คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ลุงปราสาท
ลุงปราสาท
เขาและป้อมจำต้องนั่งสองแถวจากนอกเมืองเข้ามายังในเมืองเพราะมีธุระด่วนที่ต้องทำ ด่วนถึงขนาดว่าต้องมาเสียวันนี้ให้ได้ เป็นตายยังไงก็ต้องมาเพราะเขาไม่มีทางเลือก เมื่อถึงคิวรถแล้วเขาต้องนั่งสามล้อเครื่องต่อมาอีกมาจนถึงคลังข้าวสารแห่งนี้เพื่อพบกับเพื่อนสนิทของเขา วรา เขามองป้อมที่อุ้มเด็กผู้หญิงที่หลับซบอกป้อมมาตลอดทาง เธอได้ถูกเชิญให้เข้าไปในห้องพักที่มีแอร์เย็น ส่วนเขาได้เข้าไปที่บ้านด้านหลัง พบวรา ที่เดินลงมาจากข้างบน
“มาได้จังหวะพอดี ไม่รู้จะปรึกษาใครแล้ว!” วราพูดจาเสียงดังเดินลงมาจากบันใด เพื่อมาสวมกอดเขาอย่างทักทาย เขานั่งลงเก้าอี้ไม้เพราะเพิ่งลุกกอดกับวราเมื่อตะกี้ วรานั้นแต่งกายสุภาพและดูสะอาดสะอ้าน ผมเผ้าปัดข้างเพราะค่อนข้างจะมีผมน้อย เสื้อยืดมีปก สวมเข็มขัด ยังดูภูมิฐานเยี่ยงคนมีธุรกิจอยู่เสมอ
“มีไรอีกล่ะ?”
“ว่ามาก่อนสิ มีอะไร?” วราวางแขนบนพนักนั่งเหยียดขามืออีกข้างวางลงหน้าขา
“ไอ้ไพรัช มันมีเมียมีลูกเพิ่มมาอีกแล้ว เมียมันหมดปัญญาจะเลี้ยง อุ้มลูกมาบ้านกูนี่ เลยพามานี่ให้เลี้ยง สงสารเด็กมัน” ในบรรดาเพื่อนๆ ไพรัชเป็นเพื่อนเจ้าสำราญมาแต่หนุ่ม หน้าตาหล่อเหลา เสือปืนไว ครอบครัวเป็นคนมีเงินเลยไม่สนใจเรื่องความเป็นอยู่ เอาแต่เที่ยวเล่น ไปที่ไหนมีเมียที่นั่น แล้วปัญหามันก็เกิด
“อะไรวะ นี่มันมีอีกแล้วเหรอ กี่คนแล้วลูกมัน!?”
“สิบหกคนแล้ว เมียใหญ่มันบอกไม่ไหวแล้ว ไม่เลี้ยงใครแล้ว จนมามีคนนี้อีก ได้สองคน ลูกแฝด แต่เอามาคนเดียวเพราะอีกคนเห็นว่าทวดรับไปเลี้ยง ช่วยมันหน่อยเพราะบ้านมันจะล่มจมเพราะเมียมันเยอะนี่แหละ” เขาอธิบาย
“ว่ะ!! ไอ้ห่านี่ เดือดร้อนเพื่อนฝูงอีก แล้วทำไมไม่เลี้ยงเอาว่ะสาท?” วราตีมือลงหน้าขา
“อยู่บ้านกะพอแค่ได้มีที่อยู่ แต่ไม่รู้จะหาจากไหน เอาเงินไหนเลี้ยงอีก..นี่เจ้าป้อมกะอุ้มมาแล้วอยู่ข้างนอก น่าจะเลี้ยงง่ายอยู่หรอก อธิปมันก็โตแล้ว เลี้ยงอีกสักคนเป็นไรเล่า!”
“......” วรานิ่งเงียบราวกับใช้ความคิด พลางถอนหายใจมองหญิงสาวสองคนที่เดินอุ้มเด็กผู้หญิงประมาณสองขวบสวมชุดกระโปรงตัวเล็กๆ หนึ่งในนั้นคือไหมรุ้ง สาวใช้ของที่นี่ เป็นคนที่ต้อนรับป้อมและเขาเมื่อมาถึง
“คุณอา ช่วยเลี้ยงหน่อย ป้อมกับลุงสาทก็ไม่รู้จะหาไหนมาเลี้ยง อาไพรัชแกก็ขยันเหลือเกิน” ป้อมหัวเราะในตอนเท้ายส่งเด็กให้ วราอุ้มไปวางบนตัก เมื่อเด็กนั่งตักวรา ก็มีน้ำตากอดวราร้องไห้
“ร้องซะแล้ว สงสัยจะหิว ไหม ไปหาของมาให้น้องกิน ไปป้อม” วราส่งเด็กกลับไปให้ป้อมอุ้ม และล้วงเงินจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ไหมรุ้ง กำชับว่า ขาดเหลืออะไรไปจัดการมาให้หมด ทั้งสั่งคนงานชายอีกคนให้พาป้อมและไหมไปซื้อของเพราะของที่ติดมามันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน
“เลี้ยงง่ายอยู่หรอก” ปราสาทบอกวรา ที่นั่งเงียบมองตามเด็กไปจนลับสายตาจึงหันมาพูด
“เรื่องของเรื่องไม่รู้จะเลี้ยงได้รึเปล่า ...ไอ้ไถ่ ลูกชายตัวเองยังดูไม่ได้”
