คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ลุงปราสาท
อธิปพาอรัญไปทานข้าวส่วนเขานั้นนำของไปให้ศักดิ์ชาย จึงรู้ว่ามันเป็นแผนของทั้งสองคนที่นัดให้กมลาออกไปเจออธิป เขาได้แต่ถอนหายใจหากกลับไปก็แสดงว่า กมลาอธิปและอรัญต้องอยู่ที่นั่น เขาขับรถกลับไปยังภัตรคารแห่งนั้น และรออยู่ด้านล่าง เขาต่อบุหรี่ขึ้นสูบไปพลาง ผ่านไปเป็นชั่วโมงเห็นอรัญลงบันใดมาชั้นใต้ถุน แต่แปลกที่ลงมากับเด็กอีกคน เป็นผู้ชาย รุ่นราวคราวเดียวกันเขานั้นรู้ดีว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นหลานเจ้าของภัตรคารแห่งนี้ ทั้งสองเดินเข้าไปที่สวนด้านหลังภัตรคารแห่งนี้มันเป็นบ้าน
ที่นี่มันเป็นภัตรคาร เจ้าของที่นี่รู้จักกับวราเป็นอย่างดี เวลามีโอกาสพิเศษก็มักจะจัดงานเลี้ยงขึ้นที่นี่ เป็นที่รู้จักกันดี และเนื่องด้วยลูกสาววรามา ใครไหนจะไม่อยากรู้จัก เพียงแต่ทุกคนคงนึกไม่ถึงว่าอธิปนั้นหวงอรัญเอามากเท่านั้นเอง เขาเองยังอดที่จะคิดไม่ได้ทั้งที่พยายามปล่อยวาง
เขาเดินตามอย่างไม่สนใจว่าทั้งสองจะมองเขาอย่างไร แต่ตอนนี้นึกถึงความรู้สึกของอธิปมากกว่า ว่าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว เขานั้นนึกกลัวเหลือเกินว่าในใจอธิปนั้นจะคิดอย่างไร เขาทำเป็นเดินชมสวนดอกไม้ไปเรื่อย สูบบุหรี่ไป หากเทียบกับที่บ้านแล้วที่นี่ยังไม่ได้ครึ่งของครึ่งของบ้านวราแม้จะเป็นบ้านสวยหรือหลังใหญ่ก็ตาม
“นี่ไงอรัญ สวนที่คุณป้าบอก ตัดได้เลยอยากได้ดอกไหน” เด็กหนุ่มพูดทั้งหยิบกรรไกรตัดกิ่ง
“เอาไปทำไมอรัญ ก็ได้มาแล้วไง?” เขาแทรกถาม
“เอาให้อธิป” อรัญญาเลือกดอกไม้ทั้งชี้ เด็กหนุ่มจึงตัดตามใจอรัญที่ยืนชี้
“เอ่อ ไม่มีที่จัดช่อนะ” เด็กหนุ่มพูดพลางถอดหนามออกจากก้านอย่างชำนาญการใช้กรรไกรตัดกิ่ง อรัญญานั้นดึงริบปิ้นสีขาวออกจากผมทั้งถอดหนังยางส่งให้เด็กหนุ่มรัดช่อกุหลาบแล้วใช้ริปบิ้นผูกผมของเธอผูกเป็นโบว์แทน ตอนนี้ผมเปียอรัญญานั้นคลายตัวออกและเป็นรอยหยักที่ปลายผมเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเหมือนเธอดัดผมมาแต่มันจะเป็นแบบนี้แค่แป๊บเดียวก็จะคืนทรงตรงเช่นเดิม ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากทั้งที่สวมชุดนักเรียน
“อรัญนี่ปล่อยผมก็สวยมากนะ” เด็กหนุ่มพูดพลางเกี่ยวผมอรัญไปเหน็บหูให้ขณะเดินกลับเข้าตึกที่เป็นภัตรคาร
“อย่าทำครับ ใครเห็นจะไม่งาม” เขาปราม ไม่ทันไรก็ต้องหยุด เมื่อเห็นอธิปยืนที่ระเบียงตึกชั้น ตอนที่เขาเห็นนั้นอธิปกำลังเดินกลับเข้าตึกพอดี
ชิบหายวายป่วง! เขาสบถเบาๆในใจ ทั้งเจ็บใจที่ห้ามอะไรไม่ได้เอาเสียเลย
เมื่อขับรถกลับมาบ้าน ทันทีที่ลงจากรถและเดินขึ้นตึกนั้น เห็นป้อมกำลังวิ่งไปรับโทรศัพท์พอดี อธิปโบกมือให้ป้อมนั้นถอยออกห่างๆ เป็นการบอกว่าจะรับเอง ป้อมจึงเงิ่กงั่กก่อนถอยออก อธิปที่ยืนมองโทรศัพท์อยู่นิ่งๆ รอให้มันดังขึ้นอีกครั้ง เขาและทุกคนยืนสบตากันและกันเงียบๆอย่างสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อมันดัง อธิปจึงยกหูโทรศัพท์
“.........”
