องนัดหมาย” เสียงพูดเริ่มขึ้นจมูก ลุงยิ้มพูดเบาๆด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ เดินมาเรื่อยจนมาถึงบ้านอรัญญา เขาเห็นทีวีจอใหญ่ฉากแสงอยู่ในบ้านห้องด้านหน้ามันเป็นห้องรับแขก มีโซฟา และทีวีตั้งบนชั้นวางต่ำเหมือนบ้านทั่วไป  ลุงเดินเข้าไปเคาะประตูก่อนเปิดเข้าไป เขาเห็นซฟาอีกชุดฝั่งซ้ายมือ ด้านขวาเป็นประตูทางเข้าห้องรับแขกเป็นห้องที่ยื่นออกไปด้านหน้าตรงทางเข้ามา เขาเห็นโต๊ะมีคอมพิวเตอร์วางอยู่แต่มันคงไม่มีการถูกใช้งานในด้านความบันเทิง 

    “ลุง มีทีวีด้วย” มันเป็นทีวีจอใหญ่ที่ตั้งบนพื้นเหมือนมันจะมีระบบเครื่องเสียงที่ด้านล่างของจอ คงจะเป็นทีวีจอยักษ์รุ่นแรกๆ 

    “ก็บอกแล้วว่าบ้านคนธรรมดานี่แหละ” ลุงบอกเขาขณะที่ยืนรอ เขามองบันใดทางขึ้นที่ติดกับห้องรับแขกทางขวา เห็นเธอเดินลงมา คราวนี้ไม่ได้สวมซิ่นแต่สวมเสื้อยืดกางเกงนอนผ้ามันขายาวและมีเสื้อคลุมแบบบางสีม่วงอ่อนคลุมทับอยู่ เธอสาวผมที่ยาวถึงเข่าเพื่อจัดระเบียบก่อนรับเอากล่องกุญแจ เขาได้กลิ่นหอมๆคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จ

    “เมาเหรอ?” เธอมองหน้าและขมวดคิ้ว ลุงสาทหัวเราะอีกครั้ง

    “ครับ” 

    “ไปเอาผ้าห่มรึยัง?” เธอหันมาถามเขา เขาพยักหน้า 

    “พรุ่งนี้จะตัดผมให้ ..ถ้ามีแรง” ลุงพูด 

    “ลุงพูดตั้งแต่ผมหนูเท่านี้” เธอหงายฝ่ามือลงข้างสะโพก ไม่ได้มีรอยยิ้ม มันหมายถึงว่าคงนานมากแล้ว เขากลั้นหัวเราะ 

    “ครับ...ป่ะรีบไป ถ้าอยู่เดี๋ยวอารมณ์เสีย...อย่าลืมปิดบ้าน” ลุงลงท้ายด้วยความเป็นห่วง หันมาผลักเขาให้หันหน้ากลับทางเดิมที่เข้ามา พวกเราเดินออกมาจากบ้านและผ่านบ้านภาสิรีที่ปิดไฟทุกดวง ลุงก็กลับไปบิดประตูเพื่อความแน่ใจก่อนสาวเท้ามาหาเขาอย่างไว คงรีบหนีอรัญที่เพิ่งตำหนิไป เขาและลุงมาแวะที่ซักล้างมันเปิดไฟอยู่ 

    “ป้อมนอนยัง?”

    “ยัง....เอาอะไร?” เธอถามเมื่อเดินออกมาที่ชั้นวางผ้าห่ม หลากหลายขนาด ลุงชี้ให้เขาเลือกผ้านวม เขาจึงเดินไปหยิบผ้าห่มนวมแบบบางสีฟ้าอ่อนแทน 

    “เอามาเปลี่ยนเดือนละครั้งนะป๊อบอย่าให้ป้าไปตาม” 

    “ครับ” เขารีบรับคำเพราะเธอพูดจาเสียงดัง เมื่อเดินกลับมาที่ครัวเขาเหลียวเห็นตี๋ยืนเช็คประตูหลังบ้านใหญ่ตรงสระว่ายหน้ำอยู่ เขาและลุงจึงเดินไปสมทบเห็นตี๋เขย่าประตูบานเลื่อนอยู่อยากออกแรง 

