คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ช่วยอรัญญา
เมื่อทุกคนจัดกับข้าวให้อรัญได้กิน ป้อมนั้นเก็บมะเฟืองและกล้วยตานีดิบมาจัดการสับและหั่น คงจะตำให้อรัญญาลอง อรัญญานั้นสนใจเป็นอย่างยิ่งแค่มีกระปุกปลาร้าและปูดองก็กลืนน้ำลายแล้ว มันเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจให้อรัญญานั้นตื่นตัว นอกจากนั้นยังสรรหานิทานมาเล่าอยู่เป็นประจำ ไม่ก็เรื่องราววีรกรรมสมัยเด็ก ฯลฯ อรัญก็จะฟังเงียบๆขณะกินข้าว
เขาปั่นจักรยานคันเก่าไปหาตี๋ที่ด้านหน้า และขอใช้โทรศัพท์มือถือที่วราเคยให้มาเป็นของขวัญ มันมีราคาแพงเขาจึงให้คนอื่นใช้เพราะคงใช้ไม่เป็น
“มีเบอร์อธิปไหม?”
“มีครับ” ตี๋กดปุ่มอยู่สองสามทีก่อนยื่นโทรศัพท์ให้เขา
“ครับ” เสียงอธิปดังที่ปลายสาย
“พ่อสาทนะ ได้ยินไหมนี่”
“ครับ ได้ยิน ว่ามาเลย”
“...เขาคิดถึงแล้วนะ ไม่มาเหรอ?” รู้สึกอายนิดหน่อยที่จำต้องบอกว่าอรัญนั้นคิดถึงอธิปต่อหน้าตี๋ที่ยิ้ม
“...ขนาดไหนแท้ เขาบอกเหรอ?”
“ของแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ ..ว่ายังไงล่ะ จะมาไม่มา?”
“...เพิ่งลงเครื่อง เดี๋ยวไปคืนนี้ล่ะ”
“มันต้องแบบนี้แหละ แค่นี้แหละมันเปลืองค่าโทร” เขามองโทรศัพท์อย่างไม่รู้จะกดปุ่มไหนจึงยื่นให้ตี๋
“มันเสียค่าโทรแบบไหนนี่ตี๋?”
“ขูดบัตรเติมเอา แต่ของเราบ้านนั้นเขาไปจ่ายให้ทุกเดือน เหมือนโทรศัพท์บ้านนี่แหละ” ตี๋อธิบาย เมื่อเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมอง
“เออ...ถ้ามีแฟนนี่โทรแล้ว มึงไม่มีแฟนเหรอ?”
“ลุงก็ถามมาได้ จะให้โทรหาใคร มีแต่เบอร์บ้านโน้นกับป้าไหม จะโทรคุยก็ยังไงอยู่มันไม่มีเรื่องคุย” เขาหัวเราะ ต่อไปถ้าหากอรัญมีอาการแบบนี้อีกจะเป็นเขานี่แหละจะเป็นคนที่โทรไปบอกอธิป เขาไม่รู้ว่าเริ่มห่วงอรัญญาเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ คงอยู่กันมานานเลยเอ็นดูเธอเหมือนที่เอ็นดูตี๋
“ตี๋...ได้เห็นอรัญบ้างรึเปล่าช่วงนี้?”
“ใครเขามาคุยกันเรื่องนี้ลุงยิ่งกลัวๆอยู่ ก็มีบ้าง ..แต่พอนึกบอกในใจว่าอย่ามาหาเลยตี๋กลัว ก็หายไปเลย ไม่สนใจก็ไม่ได้ ต้องแยกให้ออกว่าคนรึผี” มันลำบากใจก็ตรงที่เห็นแล้วต้องแยกให้ออกว่าเป็นใคร ไม่เพียงเท่านั้น จะวิ่งหนีเดินหนีก็ไม่ได้เพราะความที่กลัวว่าคนที่มาให้เห็นจะเสียใจนี่แหละ ลำบากใจไม่น้อย
