คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ลุงปราสาท
ปราสาทก้าวเท้าเข้าไปในบ้านวรา หลังจากที่ถูกนัดหมายให้มาวันนี้ วราสวมกางเกงผ้าแพรและเสื้อยืดนั่งอยู่ที่เก้าอี้หวายตรงเฉลียงบ้าน มันเป็นวันหยุดพักของทุกคนจึงดูเงียบเหงาลงไปบ้าง ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ขนย้ายข้าวของ เสียงตะโกนอย่างทุกวัน มุมนี้จึงเงียบสงบ วรานั่งเงียบจนเขาต้องเอ่ยถาม
“เป็นยังไง?”
“...ไอ้ศักดิ์มันโกรธแล้ว มีลูกชายก็ไม่ได้เรื่อง ..มันมีใครรึเปล่าว่ะ?” วรานั้นมีโอกาสไปทานข้าวหรือร่วมวงกับศักดิ์ชายทีไรเป็นอันต้องบ่นอย่างเรียบง่าย แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทกันก็รู้ดีว่าเพื่อนนั้นกำลังตำหนิตนอยู่ เพราะคำสัญญาที่เคยให้ไว้แท้ๆ อีกอย่างทางลูกสาวของศักดิ์ชาย คุณกมลานั้นก็ยังไม่มีใครเสียที หลังๆมานี่ออกงานทีไรก็จะเป็นงานแต่งเพื่อนเสียส่วนใหญ่ แม้จะมีใครมาสนใจตัวกมลาอยู่บ้างก็ไม่เคยได้เห็นว่ากมลานั้นสนใจใครเป็นพิเศษ วราคงกังวลว่าอธิปนั้นจะมีใครอื่น
“ไม่มีหรอก เลิกงานก็กลับ กลับบ้านก็ดูแต่น้อง” เขาจุดบุหรี่
“นัดเขาจะไปดูหนังก็ไม่ไป เขาก็รอ มันก็บอกมันลืม!...จะสามสิบแล้วยังไม่แต่ง จะได้อุ้มหลานรึเปล่าก็ไม่รู้ชาตินี้”
“ให้เวลาก่อนเป็นไรล่ะ สงสัยจะห่วงว่าน้องยังเป็นเด็กอยู่”
“เด็กอะไร ทางนี้ก็จะตายอยู่แล้ว ว่าจะเอาคนทางโน้นมาช่วยหน่อย ก็ไม่ไว้ใจใครให้ทำเอาคนกันเองนี่แหละมา มันไม่ทัน”
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน มันไม่มีปัญหาหรอก ไปตกลงกับไอ้ศักดิ์ก่อน ว่าถ้าลูกใครมีใครก่อนก็ปล่อยตามเลย หมดสมัยจะมาบังคับกันแล้ว ถ้ารอไม่ได้ก็ต่างคนต่างมี อธิปไม่ชอบบังคับก็รู้อยู่ แล้วเดี๋ยวจะไปเคลียร์กับไอ้ศักดิ์ให้ เพื่อนกันมันไม่โกรธกันได้นานหรอก แล้วเรื่องคนงานจะเอาแบ่งทางนั้นมา แล้วเดี๋ยวจะดูลูกชายให้” เขาปลอบใจ และตั้งใจจะทำตามนั้น วราถอนหายใจหนักทั้งพยักหน้า
เขาจำต้องแบ่งครอบครัวคนงานทางนี้ให้ไปช่วยทางบริษัทในเมือง ทำให้ตี๋ต้องอยู่ทางนี้ตามลำพัง โดยมีเขาและครอบครัวตาสงคอยดูแล มันทำให้อธิปเอ็นดูตี๋มากขึ้น ซื้อเกมส์กดให้ให้ตี๋และอ้อดได้เล่นบ้าง อธิปกำชับอ้อดให้รักตี๋เหมือนน้องชายแท้ๆ ตั้งแต่นั้นมา เพราะจำนวนคนลดจำต้องรักกันให้มาก
และไม่ว่าจะอย่างไรอธิปนั้นก็โดนครูที่โรงเรียนตำหนิอย่างเกรงใจอยู่เป็นประจำเมื่อไปรับอรัญญาที่โรงเรียน อธิปนั้นการแต่งกายดีกว่าคนทั่วไป ยังดูเป็นหนุ่มเฟี้ยว สวมแว่นกันแดดบ้าง และเมื่ออรัญโตขึ้นมันดูไม่เหมือนพ่อลูกเลยเสียทีเดียวในตอนนี้ คนอื่นๆจึงไม่มองว่าอธิปเป็นพ่ออีกต่อไป และเมื่อมาที่โรงเรียนแห่งใหม่ อธิปลงจากรถ เดินไปรับอรัญที่หน้าประตูทั้งโน้มตัวลง
“....” อธิปขมวดคิ้ว ทั้งที่เอียงหน้าให้ก็แล้ว ปกติอรัญจะกอดหรือกระโดดเพื่อหอมแก้มอธิป แต่วันนี้ไม่ยักกะทำอย่างเดิม อธิปถอนใจและโน้มตัวลงอีกครั้งโดยไม่สนใจว่าใครมอง คราวนี้อรัญญาจึงทำ
“....” ที่สุดแล้วเธอก็ทำและจูงอธิปขึ้นมาบนรถ ทุกสายตาต่างมอง อธิปนั้นไม่สนใจเปิดประตูให้เด็กๆขึ้นหลังรถ อธิปดูเงียบและไม่สบอารมณ์ ไม่คุยแม้กระทั่งกับตัวเขาเอง มือที่วางมองหน้าขากระดิกลงหน้าขา อาจจะกำลังคิดมากที่อรัญนั้นไม่ทำอย่างที่เคย แต่เขาอยากจะรู้ว่าอธิปนั้นคิดอย่างไรอยู่
“มันไม่ได้ครับ” เขาอธิบาย
“ทำไมจะไม่ได้ เลี้ยงมาเองกับมือ!!” มันก็มีแค่คำนี้เท่านั้นที่อธิปใช้เป็นข้ออ้าง เขาหัวเราะเบาๆ
“ใช่” อรัญเสริม อรัญ ตี๋ และอ้อดที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“เอาอย่างนี้ไหมครับอธิป ให้ผมกับตี๋หอมแก้มด้วย ครูถึงไม่ว่า” อ้อดที่นั่งเบาะหลังออกความเห็น มันทำให้เขาหัวเราะ และเห็นด้วย หากที่บ้านทำแบบนี้ทุกคนรับรองว่าครูจะได้ไม่สงสัยหรือตำหนิอธิป
“จะบ้าเหรอ ไปหอมแก้มตาสงโน่น กลับไปให้ได้เห็น” อธิปบอก
“ก็ถ้าไม่ทำแบบนั้นมันก็ไม่ดี ถ้าจะทำก็ต้องทำให้มันครบทุกคน” เขาอธิบายพลันนึกขำ นึกสภาพไม่ออกเลยจริงๆ
“งั้นแก อ้อด ตี๋ หอมแก้มพ่อสาท ทุกวัน”
“ไม่ครับ!!” ทั้งสองตอบพร้อมกัน อ้อดหัวเราะนั่งเล่นเกมส์กดอยู่ในรถ พลางยื่นแบ่งอรัญเล่นบ้างซึ่งอธิปมองไม่เห็นเพราะอรัญนั่งหลังอธิป อรัญหัวเราะ
“เด็กมันก็โตหมดแล้ว มีใครบ้างหอมแก้มพ่อแม่ เคยเห็นสักทีรึเปล่า พี่ชายล่ะไม่ต้องพูดถึง” เขาจำต้องพูดเมื่อมาถึงบ้านและเด็กแยกย้ายไปเปลี่ยนเสื้อผ้า วันไหนอธิปโดนครูบาอาจารย์เรียกพบนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาที่เด็กๆ แต่เป็นตัวอธิปเองที่ถูกตำหนิว่าไม่เหมาะสมเพราะเด็กก็โตแล้ว เมื่อเรื่องถึงหูวราเป็นอันว่าอธิปโดนสองต่อ