    “เหมือนมันจะหลวม” ตี๋พูดพลางชี้ร่องประตูที่ดูห่างนิดหน่อย 

    “อื้อ พรุ่งรีบไปหามาเปลี่ยน ติดกลอนด้านในใหม่ เบอร์นี้มันน้อยกว่าอันเก่า เดี๋ยวลุงไปหาซื้อมาเอง” ตี๋ยังคงเขย่าเพื่อความแน่ใจว่ามันจะไม่ถูกเปิดง่าย 

    “อ่ะ ได้อยู่หรอก” 

    เขาต้องอาบน้ำใหม่เพราะเหงื่อออก ที่ห้องของเขามีห้องน้ำอยู่ จึงรู้สึกโอเค เมื่อดับไฟในห้องแต่ไฟที่ระเบียงยังเปิดอยู่ เขารู้สึกเย็นสบายตัวห้องก็ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนอยู่ที่บ้านเขา เขาเกิดรู้สึกเพลียพลางคิดว่าตอนนี้ทุกคนคงกำลังทำอะไรอยู่ เกิดห่วงอรัญญาขึ้นมาว่าเธออยู่ได้หรือไม่แต่เมื่อนึกถึงคลังแสงที่เธอถืออยู่ก็คงจะสบายดี ไม่มีอะไรน่าห่วง 

     

     04.45 น. เขาตัดการทำอาหารตามรายการ มันเป็นชุดอาหารไทยอย่างพวกผัดผัก แกงแพนง แกงจืด เขาเห็นผักบางส่วนถูกจัดแข่น้ำไว้แล้ว ทั้งยังมีหม้อใส่กล้วยบวชชีตั้งอยู่ ป้าป้อมคงจัดไว้ให้ ทุกคนคงแยกย้ายไปทำอย่างอื่น แบบนี้คงทำไม่ยากอะไร เสียงเครื่องทำความเย็นของตู้แช่ยังดังเป็นระยะ เขาเหลียวมองหน้าต่างที่ชั้นบนของตึกใหญ่ เห็นอรัญยืนง่วนกับผ้าในมือ คงกำลังจัดเก็บอะไรบางอย่างและคงเริ่มเปิดบ้านกันแล้วในตอนนี้ เขาหยิบถุงเครื่องแกงในตู้เย็นออกมาเตรียมจัดการผัดกับกะทิสดที่เขาผัดไว้ เสียงเปียโนดังขึ้นแสดงว่าบ้านคงถูกเปิดแล้ว มันดังแค่สามสี่ท่อนสั้นๆและจบลง มันน่าจะเป็นเพลงฝรั่งเศสเพลงคลาสสิคทำนองนั้น 

    “...ป้าหุงข้าวไว้แล้ว” ท่าที่เร่งรีบของป้าป้อมที่ย่างกรายเข้ามาทำให้เขางงงวย ขณะที่เขาผ่าหัวผักกาดขาวระหว่างรอเนื้อที่ผัดสุกอยู่ เธอหยิบจานถ้วยออกมาจัดเตรียมใกล้ๆ มันเป็นชุดจานชามที่อยู่อีกตู้ 

    “ทันครับยังใงก็ทัน ไม่ต้องห่วง”

    “เดี๋ยวอรัญจะกินข้าวบนตึกใหญ่นะ วันพระนะวันนี้ เลยต้องจัด” เธออธิบายพร้อมกับง่วนในการจัดถาดไว้ ป้าไหมนั้นหอบดอกบัวมาจัดเรียงเป็นชุดๆที่แคร่ไม้ด้านหน้า

    “จะไปวัดเหรอครับ?” เขาเหลียวมองปิ่นโตที่หยิบออกมาจากชั้นและเรียงไว้ พลางเร่งมือตามความเร่งรีบ 

    “ใช่....ลุง ...ลุง บอกอรัญรึยังว่าจะมีคนมาเปลี่ยนม่าน!?” ลุงสาทที่เดินคีบบุหรี่เดินมาอย่างช้าเหมือนกับเดินเล่นไม่เร่งรีบ 

    “ลืม” ตอบเบาและเรียบง่าย 

    “โอ้ย เนาะ!!” 