“เออ เหมือนกันแหละ มาแต่ละครั้งหัวใจจะวาย” อรัญเองก็คงเช่นกัน เขานึกถึงที่คุยกับวราหรือเมื่อตอนที่เจอลูกของอธิปนั้น อรัญญามักจะมองให้แน่ใจอยู่เสมอ ไม่แน่ใจว่าอรัญญาเองก็คงจะเจอน้องบ่อยเหมือนกัน จะหยิบปืนเล็งแต่ละครั้งไม่เล็งแค่ให้โดนไม่โดน ก็คงจะมองนั่นแหละว่าผีหรือโจร เพราะถ้าเป็นผีก็คงจะเสียกระสุนเปล่าๆ ทั้งยังได้ซ่อมบ้านอีกต่างหาก ในความคิดของเขา
ปัง!! เสียงปืนดังตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของอรัญ เขาและทุกคนวิ่งขึ้นไปตามเสียงที่ชั้นบน เห็นอธิปนั่งโอบกอดอรัญญาที่ร้องไห้อยู่ที่หน้าห้องของอธิป อธิปยกมือขึ้นเบาๆไม่ให้เอะอะ เพราะป้อมนั้นค่อนข้างที่จะดูตื่นๆ เขามองที่ประตูห้องที่เป็นรูและไม้แตกออก อธิปส่งปืนออโต้มาให้เขา ขณะที่อรัญญานั้นใช้มือปิดหน้าอย่างสะอื้นร่ำไห้
“ไม่เป็นไร ไม่โดน เข้าใจไหม นี่ดู..มอง” อธิปจับข้อมือเธอ ให้เธอเปิดหน้าออกมองดู อรัญญานั้นตาแดงหน้าแดงใบหน้าเปียกไปด้วยน้ำตา เธอยิ่งร้องไห้หนักอธิปจึงกอดเธอ และพยักหน้าให้เขาเก็บปืน เขาอมยิ้มเพราะคราวนี้เป็นอธิปที่ปลอบใจอรัญญา
“ขอโทษ” เสียงร้องไห้นั้นแทบฟังไม่เป็นภาษา อธิปอุ้มเธอขึ้นไปนั่งบนเตียงและกอดเธอ
“ไม่เป็นไรแล้ว อย่าตกใจ” อธิปลูบแขนท่อนบนเธอขึ้นลง
“ขวัญเอยขวัญมาลูก” ป้อมพูดวางมือบนเข่าอรัญญา เขาโล่งใจที่ไม่มีใครเป็นอะไร
“พี่ผิดเองแหละ มาไม่ได้บอก..ขอโทษ ชู่ววว” อรัญญานั้นเริ่มหยุดร้องแต่ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ คงนึกสภาพหากยิงอธิปแล้วตายจริงก็จะร้องขึ้นมาอีก
“ไม่หยุดเดี๋ยวจะพาไปอาบน้ำ ไปไหม ป่ะ ลุก” อธิปพูดจบ อรัญหยุดสะอื้นทันทีก่อนจะตีเข้าที่อกอธิป ทุกคนจึงหัวเราะ
เขาจำต้องถอดประตูลงไปซ่อมกับตี๋ ต้องขัดและโป๊วช่องรูก่อนจะขัดแล้วลงสีไม้ทับใหม่ เขาเห็นอธิปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นบ้านอรัญญา จึงหยุดมอง อธิปแลเห็นเขาจึงเดินออกมาหาเขาและเดินตามเขาไปที่ด้านหน้าบ้านของเขา ขณะที่เดินอยู่อธิปเล่าให้ฟังว่าลืมตัวขณะเปิดประตูเขาลืมที่จะเคาะห้องแต่ไม่ทันแล้วจึงผลักแต่ประตูเข้าไป เพียงเท่านั้นแหละกระสุนก็ผ่านหน้าไปอย่างไว เมื่ออรัญเห็นว่าเป็นเขาจึงกรีดร้องออกมา
“สงสัยจะช็อค” อธิปทิ้งท้าย
“เขาก็รักของเขาล่ะ ไม่งั้นไม่เป็นแบบนี้ ยิงทุกครั้งไม่เห็นเป็น..คราวหน้าก็ระวัง ยิงจริงนะนั่น” เขาเตือน และเล่าให้ฟังเมื่อคราวที่มีคนบุกเข้ามาลักเหล็ก มันออกความพยายามที่จะขึ้นตึกใหญ่ ทำให้อรัญญาใช้ปืนอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งยังเลือกเป็นปืนลูกซองอีกต่างหาก ลักษณะการยิงก็ไม่น่าจะลังเลก่อนยิงเลยแม้แต่น้อย ไม่มีอาการตื่นกลัว และดูไม่กลัวตาย เขาบอกอรัญญาว่า แจกันสองใบที่ทางเข้าห้ามทำแตกเด็ดขาด วราบอกเขาว่ามันมีราคาสูงลิ่วและอยู่ประจำบ้านนี้มานาน