“มันเป็นเรื่องธรรมดา มีแต่คนอื่นนั่นแหละที่มันคิดไปเรื่อย นี่แหละความรักที่ครอบครัวควรแสดงต่อกัน” อธิปวางถุงและกระเป๋าอรัญลงโต๊ะ พลางมองในถุงกระดาษและล้วงออกมาดู มันเป็นชุดไทยที่ตัดออกมาแล้ว
“ชุดอะไร ตี๋ ไปเรียกไอ้อ้อดมาสิ” อธิปเสียงดังเมื่อเห็นตี๋ถือกระเป๋านักเรียนมาวางไว้เพื่อรอทำการบ้านช่วงเย็น
“อ๋อ.. ครูให้ชุดมาลองครับ อยากให้น้องเป็นตัวแทนนางนพมาศปีนี้” อ้อดยื่นเข้ามาแค่ลำตัวและยิ้มทั้งอธิบาย อธิปถอนหายใจ คงลืมไปว่าโรงเรียนใหม่แล้ว ลืมแจ้งเตือนบรรดาครูและอาจารย์ว่าของดทำกิจกรรมทุกอย่าง สีหน้าของอธิปบอกเลยว่าไม่สบอารมณ์ อ้อดนั้นเพิ่งจะได้อยู่โรงเรียนเดียวกับอรัญญาก็ปีนี้นี่แหละ ไม่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
“ไม่มีทาง” อธิปยิ้มบอก
“ทำไมครับ น้องสวยดี คนมาจีบตั้งเยอะ” อธิปเหลียวไปสบตาอ้อดในทันทีที่พูดจบ อ้อดนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับที่นี่บนตึกนี้ จึงไม่รู้ความอะไรมาก จะมีพูดคุยกับอรัญก็ที่โรงเรียนเท่านั้น
“อ้อด กลับไปบ้านก่อนไป” เขาแทรก เพราะไม่อยากให้อธิปของขึ้น ดูหงุดหงิดและไม่พอใจ
“อะไรล่ะ ไหน...ก็ให้ลองใส่หน่อยเป็นไรล่ะ ไม่ให้เป็นก็ไม่เป็นไรแต่พี่ก็อยากเห็น” ป้อมที่ยกกระติดน้ำแข็งมาวางไว้ที่บาร์เลยเอ่ยขึ้น มันเป็นการออกความเห็นที่ถูกจังหวะ มันเป็นชุดไทย สีแดงเป็นเกาะอกและสไบ เธอจึงเรียกไหมให้เข้ามาช่วยให้อรัญลองชุดให้อธิปและเขาได้ดู วันนี้อธิปเปิดเหล้าขวดใหม่ เขาที่ไม่ได้ดื่มมานานก็รู้สึกว่าเปรี้ยวปาก
“.....อย่าหวังว่าจะได้ใส่ไปข้างนอก” อธิปยิ้มเมื่อเห็นอรัญสวมชุดไทยเสร็จ มันต้องเปิดไหล่ เห็นลำคอยาว ขนาดไม่ได้แต่งจนครบเครื่องนั้นงามสง่า ผิวพรรณนั้นดูดี หากได้เป็นคงไม่น้อยหน้าคนอื่น มันทำให้เขารู้สึกนึกถึงไพรัช อยากบอกเพื่อนเขาว่าลูกสาวของเขาในตอนนี้งามแท้ๆ สมควรแล้วที่อธิปนั้นหวง และไล่ให้รีบไปถอดออก
“ยังไงก็ไม่ได้เป็น” อรัญพูดจบ อธิปเซ็นไม่อนุญาตให้เข้าร่วมงานดังกล่าวในทันที
“แล้วใครหน้าไหนมันมาจีบ?” อธิปถามอรัญขึ้น
“จะรู้ได้ไงว่าใครมาชอบเรามั่ง” อรัญเบ้ปากทำหน้าบึ้งเพราะอดที่จะได้สวมชุดไทย ไม่ว่าจะงานไหนอธิปก็ไม่ให้ไป อย่างงานกีฬาอะไรนอกสถานที่ยิ่งแล้วใหญ่ กีฬาประจำจังหวัดเมื่อไหร่ก็จะมีใบรับรองแพทย์โดยทันที
“นั่นแหละมันรนหาที่ตาย” อธิปไม่ได้มีรอยยิ้มแค่พูดเรียบๆ ขณะที่อรัญญากลับเข้าไปเปลี่ยนชุด
“ไม่มีใครกล้าหรอกครับ อรัญบอกทุกคนว่าอธิปหวงมาก” ตี๋นั้นส่งแก้วเหล้าที่เขาใช้ให้เอาไปให้และพูดขึ้น อธิปเอนตัวมองห้องน้ำเล็กน้อยแล้วมองตี๋
“ใครบอก เขาพูดเหรอ?” อธิปลดเสียงถาม
“ครับ ที่โรงอาหารเวลาเพื่อนคนไหนบอกคนนั้นคนนี้ชอบอรัญ อรัญจะบอกเพื่อนเองเลยว่า ไม่ได้คุณพ่อหวง ถ้าเพื่อนถามแล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน อรัญก็จะบอกว่าไม่มีแล้วชาตินี้ มีอธิปคนเดียว ได้ยินเองกับหูเลยครับ” เมื่อตี๋เล่า อธิปจึงพยักหน้า เขาได้แต่ยิ้ม อธิปได้ยินแบบนั้นคงสบายใจขึ้นมาก
เสียงกรีดร้องของอรัญดังขึ้นครู่นึง คืนนั้นอธิปสวมผ้าเช็ดตัวผืนเดียวลงมาที่ห้องครัวในบ้าน ขณะที่ทุกคนกำลังดูทีวี แต่อ้อดกำลังบ้าเห่อวิทยุเครื่องใหม่ที่ได้รับมา เลยมีแต่คนสูงอายุที่นั่งดูละครกันอยู่
“พี่ป้อม...” อธิปเรียกพร้อมกับกวักมือเรียก ป้อมจึงลุกเดินไปหาอธิป อธิปจึงโน้มตัวไปกระซิบ
“ว้าย...มาแล้วเหรอ?” ป้อมหัวเราะ เดินกลับห้องและกลับมาพร้อมกับห่อผ้าอามัย ซึ่งกำลังจะขึ้นไปยังชั้นบน วึ่งอธิปยกมือขึ้นทั้งบอกกับป้อม
“น้องมันอาย..อยู่นี่แหละ” อธิปบอกป้อม เล่นเอาป้อมนั้นอึ้งและค้างอยู่ครู่ แต่ไม่ทันแล้วอธิปขึ้นบันใดไปอย่างเร่งรีบ ป้อมจึงชะเง้อมองทั้งร้องบอกอธิป
“บ้าเหรออธิป พี่นะต้องพูดคำนั้น!” เมื่อไม่มีเสียงตอบ
“ไม่เป็นไร ผมสอนเอง พรุ่งนี้ขอมาเยอะๆ” อธิปร้องบอก
อรัญไม่ได้ไปโรงเรียนเพียงเพราะเป็นประจำเดือนครั้งแรกเลยไม่ค่อยกล้าขยับตัว เธอเล่าให้ป้อมฟังว่านึกว่าจะเป็นมะเร็งทั้งที่โรงเรียนก็ได้สอนสุขศึกษามาแล้วและเพื่อนๆส่วนใหญ่ก็เป็นเป็นกันตั้งแต่ชั้นประถมหก แต่พอตัวเองเป็นก็กลัวขึ้นมาเสียเฉยๆ ป้อมนั้นคอยปลอบใจว่าผู้หญิงนั้นเป็นกันทุกคน แต่อรัญญายังดูไม่หายคลายกังวลเสียที
“มันเป็นยังไง เจ็บท้องรึอะไร?”