    “เล่นแต่เช้าเนาะวันนี้ ตกใจหมด” ลุงสาทไปยืนพูดอยู่กับป้าไหม พูดกันเป็นภาษาท้องถิ่น 

    “ไปอยู่ไหนมาล่ะเมื่อกี้?” เธอถามด้วยเสียงขำขัน

    “หน้าตึกสิ กำลังจะเปิดหน้าบ้าน” คุณลุงเป็นคนพูดแบบใจเย็น ไม่ใส่อารมณ์ในท้วงทำนองที่พูด พูดด้วยรอยยิ้ม ป้าไหมหัวเราะ

    “เห็นไหมล่ะ?”

    “เห็น..อรัญนั่งเล่น ...ตกใจไม่กล้ากวนเลยออกมาก่อน” ลุงมองมาทางเขาที่หันมาหยิบทับพี่ตักแกง เขาสงสัยที่ลุงบอกคนธรรมดา แต่ดูเหมือนทุกคนจะให้ความสนใจ และชื่นชมอรัญญาเอามาก เขาหรือจะกล้าเล่นหัวหรือพูดคุยกับเธอ 

    “.....?” ลุงสาทหยุดพูดทั้งป้าไหมทำให้เขาเหลียวไปมอง เห็นอรัญญายืนถือกล่องกุญแจที่ไปให้เมื่อคืนอยู่ เขานึกขำเพราะเพิ่งจะนินทาไปเมื่อกี้เลยพากันหยุดจังงังเมื่อเจ้าตัวมา ลุงยังยกบุหรี่มือค้างเหลียวมองอรัญญาที่ตัวเล็กกว่า 

    “อะไร...ไม่เห็นมาเอากุญแจรถล่ะ?” เธอพูดพร้อมกับยื่นกล่องให้ ลุงจึงรับมาวาง มันเป็นกล่องไม้ใส่กุญแจต่างๆ อรัญขมวดคิ้วก่อนหันกลับเพื่อเดินกลับไป

    “อรัญ วันนี้จะมีคนมาเปลี่ยนม่านนะ สายๆ!!” ป้อมร้องบอก 

    “เดี๋ยวจะบอกเอง ดู จะเอาผ้าไปให้อรัญก่อนเดี๋ยวจะไม่ทัน” เธอหยิบกุญแจในกล่องก่อนเดินอุ้ยอ้ายไปทางหลังบ้านภาสิรี คงเพราะเพิ่งลุกเลยต้องออกความพยายาม 

    ตะวันขึ้นในยามสายแดดอ่อนๆ ตี๋ปั่นจักรยานเข้ามาจอดที่ครัวยื่นถุงปาท่องโก๋ลงแคร่ กลิ่นโอวัลตินกลิ่นกาแฟเริ่มคละคลุ้ง เพราะเริ่มมีการกินอาหารเช้า ป้าไหมป้าป้อมนั้นคงอาบน้ำเตรียมตัวที่จะไปวัดกัน ตี๋บอกว่าบางวันจะมีคนเอาของแบบนี้มาส่งให้ พร้อมจดหมายถึงอรัญ เขาเหลียวมองบ้านอรัญญา เห็นเธอเดินเข้ามาที่ห้องด้านหลังที่ทำเป็นครัวเล็กๆ หล่อนเปิดตู้เย็นอยู่ บ้านอรัญญานั้น ไม่ค่อยเปิดไฟ มันมีแต่แค่สลัวๆยามค่ำคืน อยู่แบบมืดๆ

    “ไม่อยู่บ้านนี่กะอยู่บ้านนั้น ไม่ค่อยออกมาเจอใครหรอกกลางวัน” ลุงอธิบาย

    “เห็นอรัญไหมเมื่อเช้า?” ตี๋ยิ้มแหงนหน้าถามลุงที่ยืนอยู่

    “เห็นเล่นเปียโนอยู่ ใจหายใจคว่ำเนาะ กำลังว่าจะไปเปิดหน้าบ้าน” ลุงใช้มือลูบท้อง เป็นอันว่าเขาและครอบครัวมีบุญที่ได้เจออรัญญาตอนกลางวันสินะ เพราะหลังจากที่เข้าบ้านมานั้นก็ไม่เห็นอรัญญาจนค่ำค่อยออกมา 