“...เป็นไรล่ะ?” ตัวเขานั้นเป็นเพื่อนสนิทกับวรา แต่ฐานะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงมาแต่ไหนแต่ไร วรานั้นเรียนจบสูงที่สุดในบรรดาเพื่อนและมาช่วยกิจการที่บ้านในขณะที่เขาและเพื่อนๆชอบกินลี้ยงและเที่ยวบ้างตามวัย สมควรแล้วที่วรามีความมั่นคงกับกิจการที่เติบโตขึ้นทุกวัน ต่างจากเขาที่ได้รับมรดกคือพื้นที่แปลงเดียว อยู่อย่างไรก็อย่างนั้น แค่พอมีพอใช้ แต่ตอนนี้ วราดูใช้ความคิดหนัก
“มันป่วย ไม่รู้ว่ามันประสาท รึโรคจิต ไม่พูด ไม่ทำงาน ไม่ทำอะไร อยู่ดีๆกะเป็นแบบนี้”
“อ้าว...อยู่ไหนล่ะ ไปเรียกมาคุยดู มันจะเป็นไปได้ยังไง วรา!?” เขานั้นรู้จักกับครอบครัววราดี เขารักอธิปเหมือนลูกชายคนหนึ่ง เห็นมาตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่มาเยี่ยมนั้นจะเห็นอธิปแต่งกายดูดี คุณอนงค์แฟนคุณวรานั้นเป็นผู้หญิงที่สวยตามวัย ไปไหนมาไหนก็จะพาลูกชายไปด้วย จัดการทุกอย่างให้อธิปและตามใจอธิปอยู่เสมอ อยากจะทานอะไรจัดให้ อยากได้อะไรก็สรรหาให้ตามที่ตัวเองบอกว่าดี
“มันไม่ช่วยอะไรหรอก.... เอายังงี้ มีอะไรทำไหมทางโน้น?” วราส่ายหน้าไปทางทิศบ้านของเขาที่อยู่นอกเมือง
“ก็ไม่หรอก อยู่เรื่อยๆไปนี่แหละ” เขาเกาที่ท้ายทอยเพราะความเอียงอายที่เป็นคนที่ไม่มีอะไรทำ คงเป็นประเภทแก่ตัวไปให้ลูกหลานหาเลี้ยงทำนองนั้น
“แล้วมีเมียกี่คนแล้วสาท?” เขาหัวเราะทันทีที่ถูกถาม
“คนเดียวครับ”
เขาและป้อมอาศัยรถยนต์ของวรานั่งมาย่านเลี่ยงเมือง เขาเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่ง จำได้ว่าเนื้อที่กว้างมากมีบ้านสร้างอยู่ในนี้ หลายหลังบ่งบอกความมีฐานะแต่เขาคิดว่ามันผิดที่ไปเสียหน่อย เพราะโจรขโมยมันก็น่าจะมี ด้านในนี้มีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่คอยดูแลอยู่กันเป็นครอบครัว วราบอกว่าตั้งแต่ อนงค์ ภรรยา ของตนเสียชีวิต อธิปนั้นเรียนจบที่อังกฤษก็ต้องย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ จากนั้นอธิปก็เริ่มไม่พูด ไม่ยอมออกไปไหน และไม่ทำอะไร ผิดวิสัยคนปกติโดยทั่วไป แทนที่จะสังคมและคบหาบรรดาเพื่อนเก่า อธิป ไม่ระบายความรู้สึกอะไรกับใคร ราวกับว่าห่างเหินจากวราผู้เป็นพ่อ วราจึงตัดสินใจให้กลับมาพักที่นี่ โดยเจ้าตัวนั้นก็ยินยอม
วราเองก็ค่อนข้างที่จะหนักใจ กิจการที่บ้านก็มากมายเสียจนไม่มีเวลาที่จะดูแลลูก หากใครที่อธิปจะคุยด้วยนั้นยังมีชีวิตอยู่ก็คงไม่เป็นแบบนี้ ตัวของวรานั้นอยากจะให้อธิปเข้ามาช่วยงานเอามากเพราะมีทายาทเพียงคนเดียวในตอนนี้ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้วี่แววของความเจริญก้าวหน้า มันคงหยุดอยู่แค่นี้ ตัววรานั้นไม่กล้าที่จะพาอธิปไปเข้ารับการรักษา เพราะกลัวได้รับข่าวร้าย อยากให้อธิปนั้นรักษาตัวของตัวเองโดยที่ปล่อยให้ทำใจสักระยะ ระยะที่ว่ามันก็นานมากแล้ว
“แกลองคุยกับมันสิ เผื่อว่ามันจะเปิดปาก จะได้รู้ว่ามันเป็นอะไร” วราพูดขณะขับรถ
“ขนาดพ่อตัวเองมันยังไม่พูดเนาะ” เขาหัวเราะเบาๆ แล้วกับเขาที่เป็นคนอื่น ถึงจะสนิทสนมเคยอุ้มเคยเลี้ยงมา
“ก็เผื่อไว้ ...ถ้าทางนั้นไม่มีอะไรก็มาอยู่นี่ด้วยกัน ดูทั้งไอ้ไถ่ดูทั้งลูกสาวนี่แหละ ชื่ออะไรนะ?”
“อรัญ... เนาะป้อม” เขาถามป้อมที่นั่งอยู่เบาะหลังกับไหมรุ้งและอรัญ
“เออ อรัญนี่แหละอา”
“เออ เดี๋ยวจะติดต่อไอ้ไพรัชเองไปทำให้ถูกต้อง มันอยู่ที่เดิมรึเปล่า?”