“ก็ตกใจ กลัวว่าตัวเองจะตายก่อน”
“ก็คนมันไม่อยากแต่ง จะเอายังไง ให้มาทำงานก็ทำงานแล้ว” อธิปพูดขณะที่นั่งรถออกจากบริษัท วันนี้วราช่างนิ่งเงียบและเมินเฉยใส่อธิป ไม่พูดกับอธิปทั้งที่ทุกวันนั้นจ้องแต่จะคอยให้ไปรับกมลาลูกศักดิ์ชายไปเที่ยว ซึ่งงานก็มากมายอยู่แล้ว วราจะเป็นอย่างนี้เสียทุกครั้งที่ไปพบกับเพื่อน ตัวเขาเองเข้าใจวราดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ปัญหาเดิมๆ
“เขาไม่งามตรงไหน?” เขาจึงถามขึ้น กมลานั้นดูเป็นสาวที่ชายหลายคนหมายปอง คนที่มีชื่อเสียงหลายคนนั้นอยากได้มาเป็นคู่ควงมาเป็นภรรยาทั้งนั้น เขาได้ข่าวจากศักดิ์ชายที่โดนคนอื่นกดดันเพราะอยากได้มาเป็นสะใภ้ แต่ทางศักดิ์ชายนั้นยึดมั่นถือมั่นกับวรามากนัก ไม่ยอมให้ใคร และอีกอย่างฝ่ายกมลาก็ไม่มีท่าทีจะสนใจใคร
“มันไม่เกี่ยว” อธิปนั่งเงียบจ้องมองข้างถนน
“รุ่นพ่อเขามีลูกกันหมดแล้ว บางคนก็สิบกว่าคน มีลูกทันใช้ได้ช่วยงานบ้าน วรายังไม่มีหลานสักคน จะสืบทายาทก็ไม่มี ไม่คิดจะช่วยให้วราได้สบายใจหน่อยเหรอ?” เขาพูดภาษาท้องฐิ่นกับทุกคนเพราะมันจริงใจดี หากต้องพูดอะไรที่เป็นทางการนั้นเขาจะให้อธิปหรือคนอื่นเป็นคนพูด
“เป็นอะไร?” อธิปมองหน้าตี๋ที่กรอบเบ้าตาข้างโหนกแก้มมีรอยช้ำ เสื้อนักเรียนก็มีรอยเปื้อน เด็กทั้งสามนิ่งเงียบ ต่างเดินขึ้นรถกันอย่างไม่อยากจะพูด อธิปเอียงหน้าให้อรัญหอมแก้มก่อนจะเดินไปพบครู
“เด็กเขามีเรื่องกันเป็นปกติ เคลียร์กันให้กันแล้วไม่น่าจะมีปัญหา”
“เขามีปัญหาเรื่องอะไรครับ เขาอยู่ไหน?” อธิปเหลียวมองรอบๆ
“เคลียร์กันแล้ว ทำโทษให้แล้ว ตัดคะแนนความประพฤติทั้งแจ้งผู้ปกครองแล้วค่ะ มันจบแล้ว” ครูผู้หญิงยืนยันกับอธิป อธิปถึงกลับมาขึ้นรถ เด็กทุกคนนั่งเงียบ
“บอกอธิปไป” เขาจึงบอกเด็กๆ
“ตี๋มันไปตีกับรุ่นน้องครับ มันจะมาเปิดกระโปรงน้องอรัญ” อ้อดตอบ คงเพราะอรัญญาหยุดเรียนและรู้ว่ามีประจำเดือนเลยพยายามอยากแกล้งเปิดกระโปรงอรัญ
“แล้วทำอะไรอยู่?” อธิปหันไปถามอ้อดทั้งบอกเขาให้ออกรถ อธิปถามด้วยสีหน้าจริงจัง อ้อดเงียบอยู่ครู่ตี๋นั้นก้มหน้าอยู่เพราะเขามองที่กระจกหลัง
“ผมก็ไปช่วยครูห้ามครับ ตี๋มันเลยพลาดโดนไปหมัดนึง”อ้อดตอบอย่างเลี่ยงความจริงไม่ได้ อธิปถอนใจก่อนพูดขึ้น
“คราวหลังถ้าห้ามอย่าห้ามฝ่ายตัวเอง ห้ามทางโน้น เข้าใจไหม?”
“ครับ ..พี่ขอโทษ” อ้อดรับคำ เหลียวมองตี๋ที่เงียบก่อนขอโทษ
“ไปห้างฯก่อนค่อยเข้าบ้าน” เขาจึงทำตามอธิปสั่ง หักหัวรถเลี้ยวซ้ายไปที่ถนนสายหลักแทน ตอนนี้เด็กๆดูตื่นเต้นและดีใจที่จะได้แวะไปที่อื่นก่อนเข้าบ้าน โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อยนัก
อธิปหยุดเดินเมื่อพบ กมลา ที่แผนกเสื้อผ้าชั้นแรกในขณะที่เด็กต่างขึ้นบันใดเลื่อนไปชั้นบน มันเป็นสายตาที่บอกให้เขาตามเด็กๆขึ้นไปยังชั้นบนก่อน
ที่ชั้นห้ามันเป็นโซนเครื่องเล่นขายของเล่นมากมาย เด็กๆเดินไปยังโซนๆหนึ่งที่มีเวทีและมีปราสาทเลโก้อยู่ มีเด็กต่างโรงเรียนอยู่มากเข้ามาทักทายอรัญและสอบถามว่าเป็นตัวแทนของโรงเรียนหรือเปล่า มันคือสนามประลองเลโก้ตัวต่อที่ต้องประกอบออกมาหลายรูปแบบ มันจะถูกจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เด็กก็พลอยไหว้เขาไปด้วยเพราะนึกว่าเป็นครู เป็นเด็กต่างโรงเรียนสูงพอๆกับอ้อดที่อยู่มอสี่ แต่เป็นเด็กมอต้น
“ไม่ได้เป็น แต่มาซื้อของเฉยๆ” อรัญยิ้ม
“ไปดูทางโน่นสิมีหลายแบบเลยนะ เราชื่ออาร์ต เธอล่ะ?” เด็กคนนั้นชวนอรัญคุย เขาจึงแยกตัวพาตี๋ไปดูของเล่นอย่างอื่นและปลีกออกไปที่ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญข้างบันใดเลื่อน โดยโทรหา วรา และแจ้งข่าวดีให้แก่วราว่าตอนนี้มาเจอกมลเข้าแล้ว และกำลังพูดคุยกันอยู่ที่ชั้นล่าง อธิปเองก็ดูไม่ได้รังเกียจกมลาเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่อาจจะยังไม่อยากแต่งงานก็เท่านั้น วรานั้นหัวเราะพออกพอใจ
“อรัญ”
เขาเหลียวมองเด็กๆที่อยู่แผนกเครื่องกีฬาเป็นระยะ พลางพูดคุยกับวราทางโทรศัพท์ตรงบันใดเลื่อน เมื่อเห็นอธิปขึ้นบันใดเลื่อนมากับกมลาเขาจึงวางสาย อธิปนั้นเดินไปทางศูนย์อาหารกับกมลามันอยู่อีกฝั่งเขาจึงโล่งใจ และยืนไกลๆเด็กๆก่อนเพื่อทิ้งระยะห่างหากอธิปมาจะได้ทันการ
“คุณลุงคะ พี่อธิปจะซื้อให้พี่อ้อดไหม?” เธอหยิบรองเท้ามีล้อมา เขาไม่เคยเห็นสเก็ตที่เป็นล้อเรียงเป็นแถวเดียวแบบนี้
“ไม่รู้แหละแพงไหมล่ะ?”
“พันสอง....” อรัญมองป้ายราคาเหลียวมองอ้อด เขาหัวเราะ
“ทำไมไม่ซื้ออันที่เล่นด้วยกันได้ล่ะ?”
“พี่อธิปไม่ให้เล่นวีดีโอเกมส์ ถ้าซื้อคงมีแต่พี่ตี๋กับพี่อ้อดเล่น”
“ก็แอบเล่นสิ” อ้อดยิ้ม
“ถ้าเป็นเลโก้น่ะซื้อให้แน่ แพงกว่านี้ก็ซื้อ” อรัญเป้ปาก เหลียวมองเพื่อนใหม่
“ลองถามดูไหม?” อ้อดมองอรัญ
“อธิปนั่งอยู่ร้านข้าวโน่นน่ะ ไปถามดูสิ” เขาชี้
“ไปหาพี่เราไหม?” อรัญหันไปชวนเพื่อนใหม่ อ้อดเหลียวมองตี๋
“อย่าดีกว่า เราไปดูนาฬิกากัน” ตี๋ออกความเห็น เขาออกจะพอใจตี๋ที่การเรียนไม่เท่าไหร่แต่เรื่องรู้ใจนี่ยกให้ รู้ว่าอะไรควรไม่ควร รู้เวลาและหน้าที่ ทั้งรู้จักปกป้องอรัญที่รักกันเป็นพี่น้อง ไม่เคยเรียกร้องและอยากได้อะไร ของทุกอย่างที่ได้ที่ผ่านมาก็สุดแท้แต่อธิปจะพิจรณาทั้งนั้น ซึ่งเขาคิดว่าอธิปเองก็น่าจะดูออกอยู่หรอก
“นี่ ดูนะ....แปลงร่าง” ชายหนุ่มยิ้มเมื่อลองนาฬิกาของเล่น เมื่อกดปุ่มมันมีเสียง เขาเลียนแบบท่าแปลงร่างเหมือนยอดมนุษย์ กางแขนออก ไปทางซ้าย อรัญญายิ้มกว้างพร้อมกับปรบมือและหัวเราะ
“เห็นอุลตร้าแมนไหมพี่ตี๋ พี่อ้อด!”