“เป็นยังไงไม่รู้ ชักไม่อยากจะมา” อธิปเสยผมปิดบังสีหน้า คงไม่อยากให้อ่านความรู้สึก
“.....?” เขาเหลียวมองอธิป รอฟังที่จะพูดต่อ พลางจ้องมองรอยโป๊วว่าแห้งสนิทดีหรือไม่
“กลัวจะพลาดเข้าสักวัน” อธิปพูด
“...ต้องคนนี้ไม่ใช่เหรอ ถึงจะถูกคน” เขาพูดแค่นั้น
เขาปล่อยให้อธิปใช้เวลาอยู่กับอรัญ ให้ได้มากที่สุด ในเมื่อมันเป็นวันพักผ่อนก็ต้องได้พักผ่อน เขาคงไม่รบกวนอะไรมาก เขาให้อธิปเข้าไปพักบ้านอรัญญาในช่วงนี้ อธิปบอกเขาว่าอาจจะมีลูกเพิ่มอีกสักคน เขาได้แต่ส่ายหน้าที่วราโดนอธิปตามใจมากเกินไปแล้วในช่วงนี้ เพียงแต่ช่วงนี้เขาต้องซ่อมพื้นหรือผนังที่มันเป็นรู รู้สึกครั้งนี้โชคดีที่อรัญไม่ใช้ปืนลูกซองไม่เช่นนั้นคงเสียหายเยอะ
สรุปแล้วอธิปก็มีลูกเพิ่มมาอีกคนจริงๆ เขาได้แต่หัวเราะวราที่เพิ่งบอกเขาอย่างพอใจว่าคลอดแล้วแต่เป็นผู้ชาย เห็นอรัญญาแล้วนึกเอ็นดู มีหลานชายทุกคนแล้วอยากได้หลานสาวบ้าง เขาเข้าเมืองมาเพื่อมาตามช่างแอร์เพื่อให้มาเปลี่ยนแอร์ในบ้านและมาตามคนให้มาทำความสะอาดประจำปีเลยพลอยได้ยินข่าวดีไปด้วย เขาจำต้องรับเงินก้อนมาจำนวนนึงซึ่งมันมากเอาการอยู่ มันเป็นเงินที่วราให้มาตอบแทนน้ำใจเขา คือเงินก้อนนี้มันช่วยให้เขาสามารถสร้างบ้านใหม่และใช้ชีวิตกับภรรยาไปได้ตลอดชีวิตเลยก็ว่าได้ เพียงแต่เขานั้นยังไม่อยากจะใช้ในตอนนี้ก็เท่านั้นจึงขอฝากไว้ก่อน
“อ่ะนี่ เอาไปให้ลูกสาวหน่อย แม้วเขาซื้อให้ นี่จดหมายน้อย” เขารับเอาถุง และยังมีถุงอื่นๆอีก ไม่ว่าจะเป็นผ้าถุง เสื้อผ้าสำหรับคนมีอายุ รวมส่วนของเขา เขาลองสวมรองเท้าหนังคู่ใหม่ที่วราเลือกมาให้อีกด้วย ทั้งส่วนของตี๋ที่มีเสื้อยืดแบบต่างๆกางเกงขาสั้นบ้าง จนทำให้เขารู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาแทบจะไหล วราตบไหล่เขา
“เอาน่า..อยู่ร่วมกันมา ทุกอย่างเดี๋ยวจัดการให้เอง ไปดูลูกสาวให้ดีก็พอ ห่วงอยู่คนเดียวแล้วตอนนี้”
เขาไม่เห็นใครแม้แต่ตี๋เองก็ไม่รู้อยู่ไหนแล้วจึงเดินมาท้ายสวน ปรากฏเห็นป้อมสวมงอบอยู่พร้อมกับก่อไฟในเตาอยู่จึงรีบเดินเข้าไปถาม ป้อมเล่าว่า ที่ห้องนั่งเล่นนั้นอธิปดูอารมณ์ดีขึ้นมา อธิปที่ถามอรัญว่าอยากจะไปไหน ส่วนอรัญนั้นตอบว่า อยากไปดูหนังกลางแปลงสักครั้งในชีวิต อธิปนั้นตอบว่า
“ตกลง จะพาไป ไปอาบน้ำแต่งตัวสิ” อธิปตอบเรียบๆขณะที่เธอนั่งดูหนังอยู่ รู้สึกดีใจเพราะอย่างไรเสียเธอและตี๋ก็คงได้ไปด้วย
“จริง?”