“......?” อธิปแค่ปรายตามองอรัญเพียงเท่านั้น อธิปเหยียดแขนออกยื่นหูโทรศัพท์ส่งมาทางที่อรัญยืนอยู่ เมื่ออรัญก้าวเท้าออกเดินไปใกล้อธิปและจะยื่นมือรับ อธิปนั้นกลับกระชากโทรศัพท์และโยนมันออกทางด้านหน้าตึก ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องเก่าที่ตั้งอยู่ด้านในเคาท์เตอร์ทุกเครื่องอธิปก็จับมาโยนออกไปหน้าตึกเสียทุกเครื่องเสียงดังไปหมด ตี๋ที่เพิ่งตามมาพลันหลบให้ทัน เหลียวมองเข้ามาด้านใน จากนั้นอธิปก็เดินขึ้นไปยังชั้นบน
“เป็นอะไรกันลุง?” ป้อมเอ่ยถาม เขาก็ไม่อยากจะตอบ อรัญยืนถือกระเป๋าและดอกไม้นิ่ง เธอส่ายหน้าทันทีที่ทุกคนมองเธอ
“ทำไมไม่ให้อธิปไปล่ะ?” เขามองดอกไม้ในมืออรัญแล้วถาม บนรถระหว่างทางที่กลับมาอรัญก็ไม่ได้ให้ อธิปเองก็นิ่งเงียบมาตลอดทาง อรัญจึงอธิบายว่า เพราะอรัญให้ช่อที่ได้จากโรงเรียนนั้นส่งให้กมลาไปแล้ว ทั้งบอกว่า อธิปเตรียมมาให้กมลา เลยว่าจะรอให้ช่อนี้มอบแด่อธิป
“แต่รอกลับมาก่อน โทรศัพท์ดังพอดี” อรัญทำหน้าเจื่อนทั้งแลบลิ้น เธอไม่ได้ตามอธิปขึ้นไปยังชั้นบน ถอดเสื้อคลุมออกแล้วเดินเข้าห้องนั่งเล่น ทุกคนจึงตามไป
“แล้วไม่ให้เลยล่ะอรัญ?” ป้อมถาม
“สงสัยอธิปจะคิดว่า หนุ่มนั่นให้อรัญล่ะดูทรงแล้ว” เขาให้ความเห็น
“ก็พี่แม้วอยู่ เกรงใจ รอให้กันสองคนดีกว่า” อรัญพูดเรียบๆ
กำลังจะนั่งลงแต่เธอเหลียวมองตรงทางเข้ามาเลยไม่นั่ง เขาจึงเหลียวมองตามเห็นอธิปยืนอยู่ทั้งกวักมือให้อรัญเข้าไปหา เขารีบมองอรัญให้รีบแก้ไขสถานการณ์ให้จงไว เพราะอธิปนั้นคงมาได้ยินเหตุผลเข้าแล้ว ทั้งป้อมและตี๋เองก็พลอยดูตื่นๆไปด้วย อรัญย่อตัวหยิบดอกไม้เดินไปส่งให้อธิป อธิปมีรอยยิ้มและสวมกอดเธอทั้งจูบเข้าที่หน้าผาก และใช้มือปัดผมออกจากหน้าก่อนที่จะก้มลงจูบหน้าผากอีกครั้ง คงมาได้ยินพอดีเลยทำให้ดูอารมณ์ดีขึ้น
“หายโกรธยัง?” อรัญแหงนหน้าถามด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“พรุ่งนี้ลื้อไม่ต้องไปไหนอีกแล้ว” อรัญรีบพยักหน้าเมื่ออธิปพูดจบ
แม้ว่าอธิปนั้นจะไม่ยอมให้อรัญนั้นเรียนต่อก็ต้องพากันยินยอม อธิปนั้นให้สัญญากับอรัญว่าจะหาเลี้ยงเอง ไม่ต้องไปไหนขอแค่อยู่ที่นี่ และเรื่องเข้าออกมันก็ถูกจำกัดเวลามาตั้งแต่นั้น เพียงแค่เพราะอธิปหึงหวงเพียงเท่านั้น เขาเล่าความน่าจะเป็นของวันเกิดเหตุให้ทุกคนฟังก็เห็นจะจริงที่ว่า อธิปนั้นหึงและหวงอรัญ จำต้องระวังหากคิดจะสัมผัสอรัญกันตั้งแต่นั้น
“ไอ้ชั่ว บ้ารึไงว่ะ ไม่ให้น้องไปโรงเรียน!” วรากระทืบไม้เท้าลงพื้นเมื่อรู้ว่าอธิปใช้ให้เขาไปลาออกให้กับอรัญ อธิปนั้นยืนอยู่ตู้เอกสารมองแฟ้มที่ตั้งเรียงกันอยู่ ไม่ได้ตกใจที่วราตะเบ็งเสียงใส่ ทำหน้าตาเฉย
“ไม่ต้องเรียนก็เลี้ยงได้น่าป๋า อยู่โรงเรียนก็มีแต่ปัญหาไม่เว้น ไอ้ตี๋ก็ไม่ได้อยู่ดูน้องแล้ว” อธิปพูดเยี่ยงนั้นทำเอาวราเหลียวมามองเขา เขาหัวเราะเบาเพราะเหตุผลหลายอย่างของอธิปมันฟังไม่ขึ้น ขัดกับสภาพความเป็นจริงเพราะอรัญไม่เคยสร้างปัญหาที่โรงเรียนเลยสักนิด ทั้งผลการเรียนก็ดีทุกปี ที่ไม่เคยได้เต็มก็เพราะขาดกิจกรรมนี่แหละ
“ปัญหา! แกแหละตัวนำปัญหา โตมาเขาจะทำมาหากินยังไง งั้นก็ไปเอาเขามาช่วยงานที่นี่” วราทำเมิน ชอบต่อรองจนทำให้เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้ อธิปยังเมินเฉยหยิบแฟ้มใบกำกับภาษีลงมาจากตู้และเปิดอย่างไม่สนใจฟังวรา
“เดี๋ยวผมเลี้ยงเองครับ เงินมีเยอะแยะ เก็บไว้ทำไม” อธิปเหลียวมองแฟ้มไม่ได้สบตาวราเมื่อพูดแต่ให้ความสนใจกับแฟ้มที่เปิด
“ไม่ ให้อยู่บ้านเฉยๆทำไม มาช่วยงานที่นี่แหละ ขาดคนพอดี!” วราขมวดคิ้ว หยิบสมุดบัญชีขนาดใหญ่ลงโต๊ะทีละเล่มทีละเล่ม
“ไม่ งานแค่นี้เอง..” อธิปพูด เขาเห็นจะจริง อธิปจะรู้ว่าเมื่อไหร่จำเป็นต้องใช้ใครอยู่แล้ว ทั้งยังกล้าค้านความเห็นวรามันเป็นความมั่นใจที่อธิปมี เล่นเอาวราเถียงไม่ออก เขาเองก็ไม่กล้าจะออกความเห็น
“......”