“เพื่อนใหม่เหรอ?” อธิปเดินเข้ามาพร้อมกมลา ปรายตามองเด็กหนุ่ม อรัญญาเหลียวมองกมลาและมองเขา
“อรัญนี่พี่แม้ว แฟนอธิป จำได้รึเปล่า ตอนเจอกันยังเด็กๆอยู่” เขาแนะนำ เด็กๆจึงยกมือไหว้รวมทั้งอรัญที่ส่ายหน้าอย่างบอกว่าจำไม่ได้ อรัญญานั้นยิ้มให้กมลาอย่างมีน้ำใสใจจริง กมลานั้นจึงเดินไปโอบเธอ
“นี่อาร์ตค่ะ พรุ่งนี้เขาจะมาประกวดเลโก้ที่นี่ พามานะ อรัญอยากดู”
“ของโรงเรียนเราที่จริงอรัญต้องมาแข่งครับ” อ้อดพูด อธิปยืนนิ่งปรายตามองเพื่อนใหม่ของอรัญ กมลายิ้มและเอ่ยชวนเด็กๆ
“หืม...หิวกันรึยัง จะพาไปกินไอติม ไปไหม ไปกันหมดนี่แหละ?” กมลาพูดเมื่อเห็นอธิปยืนเงียบ เด็กๆพากันพยักหน้า
“สเวนเซ่น” อรัญพูดทั้งเดินลงบันใดเลื่อนไป เขานั้นดึงแขนอ้อดไว้ให้เดินรั้งท้ายไปกับเขาและตักเตือนว่าอะไรบางอย่างที่โรงเรียนไม่ต้องแจ้งอธิปหมดทุกอย่างก็ได้ อย่างเรื่องเมื่อกี้เรื่องมันผ่านมาแล้วและอรัญนั้นก็ไม่ได้เป็นตัวแทนโรงเรียนแล้ว ไฉนถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก เพราะเขาเกรงว่าอธิปจะหงุดหงิดอยู่เสมอ
“ผมแค่อยากให้รู้ว่าน้องเก่งแค่นั้นครับ” อ้อดอธิบาย
“ไม่ต้อง ไม่จำเป็น เขารู้ของเขาอยู่แล้ว” เขาให้เหตุผล
เด็กๆแยกไปนั่งที่โต๊ะข้างๆพลางให้ความเห็นเกี่ยวกับภาพยนต์ที่เข้าฉาย อรัญนั้นถูกชักชวนให้ไปดูภาพยนต์ทั้งที่ทุกคนแจ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าจะไม่ได้มาหรือไปไหนแน่นอน เสียงพูดคุยและหัวเราะของเด็กๆเริ่มดังอย่างออกรสชาติ เพราะเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไป เขานั้นให้ความสำคัญกับอธิปมากกว่า เพราะอยากให้วราได้มีความสุขบ้าง
“พรุ่งนี้พี่พามาเอาไหม เดี๋ยวพี่จะเข้าไปรับเอง” กมลาพูดพลางผูกโบว์สีน้ำเงินที่ผมของอรัญ
“มานะอรัญ” อาร์ตโน้มตัวบอกอรัญ ทั้งวางมือบนไหล่ อธิปนั้นปรายตามองอยู่
“พี่แม้วไปกับอธิปเถอะ อรัญมีการบ้านต้องทำ พรุ่งนี้ไปดูหนังเรื่องนี้นะ แล้วมาเล่าให้อรัญฟัง อรัญอยากฟัง” อรัญชี้ไปที่รถโฆษณาหนังเข้าฉายที่โรงภาพยนต์ เหลียวมองเขาครู่นึงเพราะอธิปมองอยู่
“พอดีเขาจะมาสร้างครัว ต้องอยู่เฝ้าบ้าน ไม่มีคนดู ...พรุ่งนี้อธิปก็ไปรับน้องไปเที่ยวสิ” เขาหันไปบอกอธิปที่นั่งมอง เด็กๆจึงพากันลุกเพราะถึงเวลาต้องกลับ
“พรุ่งนี้พี่แม้วแต่งตัวสวยๆได้เลย พี่อธิปจะไปรับ ...ขอไปส่งอาร์ตนะคะเดี๋ยวมา ป่ะ พี่อ้อด พี่ตี๋” อรัญยิ้มหวาน อาร์ตใช้แขนหนีบกระเป๋านักเรียนพร้อมกับยกมือไหว้ ก่อนที่จะพากันออกไปด้านนอก ตรงป้ายรถเมลล์เพื่อรอรถสองแถว
“เฮียอยากไปรึเปล่า ถ้าไม่ไปแม้วจะได้ไปทำอย่างอื่น?” กมลาหันไปถามอธิป
“...ไปสิ ดูหนังที่เขาบอกด้วย” อธิปยิ้มให้กมลา
“วรงฤทธิ์ ชื่อนี้แหละ ตัวเต็งคณิตศาสตร์โรงเรียนนั้นเลย ลือกันว่าเก่ง” ในรถขณะกลับบ้าน อ้อดพูดถึงอาร์ตเพื่อนใหม่อรัญที่พอเห็นชื่อจริงก็พอนึกขึ้นได้ แต่อธิปนั้นนิ่งเงียบ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะห้องห้ามเด็กๆไม่ให้มีเพื่อน เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไปที่จะมีสังคม หากว่าอธิปไม่พอใจก็ค่อยเคลียร์กันวันหลัง
“อ้อดได้ลงแข่งกับเขารึเปล่า?” เขาจึงถามขึ้น
“ยังไม่รู้เลยครับ แต่ยังไงก็คนละระดับกันคงยังไม่ได้เจอ”
“เก่งยังไง สู้พี่อ้อดเราไม่ได้หรอก สาวๆนี่หลงใหญ่” อรัญยิ้มหวาน หรี่ตามองอ้อด
“ที่ไหนกัน”
“นี่รู้นะ.. ก๊อบแก๊บมอสามทีมเชียร์โรงเรียน” อรัญยิ้มกว้างสะกิดตี๋ที่นั่งเล่นเกมส์กดของอ้อด
“ถ้าอรัญได้เป็นทีมเชียร์ก็จะมีหนุ่มๆมาจีบแบบนี้แหละ ขนาดไม่ได้เป็นยังมีคนมาเดินตามต๊อกต๊อก” เขากรอกตา ไม่รู้จะเตือนอ้อดอย่างไร ทีเรื่องเรียนดันฉลาดดีนัก
“เขาน่ะเพื่อนกัน เพื่อนต่างโรงเรียนก็มีถมถืด” ตี๋ที่นั่งตรงกลางออกความเห็น เหลียวมองอ้อด
“แกเคยมีเหรอไอ้ตี๋?”