“จริงสิ”
“ดี อยากกินปลาหมึกย่าง ซื้อลูกชิ้น กินน้ำโค้ก.. แต่ช่วงนี้มีงานแถวไหนล่ะ?” อรัญขมวดคิ้ว
“ที่นี่ไง” อธิปขมวดคิ้ว
“ที่นี่มีงานวัดที่ไหนเล่า!?” อรัญญาทุบหนังสือลงขาอธิป แต่อธิปนิ่ง
“มี จัดให้เหมือนเลย พี่ป้อมพี่ไหมขายปลาหมึกลูกชิ้น ตี๋ขายเหล้าขายน้ำ เอาขนมห่อมาตั้งเรียง เอาแคร่ออกมา ต่อไฟเข้าหน้าตึกนี่แหละ จอหนังก็เอาตรงนี้เป็นโรงหนัง” อธิปพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่อยากินปลาหมึกแห้งย่างหอมๆน่ะ” อรัญญายกคิ้ว ทั้งหน้าบึ้ง ป้อมจึงเสนอ
“มี ปลาหมึกแห้ง แม้วเขาไปทะเลซื้อมาฝากอยู่” ป้อมบอกอย่างไม่น่าออกความเห็นเพราะเท่ากับหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้
“โน่นไอ้ตี๋ไปหาหลอดไฟสายไปอยู่ เดี๋ยวลุงไปช่วยมันหาโต๊ะไปตั้งเรียงของ น้ำแข็งหลอดก็ในตู้แช่นั่นแหละ เดี๋ยวไหมมันเสียบลูกชิ้นแป๊บเดียว ยังต้องทำน้ำจิ้มลูกชิ้นอีก” ป้อมเล่า ทั้งบ่นว่าไม่น่าไปเสนอหน้าออกความเห็นเลย ทุกอย่างเลยดูยุ่งยากวุ่นวายไปหมด ทั้งพลอยบ่นอรัญญาว่าอยากไปที่พิเรนๆ ที่อื่นมีเยอะแยะไม่ไป ทั้งยังต้องลำบากภรรยาของเขาให้เขาพิธีประกอบฉาก
“ป้าเลยได้เป็นตัวประกอบอีก” ป้อมเสริม
“เวรกรรมแท้” เขาก็ว่าไปอย่างนั้นแหละ อันที่จริงก็น่าสนุกดีออก เขาไปเอารถเข็นสาลี่ไปที่ห้องครัว ขนเหล้าไปเยอะ พลางหยิบขวดเหล้าขาวไปด้วยจะได้เข้ากับบรรยากาศ พลางจัดการไปปลิดมะยมสดและทำพริกเกลือแบบง่ายๆจะได้เหมือนร้านยาดอง งานนี้มันเริ่มสนุกก็ตอนที่มีเหล้านี่แหละ
ตี๋กางโต๊ะธรรมดาสองโต๊ะติดกัน เขาไปเอาเก้าอี้พลาสติกมาให้ตี๋นั่งและจัดวางกระติกน้ำแข็งใบใหญ่ จัดเรียงเครื่องดื่มน้ำอัดลมและขวดเหล้าช่วยตี๋ เอาแก้วเป๊กมาเรียงไว้รวมถึงน้ำเปล่า ก่อนที่จะไปช่วยป้อมไปยกเตาไฟมา ป้อมและไหมจำต้องนั่งพื้น ตี๋นั้นลงทุนกระทั่งทำท่อแป๊บและขึงลวด ที่ใส่ไม้หนีบผ้าให้ป้อมได้ใช้ห้อยปลาหมึกและเอาโต๊ะแบบต่ำมาวางถาดลูกชิ้นไส้กรอก ทั้งกระปุกที่ใส่น้ำจิ้มก็ยังเหมือนที่งานวัดเขาใช้กัน พลางเขารีบต่อสายหลอดไฟ และปูเสื่อให้ภรรยาของเขาได้นั่งเล่น ครานี้พ่อค้าแม่ค้าก็สวมงอบ
ในบ้านก็เปิดเพลงเสียงดัง ตี๋รีบเรียงขนมห่ออย่างละถุงสองถุงในถาดขนม ภรรยาของเขาต่างก็หัวเราะเพราะป้อมเองก็ทำไปบ่นไปอย่างช่วยไม่ได้ เขาปูเสื่อให้ภรรยาได้นั่งเป็นชาวบ้านที่รอดูหนัง เขาอดยิ้มไม่ได้ที่เห็นอธิปสะพายเสื่อพับเดินลงบ้านมากับอรัญญา เขาเดินไปส่องว่าประตูด้านสระว่ายน้ำนั้นปิดดีรึยัง อธิปพลันทักเขา
“อ้าวลุง หนังฉายรึยัง?” อธิปแกล้งทักทายเขาที่เป็นชาวบ้านทั่วไปมาเที่ยวงานวัด ทำได้เหมือนมาก ทั้งมองนาฬิกาข้อมือ
“ยังครับ อีกนานอยู่ ไปจองที่ไว้ก่อนไป” เขาบอก อรัญญานั้นก็ตามน้ำเดินเกาะแขนอธิปลงตึกไป เมื่อเขาเห็นว่าประตูปิดดีแล้วจึงเดินตามทั้งสองลงมา อธิปกับอรัญนั้นยืนเลือกขนมอยู่
“ขายยังไง?” อธิปถามตี๋ชี้ไปที่เหล้า
“ถ้าเพียวเป๊กสิบบาทครับ ถ้าชงแก้วยี่สิบ” ตี๋บอกและรอฟังอธิปสั่ง
“ลูกชิ้นจ้า ปลาหมึกย่างค่า!!” ป้อมแทรกอย่างอารมณ์ดี ไหมคงอดหัวเราะไม่ได้ หัวเราะเสียงดัง
“อ้าวลุงที่เจอเมื่อกี้นี่..มาๆ ผมเลี้ยงเหล้า” อธิปเรียกพลางล้วงกระเป๋าเงินออกจากกระเป๋ากางเกง เขารีบพยักหน้าให้ตี๋รินแสงโสมให้เขาใส่แก้วเป๊กตามที่ตกลง อธิปยืนมองเขาดื่ม เขาจึงหยิบมะยมมาจิ้มพริกเกลือกินอย่างที่ทั่วๆไปกิน
“เอา เท่าไหร่?” อธิปส่งแบงค์พันให้ มันเป็นเงินจริง
“ผมไม่มีตังค์ทอนครับ” ตี๋หัวเราะ
“งั้นน้องกินอะไร?”