“ก็ที่เดิมนั่นแหละ ไปคุยกับเมียมันเลย ลูกมันอยู่นั่นทุกคน” เขาอธิบายตามที่ได้ยินมา
“ถือซะว่าบ้านนี้ก็บ้านตัวเองก็แล้วกัน ช่วยกันก่อนนะสาท อยากได้อะไรจะให้หมดเลย กูไม่ไหวจริงๆ” วราตัดสินใจที่จะรับเด็กเป็นลูกสาวแลกกับการช่วยดูแลอธิปและบ้านนี้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้รับปากเพื่อนว่ามันจะได้ผลและไม่ได้คาดหวังอะไร นั่นคือวรารู้จักนิสัยเขาดี ถึงกับได้ไหว้วานให้เขาช่วย
เขาก้าวเท้าขึ้นบ้าน มันช่างดูเงียบเหงา มองไปรอบๆ เฉพาะแจกันนี่ก็คงจะหลายพัน วราหยุดมองอธิปที่นั่งบนเก้าอี้ไม้มองสระว่ายน้ำเงียบๆที่บาร์น้ำ ก่อนเหลียวมองเขา เขาเลยกวักมือเรียกป้อมอุ้มเด็กเข้ามาในบ้าน เขาเดินเขาไปยืนข้างเก้าอี้ที่อธิปนั่ง
“อ้าว มาได้ไงครับ?” อธิปเหลียวมองพร้อมกับยกมือไหว้และไม่มีรอยยิ้ม ช่างเป็นหนุ่มที่ดูหล่อเหลา แขนขายังดูมีทรงของกล้ามเนื้อ รูปทรงยังดูดีเกินที่จะอยู่ในที่แบบนี้ หากเป็นเขาแล้วคงไปเที่ยวปั่นจักรยานจีบสาวๆ พาไปดูหนัง ไปร้านไอศรีม ไปเปิดตู้เพลงเต้นกับสาวๆตามคาเฟ่ เงินก็มีป่านนี้คงพาสาวๆมากมายทำเมียแล้ว แต่นี่ บ้านวรา
“พ่อวรามา...” เขาชี้ไปด้านหลัง แต่อธิปไม่ได้หันหลังไปมอง เอาแต่สบตาเขา เขาจึงนั่งยองๆลง
“ลุงพาน้องสาวมาให้เลี้ยง..อยากมีน้องสาวไหม?” เขาเหลียวมองอธิปที่นั่งนิ่งมองเขาอยู่ เขาไม่แน่ใจว่าอธิปนั้นเข้าใจที่เขาพูดหรือเปล่า? ราวกับว่าสมองนั้นมันว่างเปล่าไม่มีคำจะให้พูด มีคนงานที่เริ่มเดินเข้ามาทักทายต้อนรับวราที่เป็นเจ้าของบ้านอยู่ พูดคุยกันเบาๆราวกับรายงานความเป็นไป ไม่นานวราจึงรับเด็กจากป้อมอุ้มและเดินเข้ามา
“ไถ่...นี่น้องแก” วรานั้นอุ้มเด็กยืนต่อหน้า
“ครับ” อธิปจ้องมองก่อนลุกขึ้นมองเด็กที่อยู่กับวรา อธิปมองเด็กนิ่งๆอยู่ครู่ มันเป็นรอยยิ้มแรกที่เผยให้เห็นสำหรับการมาในครั้งนี้ อธิปยื่นมือออกไปอุ้มเด็กที่ถือจุกนมจากวรา เด็กจ้องมองอธิป ตัดผมหน้ามาผมที่ดกดำราวกับตุ๊กตา เมื่อยิ้มแก้มจะป่องออกราวตุ๊กตาเด็ก
“สวัสดีครับ” น้ำเสียงของอธิปเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกสายตาเหลียวมองอธิป เห็นจะจริงอย่างวราว่า เขาเหลียวมองวรา ไม่รู้ว่า มันจะง่ายเกินไปหรือเปล่า หากป่วยแล้วจะกลับมาเป็นปกตอเพราะเด็กคนเดียว ป้อมนั้นเดินหิ้วของเข้ามาวางลงพื้น และเดินไปหาอธิป
“ไหน เรียกอธิปสิเร็ว..!!” ป้อมพูดกับเด็กและชี้ไปทางอธิป
“..ทิป..” เด็กกางนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ ชี้อธิป ทั้งซบลงบ่าและวางมือที่หน้าอก