“แค่ไม่สนใจก็จบ”
“ทำเป็นพูด”
“ห้ามทะเลาะกันนะ ...แต่ที่แน่ๆ พี่อธิปมีแล้ว” อรัญยิ้มในตอนท้าย แต่อธิปนั้นนิ่งเงียบเลยพลอยให้ทุกคนเงียบตามหลังจากนั้น เมื่อลงรถและทุกคนแยกย้ายแล้ว อธิปจับไหล่ตี๋อย่างไม่อนุญาตให้ไปก่อน อธิปเปิดท้ายรถและยื่นถุงกระดาษให้หลายใบ มันเป็นข้าวของจำพวกเสื้อยืดกางเกงใหม่ๆ ที่คงซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า และไม่อยากให้ใครรู้จึงรอให้ตอนนี้
ด้านหลังที่กั้นสระน้ำเริ่มที่จะมีคนงานเข้ามาก่อสร้างตามแปลนที่วราได้วางเพราะด้านหลังนั้นดูรกและเมื่อวรามาเห็นก็เกิดขัดหูขัดตา เมื่อได้อธิปที่มาช่วยงานบริษัทก็มีรายได้เพิ่มมากขึ้น อธิปนั้นก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้างคงเพราะได้เข้าสังคมและรู้จักเข้าหาผู้ใหญ่ กิจการเจริญก้าวหน้ามากขึ้นพร้อมทั้งลงทุนเปิดโรงสีที่ต่างอำเภอเพิ่ม ไต่ระดับขึ้นเป็นอันดับต้นๆได้เพราะมีอธิปที่กอบโกยรายได้ เริ่มกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในวงสังคม วราจึงตอบแทนด้วยทุกสิ่งที่อำนวยความสะดวก
มันเป็นปิดเทอมใหญ่ของเด็กๆ ทีวีเครื่องใหม่ก็เข้ามาในห้องรับแขก ป้อมกับไหมนั้นจัดของกินอยู่ภายนอก นานๆครั้งจะมีการกินเลี้ยงกันในบ้านแทนการออกไปนอกบ้าน ในช่วงบ่ายที่มีแดด ป้อมจัดการเอาวิทยุไปเปิดเพลง ที่เก้าอี้ริมสระฝั่งตรงข้าม นั่งดื่มเบียร์และเปิดเพลงอัลบั้มใหม่ๆที่เพิ่งไปซื้อมา เขายืนเลือกขวดเหล้าที่ไม่น่าจะมีราคาแพงมากที่ชั้นวางเหล้าในบ้าน ด้วยความเกรงใจวราที่อนุญาตให้เขาดื่ม ไม่นานอธิปก็กลับมาจากข้างนอก เดินเข้าห้องโถงที่อรัญญานั่งดูหนังไทยที่ออกมาเป็นม้วนวีดีโอให้เช่า เป็นหนังที่อธิปนั้นเคยไปดูกับกมลาแล้วมาเล่าให้อรัญญาฟัง
“.....!?” เขาไม่แน่ใจว่าเมื่ออธิปก้มลงไปหาอรัญเมื่อกี้มันเป็นการจูบที่ปาก รีบเหลียวมองป้อมที่นั่งอยู่ภายนอกว่าเห็นหรือไม่ เขาจึงหันหน้าเข้าชั้นวางเหล้าเพื่อเลือกต่อ ลืมนึกไปว่าอธิปนั้นยังคงกินนอนอยู่กับอรัญ จนป่านนี้แล้ว ยังคงทำเช่นเดิม แต่ด้วยความที่อธิปนั้นทำตามที่วราต้องการทุกอย่างแล้วและดูเหมือนจะมีอำนาจมากขึ้นใยเขาจะกล้าทักท้วง
“มันไม่ดี ..ทำแบบนี้ถ้าวรารู้จะเป็นยังไง?” เขาเอ่ยขณะที่นั่งดื่มอยู่กับอธิปและเด็กๆลงไปเล่นน้ำว่ายน้ำแข่งกัน
“ก็จะทำไม...จะยังไงก็ได้นี่” อธิปตอบเรียบๆ น้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องธรรมดาเสียอย่างนั้น อธิปดูขรึมกว่าแต่ก่อนนัก คงมีเรื่องให้ต้องคิดและทำมาก
“กำหนดงานแต่งไว้รึยัง?” มันไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังแล้วในตอนนี้ เขาตัดสินใจถามตรงๆ
“จะพูดเรื่องคนอื่นทำไม” อธิปไม่ได้มีรอยยิ้ม
“ก็ถ้าแต่งๆไปซะ วราก็จะได้ไม่สงสัยอะไร แม้วเขาก็จะไม่ต้องรอ”
“แล้วใครบอกให้รอ” อธิปแย้งขึ้นมาทันที พร้อมกับเอียงหน้า ความเฉยชาเริ่มมีมา
“นามสกุลก็นามสกุลเดียวกัน อย่าลืม” เขาพูดเพียงเท่านั้น เพราะเริ่มแน่ใจจากที่เพิ่งเห็นมา เขานั้นเตือนไว้ก่อน
ตื้ด...ด ตื้ด......ด !! เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นในเย็นวันหนึ่ง ขณะที่อรัญนั่งดูทีวีอยู่กับตี๋ที่ห้องครัวริมสระน้ำ ตี๋รีบลุกไปที่เคาท์เตอร์และยกหูโทรศัพท์ขึ้นรับ อธิปปรายตามองเห็นตี๋ไม่พูดอะไรแล้ววางสายเลย
“ใคร?” อธิปถาม
“ไม่ทราบครับไม่เห็นมีใครพูด” ตี๋รีบตอบ ยืนมองทีวีพิงประตูราวกับว่าจะรอรับสายอีกครั้ง จนมันดังขึ้นอีกครั้ง ตี๋จึงรับสาย เขารู้สึกมือที่ยกหูโทรศัพท์บังหน้าอยู่นั้น ตี๋ชายตามาก่อนที่จะวางสาย
“อะไร ใครโทรมา?” อธิปถาม
“ไม่รู้จริงๆครับ โทรมาไม่พูดอะไร?” ตี๋อธิบาย มันก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้อรัญญาลุกมารับโทรศัพท์ด้วยตัวเอง ปัญหาก็คือ อรัญญานั้นพูดได้ ได้ยินชัดเจน แม้อรัญญาจะพูดคุยแต่ก็คุยไม่มากความเป็นทางที่โทรมาเป็นฝ่ายชวนคุยเสียมากกว่า ตี๋นั้นเดินกลับเข้าไปดูทีวี เขาจึงลุกตามเข้าไป
“ใคร?”
“ไม่รู้ครับ ขอสายอรัญ เสียงผู้ชายเลยไม่กล้าให้คุย” ตี๋พูดตามจริงเขาจึงตบมือลงบนบ่าตี๋เบาๆ ก่อนเดินกลับออกมา อรัญญาก็วางสายแล้วกลับไปทำรายงาย อธิปเหลียวมองเขาอย่างรอฟังแต่เขาไม่ได้ให้คำตอบอะไร
“ใครโทรมา ทำไมต้องคุยนาน?” อธิปยกมือเมื่ออรัญญาจะเดินเข้าไปหา
“อาร์ตโทรมา จะชวนไปดูหนังโลกทั้งใบ” อรัญบอกอธิปทั้งนั่งตรงตักอธิป อธิปวางแก้วเหล้าและหันไปพูดกับอรัญ
“รอมันออกมาเป็นม้วนจะซื้อมาให้ ไม่ต้องเช่า รับรองได้ดูก่อนเพื่อน...ได้รึเปล่า?” อธิปแหงนมองอรัญที่นั่งตักถามเมื่ออรัญนั้นเงียบทำทีคิด อรัญจึงหอมแก้มอธิป
“..ขอบคุณ” เธอพลางลุกจะกลับไปที่ห้องครัว
“ทำแบบนี้ไม่ได้นะอรัญ โตแล้ว ใครเห็นมันจะไม่ดี ต่อไปอธิปก็จะแต่งงานแล้วจะมีแฟนแล้ว” เขาพลางท้วง อรัญนั้นขายาวตัวสูงแล้ว มันไม่เหมาะที่จะนั่งตักอธิปหรือกอดหอมแบบเด็กๆแล้ว แต่อรัญนั้นกดคิ้วมอง
“มันจะเป็นไรล่ะ คิดไปเป็นอื่น เลี้ยงมาเองกับมือแท้!”