    “อรัญเป็นลูกสาวเจ้าของบ้านเหรอครับลุง?” เขาเอ่ยถามขึ้น ไหนๆก็จะมาอยู่ที่นี่แล้ว

    “ใช่..วรา..เจ้าของบ้าน ตอนนี้บ้านเป็นของลูกชาย ..ไถ่ ลูกชายเดียว” ลุงอธิบาย 

    “เฮียไถ่ แกชื่อ คุณอธิป คนในรูปในบ้าน หล่อไหม จะสี่สิบห้าแล้ว” ตี๋โน้มตัวมาบอกเขาส่ายหน้าไปทางตึกใหญ่ เขาพยักหน้า เขาไม่รู้สึกว่าอรัญมีเชื้อสายจีนเลยสักนิด หน้าตาก็แตกต่าง สงสัยจะออกไปทางแม่หรือพ่อ ซึ่งเขาก็ไม่เคยเห็นคุณวราและคุณนายที่ว่ามา ซึ่งถ้าอรัญญาเป็นน้องสาวอายุก็ห่างกันมากโข

    เขาช่วยป้าป้อมยกสำรับกับข้าวเข้าบ้านใหญ่ เจอตี๋นั่งตรงบันใดทางขึ้น 

    “รอก่อนครับ เขาไม่ให้ขึ้น” ตี๋บอก สักพักป้อมก็ลงมารับเอากับข้าวขึ้นไปยังชั้นบน เขาไม่สงสัยอีกแล้ว ห้ามคือห้าม ไม่ขึ้นก็ไม่ขึ้น ตอนนี้ทั้งบ้านเหลือแค่สามคน ก็ปล่อยตามนั้น น่าจะมีไหว้พระด้วยเพราะถูกจัดใส่แจกัน ข้างบนคงเป็นห้องพระซึ่งป้าป้อมสวมชุดขาวขนดอกไม้ขึ้นไปแล้ว 

    ช่วงสายๆเมื่อคุณลุงสาทกลับมาก็มีรถอีกคันตามมา รวมทั้งผ้าที่ถูกห่อ รางผ้าม่าน ถูกขนลงจากรถ เขาเห็นป้ายทะเบียนรถมันมาจากต่างจังหวัด ตัวรถมีตัวอักษรติดไว้เขียนว่า เอกลักษณ์ผ้าม่าน คงมาตามที่บอก พวกเขาต้องยืนเฝ้าช่างที่จัดการเปลี่ยนม่าน อีกคนก็สวมตะขอม่านจีบ เขารีบเข้าไปช่วยเพราะลุงอยากให้เสร็จไวๆ เขารู้ได้ทันทีว่าสีไหนอยู่ส่วนไหนของบ้าน เพราะอยากคงความเหมือนเดิมตามที่ลุงบอก แต่จำต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เพราะมันเก่าแล้ว

    ด้านบนนั้นถูกส่งต่อไปให้อรัญญาและป้าป้อมโดยอุปกรณ์ช่างถูกส่งให้ เพราะห้ามขึ้นไปยังชั้นบน คงมีทรัพย์สมบัติมาก ถูกห้ามและขึ้นได้เฉพาะบางคน เขานั้นออกจะห่วงว่าพวกเธอทำได้ หลังจากที่ช่างเสร็จงานก็ทยอยกลับ เขาชะเง้อได้ยินเสียงสว่านอยู่ชั้นบนที่ต้องติดม่านสองชั้น ทั้งม่านจีบและม่านตาไก่ 

    “ไม่ต้องห่วง ทำได้ อรัญเก่ง มาช่วยลุงเปลี่ยนกลอน” สลักกลอนมันเล็กกว่าช่อง นั่นทำไมมันจึงหลวมและไม่แน่นตามที่ลุงบอกเขาจึงช่วยลุงเปลี่ยน นึกถึงช่างที่ชมว่าบ้านสวยเหมือนย้อนยุคต่อให้เปิดเข้าชมก็ยังทำรายได้ได้อีก เพราะบ้านมันเก่าทรงสวย และยังคงสภาพดีเพราะถูกซ่อมแซมดูแลสภาพบ้านอย่างดี ขณะที่เปลี่ยนเขาจึงถามลุงเป็นการชวนพูดคุย 

    “แล้วบ้านอื่นไม่ต้องเปลี่ยนเหรอครับ?”