“ครับ” เพียงเท่านั้นอธิปยิ้มกว้างพร้อมกับกอดเดินเล่นไปรอบๆสระน้ำอย่างสบายอารมณ์ อย่างไม่สนใจใคร อธิปเดินอุ้มเด็กไปที่ฝั่งตรงกันข้ามที่มีดอกไม้ปลูกที่ริมสระ พูดคุยกับเด็ก วรายืนท้าวเอวมองดูความเป็นไปอยู่ครู่
“จะเลี้ยงไหมไม่อย่างนั้นจะปล่อยทิ้ง!?” วราร้องถามเอนตัวมองถามอธิป
“เดี๋ยวเลี้ยงเอง” อธิปตอบแค่นั้น
“.....!?” วราหันมามองเขาก่อนเหลียวมองอธิป ก่อนถอนหายใจหนักจนเห็นได้ชัด
เขาเดินไปบ้านไม้ที่อยู่ด้านหลังกับวรา มันเป็นบ้านยกสูงเพียงเล็กน้อยมีบันใดสามสี่ขึ้นขึ้นไปบนเฉลียง เขาชื่นชมความมั่งมีที่วรามี วราบอกคนให้เปิดบ้านไม้ออก มันยังคงดูมีความสะอาดสะอ้าน เหมือนมีคนดูแลอยู่ตลอด แนะนำตัวเขาให้ทุกคนรู้จัก แล้วแกว่งมือให้เขาเข้าไปในบ้าน
“อยู่ได้ไหม ถ้าอยู่ได้ก็มาได้เลย เดี๋ยวจะให้ไหมย้ายมาอยู่นี่ช่วยกันดูแลของกินมีตลอดเดี๋ยวจะให้คนมาส่ง อยากได้อะไรก็บอก ไม่มีปัญหา จะได้ดูมันด้วย เอาเมียมาอยู่ ป้อมกับไหมก็ให้นอนอีกหลังข้างๆนี่ก็บ้านตาสง อยู่กับลูกชายมัน ไอ้อ้อด” เขาเหลียวมองตาสงที่นั่งลงแคร่ไม้ไผ่ที่อยู่ข้างบ้าน ตาสงยกมือไหว้
“ตี๋น้อยก็ไม่เคยว่าจะมาเล่นสักทีนะครับ สงสัยจะดีใจว่ามีน้อง” ตาสงชวนคุย พูดถึงอธิปที่ไม่เคยจะเล่นกับเด็กเลยสักครั้ง ตี๋เป็นลูกตาน้อยคนงานที่นี่ ตาสงถอดเสื้อออกพาดไหล่ อากาศร้อนทำให้มีเหงื่อออกเดินถือขันเงินเรียบๆไปเปิดน้ำในตุ๋มน้ำขนาดใหญ่เปิดก๊อกน้ำข้างตุ๋มขึ้นดื่ม
“มันไปไหนกันหมด?”
“ไปโรงเรียน เดี๋ยวผมจะไปรับกลับครับ”
“เออ สาทเขาจะมาคอยดูไอ้ไถ่ จะพาครอบครัวมาอยู่ ดูแลกันเอานะ” วราบอก
วรานั้นยืนพูดคุยเกี่ยวกับรถยนต์อยู่กับที่จอดอยู่ที่โรงรถ ซึ่งอธิปนั้นไม่เคยได้ใช้หรือออกไปไหนทำให้เครื่องยนต์อาจจะมีปัญหา จึงเกิดการทดลองขับภายในบ้านเป็นการทดลอง วรานั้นยังมองบ้านหลายหลังที่นี่สั่งทำการจดรายการเพื่อที่จะซ่อมแซมส่วนต่างๆ แล้วทุกอย่างมันเริ่มจากนั้น ที่มีบ้าน สามหลัง ด้านหลังอีกสอง และบ้านที่หัวมุมอีกหนึ่งที่ดูเหมือนว่ายังสร้างไม่เสร็จ วราแบ่งรถกระบะตอนเดียวให้เขาได้ใช้ไปขนของและจัดการสั่งงานทุกอย่างอย่างทันท่วงที ขณะที่อธิปนั้นดูออกจะเห่อน้องสาวคนใหม่อยู่ในบ้านกับป้อม
“แล้ว เขาไม่มีแฟนบ้างเหรอ?” เขาถามเพราะเห็นการใช้ชีวิตของอธิปในแบบนี้ ขณะที่เดินดูอยู่รอบๆ
“ไอ้ศักดิ์ชายไง เร่งกูยิกๆ สงสัยมันกลัวลูกมันไม่มีผัว” วราพูดอย่างใส่อารมณ์เพราะเพื่อนอีกคนได้มั่นหมายกันตั้งแต่ยังไม่ทันได้แต่งงาน ว่าหากมีลูกกันแล้วจะเกี่ยวดองกัน ซึ่งวรากับศักดิ์ชายนั้นค่อนข้างสนิทกันเพราะพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นเพื่อนกันมากระทั่งว่า ระหว่างศักดิ์ชายกับวรา หากใครเป็นผู้หญิงนี่ก็อาจจะได้แต่งงานกันแล้ว เขาหัวเราะ
“เขาเจอกันรึยัง?”