“แม้ว ทำได้คนเดียว” เขาอธิบายต่ออย่างไม่ฟัง
“เลิกพูด!!” อธิปแย้ง อรัญได้แต่ยืนฟังนิ่งๆเพราะอธิปขึ้นเสียง
บนรถ อธิปนั้นนิ่งเงียบเกินไปสำหรับวันนี้ เขานั้นก็ทำได้แค่ทำตามหน้าที่ ได้ยินเสียงอ้อดถามตี๋ว่าใครโทรมาเมื่อคืนนี้แต่ตี๋นั้นเงียบ เขาเองก็ไม่ได้สอบถามอะไรให้มากความ
“ว่าแล้ว ไอ้ห่านั่นแน่เลย พี่บอกแล้วว่ามันชอบอรัญ เห็นม่ะ บอกแล้วไม่ฟัง” อ้อดใช้ลิ้นดุนแก้ม ตี๋เหลียวมองเท่านั้นก่อนมองมาที่กระจกส่องหลังเพื่อสบตาเขา
“ใครให้เบอร์ไปไม่รู้ อรัญไม่เคยให้เบอร์ใครอยู่แล้ว” ตี๋พูดขึ้น
“ไม่ใช่เขามาถาม แล้วน้องให้เขาไปเหรอ?” อ้อดถามกลับ
“ยังไม่รู้เบอร์บ้านด้วยซ้ำ” ตี๋พูด
“อรัญก็ไม่เคยให้ใคร” อรัญเสริม
“งั้นเขาไปเอาเบอร์มาจากไหน?” อ้อดถามอย่างยิ้มๆ
“พอแล้วๆ เดี๋ยวตอนเย็นลุงจะพาไปแวะซื้อสีทาบ้าน มารอหน้าโรงเรียนให้ไว อย่าให้ยืนรอ” เขาเปลี่ยนเรื่องเพราะกลัวอธิปนั้นหงุดหงิด อธิปไม่ได้ลงรถเดินไปส่งอรัญในวันนั้นแต่อรัญยื่นตัวไปหอมแก้มอธิปในรถก่อนเข้าเรียนแทน อธิปนั้นยังคงนิ่งเงียบ ท้ายสุดเมื่อมาถึงที่ทำงาน อธิปนั้นสั่งให้เขาไปรับเด็กๆและตนจะกลับบ้านเอง
ตี๋กลับบ้านมาในสภาพที่มอมแมม ตัวเขาเองก็พอจะมองออกว่ามีเรื่อง เสียงโทรศัพท์มันดังขึ้นในช่วงเย็นโชคดีที่อธิปยังไม่กลับมา เขารับสายอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีใครพูด เลยรู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว อรัญนั้นจึงเดินมาที่โทรศัพท์และรับสายแทนเมื่อมันดังขึ้นอีก ไม่นานสายนั้นก็ถูกตัด อรัญจึงวางสาย
“น่าจะมีคนโทรมาแกล้ง” อรัญพูดทั้งวางสาย
เป็นอย่างนี้อยู่สองสามวัน และตี๋นั้นก็มีเรื่องชกต๋อยที่โรงเรียนไม่เว้นวาง อธิปมาพบครูที่โรงเรียนถึงกับถอนหายใจหนัก เหลียวมองตี๋ที่ยืนรออยู่หน้าห้องพักครู ในสภาพหน้าเขียวช้ำ เมื่อถามถึงเหตุผลตี๋นั้นก็ไม่ได้ให้คำตอบอะไร หากเป็นเยี่ยงนั้นแล้วทางโรงเรียนจึงต้องขอเชิญตี๋ออกเพราะมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้ง วันนั้นอธิปจึงต้องพาตี๋กลับบ้านก่อนแล้วค่อยให้เขามารับอรัญและอ้อดในภายหลัง แม้จะกลับมาบ้านแล้ว ตี๋ก็ไม่ได้บอกอะไรกับทุกคน แม้จะถูกต่อว่าต่างๆนาก็ตาม
อธิปนั้นขยำจดหมายที่มาจากกระเป๋าอรัญทิ้ง ทั้งเดินไปหยิบไฟแช็กเผามันทิ้งจนกระทั่งมันกลายเป็นเศษขี้เถ้าปลิวลงสระน้ำ
“อะไรน่ะ?” อรัญยกคิ้วนั่งถามอธิป
“อ่านรึยัง?” อธิปถามเธอ อรัญส่ายหน้า อธิปคลายมือที่กำออกลูบศีรษะอรัญ
“ใครล่ะ เกิดเรื่องอะไร ใครส่งจดหมายรักหาอรัญของป้า” ป้อมยืนอมยิ้มที่ริมสระ
“ไปเรียกตาสงมาพี่ป้อม” อธิปสั่ง ป้อมจึงทำตาม
อธิปบอกให้ตาสงนั้นเตรียมตัวไปอยู่ที่บริษัทในเมือง เพราะวรานั้นต้องการคนช่วยอยู่พอดี ทั้งอีกอย่างนึงกำลังจะมีโรงสีเพิ่มอีก คราวนี้อยู่ต่างจังหวัด แต่ยังไม่ได้ทำ อธิปนั้นต้องการคนให้ไปช่วยวราและจัดการทางนี้ให้เรียบร้อยดีก่อน ตาสงนั้นเห็นด้วยและยินดีหากเป็นคุณวราด้วยแล้วยิ่งไม่มีปัญหา ด้วยว่าเรื่องนี้มันคาใจเขาจึงเข้าไปสอบถามกับวราเรื่องที่อธิปสั่งตาสง
“เออ มันรู้ใจ กำลังวุ่นอยู่พอดี” ด้วยว่ารุ่นลูกของคนงานนั้นจะย้ายไปหางานอื่นทำที่เมืองหลวงหลังเรียนจบ วรานั้นแทนที่จะได้คนช่วยเพิ่มกลับไม่มีคนงานอย่างที่หวังเสียที จะจ้างใครอื่นนั้นก็คงยากเพราะไม่ไว้ใจ เลยทำให้เขานั้นรู้สึกโล่งใจ ที่อยู่ดีๆอธิปก็สั่งงานตาสงมาแบบนั้นนึกว่ามีแผนการอะไรในใจเสียอีกเพราะช่วงนี้ยิ่งมีเรื่องวุ่นวานวายทั้งทางเด็กๆอีกเรื่อง
“ลุง!!” เขาได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจึงรีบวิ่งขึ้นตึก เจออธิปนั้นกำลังซ้อมอ้อดอยู่ ที่ประตูทางออกไปสระว่ายน้ำ เศษข้าวของกระจัดกระจาย ตี๋นั้นยืนเช็ดน้ำตาซึม อรัญญาเหลียวมองข้าวของที่เกลื่อนพื้นในมือมีผ้าเช็ดหน้าถือพันอยู่ สีหน้าอรัญเองก็ดูงงงวย ป้อมนั้นเรียกเขาอยู่ เห็นอธิปลากอ้อดที่นอนไร้สติขึ้นดึงคอเสื้อขึ้นจนตัวลอย อธิปหน้าแดงทั้งสั่น คงเอากำลังทั้งหมดออกมา ก่อนจะสอยหมัดใส่หน้าคนหมดสติ ร่วงตกลงพื้นหินอ่อนดังตั้บ!! ยังไม่หนำใจอธิปที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าหาอ้อดอีก
“อธิป อย่าครับ เดี๋ยวมันตาย” เขาพยายามยื่นมือไปแตะต้นแขน เกรงจะคุมอธิปไม่อยู่
“อย่าครับ” เขาเหลียวมองอรัญที่ดูตื่นตระหนกอย่างขอความช่วยเหลือ
“พี่อธิป...อรัญเจ็บมือ” อรัญเล่นลูกอ้อน ทางเดียวที่จะรอด ตี๋ยังยืนเช็ดน้ำตา ดวงตาแดงก่ำ
“โน่นน้องเจ็บมือแล้ว ไปดูน้อง” เขาพยายามจะห้ามและกันแขนเอาไว้ ไม่ให้อธิปทำอีก
“อย่าทำนะ ตี๋ร้องไห้แล้ว” อรัญพูดขึ้น อธิปจึงหยุดเท้าที่กำลังจะยกเพื่อเหยียบซ้ำ ก่อนเดินกลับไปหาอรัญและดึงผ้าเช็ดหน้าออกจากมือก่อนจูงอรัญขึ้นชั้นบน
สภาพของอ้อดนั้นน่วม แก้มเริ่มบวมเบ่งขึ้นและเริ่มมีสีเขียว ริมฝีปากที่ปวมปูดและแตก ที่หากคิ้วก็มีเนื้อแตกปริออกมีเลือดไหลออก ป้อมเองก็ดูตกใจ ทั้งไหมเองก็ส่ายหน้าบอกเขาว่าไม่รู้เรื่อง เขาเหลียวมองหาตาสงที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้เห็นเพียงภรรยาที่ยืนแอบมองหลังกำแพงสระว่ายน้ำ
ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น อธิปเองก็ไม่พูดอะไร เขาเองก็ไม่กล้าถาม มันอาจจะเป็นเรื่องหึงหวง หรืออะไรก็ตามแต่ อธิปนั้นยินดีที่จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ เขานั้นพยายามอ่านใจอธิป ตี๋เองก็บอกว่าอรัญนั้นทำแจกันตก แล้วกระเบื้องดันบาดมือเข้าเลยช่วยก็เท่านั้น
“แค่นั้นเหรอ?” เขาและทุกคนถามตี๋ให้แน่ใจ
“ครับ เห็นแค่นั้นครับ แต่ไม่รู้ว่าอธิปเห็นอะไร ถึงโกรธปานนั้น” ตี๋พูด ส่อความว่ามันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจอย่างไรเสียก็ผิด
“ก็คงจะเป็นอย่างเขาเห็นนั่นแหละ ไม่งั้นแกไม่โกรธปานนี้หรอก” ตาสงปัดผ้าขาวม้าขึ้นไหล่ จากนั้นมามันก็เล่นเอาเสียเขานอนไม่หลับอยู่หลายคืน ปลงไม่ตกว่าเกิดอะไรขึ้นกับอ้อดและอรัญในวันนั้น
ทั้งเรื่องที่ตี๋ต้องออกจากโรงเรียนเพราะมีเรื่องบ่อยๆ ทั้งเรื่องที่อธิปซ้อมอ้อด ที่ผ่านมามันก็มีเรื่องให้วราต้องคิดทั้งนั้น ทั้งเรื่องที่มีการแจ้งเตือนจากทางโรงเรียนว่ามีการแสดงออกไม่เหมาะสมระหว่างครอบครัว ตัวอรัญนั้นสูง 160 เซนติเมตรแล้ว มันไม่เหมาะที่จะกอดหรือหอมแก้มผู้ปกครอง ถึงกระนั้นเขาก็พูดเรื่องนี้กับอธิปไม่ได้อยู่ดี เขาได้แต่เหลียวมองอธิปที่เล่นน้ำกับอรัญ และทุกคนที่มาร่วมเล่น มันดูปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เมื่อใดที่อธิปเงียบอรัญนั้นจะเข้าไปปลอบหรือกอดทันทีราวกับรู้หน้าที่ มันทำให้อธิปอารมณ์ดีขึ้นมาทันที ทำให้ทุกคนไม่ต้องทนรับแรงกดดันหากอธิปไม่พอใจ ต่างก็จะทำตัวกันไม่ถูก เพราะอธิปเป็นคนที่หาเลี้ยงทุกคนในบ้านนี้จึงเริ่มที่จะเกรงอกเกรงใจอธิปกันมากขึ้น อธิปนั้นพยายามหาโรงเรียนให้ตี๋ได้เรียนพร้อมกับอรัญ นั่นหมายถึงว่า อรัญต้องได้ย้ายโรงเรียนอีกครั้งซึ่งไม่เป็นการดี แต่ตี๋นั้นก็เข้าโรงเรียนเดิมไม่ได้เลยปล่อยเลยตามเลย
เขานั้นจำต้องพาอรัญไปพบวราหลังเลิกเรียน แต่กลับพบว่าวราติดคุยธุระอยู่ วราเดินออกมาหาเขาและอรัญญาด้านนอก
“มีคนอยากเจอ พี่เขาจะนัดไปกินข้าว ไปกินข้าวกับพี่เขาหน่อยไป” วราพยักหน้าเมื่ออรัญไหว้ อรัญมองออฟฟิตและพยักหน้าเดินไปตามที่วราสั่ง น่าจะเป็นชายสองคนมีอายุรุ่นเขากับชายหนุ่มวัยสามสิบ เขาเหลียวมองวราว่าคิดอะไรอยู่
“เห็นเขาสนใจ เลยลองให้คุยดู” วราเดินเข้าห้องกินข้าว เขาเดินตามเข้าไป รู้สึกใจหายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“จะเรียนจบแล้ว จะให้มาช่วยงานเหรอ?”