“ป๋าจะมาคิดเรื่องนี้ทำไม น้องยังเด็ก โน่น ไปขอเมียให้ลูกไวๆโน่น ถ้าอยากได้หลาน” อธิปพูดเมื่อทุกคนเงียบ เล่นเอาวราหันมาทางเขา ทั้งเหลียวมองอธิป อธิปเก็บเอกสารเข้าแฟ้มอย่างไม่ได้ใส่ใจ วราดูตื่นตัวในทันที
“แกว่าไงนะไอ้ไถ่?” วราถามอีกครั้ง
“ก็ถ้าอยากมีหลานก็ไปขอเมียให้ลูกไวๆ ไปตอนนี้เลย อยากแต่งแล้ว....เอ้า! ไม่อยากให้แต่งแล้ว?” อธิปยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง เขาจึงรีบสะกิดวราให้ไปจัดการ วรารู้ตัวก็รีบสาวเท้าเดินออกนอกห้อง อธิปปรายตาเหลียวมองผู้เป็นพ่อรีบจ้ำอ้าวสาวเท้าออกจากห้อง อมยิ้มเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า
วรายิ้มให้เขาก่อนยกหูโทรศัพท์เพราะมันเป็นการแจ้งข่าวดีแก่ศักดิ์ชายที่อดทนยื้อลูกสาวไว้ให้แต่งงานกับลูกชายของวรา บทจะง่ายก็ง่ายเอาเสียจริงๆ ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไม ทำให้วราลืมเรื่องอรัญไปเลยว่าจะจัดการอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้เคยคิดที่จะให้อรัญมีหลานให้แทนอธิปโดยการจับแต่งงานกับใครสักคนที่มีฐานะดีการศึกษาดี เพราะกลัวไม่มีทายาทสืบเชื้อสายสืบทอดกิจการ ที่ทำมาก็จะสูญเปล่า
เนื่องด้วยกมลากำลังจะเดินทางพอดี วราสั่งให้อธิปพากมลามาส่งตอนนั้นเดี๋ยวนั้นเลย อธิปก็ไปตามสั่ง ไม่อิดออดเลยสักนิด ทั้งดูอารมณ์ดีเสียด้วยซ้ำ ขณะเขาขับรถไปสนามบินให้ทั้งอธิปและกมลานั้นก็พูดคุยกัน
“เฮียจะเอาอะไรรึเปล่า แม้วจะเอามาฝาก?”
“ไม่ ..เอาเสื้อแขนยาวไปรึเปล่า ทางนั้นเขาว่ายังหนาวอยู่”
“เอาไปครบแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ดูทางนี้เถอะ เดี๋ยวสองสามวันก็มาแล้ว”
“กลับมาก็บอก เดี๋ยวจะมารับ”
“ถ้าติดงานล่ะแม้วกลับเองได้ เดี๋ยวแม้วหาของมาฝาก”
หลังจากส่งที่ประตูทางออกแล้วก็เดินออกจากสนามบิน มีรถมากมายเพราะเที่ยวบินขาเข้าเพิ่งจะลง ด้านหน้าจึงมีรถมากมายที่รอรับผู้โดยสาร เขาเห็นหญิงคนหนึ่งมองอธิปไม่วางตา คงเป็นสาวชาวกรุง ผิวพรรณดี แต่งกายจนแยกออกว่าเป็นคนกรุงเทพอย่างแน่นอน เธอดูเป็นสาวเปรี้ยวจี้ด เพราะดูจากการแต่งหน้าแต่งตาแล้ว อธิปก็ยังไม่ข้ามทางเสียทีกลับเหลียวมองหญิงคนนั้นกลับ เขาจึงไปเอารถมารับแทนที่จะเดินไปด้วยกัน เมื่อเวียนรถมารับก็ยังเห็นอธิปเหลียวมองหญิงคนนั้นอยู่ก่อนขึ้นรถมา สรุปไม่มีการพูดคุยอะไร
“ไม่ใช่เขาจะชอบเหรอ?” เขาออกความเห็น เพราะสายตาที่มองนั้นบอกชัดๆว่าสนใจอธิป
“คิดว่ายังไง?” อธิปเหลียวมาถามเขา
“อ้าว คนหล่อ สาวก็เหลียว” เขาออกความเห็นเพียงเท่านั้น
“แม้วงามกว่า ผู้ดีกว่า....คนนี้แหละ ว่าที่เมีย” อธิปบอกเขา เขาหัวเราะเพราะพอใจที่อธิปพูดแบบนั้น เห็นคราวนี้ต้องบอกวราให้ดีใจเสียแล้ว เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นว่าอธิปชมใครก็วันนี้ ทั้งยังชมว่าที่ภรรยาอีกต่างหาก
“ไม่ต้องไป” อธิปบอกอรัญญาที่กำลังจะแต่งตัวลองชุดออกงาน ที่กมลาส่งมาไว้ให้
“จะบ้าเหรอ จะไม่พาน้องไปได้ไง วราสั่ง” เขาบอกอธิป มันเป็นงานเลี้ยงทั้งสองบ้านที่จะเตรียมวางแผนงานมงคลสมรส อย่างไรเสีย อรัญนั้นต้องเปิดตัวในฐานะน้องสาวตามพฤตินัย ใครๆก็รู้ว่าอธิปนั้นมีน้องสาวอยู่อีกคนหนึ่ง อรัญวางชุดเหลียวมองอธิปอย่างงงงวยและเดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่น คงอยากจะเถียงแต่คงไม่ทัน
“ไม่ต้องไป” อธิปตอบเรียบๆ นั่งลงบนโซฟา สองแขนวางพนักโซฟาทั้งไขว่ห้าง
“แล้วงานแต่งละอธิป” ป้อมเอ่ยถามขึ้น อรัญพยักหน้า สีหน้ามีคำถามเมื่อมองอธิป
“งานไหนก็ไม่ต้องไป อยู่กันแค่ในนี้แหละ”
“.......” อรัญอ้าปากค้างมองอธิปก่อนมองป้อม
“แต่...มันไม่ได้นะ” เขาพยายามพูดกับอธิป