    “ไม่ต้อง มันยังใช้ได้ หลังอื่นถ้าพังค่อยหามาเปลี่ยนเอา แต่หลังนี้มันนานแล้ว ขาดเปื่อยหมดแล้ว ซักอีกครั้งกะไม่เหลือแค่จับเฉยๆยังขาด เห็นไหม” 

    “ครับ” 

    “แป๊บเดียวจะหมดวันแล้วเห็นไหม ทำอะไรทันบ้าง” ลุงพลางบ่น เขาและลุงกลับไปที่ห้องครัวเห็นตี๋ทานข้าวเพิ่งเสร็จ กำลังยกกระติกน้ำขึ้นดื่มก่อนที่จะลุกเอาจานไปเก็บด้านใน ลุงจึงชวนทานข้าวรอบบ่าย เขานั่งลงบนแคร่และตักข้าว ต้องทานอาหารที่ทำวันนี้ เขาเหลียวมองไปในบ้านเพื่อรอดูว่าจะมีใครออกมาไหม ที่สุดก้เห็นป้อมลงมาชั้นล่างพร้อมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ มาคนเดียว

    “กินเลย กินเลย.. เดี๋ยวป้อมเขาจัดการเองนั่นแหละ ....อรัญล่ะ?” 

    “นอนอยู่ห้องพี่ชายเขา สงสัยจะคิดถึง” เธอหัวเราะ ที่นี่พูดภาษาถิ่นกันตามปกติ

    “คิดถึงนั่นล่ะ...วันพระ ขึ้นนอนห้องพี่ชายไม่ก็วนเวียนอยู่ในบ้านใหญ่ไม่ไปไหน กินในบ้านอยู่ในบ้าน” ลุงอธิบายนั่งพันยาเส้นลงกระดาษมวน เขานั่งทานเงียบๆ 

    “แกสนิทกัน ..ถ้าเห็นอะไรก็ไม่ต้องตกใจ มันเป็นเรื่องปกติ” 

    “ครับ” 

    “กินข้าวเสร็จ เดี๋ยวไปเก็บสะเดากับป้อมมาลวกให้เขากิน ..อยากกินกับป่นเมื่อวาน” คงหมายถึง อรัญญาที่อยากกินสะเดาลวก คนบ้าอะไรกินข้าวแต่ละอย่างขัดกับเสื้อผ้าหน้าผม ลุงหัวเราะคงรู้ว่าเขาคิดแบบนี้ 

    “ปลาร้า แจ่วบอง ผักดอง กินเป็นหมด ไม่เรื่องมาก ตำส้ม ทอดไข่เฉยๆก็กินได้ แต่วันพระจะกินแบบนี้ แต่อธิปไม่กินแบบนี้นะ ถ้าไม่ของเหลาไปเลยก็อาหารจืด ที่แกกิน” เขาไปหยิบปากกามาจดข้อมูลเผื่อว่าเขามาจะได้ดูเมนูไว้ได้ถูก เขาได้เช็กของในตู้แช่มีเนื้อไก่ เนื้อหมูและเนื้อวัว พวกอาหารทะเลแช่อย่างปลาหมึก กุ้ง ปลาดอลลี่ มีแซลมอล ลุงอธิบายว่า อันนี้สำรองไว้หากคุณอธิปมาจะกินต้องเป็นของสด ไม่ใช้ของแช่ คนจะเอามาส่งก่อนเวลาที่จะมา 

    “เวลาอธิปมา ถ้าไม่ถามหาไม่เรียก ไม่ธุระ ก็ไม่ต้องไปคุย แกไม่ได้หยิ่ง แต่คือแกรู้แล้ว”

    “ครับ” 

     

    ทุกวันจะเป็นแบบนี้ ได้คุยกับอรัญญาแค่เฉพาะตอนออกมาทานข้าว  ตอนเช้าก่อนฟ้าสางหรือตอนเย็นที่พระอาทิตย์ตก นั่นทำไมเธอจึงมีผิวซีดเพราะมันไม่ได้โดนแสง เขาเริ่มที่จะชินกับการทำกิจวัตรต่าง ๆ ตื่นทำอาหาร เก็บล้างถ้วยชาม ทำความสะอาดตามที่ต่าง ๆ อะไรฟังก็ซ่อม มีพักงีบช่วงกลางวัน ช่วงบ่ายแก่ๆหากทำอาหารเย็นเสร็จและยังไม่ถึงเวลาเขาก็จะไปกวาดพวกใบไม้หน้าตึกและใช้เวลานั่งเล่นบ้าง หลังอาหารเย็นก็เก็บล้างทุกอย่าง 