“ทำนองนั้นแหละ” วราเอนพนักเก้าอี้ ไม่ทันไรอธิปก็เข้ามาจอดรถ ยังไม่ทันได้นั่งพักดี วราก็ต้องลุก เขาอยากสบว่าตายแน่แล้ว รีบลุกไปไปหาอธิป แต่อธิปไม่สนใจ หันมามองวราและส่งยิ้มเล็กๆให้เดินเข้าไปในออฟฟิตแห่งนั้นหน้าตาเฉยเพราะห้ามไม่ทัน เขามองวราจึงตามเข้าไป
อธิปเดินเข้าไปด้วยรอยยิ้มทั้งพูดคุยทักทายแขกตามปกติ นั่งลงที่หัวโต๊ะ เขาไม่ได้นั่งร่วมวง ไปนั่งเก้าอี้หลังห้องแทน กลัวจะมีเรื่องเสียเหลือเกินในตอนนี้
“ครับ เป็นยังไงบ้าง ที่บ้านดีขึ้นไหมครับ?” อธิปยิ้มเหลียวมองชายอีกคน พูดคุยเกี่ยวกับกิจการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเป็นการเป็นงานกันอยู่ครู่
“เห็นว่ามีน้องสาว พ่อเลยอยากจะมานัดให้กังฟูมารับน้องไปดูหนัง ..เรื่องอะไรล่ะกังฟู?” ชายมีอายุหันไปสอบถามลูกชาย อธิปนั้นยังคงยิ้มให้อยู่
“จักรยานสีแดงครับ” ชายหนุ่มเหลียวมองอรัญ ก่อนมองอธิปที่ยิ้มอยู่
“ว่าไงล่ะ อนุมัติไหมนี่” ผู้เป็นพ่อเหลียวมองอธิปทั้งยิ้ม ทางอรัญนั้นได้แค่นั่งยิ้ม
“ไม่ได้ไปแน่ๆ อธิปหวง” อรัญพูด ทุกคนจึงหัวเราะ
“ได้ไงไถ่ มีน้องสาวงามก็หวงเป็นเรื่องธรรมดาเนาะ แต่ลูกพ่อไม่เจ้าชู้ทั้งยังไม่มีแฟน ถ้ายังไงก็ให้เขาเป็นเพื่อนกันก่อนไหม รึยังไง ว่ามาไถ่” เป็นผู้ใหญ่ที่เป็นเป็นผู้ใหญ่กันจริงๆ อธิปนั้นยังยิ้มจนตาตี่นั่งใช้สองแขนวางบนโต๊ะ เคาะนิ้วลงโต๊ะท่าทีอารมณ์ดี
“ตามว่าครับ ผมหวงของผมจริงๆ ไม่ให้ไปครับที่ไหนก็ไม่ให้ไป น้องยังเด็กอยู่” อธิปพูดทั้งเหลียวมองชายหนุ่ม
“น่านไง! ว่าแล้ว วราบอกพ่ออยู่ว่าอธิปหวงน้องขนาด”
“หาคนงามๆไม่ยาก มีตั้งหลายคน ลูกโกเฮี้ย ลูกเสี่ยปิงก็กำลังพอดี คุณพ่อเคยเจอรึยัง อรัญนี่ยังสู้ไม่ได้หรอก ยังเด็กอยู่” อธิปออกความเห็นอย่างถ่อมๆตัว เขานั้นรู้สึกโล่งไปเพราะทุกคนนั้นคงรับเปอร์เซ็นความเป็นไปได้มาก่อนแล้ว และยังพูดคุยอย่างกันเอง แต่เด็กหนุ่มดูเศร้าเหลียวมองอรัญญาที่หลบสายตาอยู่
“หื้อ!! หวงน้องจนถ่อมตัว ใครก็รู้ว่าอรัญงามกว่า อดได้ลูกบ้านนี้สะใภ้แล้วล่ะ” เสี่ยเกียงมองหน้าลูกชายทั้งส่ายหน้า
“ครับ คราวหน้าเดี๋ยวเอาลิ้นจี่มาฝาก เห็นจะต้องกลับก่อนล่ะครับ ขอบคุณพี่อธิป” ชายหนุ่มพูดทั้งลุก ทุกคนจึงลุก เห็นวรามายืนหน้าห้องรอส่งอยู่ เสี่ยเกียงเดินพูดกับวราขณะเดินไปขึ้นรถกับเด็กหนุ่มที่เดินตามไป เสี่ยเกียงวางมือบนไหล่ของวราทั้งพูดคุยกันไปเบาๆอย่างกันเอง เขาไม่รู้ว่าเรื่องอะไร
“หึ! อย่าหวัง ว่าไงคนงาม อยากไปดูไหมหนัง กับมันน่ะ!” อธิปเหลียวมองอรัญ อรัญญายกคิ้วอมยิ้มทั้งเบ้ปากทำไม่รู้ไม่ชี้
“ช่วยไม่ได้ ก็คนมันสวย” อรัญปัดมือบอกอธิป เขาจึงหัวเราะ อธิปกวักมือให้อรัญเข้าไปหา อธิปเหลียวมองอรัญญาเงียบๆ
“ลุง”
“ครับ?” เขารีบตอบรับเมื่ออธิปเรียก
“ใครเลี้ยงมันมา?” อธิปถาม มันต้องเป็นคำตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อธิปครับ”
“....” อธิปพยักหน้าให้อรัญรับทราบ ก่อนเดินออกนอกห้อง
หลังอาหารเย็น เขาเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนในบ้านฟัง ว่าวรานั้นพยายามให้อรัญได้เข้าสังคมแต่หนีไม่พ้นอธิปเสียที แล้วทางฝั่งเสี่ยเกียงนั้นก็ชมว่าอรัญนั้นงาม ป้อมเองเมื่อได้ฟังก็หัวเราะเสียงดังเมื่ออรัญนั้นนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ป้อมชมว่าอรัญญานั้นตัวสูงหุ่นดี และไม่มีหน้าท้องเลย จึงถามตี๋ว่าที่โรงเรียนอรัญนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
“สูงกว่าเพื่อน ครูชมบ่อยว่างาม ใครในโรงเรียนก็บอกว่างาม ใครๆก็รัก” ตี๋หันไปพูดกับอธิปที่นั่งฟังอยู่ อธิปนั่งมองอรัญญาที่นั่งทำรายงานอยู่บนพื้นที่โต๊ะญี่ปุ่นแบบต่ำๆที่ใช้ทำการบ้านเป็นประจำ เมื่อทุกคนเงียบอรัญที่ง่วนอยู่กับการเขียนชื่อบนปกรายงานจึงเหลียวมอง เสียงทีวียังคงดังเบาๆ
“อะไร?” ดูเหมือนอรัญนั้นจะไม่ได้ฟังและแปลกใจที่ทุกคนเงียบ
“หลานป้าป้อมงามอยู่แล้ว ได้ข่าวว่ามีคนมาตามจีบหลายคน มันจริงรึเปล่าอรัญ ได้ยินไหมที่ป้าถาม” ป้อมบอกอรัญ อธิปนั้นนั่งถือแก้วเหล้ามองอยู่ และไม่ได้มีรอยยิ้มใด ตี๋นั้นเดินเข้าไปหยิบมะม่วงหั่นที่เคาท์เตอร์ แบ่งลงจานส่งให้เขาได้ไว้เป็นกับแกล้มเหล้า อรัญเหลียวมองอธิปพลางยกคิ้วใส่