“คิดอยากให้ทำอะไรก็ทำให้แล้ว ยังจะเอาอะไรอีก?” มันช่างเป็นคำพูดที่หาคำพูดใดมาโต้เถียงไม่ได้ เป็นเขาอีกแล้วที่ต้องหาข้ออ้างไปบอกวราเพื่อนรัก ถึงอย่างไรวราก็ต้องจำยอมอยู่แล้ว เพราะแค่อธิปยอมแต่งงานก็ถือว่าเป็นข่าวดีเป็นบุญอย่างล้นพ้นล้นเกล้าแล้ว วราจำยอมเสียหน้าตอนนี้เพื่ออนาคตที่ดีในวันข้างหน้า
ในงานที่ภัตคาร เรื่องที่อรัญเป็นลูกใครนั้นถูกปิดโดยสนิทมันเป็นการให้เกียรติเพื่อน และวราแต่งเรื่องว่าเป็นลูกของเมียอีกคนที่หลงเข้ามาเพียงเท่านั้น และเมื่ออรัญไม่ได้มางานนี้จึงถูกพูดถึงเพราะบางคนนั้นยังไม่เคยเห็นหน้าคร่าตาว่างามสักเท่าใด อธิปนั้นเปิดฉากสนทนาว่าอรัญนั้นสวยกระทั่งทำให้อดหวงไม่ได้เพราะเลี้ยงมาเองกับมือโดยแท้ เพราะวรานั้นให้หาเลี้ยงเอง
ทุกคนอาจจะสนุกและหัวเราะที่อธิปเห่อน้องสาวมาก และคิดว่าวรายังมีสเน่ห์แม้ว่าจะเริ่มมีอายุ แต่คนอย่างเขาก็ต้องแกล้งตามน้ำไป ตีหน้าซื่อ พูดอะไรไม่ออก และที่เขาอายที่สุดตอนนี้คือกมลา ว่าที่ภรรยาคุณอธิป เขาได้แต่นั่งดื่มฟังผู้คนทั้งเพื่อนฝูงที่รู้จักกันมาก่อนออกความเห็นกันอย่างออกรสชาติ มาเพื่อเป็นสักขีพยานกัน
“งามจริงๆ แม้วก็เคยเห็น” พลางคีบหัวไชเท้าผัดลงชามข้าวให้อธิป
“อย่างนี้แต่งไปจะไม่ได้พาน้องไปอยู่ด้วยเหรอ?” หนึ่งในกลุ่มพูดพลางหัวเราะ มันเป็นการแซวเล่นๆเพียงเท่านั้น
“มาอยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นไรหรอก แม้วจะช่วยดูเอง” เธอวางมือบนแขนอธิป อธิปจึงไม่พูดต่อ
ก่อนหน้านี้ที่ร้านจำหน่ายอุปกรณ์อะไหล่รถ เขานั้นนำของฝากไปให้ที่บ้านของเธอโดยที่บอกว่าเป็นของอธิปที่ฝากมา มันเป็นความคิดของวราที่อยากให้อธิปทำแบบนั้น ดูเหมือนว่าเธอจะฉลาดเอาการที่รู้ทันว่านั้นเป็นฝีมือของวราและตัวเขาเสียมากกว่า เขาถูกเชิญเข้าไปในห้องด้านในที่ติดแอร์เย็น
“อธิป เขาไม่ใช่คนโรแมนติก” เขาแก้ตัวเมื่อเธอรู้ทัน
“แม้วรู้ดี ว่าพี่แกเป็นยังไง” ทำให้เขาถึงกับถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เธอวางชุดน้ำชาลงเป็นการต้อนรับ มีถาดส้มวางอยู่บนโต๊ะ
“ลุงมีอีกเรื่องอยากจะบอก..แต่เกรงใจ กลัวจะรับไม่ได้”
“เรื่องน้องสาวเขาเหรอ?” เธอยกคิ้วพร้อมกับอมยิ้มเมื่อรินน้ำชาลงแก้ว เขาแปลกใจที่เธอดูฉลาดกว่าที่คิด จึงพยักหน้า
“เรื่องน้องอรัญแม้วไม่ห่วงอะไร ไม่ต้องพูดให้ใครฟังถึงจะดี ..แม้วเลือกผู้ชายไว้แล้ว ถ้าเป็นอธิปล่ะผ่าน ขอให้ได้แต่ง แม้วอยากมีลูก คุณพ่อจะได้เงียบสักที แม้วขอเท่านี้ ที่เหลือแกจะเป็นยังไงแม้วจะไม่ห้าม”
“..ไม่หึงเหรอ ไม่ใช่แต่งกันไปจะเปลี่ยนแนวเหรอ?” เขาหัวเราะ ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่มันไม่น่าจะเป็นเยี่ยงนั้น เขาผ่านอะไรมาก่อนจนอายุปูนนี้แล้ว รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะไม่หึงหวง
“ไม่มีแน่นอน แม้วไม่สนใจใคร ถ้าเป็นอธิปล่ะถึงจะคู่ควร คนอื่นแม้วดูมาแล้วไม่ได้เรื่อง สู้มาจบเรื่องนี้กันซึ่งๆหน้าจะไม่ดีกว่าเหรอ ยืดเยื้อไปทำไม” เขานึกว่าเธอจะอ่อนหวานสุภาพเรียบร้อยแต่มันไม่ใช่เลยในตอนนี้ ช่างตรงไปตรงมาเสียจริง
“แล้วได้คุยกับเขาบ้างรึยัง?”
“คุยแล้ว แม้วบอกเขาแล้ว ที่เหลือก็รอแค่เขาตัดสินใจ ..ส่วนเรื่องน้อง แม้วจะไม่ขัดใจ ถ้าขัดใจคุณพ่อแม้ว แม้วจะออกหน้าให้เอง แม้วแค่อยากมีครอบครัวเฉยๆ เรื่องอื่นแม้วไม่สน”
นั่นมันเป็นบทสนทนาที่น่าสนใจ แสดงว่าทั้งสองคนคงตกลงกันมาได้สักระยะกันแล้ว รู้อย่างนี้เขาไม่เสียเวลาปล่อยผ่านเวลามาเนิ่นนานขนาดนี้ วราเองก็ดูมีความสุขอยู่มากเพียงแต่ไม่เข้าใจที่อธิปไม่อนุญาตให้อรัญมา หากเรื่องภายในถูกเปิดปากออกไปคงน่าอับอายที่ลูกของตนหึงหวงถึงขนาดซ้อมลูกน้องที่บ้านมันคงไม่งาม
อธิปนั้นอุ้มอรัญขึ้นกอดเมื่อมาถึงบ้าน เธอใช้มือปัดเสื้อสูทช่วงหัวไหล่ให้อธิป
“เป็นยังไงบ้าง สนุกรึเปล่า?”