“เจอแล้ว แต่มันก็เฉ้ย... ไม่ไปเล่นไม่ไปคุย ไม่ชวนเขาไปเที่ยว จะให้ว่ายังไง ...กูผิดสัญญากับมันไม่ได้!” วราบอก เขาจึงหัวเราะเพราะวรานั้นจริงจังเสมอ หากผิดสัญญาเมื่อไหร่มีหวังศักดิ์ชายได้โวยวาย เมื่อเขาหัวเราะและทิ้งท้ายในแบบนั้นวราจึงหัวเราะตาม
“ถ้าเป็นพวกเราเนาะ ตามจีบกันขนาด” วราหัวเราะ เขาพลางพ่นควันบุหรี่ และคิดถึงสมัยหนุ่มสาว ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นในแบบของอธิปอย่างแน่นอนเพราะลูกสาวศักดิ์ชายก็น่ารักจิ้มลิ้มเช่นกันแต่เขายังไม่เคยเห็นตอนโตเสียที เขาได้แต่บอกให้วรานั้นใจเย็นเย็นเสียก่อน ตอนนี้เอาเรื่องจิตใจของอธิปให้แน่เสียก่อน
อธิปเริ่มออกนอกบ้านพาป้อมไหมและอรัญไปซื้อของใช้ พวกเสื้อผ้าต่างๆ ทุกอย่างมีครบและเลือกด้วยตัวเอง อธิปพาอรัญขึ้นไปยังชั้นบนห้างสรรพสินค้าเพื่อไปเล่นเครื่องเล่น เลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กมียี่ห้อและราคาแพงจนป้อมต้องปรามเพราะเด็กค่อนข้างที่จะโตไว้ ซื้อมามากมายก็เท่านั้น อธิปยังอุ้มอรัญกางร่มพาไปดุงานแข่งเรือบ้าง ไปเทศกาลต่างๆ ก็พลอยให้ป้อมจัดการเลือกเสื้อผ้าและของให้เด็กๆที่บ้านอย่างอ้อดและตี๋ เมื่อเขารายงานอธิปว่า อ้อดนั้นก็มีผลการเรียนดี เท่านั้นอธิปก็ให้รางวัล และหันมาสนใจทุกคนในบ้านมากขึ้น
ตัวเขานั้นจึงวางแผนให้ลูกชายของศักดิ์ชายเข้ามาช่วยเลือกซื้อของให้เด็กเผื่อมีวันว่างให้ไปแทนป้อมและไหมเพราะหน้าที่นั้นมีมากมายอยู่แล้วจะได้สร้างความสัมพันธ์ในโอกาสต่างๆ จึงอาสาขับรถให้ อธิปนั้นให้ความสนใจกับของที่เลือกมาก ซึ่งกมลานั้นเลือกได้ถูกใจ เขาได้แต่ยืนมอง อธิปนั้นถูกใจของจริงๆแต่คนที่มาด้วยนั้นก็ไม่มีวี่แววว่าอธิปจะสนใจเสียเท่าไหร่ เหมือนมากับป้อมและไหมนั่นแหละ พอๆกัน แค่เอามาช่วยออกความเห็นเท่านั้น
ครั้งนี้เขาเห็น กมลาลูกสาวของศักดิ์ชายแล้ว ได้แต่พินิจว่า ไร้ที่ติ ยอมเสียเวลางานและการเรียนมาเพื่ออธิปโดยเฉพาะ ศักดิ์ชายสั่งหากไม่ขัดใจก็มา แต่เหมือนทางฝ่ายหญิงเองก็ไม่ได้คิดมากอะไร มาทำหน้าที่เสร็จก็รีบกลับไปช่วยงานที่บ้าน ต่างคนต่างไม่มีเวลาเอาเสียอย่างนั้น กระนั้นอธิปก็พาไปส่งหรือไปรับถึงที่ เพราะทางนี้วราก็สั่งเช่นกัน ดูเหมือนจะไม่ได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวอะไรกันเลย
“ทำไมต้องไปโรงเรียน?” อธิปขมวดคิ้วเหลียวมองอรัญที่นั่งอยู่บนพื้นและโยนบอลหลากสีลงสระน้ำ ทำเอาป้อมเงียบ เพราะเด็กก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้าโรงเรียน
“อ้าว...จะไม่ให้น้องเรียนหนังสือเหรอ?” ป้อมจึงถามขึ้น คงไม่นึกว่าจะเจอคำถามแบบนี้จากอธิป
“.....?” อธิปเอียงหน้าอรัญทั้งขมวดคิ้ว
ครั้งนั้นลำบากอธิปที่โทรเข้าในเมืองและแจ้งปัญหากับเรื่องที่เกิด ซึ่งป้อมก็เป็นคนที่ต้องหาโรงเรียนให้ อธิปเลือกให้เรียนโรงเรียนเอกชนเท่านั้น เขาต้องพาอธิปเข้าเมืองไปหาวรา อธิปอุ้มอรัญญานั่งคุยอยู่กับวราในออฟฟิต ที่ผ่านมาอธิปใช้จ่ายเงินส่วนตัวมาก็มากโขเอาการอยู่ มันเป็นการใช้เงินอย่างเดียวและไม่มีรายรับ วราโยนสมุดบัญชีและแฟ้มลงโต๊ะ มันเป็นแฟ้มรายจ่ายของที่บ้านนั้น
“เลี้ยงเอง ใครจะหาเงินให้แกใช้ผลาญเล่น ดูสิ มีเวลาที่ไหนไปดุแล น้องใครก็ดูแลกันเอาเอง กี่ชีวิตในบ้านนี้เห็นไหม!?” เขารู้ความต้องการของวราเป็นอย่างดี แม้จะอุ่นใจขึ้นที่อธิปกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติ แต่ดูเหมือนว่าอธิปจะลืมคิดถึงที่จำเป็นต้องทำที่มันมากกว่าการดูแลอรัญเพียงคนเดียว อธิปเหลียวมองแฟ้ม
“..ก็เดี๋ยวมาช่วยดู มันจะไปยากอะไร เอาน้องไปโรงเรียนก่อน” อธิปขมวดคิ้วหนักเพราะเกรงว่าวรานั้นจะไม่ช่วย แต่วรานั้นเลิกขมวดคิ้วเหลียวมองเขาที่ยืนยิ้มอยู่ ดูท่าอธิปจะยอมทุกอย่างในตอนนี้ อันที่จริงวราเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเพียงแต่หาคนที่ไว้ใจได้อย่างครอบครัวมาช่วยงานก็คงเป็นเรื่องที่ดี เขารู้ว่าวราชอบการต่อรอง และบ่นไปอย่างนั้นนั่นแหละ มันเป็นแผนเรียกอธิปออกมาทำงาน
“ได้ เดี๋ยวจัดการให้...ก็เท่านั้น ทำงานต้องได้เงิน” วราพูดพลางเดินออกจากห้องไป
“ใช่ เราต้องทำงานมาเลี้ยงน้อง” อธิปพูดกับอรัญ เขาได้แต่ยิ้มส่ายหน้าเดินตามวราออกไป
เขาเองก็เพิ่งรู้ว่าเด็กชื่อจริงว่า ภาสิรี และถูกเปลี่ยนใช้นามสกุลตามวราและอธิป แต่ทุกคนที่บ้านก็เรียกติดปากว่าอรัญ เขานั้นออกจะงงและสับสนนิดหน่อย เพราะตอนที่รับเด็กมา เด็กมีชื่อว่าอรัญญา ได้ยินไม่ผิดเพี้ยน จนได้ถามความเห็นของป้อมที่เริ่มจัดชุดนักเรียนให้อรัญอยู่กับไหม ป้อมมองชื่อที่ปักบนเสื้อนักเรียน ผ้าปูที่นอน ผ้ากันเปื้อน
“ไพรัชมันว่าชื่ออรัญญาไม่ใช่เหรอวันนั้น?”