“อรัญกิน..สไปร์ท” อรัญยิ้ม ตี๋รีบใช้แก้วพลาสติกรินให้อย่างว่องไว
“เดี๋ยวจัดให้คุณป้าแล้วเลี้ยงคุณลุงด้วยนะ อ่ะหมดนี่แหละ ไม่ต้องทอน” อธิปส่งเงินให้ตี๋ ตี๋ยกมือไหว้ก่อนส่งสไปร์ทให้อธิปแทนที่จะส่งให้อรัญ อธิปยื่นเงินแบงค์พันมาให้เขาสองใบ
“เอาติดตัวไว้ซื้อของกินเลี้ยงสาวๆ” พลางกวัดมือไปทางภรรยาเขา จากนั้นทั้งป้อมและไหมก็ถูกเหมาปลาหมึกเช่นกัน อธิปบอกว่าเก็บไว้หาอะไรอย่างอื่นกิน เขาจึงเข้าใจว่าเป็นการให้เงินในแบบของอธิปอีกรูปแบบหนึ่งของทุกปี แต่ที่ผ่านมาจะให้เฉยๆแบบหาเรื่องจะให้เงินนั่นแหละ
“ให้กินวันนี้วันเดียว แปรงฟันให้สะอาด กว่าเขาจะย่างเสร็จ ไปดูหนังรึยัง?”
“หนังกลางแปลงก็ต้องดูกลางแปลงสิ งั้นก็แกล้งว่ามีหนังในสวนดีไหม?” อรัญญายกคิ้ว
“งั้นเลือกที่นั่งได้เลย อย่าดึกนะเดี๋ยวน้ำค้างลง จะไม่สบาย”
“เรื่องนึงก็สองชั่วโมงไม่ดึกแน่” อรัญญาจูงอธิปเข้าไปในสวนและปูเสื่อข้างภรรยาของเขา ตี๋รีบชงเหล้าและเอาไปให้อธิป ป้อมจึงคุยสัพเพเหระไปเรื่อยปล่อยให้อธิปและอรัญแกล้งนั่งดูหนังกันเงียบๆ สองชั่วโมงในคืนนั้นมันเล่นเอาเขาแทบที่จะเมา เห็นอธิปและอรัญมีความสุขเขาก็มีความสุข แน่ใจว่าทุกคนในที่นี้ก็เช่นกัน ตอนนี้ก็ปล่อยให้สองคนอยู่ด้วยกันก็แอบฟังบทสนทนากันเป็นระยะ
“ตอนอาบน้ำไปทำอะไรผิวถึงลื่นดีจัง” อธิปยกโคนผมอรัญญาที่ต้นคอขึ้นมองที่ลำคอ ขณะที่นั่งอยู่บนเสื่อ
“...ทาครีม” อรัญญาตอบเรียบๆ
“ครีมอะไร?”
“ก็ครีมกันแดด ..พี่แม้วส่งมาให้ตลอด”
“อันไหน ไม่เคยเห็น”
“ก็ที่ทาอยู่ทุกวันตอนอาบน้ำเสร็จ”
“ขวดนั้นน่ะ?”
“...ใช่ไง พี่แม้วตัวไม่ลื่นเหรอตอนอาบน้ำ?”