“ไม่เลยสักนิด” อธิปขมวดคิ้วก่อนปล่อยให้อรัญลง
“พี่แม้วสวยไหมคะ ไปดูชุดแต่งงานวันไหน ไปด้วยได้ไหม?” อรัญใส่คำถามเดินตามอธิปที่เดินเข้าด้านใน
“ใครแต่งงานกันแน่?” อธิปหยุดเดินหันมาถามเธอ
“ก็พี่อธิปไง ..แค่อยากเห็นชุดแต่งงาน ไม่ได้เหรอ?” เขาแปลกใจที่อรัญนั้นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับว่าอธิปนั้นไม่เคยแตะต้องเธอ เธอไม่ดูมีอาการหึงหวงเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังอยากเห็นกมลาสวมชุดแต่งงานอีกต่างหาก หรือที่ผ่านมาเขานั้นคิดไปเองหรืออรัญนั้นไร้เดียงสากันแน่ ป้อมจึงลุกมาจากห้องโถงเพราะน้ำเสียงที่คุยกันอาจจะฟังดูหงุดหงิดและมีเสียงดังผิดปกติ
“แล้วรู้รึเปล่าว่าแต่งงานเขาต้องทำอะไรกันบ้าง?” อธิปเดินเข้าไปใกล้เธอ
“ก็ได้ เต้นรำ ไปฮันนี่มูน ไปกินน้ำผึ้งพระจันทร์ไง น่าอิจฉาจะตาย” เธอเบ้ปากพูดเรียบๆ ก่อนหน้านี้ถามป้อมมาแล้วว่าแต่งงานก็ทำอะไรกันบ้าง ซึ่งป้อมก็ตอบตามจริงว่า สวมชุดราตรี มีงานเต้นรำ และเข้าห้องหอ เสร็จงานแต่งก็จะไปฮันนี่มูนกันสองคน อาจจะเป็นทะเลภูเขา ไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ซึ่งอรัญนั้นตื่นเต้นเอามาก
“แล้วรู้ไหม น้ำผึ้งพระจันทร์มันเป็นยังไง!?” อธิปถอดสูทออก ทิ้งมันลงกับพื้น มันไหลไปกองที่เท้าอรัญ
“โกรธอรัญทำไมเนี่ย?” อรัญพูดเหลียวมองป้อม เป็นการหาแนวร่วม
“อธิป อธิป น้องยังไม่ทันรู้ความ จะไปเสียงดังใส่น้องทำไม ไปไป๊ ไปอาบน้ำพักผ่อน ไปอรัญ..ไปดูอธิปไป” เธอหยิบเสื้อขึ้นส่งให้อรัญถือ ที่สุดแล้วอธิปจึงขึ้นข้างบนโดยมีอรัญเดินตามอย่างหน้าบึ้ง
“....ตายแท้” เขาหันไปพูดกับป้อม
ทั้งสองยังคงเถียงกันเพราะเสียงมันสะท้อนลงมาจากห้องชั้นบน เขานึกถึงที่พูดกับวราหลังเลิกงานเลี้ยง เขาส่งวราขึ้นรถส่วนตัวเพื่อกลับบ้าน เขาวางมือที่แขนวราทั้งถามว่าโอเคหรือเปล่าถ้าหากว่าอธิปจะไม่ให้อรัญนั้นเข้าร่วมในงานแต่งงานของอธิป วรานั่งเงียบก่อนพยักหน้าเบาๆ
“แต่ละสิ่งละอย่างที่มันทำ กูล่ะปวดหัวแทน” วราส่ายหน้าเมื่อพูดจบก่อนหันมาพยักหน้าให้เป็นการบอกจบสนทนาเพียงเท่านี้
วรานั้นพาคนงานเข้ามาจัดการบ้าน เขาสาวเท้าเดินตามขึ้นไปชั้นบน วรานั้นเดินเข้าห้องนอนของอรัญเพื่อดูความเรียบร้อย ถามอรัญเรื่องเตียงเพราะต้องเปลี่ยนใหม่มันเก่ามากแล้ว แต่อรัญนั้นบอกว่ามันยังใช้ได้ ขณะนั้นเขาก็ไปพบสมุดบันทึกของอธิปเข้าที่โต๊ะหน้าห้องของอรัญ จึงสุ่มหยิบขึ้นมาเปิดดู เขาอ่านและเอนตัวส่องวราก่อนจะฉีกกระดาษหน้านั้นพับเก็บใส่กระเป๋ากางเกง แค่อ่านจุดเริ่มต้นก็รู้แล้วว่าเขียนถึงอรัญ
“มีอะไร?” วราหยุดเดินเมื่อออกมาแล้วถาม อรัญเดินมาค้ำตู้ด้วยรอยยิ้ม
“อธิปเขียนบันทึก” อรัญหยิบสมุดเล่มนั้นออกจากมือของเขาที่ถือค้างอยู่ มันเป็นสมุดปกหนังเล่มสีน้ำเงิน เขาไม่รู้ว่าเขียนอะไรบ้าง แต่ตื่นเต้นมากในคราวนั้น โชคดีที่อรัญไม่ได้เปิดอ่าน พับเก็บสอดขึ้นชั้น
“เล่มนี้ตั้งแต่ปี38” อรัญพูดพลางสอดสมุดเก็บที่เดิม
“ดีแล้ว ไม่ต้องไปเปิดอ่านสมุดคนอื่น” วราบอกอรัญ อรัญยิ้มเอียงหน้าแต่เขารู้สึกหน้าชาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ ก็เขาเพิ่งจะเปิดดู ทั้งอรัญและวรานั้นเดินคุยกันกลับลงไปยังชั้นล่าง เขาเหลียวมองสมุดบนชั้นก่อนที่จะตามทุกคนลงไป เมื่อเห็นว่าชั้นหนังสือในห้องโถงทุกคนทำความสะอาดเสร็จแล้วเลยทำทีเดินไปเช็ค เขาเอียงซ้ายแลขวา ดึงกระดาษแผ่นนั้นออกจากกระเป๋า สอดใส่หนังสือเล่มใหญ่ กะว่าจัดการทุกอย่างเสร็จจะกลับมาอ่าน