“หนูก็ได้ยินแบบนั้น รึเอามาผิดคนเหรอ มันจะเป็นไปได้เหรอ?” ป้อมเกาหน้ามองชุด
“ก็เอาเป็นชื่อเล่นสิ..มันเรียกจนติดปากแล้วแล้วว่าอรัญกับอธิป กะเข้ากันดี ดีกว่าไปเปลี่ยนใหม่อีก ยาก” ไหมออกความเห็น ไหมรุ้งนั้นก็พลอยได้ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่พร้อมกันเพราะวรานั้นมีความเห็นว่าเข้ากันได้ดีกับป้อม จะได้ช่วยกันดูแลอรัญญาอีกแรง
“เออ เอาตามนั้นแหละ เคยเรียกแบบนี้มาให้เปลี่ยนอีกก็จะหลง” เขาออกความเห็น
เขาได้ยินเสียงอธิปอยู่ในห้องน้ำคงอาบน้ำอยู่กับน้องสาว อรัญนั้นต้องนอนอยู่กับอธิป อธิปจะเป็นคนที่แต่งตัวให้อรัญทุกครั้ง ป้อมเองก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปยุ่มย่ามเพราะอธิปนั้นเป็นผู้ชาย เมื่ออาบน้ำกับน้องสาวจึงไม่เหมาะที่จะไปอยู่ด้วย เขาจึงทำหน้าที่คอยดูแลห่างๆ เมื่อรุ่งเช้าอธิปต้องเข้าบริษัทในเมืองเพื่อไปทำงานก็จะแวะส่งอรัญและช่วงเย็นก็มารับกลับ หากไม่ทันเป็นเขาที่จะต้องไปรับเด็กๆและยังต้องแวะรับอรัญเอง
บรรดาครูสาวต่างยืนยิ้มเมื่อเห็นอธิปเด็กหนุ่มมารับอรัญอยู่เป็นประจำ ต่างเดินมาสอบถามเขาว่าใครกันแน่ที่เป็นพ่อของเด็ก เขาได้อธิบายให้ครูได้ทราบ ทุกคนจึงรู้ว่าอธิปเป็นพี่ชายที่อายุห่างกัน ในครั้งแรกเขาต้องเป็นคนพาอธิปไป เพื่อที่จะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไร ถึงแม้ว่างานจะไม่เสร็จยังไงอธิปก็จะแวะรับกลับไปที่บริษัทเสียก่อนค่อยกลับบ้าน
บรรดาผู้ปกครองก็มักจะเหลียวมองอธิปที่อายุยังน้อยและรักอรัญราวกับว่าเป็นลูกเสียเอง อธิปสะพายย่ามถุงนอนให้อรัญพร้อมกระติกน้ำดื่ม มันเป็นภาพที่เขาอดอมยิ้มไม่ได้ ทั้งยังอุ้มอรัญแทนการจูง พาขึ้นรถมา เป็นเรื่องปกติที่คนจะมอง อธิปทำอยู่อย่างนั้นซ้ำๆจวบจนกระทั่งชั้นประถมศึกษาปีที่สาม อรัญก็ยังหอมแก้มอธิปก่อนลงจากรถและเมื่อยามที่ต้องกลับบ้าน
“เออ..เรียนเก่ง โตมาจะได้ช่วยพี่มันทำมาหากิน” วราพูดเมื่อจ้องมองสมุดพกของเด็กหญิงภาสิรี มันมีแต่คำชมทั้งกิริยามารยาทเรียบร้อยดี
“พอกันกับไพรัชล่ะ” เขาหัวเราะ วรายิ้มมองสมุดพก
“ครูว่าไงมั่งล่ะ?”