“.......” อธิปไม่ได้ตอบทั้งสองคุยกันเบาๆ หรือเพราะทางนี้เสียงเพลงมันดังกลบเสียงอยู่ เลยคิดว่าทุกคนคงไม่ได้ยิน ตี๋นั้นนั่งทาลูกชิ้นอยู่กับไหมคุยกันเรื่องหนัง เขาทำทีดื่มและร่วมวงกับทางภรรยา ที่นั่งเงียบฟังคนคุยกันเหมือนกัน ตี๋ไหมและป้อมนั้นคุยกันอย่างออกรส คุยไปหัวเราะไป
ที่โซฟาห้องเปียโน ปัญหามันเริ่มเกิดอีก เมื่ออธิปมองอรัญญาจึงเอาหนังสือปิดหน้า ไม่ให้อธิปมอง หรือหอมแก้ม เมื่ออธิปจะไปที่บริษัทในเมือง อธิปพยายามดึงหนังสือออกเพราะอรัญญาปิดหน้าไม่ยอมปล่อย ยื้อกันเงียบๆอยู่นานจนเขานั้นเหลียวมองป้อม เพราะอธิปจะไม่ไปจนกว่าจะได้หอมแก้มอรัญญา
“เป็นอะไรอรัญ?” ป้อมเดินไปหา อรัญญาจึงถอนใจเปิดหน้าออก เป็นสิวหัวหนองแค่เม็ดเดียว
“ทำไมน้องอรัญเป็นสิวแบบนั้นครับ?” อธิปถามอรัญญาที่นั่งหลบตาอย่างอายๆ
“ก็อรัญเป็นเมนด์เพิ่งหาย” อรัญญาตอบ
“เมื่อก่อนไม่เห็นเป็น ต้องไปหาหมอรึเปล่า?” อธิปถาม ป้อมจึงถอนหายใจเพราะอรัญญามีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“อธิปแวะซื้อยาทาสิวมาให้น้องนะขากลับน่ะ บอกแม้วก็ได้ ไปได้แล้วเดี๋ยวแม้วเขาจะรอ” ป้อมดันอธิปให้รีบไป อธิปนั้นปัดแขนป้อมออกก่อนโน้มตัวลงไปหอมแก้มอรัญที่เอียงหน้าหนี แต่อธิปก็ยืนยันที่จะทำอยู่ดี
“รอพี่ก่อนนะ เดี๋ยวก็หายแล้ว”
ไม่ทันครึ่งวันก็มีคนจากบริษัทในเมืองเอาของเข้ามาส่งพร้อมจดหมายฉบับเล็ก อรัญญาเปิดอ่านมันทั้งยิ้มอ่าน ป้อมเองก็รอฟังว่าใครเป็นคนเขียนจดหมายมา อรัญญายื่นจดหมายให้อ่าน
คนเรามีอายุเพิ่มมากขึ้นฮอโมนเลยเปลี่ยน น้องอรัญใช้อันนี้ไปก่อนคลีนิคจัดมาให้แล้ว
ตอนเย็นจะไปดูให้ว่าหายดีหรือเปล่า อธิป.
มันมีทั้งยาทา ยากิน โฟมล้างหน้าชนิดต่างๆ และครีมทาสิว เขาได้แต่ยิ้มส่ายหน้า ช่างเป็นผู้ชายที่เอาใจใส่เสียจริง
เขาต้องแจ้งอรัญทุกครั้งที่มีใครมาที่บ้าน เธอจะไม่ออกมาให้ใครเห็นจนกระทั่งงานเสร็จสมบูรณ์ดี ป้อมนั้นก็หมั่นหาของกินมาให้อรัญอยู่เรื่อยๆ ทั้งไหมและป้อมจะช่วยอรัญแต่งตัวหรือช่วยเป่าผมหากอรัญต้องการ เขาเดินตรวจความเรียบร้อยเมื่อมีคนเข้ามาช่วยทำความสะอาดใหญ่ในทุกปี คนงานใหม่ที่ไม่เคยเห็นหน้าอรัญญามาก่อนก็เอ่ยถามว่าใช่คนนี้ไหมลูกเจ้าของบ้าน เขาก็พยักหน้าตอบเพราะไม่อยากให้ยุ่งเกี่ยวอะไร หลายคนไม่ว่าชายหญิงก็อยากไปสวัสดีทักทาย แต่เขาบอกว่าอย่าดีกว่าเพราะเธอนั่งทำงานให้วราอยู่
ถึงวาระและโอกาสก็มีกลุ่มซินแสเข้ามาที่บ้านพร้อมด้วยอุปกรณ์ของไหว้ในแบบต่างๆ ซึ่งเขาก็ไม่รู้จักว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ต่างขึ้นไปยกหีบศพลงมาเปิดและทำพิธีย้ายร่างลงหีบจำปาไม้สักสีแดง ดูเหมือนศพของภาสิรีนั้นจะแห้งกรังเป็นหนังติดกระดูกเขาเห็นเพียงบางส่วนที่อยู่ในห่อผ้านั้นยังเห็นผ้าซิ่นที่ภาสิรีนั้นสวมในวันที่บรรจุเข้าโลง ทุกคนจึงเหลียวมองอรัญญาที่ลงมายืนอยู่ข้างป้อมที่ยืนตาแดงเพราะน้ำตาไหล เขาเองก็รู้สึกสลดใจเพราะเด็กเคยเคยอุ้มมาที่นี่ตอนนี้ก็อยู่ตรงนี้ในร่างที่ผุกร่อน