“อรัญไปด้วยได้ไหม?” อรัญถามวรา เมื่อเดินไปที่หน้าตึกและหยุดคุยกันที่เฉลียง วราขมวดคิ้ว
“ไม่ปวดหัวเหรออยู่กับมัน พ่อล่ะปวดหัวชิบหายแล้ว เอาใจมันไม่ถูก อยู่กับมันไม่ได้นาน!” เขาอมยิ้มที่วราต่อว่าอธิป อรัญหัวเราะ
“อรัญอยากไปงานแต่ง อยากเห็นชุดแต่งงาน” วราเงียบหันกลับมาเหลียวมองเขาก่อนหันกลับไปพูดกับอรัญ
“มันว่ายังไงก็ตามใจมันกันมาตลอด เป็นกันทุกคน.. รึไม่ใช่?” วราหันหันมาพูดกับเขาในตอนท้ายก่อนเดินไปขึ้นรถเพื่อกลับบ้านในเมือง เมื่อรถออกไปอรัญหันมามองเขาทั้งถอนหายใจ เป็นอันว่า อธิปว่าอย่างไรทุกคนก็ต้องทำตามนั้น
กองผ้าไหมนั้นเรียงกันเป็นชั้นๆ แม้วจัดการจัดชายสบัดลองให้อรัญได้สวม เป็นวันแรกที่ทุกคนจะได้เห็น ว่าที่ภรรยาคุณอธิป นำผ้าไหมชั้นดีมาให้ ไหมเข้ามาช่วยจับชายพับและคาดเข็มขัดทอง คงเคยได้ยินเรื่องราวจากอธิปว่าอรัญนั้นสวมชุดไทยสวยงามมากแต่ก็ไม่เคยได้แต่งชุดไทยเสียที ไม่เคยได้ออกงานไม่เคยได้ไปไหน กมลาที่มีเพื่อนเป็นเจ้าของกิจการผ้าไหมทอจึงนำมาเป็นของฝากอรัญ
อรัญนั้นยืนนิ่งยืนมองกระจกบานใหญ่ที่ถูกยกลงมา การสวมซิ่นคาดที่ระดับเอวนั้นทำให้อรัญดูตัวสูงขึ้นมาก กมลาลูบที่เอวอรัญโดยใช้มือทั้งสองข้างวางที่เอวและใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่ช่วงท้องมันเป็นร่องตรงกลาง จนตี๋เหลียวมองป้อม
“ไม่มีหน้าท้องเลยนี่ สวยจริงๆ”
“....” อรัญแค่หลบตา คงไม่มองหน้าคุณกมลา
“เป็นอะไรล่ะ ไม่พูดไม่จา นี่ของแพงเลยนะ บางผืนเป็นหมื่น ไม่ใช่แค่ผ้าซิ่นเฉยๆนะ”
“ยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่ดี” อรัญญาพูด เธอสบตากมลา หญิงสาวทาปากแดงกรีดตาจนดูดุ นั่งบนเก้าเล่นเปียโน เป็นสาวมั่นที่คนในบ้านออกจะเกรงใจกับการมาเยือนบ้านนอกเมือง เป็นการเปิดตัวว่าว่าที่เจ้าสาวของอธิป มีสิทธิ์ทุกอย่างที่บ้านหลังนี้ทุกคนควรรู้จักเพราะเธอจะมาเป็นเจ้าของบ้านคนหนึ่ง
“ทำไมถึงอยากไปนักล่ะ...ไม่หวงอธิปแล้วเหรอ หึ?” เป็นการพูดคุยที่เขานั้นต้องถอนหายใจ ช่างเปิดเผยเอาเสีย เป็นอันรู้ถึงว่าความสัมพันธ์ระหว่างอธิปกับอรัญ
“ก็อยากเห็นพี่อธิปกับพี่แม้วได้ใส่ชุดแต่งงาน แต่อธิปก็ไม่ให้ไปอยู่ดี” สีหน้าไร้ความรู้สึก อรัญนั้นนิ่งเงียบไป
“อะฮึ้ม! ..ใครเขาอยากให้คนที่เขารักเห็นเขาแต่งงานกันล่ะ ...มันเป็นแค่หน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น เข้าใจรึเปล่า?” เธอยิ้มจับสะโพกอรัญและเงยหน้าพูดกับอรัญ
“แล้วจะไปฮันนี่มูนกันที่ไหนล่ะ?” ป้อมใช้มือค้ำที่พื้นขณะนั่งพับเพียบอยู่ แทรกเปลี่ยนบรรยากาศ มันช่างเป็นบทสนทนาที่รับไม่ได้สำหรับทุกคนในที่นี่
“เมกาจ้ะ” เธอหรี่ตาให้ป้อมอย่างยิ้มๆ
“ไปนานไหมคะ?”
“ก็อาจจะเดือนนึงหรือสามเดือน” อรัญเอนตัวออกจากกมลา เหลียวมองป้อม ก่อนหันไปพูดกับกมลา
“เดี๋ยวจะย้ายของไปบ้านนั้นแล้ว พี่แม้วมาอยู่ด้วยกันนะคะ คุณพ่อเปลี่ยนเตียงใหม่ให้แล้ว” อรัญพูดขึ้น
“พี่คงอยู่ในเมือง ไม่ได้อยู่นี่หรอก ให้น้องอรัญอยู่เถอะ คุณพ่อบอกที่นี่เป็นของอรัญคนเดียว” กมลาลูบศรีษะอรัญ
อรัญหยุดมือขณะเล่นเปียโน ป้อมเหลียวหน้ามองเขาก่อนหันไปพูดกับอรัญทั้งเดินเข้าหา มันเป็นความลำบากใจที่เขาเองก็ไม่อยากที่จะเป็นคนแจ้งข่าวนี้กับอรัญ เขาเพิ่งไปพูดคุยกับวรามา การพูดคุยกับวรานั้นทำเอาเขาลืมนึกไปเลยว่า อรัญนั้นเป็นแค่ลูกเลี้ยงของวราเท่านั้น แต่อย่างไรก็ไม่อยากให้รู้สึกว่าถูกทิ้งขว้าง เขาเหลียวมองรถปิ้กอัพที่ด้านนอกที่บรรทุกเฟอร์นิเจอร์หลากหลายเข้ามา หลายคัน
“อรัญ”
“.....?”