“ว่าเป็นเด็กไม่ค่อยพูด แต่ไม่มีปัญหากับคนอื่น”
“เออ มันก็เลี้ยงน้องมันดี”
“ดีอยู่” เขาตอบ
“พวกเด็กๆเป็นไงบ้าง มันดื้อรึเปล่า ยิ่งเป็นผู้ชาย”
“เรียบร้อยดีครับ อ้อดมันเรียนเก่ง แต่ตี๋มันหัวไม่ค่อยดี น่าจะได้ซ้ำชั้นนะเห็นว่า อธิปก็ช่วยสอนอยู่”
“..น่าเป็นห่วง ฝากดูหน่อยนะ” วราตบมืองลงที่ไหล่เขา ออกความเห็นว่าทุกคนน่าจะได้เรียนที่เดียวกัน พอไปรับส่งจะได้ไม่หลายทาง วรานั้นยินดีที่จะสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเมื่อทุกคนโตมาแล้วอาจจะมีหน้าที่ที่ดีกว่าการเป็นคนใช้ที่นี่ อาจจะไม่อยากอยู่ที่นี่เลยด้วยซ้ำเมื่อโตขึ้นมา เหมือนกันวัยรุ่นทุกคนที่เคยอยู่ที่ ดูแลตัวเองได้เมื่อไหร่ก็ออกไป วราซึ่งไม่รับคนนอกเข้ามาใหม่ที่บ้านนั้นจึงไม่มีใครดูแล จำนวนก็ลดลงเรื่อยอย่างที่เห็น
เขาได้ทีวีจอสีมาใหม่และตั้งไว้ที่ห้องที่ใช้ทานอาหารชองบ้านในตึกใหญ่ ตกเย็นหลังเลิกเรียนเด็กๆก็จะมานั่งทำการบ้าน กันยกเว้นอ้อดที่ต้องไปช่วยงานผู้ใหญ่ในการนึ่งข้าวหุงข้าวทำหารเย็น อธิปจะสอนการบ้านจนกว่าทุกคนจะทำเสร็จ ค่อยได้เปิดทีวีการ์ตูนรอบค่ำให้เด็กๆได้ดู และพอรอบดึกก็จะมีละครน่ากลัวซึ่งอรัญไม่ค่อยจะดู แต่พวกผู้ใหญ่จะดูกัน และใช้เวลานั่งพูดคุยกันก่อนที่จะปิดบ้าน และแยกย้ายกันไปนอน
“ปอห้าแล้ว...มันอรัญมันโตแล้วนะ ทำไมยังให้นอนกับอธิปอีกเหรอลุง” ป้อมที่พับผ้าอยู่พูดขึ้น เธอเห็นหน้าอกของอรัญนั้นเริ่มที่จะมีรูปร่างขึ้นมาแล้ว และได้ทำการสั่งซื้อบราของเด็กมาให้อรัญได้สวมก่อนจะใส่เสื้อทับในอีกชั้น
“จัดห้องนอนแยกให้น้อง ข้างบน” เขาบอก และยังไม่อยากที่จะไปปรึกษาวราในช่วงนี้ เพราะเกรงว่าเพื่อนของเขาจะกำลังวุ่นวายกับสาขาใหม่ที่เป็นโรงสีอีกแห่ง เขาตัดสินใจเดินเข้าไปหาอธิปภายในบ้าน เห็นนอนดูทีวีและกอดอรัญอยู่ ดูมันจะเป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติเพราะเคยเห็นทุกวัน
“อะไร?” อธิปถามก่อนลุกหยิบผ้าห่มแพรคลุมตัวให้อรัญที่นอนหลับกลางวันอยู่ คงรู้ว่าเขามีเรื่องคุย จึงเดินตามเขามาหน้าตึกและสวมรองเท้า เขาพาไปยังบ้านหลังสุดท้าย ที่มันว่างเปล่าและมีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้นภายในบ้าน ซึ่งวรานั้นยินดีที่จะตกแต่งใหม่ให้ทุกอย่าง ตามความตั้งใจแรกที่สร้างบ้านหลังเล็กให้ลูกๆได้อยู่กันคนละหลัง แต่วรานั้นดันได้อธิปที่เป็นลูกชายคนเดียวเสียนี่
“วราบอกถ้าอรัญโตแล้วให้มาอยู่หลังนี้ เพราะวราให้บ้านหลังนี้แล้ว” เขาอธิบาย
“เออ ก็ยังไม่โต จะให้แยกมาอยู่ตอนนี้ทำไม เกิดอะไรใครจะดู” พูดจบอธิปก็เดินกลับไป เขารีบเดินตาม
“แต่น้องก็โตแล้ว..นอนคนเดียวได้ แล้วเรื่องจับต้องก็ไม่ดี มันไม่งาม เข้าใจไหม” เขาใจสั่น ป่านนี้แล้วอธิปยังอาบน้ำอยู่กับอรัญซึ่งเขามองหรือใครมองก็คงไม่ควร เขาต้องลำบากสั่งห้ามอ้อดและตี๋เข้ามายุ่งวุ่นวาย จะมาก็ต้องตามเวลาที่ควร ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจเรื่องนี้ผิด ถึงอธิปจะคุยกับเขาอยู่เสมอ แต่พอเรื่องขัดใจเขากลับหนักปากเอาเสียอย่างนั้น
“ไม่งามได้ยังไง เลี้ยงมาเองกับมือ!” อธิปเอี้ยวตัวมาบอกขณะเดิน คำพูดของอธิปทำเขาหยุดคิด หมดคำที่จะเถียง มันถูกต้องทุกคำ แต่ว่า