    เขาเริ่มรู้จักแยกครัวทำอาหาร หากเป็นจำพวกปลาร้าหรืออาหารพื้นบ้านก็จะไปลานด้านหลัง ที่นั่นมีหมด ผักผลไม้ดองในตุ่ม ถึงเวลาก็ตักแพคใส่ถุงเข้าแช่เย็น โวนหลังนี้จะทำหลายอย่างจำพวกเนื้อตากแห้งเนื้อแดดเดียว ปลาแห้ง พริกแห้ง จะตากแดดไว้เป็นถาดๆ ตกเย็นก็เก็บ เป็นหน้าที่ของป้าๆเขา มะละกอหรือมะม่วงหากสุกแล้วก็มาทำเป็นของหวานหลังอาหารเย็นทำนองนั้น

    เย็นวันนี้เขามากวาดพวกใบหูกระจงที่มันร่วงช่วงทางเดินหน้าตึก เห็นอรัญญาออกมานั่งอ่านหนังสือที่เก้าอี้หวายบนระเบียง เขาไม่สนใจเพราะไม่อยากจะพูดคุยเพราะเดี๋ยวเธอหงุดหงิด จนทุกวันนี้ลุงสาทก็ไม่ว่างตัดผมให้เธอ นึกขึ้นได้เขาก็อดที่จะยิ้มไม่ได้ พอว่างก็เป๊กเหล้าเมาแล้วหาอะไรทำไปเรื่อย แล้วแบบนี้เมื่อไหร่หล่อนจะได้ตัดผม 

    “อ่ะ!” ตี๋ปั่นจักรยานมาส่งถุงตลิงปิงให้

    “เอามาจากไหน?” เขาเอ่ยถาม 

    “ต้นด้านในโน่น ติดหนองน้ำ เต็มต้นเลยเก็บมาให้ เผื่ออยาก” 

    “นี่!” อรัญญาที่ยืนอยู่บนระเบียงยืนขึ้นพูดกับพวกเขา เธอเดินย้อนกลับเข้าห้อเหมือนว่ากำลังจะลงมา ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เธอเดินออกประผ่านห้องนั่งเล่นออกมาหาพวกเขา และดึงถุงจากมือเขาเอาไปเปิดส่ง

    “ตรงไหน?” เธอถาม

    “หนองน้ำด้านใน” 

    “ป่ะ ไปดู” พูดจบเธอก็เดินไป 

    “อย่าครับ อย่าจับครับ อย่าครับ ...ลุง!!” ตี๋ร้องโวยวายเมื่อถูกอรัญจูงแขนและพลอยมาถึงเขาไปด้วย อรับทั้งลากทั้งอีกมือถลกชายซิ่นเดิน ตี๋ยิ่งโวยวายใหญ่ 

    “ลุงครับ” เขาช่วยเรียกไม่นานลุงก็เดินมาด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้

    “ปล่อยก่อน....อรัญ ปล่อยตี๋ก่อน ปล่อยเขา ไปจับเขาทำไม” พูดพลางยกมือราวไม่อยากแตะต้องตัวเธอ เขาชักสนใจตรงที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องเพราะตี๋เองก็ร้องปานถูกงูตัวใหญ่กำลังจะเอาชีวิต  อรัญหยุดเดินเมื่อมาถึงหน้าบ้าน เธอหันมาคว้าถุงจากมือเขา

    “อยากเห็น!” เธอบอก ลุงถอนหายใจเมื่อเธอปล่อยแขนเจ้าตี๋ และเปิดถุงออกดู 

    “มา จะพาไปดู... เดินไกลๆ”