“เรานอนบ้านนู่นกันเนาะ อธิปแต่งกับแม้วแล้ว บ้านนี้จะใช้เป็นห้องหอ..อาจจะมานอนด้วยกัน เข้าใจไหมที่ป้าบอก?” ป้อมยิ้มพลางลูบไหล่ อรัญที่ตอนนี้สวมซิ่นที่กมลานำมาฝาก อรัญพยักหน้าให้ เขาโล่งที่ว่าง่าย
“ตอนพี่แม้วมา ก็สนิทกับอธิปแบบเก่าไม่ได้แล้วนะ อรัญโตแล้ว จะกอดจะหอมอธิปไม่ได้แล้วต่อหน้าแม้ว ตอนเขามา” ป้อมเสริมพลางจัดชายซิ่นให้อรัญ
“....?” อรัญจ้องมองป้อมก่อนเหลียวมองเขา ที่สุดอรัญก็ลุกเดินไปที่เฉลียงทางขึ้นบ้าน จ้องมองเหล่าคนงานขนของเข้าบ้านทั้งสองหลัง อรัญยืนมองเงียบๆ ช่างทั้งหลายก็เหลียวมองอรัญ คงรู้สึกว่าแปลกที่อรัญนั้นสวมซิ่นทั้งที่อายุยังน้อย ป้อมเหลียวมองเขา มันเป็นสายตาที่ถามความเห็น
“รึอรัญจะนอนห้องข้างบนล่ะ ถ้าพี่แม้วมานอนด้วยจะรำคาญรึเปล่า” ป้อมเอ่ยถามขึ้นอีก
“...เราอยู่บ้านนี้ไม่ได้แล้วใช่ไหม?” อรัญหันมาถามเขากับป้อม เล่นเอาป้อมมีน้ำตา เขาเองก็ถอนใจทั้งอยากเดินหนี เพราะไม่อยากจะสบตาอรัญเข้า นึกถึงวันที่อุ้มอรัญมาที่นี่มาให้อธิปเลี้ยง ตอนนี้ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรแล้ว
“มาเล่นนี่ได้เหมือนเดิมนั่นแหละแต่ว่าตอนพี่แม้วมา ป้า ลุง ก็ไม่อยากกวน เข้าใจไหมอรัญ?” อรัญญาพยักหน้าหงึกเดียว เหลียวมองบ้านสองหลัง
“หลังไหนล่ะ?” เขาอยากจะตอบอรัญญาว่าหลังสุดท้าย เหลียวมองป้อม
“หลังไหนก็ได้” ป้อมตอบทั้งเหลียวมองเขาอย่างเกรงใจที่จะบอกว่าหลังสุดท้าย อรัญยืนมองนิ่งๆก่อนพูดขึ้นมาว่า
“หลังสุดท้ายล่ะกัน จะได้ไม่กวนใคร”
เย็นวันนั้น ป้อมพลางตำพริกกระเทียมที่ย่างมา ส่วนไหมนั้นวางจานปลาแห้งลงบนพื้นเสื่อที่นั่งทำอาหารกันอยู่ ปกติแล้วจะมีเรื่องพูดคุยกันไม่หยุดหย่อน ยิ่งวันนี้มีอะไรใหม่ๆเข้ามาในบ้านแล้วก็น่าจะชื่นชมเสียหน่อย แต่ป้อมก็เป็นเช่นนั้น กระทั่งไหมเหลียวมองเขา คงถามว่าเกิดอะไรขึ้น เขาได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่อยากจะพูดอะไรมาก
“......” อธิปเหลียวมองเขาเมื่อรู้เรื่องทั้งหมด แต่ไม่พูดอะไร เหลียวมองอรัญที่ว่ายน้ำอยู่ในสระ อรัญนั้นสวมเสื้อยืดทับชุดว่ายน้ำเล่นน้ำทำตัวตามปกติ ไม่ได้น้อยใจหรือตัดพ้ออะไร เขาลุกตามอธิปเดินไปดูบ้าน บ้านภาสิรี อธิปยืนมองเงียบๆก่อนเข้าไปทางด้านใน ทั้งชั้นบนนั้นที่นอนผ้าปูถูกจัดไว้เรียบร้อย อธิปเดินไปกดมือลงบนที่นอน และเหลียวมองรอบๆ
“จะนอนได้ไหมละ?”