“ต้องเก็บโลงเก่าไว้นะ” เธอบอกเขาอย่างกลั้นน้ำตา
“ครับ” เขาตอบรับเพื่อให้เธอแน่ใจว่าโลงจะยังอยู่เพื่อหลอกตาอธิป
มันก็มีพิธีกรรมบางอย่างที่เขาไม่รู้จัก อย่างมีการเช็ดหีบบ้าง เขาปล่อยให้ทุกคนทำพิธีจนเสร็จและเก็บหีบเก่าไปที่เดิมและนำร่างในหีบใหม่ขึ้นรถไป รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะหากอธิปรู้เข้าวันใดคงแย่ แต่ความรู้สึกที่ว่าภาสิรียังอยู่ก็ไม่ได้จางหายไปไหน แค่ร่างไม่อยู่ที่นี่เท่านั้นนั่นเอง เขายังตามออกไปที่สุสานฮวงซุ้ย ซึ่งวราคงจะอยู่ทางนั้น คงต้องนิมนต์พระไปรอสวดก่อนที่จะเอาหีบลงหลุม ซึ่งเขาจะพาอรัญญาไปหลังจากที่ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
อรัญต้องการที่จะทำบุญใหญ่ เธอบริจาคโลงศพถึงยี่สิบเก้าโลงพร้อมผ้าดิบครบชุด เป็นเงินสด จำนวนสองหมื่นแปดพันกว่าบาท เพียงแค่นั้น รถรับบริจาคก็มาถึงที่พร้อมรถขนาดใหญ่ที่บรรจุโลงศพเป็นการยืนยันว่าได้จัดทำโลงขึ้นจริง เพื่อที่เอาไปตั้งตามจุดต่างๆตามร้านขายโลงศพ มูลนิธิและ วัด ไว้บริจาคกับคนที่ขัดสน เธอต้องจุดกระดาษแล้วเผามันตรงนั้น หลังจากนั้นรถขนโรงก็ขับออกจากบ้านไปและเขาต้องอยู่คุยกับรถมูลนิธิที่ยังอยู่พูดคุยสอบถาม เขาจึงเล่าเรื่องที่อรัญญานั้นแค่อยากทำบุญเพราะอายุครบยี่สิบห้าปีและที่ไม่ได้ออกไปไหนเพราะติดงานและภาระมากมายจนไม่มีเวลาออกไปทำด้วยตัวเอง
เขาเดินคุยและต้อนรับด้วยน้ำเย็นขวดให้กับเจ้าหน้าที่ก่อนที่จะลากลับ ถึงกระนั้นภายในบ้านก็ยังมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นอยู่บ้างมันทำให้เขาถึงกับขวัญผวา จิตแตกกระเจิงบ้างเป็นบางครา ทุกครั้งก็ได้แต่คิดว่าภาสิรีนั้นคงเหงาและอยากมาเล่นด้วยบ้างก็เท่านั้น มันเป็นการคิดที่ดี เพราะเธอก็ไม่ได้มาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอกเหมือนอย่างที่คนอื่นเคยเล่ากัน แค่มาปรากฏตัวให้เห็น แต่ที่เขาเกลียดมากก็ไอ้นาฬิกาเจ้าปัญหานี่แหละ เมื่อไหร่มันจะพังๆไปเสียที
เขาตกใจเมื่อเห็นชายหนุ่มรูปร่างสันทัดเข้ามาในบ้าน ลักษณะราววัยรุ่นทั่วไป อายุน่าจะพอๆกับอรัญญาได้ยืนยกมืออยู่อย่างเก้กัง เขาเองก็ใจหายเพราะเด็กหนุ่มนั้นท่าทีไม่เหมือนโจรหรือขโมยแต่อย่างใด เพียงแต่เดินเข้าบ้านมาโดยไม่มีหมายล่วงหน้า นานแล้วที่ไม่ได้เห็นอรัญญานั้นจับปืน นิ้วมือไม่ได้อยู่ที่ไกปืนมันคงเป็นการเล็งขู่ เขาแน่ใจว่าเธอพร้อมทุกเมื่อที่จะลั่นไก
“อ้าว....อย่าวิ่งหนุ่ม อย่า” เขาพยายามเตือนเด็กหนุ่มง่ายกว่าเตือนอรัญญา
“ลุงครับผมมาสมัครงาน” เด็กหนุ่มบอก ไม่ว่าจะมาด้วยเหตุผลใดเขาไม่สนใจ เพียงแค่อยากให้รอดออกไปก่อนก็เท่านั้น