“แต่ว่า...น้องมันโตแล้ว” เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ขนาดอรัญเองยังไม่ได้ขัดข้องที่จะนอนกับอธิป
“ก็ช่าง...ไม่งั้นก็ไปจัดห้องตรงข้ามให้น้องนอนนั่น ยังเด็กอยู่เลย เกิดโจรขึ้นบ้านมาลักของจะว่ายังไง!” อธิปพูดพลางเดินกลับไป เขาได้แต่ส่ายหน้าเพราะไม่รู้จะสรรหาคำใดมาพูด ยิ่งช่วงนี้งานอธิปก็มีเยอะจนบางครั้งเขาต้องไปรับไปส่งเด็กๆเองในบางวัน คงไม่อยากใช้เวลาทำอย่างอื่นนอกจากจะอยู่กับอรัญ
“ที่โรงเรียนบอกว่าพี่อธิปหล่อ” อรัญญาพูดขึ้นขณะที่นั่งทำการบ้าน มันเป็นการอวด ป้อมยกปากหม้อที่เขาแวะซื้อจากตลาดเข้ามาให้ทุกคนทานกันรองท้อง อธิปถึงกับเงียบมองอรัญญาตาปริบๆ
“จริงครับ ผมก็ได้ยิน เพื่อนๆยังถามว่าใคร?” ปีก่อนหน้านั้น ตี๋ได้ย้ายมาอยู่โรงเรียนเดียวกับอรัญ เพราะสะดวกในการรับส่ง
“เห็นไหม หล่อจริงๆ ใครก็บอกว่าพ่ออรัญหล่อ” อรัญอธิบายเพราะเพื่อนทุกคนเริ่มเข้าใจว่าอธิปเป็นพ่อของอรัญ ปีก่อนไม่ว่าจะจัดงานวันพ่อหรือวันแม่ ก็เป็นอธิปที่ไปโรงเรียนแทน ตี๋นั้นยังคงต้องเรียนซ้ำชั้นจึงอยู่ประถมหก เลยกลายเป็นเป็นรุ่นพี่อรัญญาแค่ปีเดียว อธิปเลยเป็นพ่อให้ตี๋ด้วย ทั้งโรงเรียนเลยเข้าใจว่าเป็นพี่น้องกัน
“เหรอ แล้วอรัญตอบว่าไง?” ป้อมจึงถามขึ้น
“..ก็ตอบว่าห้ามชอบ หวงมาก” อรัญหัวเราะ
“เหรอ หวงมากไหม!?” ป้อมถามยิ้มๆ
“หวง กลัวไปรักคนอื่น อยากให้รักอรัญคนเดียว เพื่อนในห้องบอกว่าคุณพ่อน้องอรัญญาหล่อมาก” อรัญอธิบายและเหลียวมองอธิป เธอเบ้ปากจนเห็นคางปุ๋ม เธอทำการบ้านภาษาอังกฤษ เป็นปีแรกที่ได้เรียนภาษาอังกฤษแต่ อธิปสอนเธอตั้งแต่อนุบาล เธอจึงไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แค่ครู่เดียวก็ทำเสร็จ
“อรัญจะได้ถือป้ายโรงเรียนด้วยนะ กีฬาจังหวัด ครูอยากให้เป็น พวกเพื่อนๆดีใจใหญ่อยากให้อรัญเป็น มันว่าอรัญสวย” ตี๋พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“สวยอยู่แล้วหลานป้าป้อม อยากเห็นแล้วว่าใส่ชุดจะงามแค่ไหน ใช่ไหมอธิป?”
“ถามรึยังว่าให้เป็นไม่ให้เป็น?” อธิปพูดเพียงเท่านั้นอรัญจึงหุบยิ้มทันที เบ้ปากหนักกว่าเดิม รู้ๆกันดีว่าอธิปนั้นไม่ให้เป็น แต่ท่าทีเธอก็ไม่ได้เสียใจ แค่อยากให้ทุกคนขำในหน้าตาของเธอที่เธอแสร้งทำเป็นหมดอารมณ์แล้วเธอก็หัวเราะตามที่ทุกคนหัวเราะ
“ก็จะไม่ให้เป็นศรีเป็นเกียรติให้โรงเรียนหน่อยเหรออธิป มีคนงามขนาดนี้เก็บไว้เสียดายของ” ป้อมเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ
“ไม่ นักเรียนในโรงเรียนมีเป็นร้อย” อธิปใส่อารมณ์
“เริ่มจะไม่หล่อก็ตอนนี้แหละป้าป้อม” อรัญแย้งขึ้น ทำตี๋ยิ้ม
“พูดใหม่ ใครไม่หล่อ!” อธิปลุกมาอุ้มอรัญวิ่งกระโดดลงสระ ได้ยินเสียงอรัญกรีดร้องก่อนที่จะกระโดดลงน้ำ อรัญรีบว่ายน้ำไปเกาะหลังอธิป เธอหัวเราะร่า อธิปจึงถามว่าหล่อรึยัง? อรัญจึงบอก
“หล่อที่สุดแล้ว!” ป้อมจำต้องตามขึ้นไปบนห้องเพื่อไปช่วยอรัญเปลี่ยนชุดตามที่เขาได้เคยบอก ป้อมรายงานทุกอย่างและบอกกับเขาว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าอรัญไม่ไปห้องอธิป อธิปก็เข้ามานอนกับอรัญอยู่ดี และดูไม่น่าแปลกอะไรที่ทั้งสองจะนอนด้วยกัน ไม่น่าจะมีอะไรเกินเลยตามความคิดของป้อม มันทำให้เขาโล่งใจขึ้นบ้าง อธิปคงไม่ทำอะไรไม่ดีเป็นแน่
ความคิดเห็น