“ได้อยู่หรอก บอกตี๋มาดูทางนี้บ่อยๆเอา” ดูเหมือนอธิปไม่ได้สนใจฟังเดินกลับออกไปนอกห้องและเดินลงบันใดไปเสียเฉยๆ
อรัญเมื่อขึ้นจากสระน้ำแล้วเธอก็เข้าห้องน้ำท้ายสระแล้วออกมาโดยสวมชุดคลุมและมีผ้าขนหนูโพกคลุมศีรษะไว้ โดยมีไหมเข้าไปเก็บชุดที่อรัญถอด เธอเดินตัวเปียกและจะเหยียบก้าวขึ้นบันใดมา เธอจ้องอธิปที่นั่งดื่มเหล้าอยู่เก้าอี้ตรงหน้าเคาท์เตอร์ เธอหยุดและหัวเราะ
“ลืม” เธอยิ้มบอกและเดินไปกับไหมที่ถือตะกร้าผ้าเปียก อธิปนั้นนั่งเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อรัญนั้นต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านตนเอง อธิปนั่งดื่มต่อเงียบๆ ครู่หนึ่งก็ขึ้นไปยังชั้นบน
กริก.......กริก....กริก เสียงจิ้งหรีดดัง เสียงจั่กจั่นร้อง เป็นระยะๆ เขานั้นเหลียวมองตี๋ที่ลางสายยางมาทางท้ายสระและเปิดน้ำก๊อกทำการรดน้ำต้นไม้ริมสระ เขาจึงลุกเดินไปหยิบที่เขี่ยบุหรี่มานั่งตรงบันใด ตรงที่อรัญเคยเหยียบจะขึ้นบันใดมา เขานึกพลางแปลกใจที่วันนี้อธิปนั้นไม่ได้เล่นน้ำกับอรัญ ทั้งยังอาบน้ำโดยที่ไม่ถามหาไม่เรียกอรัญสักคำเดียว
“จะไปหาแม้ว ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อ” อธิปยืนสวมนาฬิกาข้อมือพูดขึ้นก่อนเดินออกไปนอกตึก
เขาเหลียวมองตี๋หนุ่มน้อยที่ปั่นจักรยานมาหยุดและไม่พูดจาเพราะคืนนี้เป็นวันที่อธิปแต่งงาน แต่ตี๋กลับเปิดประตูให้อธิปที่ไม่น่าจะกลับมาในคืนนี้ได้เข้ามา อรัญก็ได้ย้ายมาอยู่บ้านหลังเล็กตามคำสั่งของวรา บ้านใหญ่จึงเท่ากับเรือนหอที่มีอธิปและกมลาที่เป็นเจ้าของโดยแท้ ถึงจะไม่มาอยู่ก็เท่ากับเป็นสมบัติของอธิปและภรรยาอยู่ดี วราตั้งชื่อบ้านนี้ว่า บ้านภาสิรี ตามชื่อจริงของอรัญ เขาเห็นอธิปปรี่เข้าบ้านหลังนั้น ทั้งๆที่ยังสวมชุดเข้าพิธี ดึงพวงมาลัยทิ้ง ไม่นานเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นที่บ้านภาสิรี เขาเห็นอธิปฉุดแขนหล่อนกลับขึ้นไปที่ตึกใหญ่ อรัญนั้นร้องไห้และถ่วงตัวไว้ไม่ให้อธิปลากตัวเธอ
“จะกลับมาทำไม นี่มันวันแต่งงานนะ!” เขาเดินเข้าไปขวางทาง อธิปนั้นไม่สนใจสะบัดให้เขาออกจากทาง
“ไม่ได้นะ ปล่อย!” เธอร้องขึ้นเสียงดัง อธิปไม่สนใจลงไปอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่ เธอดิ้นพล่านและตีขา
“อธิป อย่า”
“ช่วยด้วย!” อรัญเสียงแตก อธิปนั้นไม่สนใจอะไรอีกแล้ว
“เอาไงดีครับ?” ตี๋เอ่ยถาม
“ปล่อยเขา” เขาตอบ เมื่อทำอะไรไม่ได้แล้ว จะฉุดอย่างไรก็ฉุดไม่อยู่ ให้มันเป็นไปตามที่วราว่านั่นแหละ มิน่ากมลาถึงใช้โรงแรมเป็นห้องส่งตัว เขาก็เริ่มเหนื่อย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เขากลับไปที่ห้องเก็บของค้นหาเหล้าเพราะชักอยากจะดื่มอีกสักกั้กสองกั้ก และปลุกป้อมและไหมให้กลับขึ้นมาดื่มเป็นเพื่อน
วราไม่ได้รู้เรื่องอะไรที่เกิดขึ้น ภาพงานแต่งและทุกอย่างย้ายมาอยู่บ้านวราด้านใน กมลาเข้ามาเป็นสะใภ้อย่างเต็มตัว ที่บ้านบริษัทในเมืองนั้นจัดงานใหญ่ต้อนรับสะใภ้เข้าบ้าน และเขาที่ต้องปลุกอธิปให้กลับไปหาเจ้าสาวแต่เช้าตรู่ ทุกอย่างเป็นอันเสร็จพิธี อธิปเมื่อคืนนี้เข้าเรือนหอที่บ้าน เขาและป้อมนั้นต้องตีหน้าซื่อแสดงความยินดีเหมือนคนอื่นๆอย่างรู้สึกผิด ช่วงนี้งานอธิปต้องลดลงบ้างเพราะต้องอยู่กับภรรยาให้เคยชิน
ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรเลย อธิปนั้นสอนเรื่องงานและการอยู่ที่บ้านโดยอาศัยอยู่ที่ตึกออฟฟิตด้านหน้า ได้อยู่ใกล้วราที่อยู่บ้านด้านหลัง มันสะดวกต่อการไปมาเข้าออกบ้านเพราะเมื่อไหร่ที่ออกไปไหนเท่ากับว่าบางทีอธิปไปทำงานก็เป็นได้ วราเองก็ไม่ได้ใจร้ายทั้งยังบอกอธิปให้กลับไปดูน้องที่บ้านบ้างในวันหยุด มันเลยเข้าทางเสียไปหมด
อรัญนั้นพักอยู่ที่บ้านภาสิรีมาโดยตลอดและจะกลับเข้าตึกเมื่ออธิปมา เธอใช้ชีวิตตามปกติ เล่นเปียโน อ่านหนังสือดูหนังฟังเพลงในบ้านกับทุกคน แต่อธิปนั้นดูเงียบขรึม ดื่มแต่เหล้าอย่างไม่เหนื่อยหน่าย เมื่อถึงเวลาต้องกลับก็กลับ จวบจนกระทั่งวันเดินทางไปต่างประเทศมาถึง
“อยากได้อะไรรึเปล่า?” อธิปเหลียวมองอรัญที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ข้างๆ
“...หาแฟนให้ป้าป้อม หาแหม่มมาให้ตี๋ก็พอ”
“ว๊าย มาหาผัวให้ป่าล่ะ อรัญ ป้าเอาเข็มเย็บปิดรูไปแล้ว” ป้อมหัวเราะใช้มือปิดปาก
“ผมก็ไม่เอาครับ” ตี๋หัวเราะ
“ไม่เอาแน่นะ” อธิปถามทุกคนรีบส่ายหน้ากันเป็นแถบ
“พี่อธิปรีบกลับมาก็พอ รีบมีหลานให้คุณพ่อไวๆ แกอยากอุ้มหลานแล้วนะ” เธอยิ้ม อธิปมองเธอก่อนที่จะรวบเธอมากอด
“เมื่อไหร่จะโตสักที!!” ทุกคนหัวเราะที่เป็นแบบนั้น แต่เขารู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกในทุกๆฝ่ายๆในตอนนี้
ความคิดเห็น