    พูดจบลุงก็พาเดินเลยที่จอดรถหน้าตึก ที่ลุงบอกว่าส่วนนี้ไปตี๋จะดูแล ส่วนนี้มีต้นน้อยหน่าอยู่มาก ทั้งต้นทับทิม ตี๋เล่าให้ฟังว่าไม้ผลส่วนใหญ่ตี๋จะปลูกไว้ ทั้งมะกอกน้ำ เห็นลุงบ่นว่าโตขึ้นมาก ตี๋ปลูกมาสิบกว่าปีตั้งแต่ยังเด็ก เพราะไม่มีอะไรทำ ทำอย่างที่พ่อของตี๋พาทำจนโตและอยู่ได้จึงไปช่วยงานที่บริษัทในเมือง ตี๋เล่าขณะเดิน 

    “ทำไมไม่กล้าแตะอรัญกัน ทำไม?” เขาเลยถาม 

    “ก็ก่อนหน้านี้สักสามปีได้มั้ง พี่อ้อด ลุงตาสงแกเคยอยู่ที่นี่แหละ...จับตัวอรัญ อธิปมาเห็นเข้าจากนั้นก็..เดี้ยง เจอหลังแหวนตามด้วยหมัด และอื่นๆอีกมากมาย  ..ไม่เหลือเค้า ใครก็ไม่กล้าห้าม เลือดขึ้นหน้า” ตี๋อธิบายเป็นภาษาถิ่น บอกอธิปถึงกับเลือดขึ้นหน้าโกรธแต่ละทีถ้าไม่มีปืนก็เห็นเป็นกระสอบทราย ด้วยความว่าตัวใหญ่มากไม่มีใครกล้าหือและไม่มีสิทธิ์หือ พอไปพักอยู่ที่โรงพยาบาลอธิปออกค่ารักษษให้ก็ไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย เห็นว่าย้ายไปเมืองหลวง ตาสงเลยได้ไปทำบริษัทในเมืองกับพ่อของตี๋ 

    “แล้วไปจับทำไม?” 

    “ก็ อรัญทำแจกันตก เศษกระเบื้องเลยบาดมือ พี่อ้อดเลยเอาผ้าพันมือให้”

    “แค่นั้น!?” เขาหยุดเดินหันหน้าเข้าถาม

    “ก็ถ้าจะว่ามันก็แค่นั้นแหละที่ผมเห็น ...แต่มันก็ไม่ทุกอย่าง สายตาที่พี่อ้อดมองอรัญมันเหมือน....เข้าใจไหม ขนาดผมยังคิดอย่างนี้”

    “...แต่มันก็ไม่น่าจะทำกันขนาดปางตาย”

    “ไม่ได้หรอก ..แกหวง ตั้งแต่นั้นมาผมไม่กล้า ไม่มีใครกล้า ดู ขนาดลุง!!” ตี๋ยิ้มในตอนท้าย 

    “ยี้!!” เสียงเธอร้อง เธอลูบแขน เขาเห็นลุงหัวเราะเพราะเธอคงขนลุกจริงๆ เขาไม่เข้าใจว่าทำไม 

    “ไม่เคยเห็น สงสัยมันจะขึ้นแบบนี้ ไม่เป็นพวงเหมือนมะม่วงลำใย” ลุงอธิบาย อรัญไม่เคยเห็นพืชที่เกิดจากลำต้นมาก่อน นี่เป็นต้นแรกที่เธอเคยเห็นรู้สึกว่ามันแตกต่างจากพืชทั่วไปเลยรังเกียจ เขาเห็นขนแขนเธอลุกจริงๆ เธอลูบแขนและยกซิ่นรีบเดินกลับทางเดิมอย่างไม่รั้งใครให้ไปด้วยอีกแล้ว

    “ตี๋..ถางหน่อยนะเดี๋ยวยุงจะกัด เมื่อกี้กัดอรัญสี่ห้าตัว” ลุงพูดพลางชี้ต้นหญ้ารอบหนองน้ำเล็กๆ 

    “ครับ ลุงก็อย่าพามาสิ”

    “ครับ ไม่ได้อยากมาดอกครับ แต่โน่น..มึงห้ามเขาได้ไหม?” ลุงถามอย่างยิ้มๆ เหมือนลุงพุดกับหลาน ไม่ได้จงใจไม่สุภาพ แต่เขาหัวเราะ อรัญคนเดียวมีปัญหาทั้งบ้าน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×