“อรัญจะบอกว่า ชอบชั้นล่ะซี่...!!” อรัญลากเสียงทำประชดอธิป อธิปยกนิ้วชี้ใส่อรัญทั้งเม้มปาก ทุกคนจึงหัวเราะ
ข้ามปีใหม่ไม่ทันไรตอนนี้ก็เหลืออรัญคนเดียวแล้วที่ต้องไปโรงเรียนอยู่ วันนั้นเป็นวันอังคาร วันแห่งความรัก อธิปนั้นตั้งใจจะพาอรัญไปทานอาหารก่อนกลับบ้านวันนี้ ขณะที่ยืนรอที่หน้าโรงเรียนอยู่นั้น
“น้องอรัญ!” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งวิ่งมากับกลุ่มเพื่อนยื่นช่อดอกไม้ให้อรัญทั้งมีการร้องโห่แซวทั้งรีบวิ่งไปขึ้นรถประจำทางที่กำลังจะออกพอดี ตามประสาหนุ่มสาว ทุกคนนั้นหัวเราะร่ารวมทั้งกลุ่มเพื่อนหญิงของอรัญที่มีสติ้กเกอร์รูปหัวใจติดเสื้อกันอยู่ทุกคน เขานั้นคิดว่ามันเป็นการจีบสาวเล่นๆเพื่อความสนุกสนาน แต่คนที่ดูไม่สนุกเป็นน่าจะเป็นคนที่ยืนข้างเขามากกว่า
“อรัญ พ่ออธิปไหมน่ะ?” เพื่อนหญิงของอรัญชี้ อธิปยืนนิ่งมองอรัญอย่างไม่มีรอยยิ้ม ตะวันทอแสงต่ำ อธิปถอดแว่นกันแดดออก อรัญญานั้นวิ่งผ่านฝูงนักเรียนที่รีบหลบให้เธอเพราะเสียงฝีเท้าก่อนที่จะกระโดดกอดอธิป อธิปนั้นรีบโอบเธอขึ้น อรัญหัวเราะทั้งหอมแก้มอธิปเพื่อให้อธิปปล่อยเธอลง ครูที่ยืนส่งนักเรียนอยู่ถึงกับถอนหายใจ
“กลับก่อนนะ” อรัญญาโบกมือให้เพื่อน ก่อนที่จะสวัสดีครูที่ยืนส่งนักเรียน แล้วมาขึ้นรถ ครั้งนี้เขารู้สึกว่าอธิปนั้นไม่ได้ดีใจเลยที่อรัญกระโดดกอดหรือหอมแก้มอธิปอย่างไม่ต้องสั่ง อาจจะคงเพราะวันแห่งความรักครูจึงไม่ได้ตำหนิอะไร
“ไปหาพ่อก่อนนะเดี๋ยวจะพาไปกินข้าว” อธิปบอกเธอ
“เป็นอะไรอีกล่ะ?” เขาถึงกับต้องเสี่ยงชีวิตถามอธิปให้รู้เรื่องเพราะมันผิดวิสัย
“ไม่นี่ แค่ไม่อยากคุยกับเตี่ย” อธิปตอบสั้นๆ เขานั้นยิ้ม นั้นให้เข้าบริษัทก่อนแบบนี้ อาจจะหนีไม่พ้นเรื่องกมลา เขาหัวเราะ
“กลัวเจอแฟน?” เขาถาม
“...เอานี่ให้พี่แม้ว” อรัญญายื่นช่อกุหลาบแดงที่ผูกโบว์ขาวที่ก้านยาวคืบนึงให้อธิป มันเป็นช่อเดียวกันที่เธอได้รับมานั่นแหละแต่อธิปทำเมินไม่พูดคุยกับเธอ อรัญญาเหลียวมองเห็นอธิปนิ่งไม่ยอมรับดอกไม้ ไม่เหลียวมองอรัญจึงกลับไปนั่งที่เดิม
เมื่อมาถึงบริษัทก็ต้องดีใจที่ไม่ได้เห็นรถศักดิ์ชาย แต่เป็นลูกค้าคนอื่น วรากวักมือให้เข้าไปในออฟฟิตด้านซ้ายที่เป็นโต๊ะใหญ่กว้างๆนั่งกันได้หลายคน เข้าไปได้เลยทั้งที่ติดลูกค้าอยู่ อรัญเข้าไปด้านในกอดวราด้วยรอยยิ้มกว้างก่อนหอมแก้มวรา พร้อมกับนั่งเก้าอี้ข้างวรา เมื่อมีน้ำชายกมาเสริฟ เขาจึงลงไปนั่งที่ชุดรับแขกด้านข้างแทนการร่วมวง
“นี่เหรอลูกสาว นี่อรัญ นี่พ่อเกียรตินี่หลานชาย?” วราแนะนำ อรัญทั้งยกมือไหว้ทั้งสองคน
“นี่แหละคนนี้แหละจะแต่งกับแม้ว คนนี่ลูกสาวยังไม่มีแฟน สนใจรึเปล่าล่ะ?” วราหัวเราะถาม ชายมีอายุเหลียวมองชายหนุ่มที่นั่งข้างจ้องอรัญไม่วางตา
“ว่าไง น้องน่ารักไหม?”
“ครับ”
“เรียกมาทำไม?” อธิปแทรกบทสนทนา วางของลงบนโต๊ะ
“เปล่า จะไปหาแม้วเขารึเปล่า ถ้าไปพ่อจะฝากของไปให้ไอ้ศักดิ์มันหน่อย รอเดี๋ยวนะ” วราพูดพลางลุก อธิปถอนหายใจพลางออกเสียงร้องเชิงเบื่อหน่าย ทั้งลุกทั้งบิดขี้เกียจตามวราออกไปอีกห้อง
“ได้ข่าวว่าไถ่หวงน้องสาว จริงเหรอ?” ชายมีอายุถาม อรัญญาหัวเราะทั้งพยักหน้า
“มากค่ะ ไม่ได้ออกไปไหนเลย” อรัญตอบอย่างสนิทสนม
“แล้วจะไปไหนล่ะน่ะ?”
“พาพี่ไปหาแฟน” อรัญยิ้มกว้าง ดูไม่มีปัญหากับการเข้าสังคม เมื่อเข้าเรื่องกมลาแล้วชายมีอายุก็เล่าถึงความงามที่เธอมี เล่ามาว่าบ้านไหนตามจีบ ส่วนใหญ่ที่กล้าเข้าจีบก็จะเป็นวัยรุ่นที่ยังกินเที่ยวอยู่ มันคนละแนวกับที่กมลาเป็น จึงปิ๋วกันไประนาว ทั้งศักดิ์ชายนั้นออกจะห่วงเรื่องอธิปอยู่ไม่สร่าง ไม่ตบแต่งเสียทีเพราะเพื่อนๆต่างได้หลานอุ้มกันหมดแล้ว
“พี่แม้วก็สวย เดี๋ยวอธิปก็ไปหาแล้ว” อรัญญายิ้มกว้างคุยอย่างกันเอง เหลียวมองเขา เขานั้นแปลกใจอยู่ไม่น้อย หรือที่ผ่านมาเขานั้นคิดไปเอง ก็อรัญนั้นไม่ได้ดูมีท่าทีหึงหวงหรืออะไรเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเป็นเช่นนั้นตราบาปคงติดตัวของเขาแล้ว
ความคิดเห็น