“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ” เขารีบเตือน เมื่อเห็นว่าอรัญญาน่าจะได้ยินแล้วเขาจึงเดินไปยืนข้างเด็กหนุ่มและช่วยจนกระทั่งเด็กหนุ่มออกจากบ้านและสตาร์ทรถไป อรัญญานั้นลดปืนลงชะเง้อมองตามหลังไป
“สงสัยตี๋ลืมปิดประตู เดี๋ยวลุงไปดูก่อน”
“นั่น...มันสกู๊ดเตอร์นี่” อรัญญายกคิ้ว
เขาเอาเรื่องนี้ไปเล่าที่ในเมืองว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงเพราะตี๋นั้นเกิดท้องเสียเลยวิ่งเข้าห้องน้ำโดยเร็ว คงหาอะไรใหม่ๆมาลองดองแล้วเกิดผิดสูตร เข้า ซึ่งเขาให้อภัยเพราะกว่าจะถึงบ้านกว่าจะไขกุญแจก็เล่นเอาเสียราดกางเกงเลยทีเดียว ทำให้ประตูนั้นปิดไม่ทันสนิท ตี๋เองบางทีก็ไม่กล้าพูดกับอรัญเพราะอรัญเองก็ดูเงียบขรึมมาก คงมีแต่ป้อมที่พยายามชักชวนหรือพูดคุยให้ตื่นตัว
“บอกแล้วว่าให้พาออกนอกบ้านบ้าง ไปกลัวมันทำไมไอ้บักห่านั่น นักเลงมากี่ปีแล้วสาท!” วราทุ่มไม้ตะพตลงพื้น กมลานั้นหัวเราะลั่น
“อธิปก็ไม่มา มีแต่ป้อมล่ะชวนคุย ตี๋มันก็ไม่กล้าคุย ไม่เหมือนแต่ก่อน” เขาอธิบาย ง่ายกว่าที่จะให้อธิปมาคุยเอง ดีกว่าให้คุยกับคนอื่น ของและสิ่งบันเทิงใดที่กมลาและอธิปเคยให้ไว้มันไม่มีประโยชน์
“จบอีกคน อีกคนเป็นแทน!” เขาเหลียวมอง ทินกร ที่เดินเข้ามาในห้อง สวมกางเกงขาสั้นเสื้อยืดสีขาวน่าจะตัวสูงเพราะโตขึ้น เดินลงมาหยิบของบางอย่าง ช่างดูเหมือนอธิปตอนเด็กๆ ตาตี่ เรียวเล็กคิ้วหนา ริมฝีปากบาง เขารีบรับไหว้
“อย่าเล่นแต่เกมส์นะ การบ้านเสร็จรึยัง?” กมลาเอ่ยถามทินกร เขาขาสั่นเพราะไม่รู้จะนับวันเดือนปีว่านานแค่ไหนแล้วที่เข้าเมืองมา เด็กคนหนึ่งที่โตมาได้ขนาดนี้ ตั้งแต่อธิปอุ้มอรัญ และยังไม่แต่งงาน แต่ตอนนี้อธิปมีครอบครัวแล้วแต่งงานแล้วมีลูกแล้ว วรามีหลานแล้ว เขาอยู่มานานจนลืมอดีตก่อนมาไปเสียสิ้น
“เสร็จแล้ว ไม่ได้เล่นหรอกน้องแย่งเล่นตลอด” เสียงอึกทึกยังคงดังอยู่ที่ชั้นบน เขาพยายามไล่ลำดับชื่อลูกของอธิป มีทินกร อดุลย์ อรุณ กมล อธิการ และ บดินทร์ คนสุดท้อง หกคน เป็นผู้ชายหมด เขาได้แต่อมยิ้มเพราะกมลานั้นยังดูดี ไม่อ้วนท้วนเลยแม้แต่น้อย ยังคงดูงามสมวัย และตอนนี้มาดูแลกิจการของวราช่วยอธิป
“เอาอย่างนี้สิ ถ้าเขามาสมัครงานจริงก็รับเลย ได้คุยกับคนนอกบ้างคงจะดีขึ้น แต่ต้องดูพื้นเพว่าเป็นคนยังไงให้ดีก่อน แม้วเชื่อว่าพ่อดูคนออก” กมลาพูดกับเขา
“เอาตามนั้นแหละ ไปให้ถึงบ้าน ให้รู้ว่าเป็นลูกเต้าเหล่าใคร แล้วพาอรัญไปหาน้องเขาด้วยจะได้ออกมาเห็นว่ามันเป็นยังไงตอนนี้” วราจบแค่นั้น เมื่อทุกคนจัดกับข้าวให้อรัญได้กิน ป้อมนั้นเก็บมะเฟืองและกล้วยตานีดิบมาจัดการสับและหั่น คงจะตำให้อรัญญาลอง อรัญญานั้นสนใจเป็นอย่างยิ่งแค่มีกระปุกปลาร้าและปูดองก็กลืนน้ำลายแล้ว มันเป็นวิธีเรียกร้องความสนใจให้อรัญญานั้นตื่นตัว นอกจากนั้นยังสรรหานิทานมาเล่าอยู่เป็นประจำ ไม่ก็เรื่องราววีรกรรมสมัยเด็ก ฯลฯ อรัญก็จะฟังเงียบๆขณะกินข้าว
ความคิดเห็น