ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ้านวรา

    ลำดับตอนที่ #5 : -

    • อัปเดตล่าสุด 23 พ.ย. 65


    ตี๋จัดการล็อครั้วและเดินไปกับพวกเขากลับไปเอาจักรยานและช่วยเขาเทเศษใบไม้ ตี๋บอกเทใส่กระบุงก่อนเต็มแล้วค่อยเอาไปเทถมหนองน้ำเล็กๆตรงนั้น และไปช่วยเขาเก็บพริกตากแห้งลงกระบุง ตี๋เริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ป้าๆฟังว่าอรัญแตะตัวเขา และกลัวจนสั่นหากอธิปได้มาเห็นคงไม่มีชีวิตรอด 

    “มันขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เขาเลยถามหาเสียงยืนยัน

    “อย่าเชียวนะ ป๊อบ อธิปเขาแตะของเขาได้คนเดียว ถ้าแกยังมีกระเจี๊ยวอยู่อย่าแม้แต่จะคิด!” ตี๋หัวเราะเมื่อป้าป้อมชี้นิ้วเตือนเขา

    “ผมบอกแล้ว น้องคิดว่าไม่จริงเหรอ?”

    “ว๊าย..ไอ้อ้อดเกือบตายถ้าไม่ได้ลุงสาทยืนห้าม แค่ยืนแล้วพูดนะป๊อบ แค่นั้น ทำได้แค่นั้น หมดบ้านฟังลุงสาทคนเดียว ก็เพื่อนพ่อวราเนาะ” เขาเพิ่งรู้ตอนนี้ว่าลุงเป็นเพื่อนคุณวรา 

    “มันจะมีคนหวงคนขนาดว่า ฆ่าคนได้ ปานนั้นเหรอ?” เขาพลางใช้ความคิด 

    “ก็นี่ไง!! ไม่มีได้ไง เดี๋ยวเขามาจะตะลึงกว่านี้อีกป๊อบ ป้าพูดต้องฟัง อยากจับตัวอรัญได้ให้ไปตัดหม่ำออก” ตี๋หัวเราะป้าป้อมที่พูดจาผาดโผนจริง เธอนั่งตัดใบตองเป็นวงรีเพราะพรุ่งนี้คงจะทำห่อหมกหน่อไม้ตามที่ว่าไว้ ซึ่งเธอจัดการมาทำตอนเช้าและใช้เตาไฟตรงนี้แหละทำ เธอลุกหยิบกระดาษมาส่งให้เขา มันเป็นรายการของที่กำลังจะหมดอย่างเครื่องปรุงและของใช้ของต่างๆ

    “ของผมจะยกโหลกางเกงในอยู่ขาบานหมดแล้ว” ตี๋พูด เขาหัวเราะแล้วถามขึ้นเพราะไซส์ของเขาและตี๋แตกต่างกัน

    “แล้วของผมถ้าจะเหมากางเกงในมั่งต้องบอกขนาดไหม?” อยู่ไปอยู่มาก็เริ่มติดตลกเพราะป้าป้อมนั่นทำเขาเป็นเยี่ยงนี้ 

    “มันใหญ่มากเหรอเดี๋ยวนี้?” เป็นครั้งแรกที่ป้าป้อมพุดน้ำเสียงราบเรียบไม่ดังเหมือนก่อน  ยืนถือหวดนึ่งข้าวในมือเคี้ยวหมากถามเขาตี๋หัวเราะลั่น มันเป็นการถามเชิงว่า ต้องใหญ่จนต้องคิดหนักเรื่องไซส์ของกางเกงในขนาดนั้น?  แล้วที่มันตลกกว่านั้นคือน้ำเสียงเบาแบบไม่ปกติเลยทำเขาและตี๋หัวเราะ

    เรื่องมันไม่จบแค่นั้น เวลาอรัญมาทานอาหารเย็นก็ถึงเวลาที่ป้าป้อมอดใจไม่ได้ที่จะเล่าให้อรัญฟัง คือทุกวันต้องมีเรื่องเล่าให้อรัญฟังทุกวัน เรื่องตลกลามกอะไรทำนองนี้แม้อรัญจะไม่เคยหัวเราะก็ตาม แต่เขาก็เพิ่งเริ่มเข้าใจว่าไม่ใช่อรัญนั้นไม่ตลกเพียงแต่ต้องการคนหัวเราะให้เธอ หรือให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการพูดคุยเท่านั้น วันนี้ก็เช่นกัน เขาและตี๋กำลังนั่งจดคำสั่งซื้อกันอยู่ห่างๆอรัญญาเพราะรู้ว่าดีกว่าที่จะกินข้าวกันคนละรอบ ป้าป้อมก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขาวิตกกังวลเรื่องไซส์กางเกงให้อรัญฟังซึงมันเกินจริงไปมาก

    “จริงนะ มันคิดไม่ตกเลย ป้าก็สงสัยว่ามันจะขนาดไหน ช่วยมันคิดหน่อยได้ไหม ป้าก็ไม่รู้จะว่ายังใง” เธอพูดพลางใช้มือปิดปากยิ้มมองไปทางไหมที่นั่งเช็ดหม้อซึ้งนึ่งอยู่ ป้าไหมทำอายๆว่าไม่ควรพูด เขารีบหุบขาเมื่ออรัญมองมาที่เป้าของเขา หุบให้เธอเห็น 

    “ถอด” อรัญบอกเขา ป้าป้อมหัวเราะอย่างสะใจและเสียงดัง ลุงสาทที่นั่งทานข้าวอยู่บ้านด้านหลังร้องขึ้นว่าเสียงดังเกินไป ตี๋ที่รีบดึงกางเกงขึ้น

    “จะบ้ารึไง!!?”

    “เอาถอดสิ อรัญเขาจะได้บอกถูก เร็วป๊อบ” ป้าป้อมพุด 

    “ผมไม่เกี่ยว” ตี๋พูด ป้าไหมยิ้มเหลัยวมองเงียบๆ 

    “เขาเห็นก็น่าจะรู้ คนมารับน่ะ” เธอบอก 

    “อ้อ...แล้วของคุณอรัญนี่ใครระบุครับ?” เขาชักเกิดอยากย้อนขึ้นมา 

    “ปีอบๆ ของป้าป้อมป้าไหมสี่หยุบร้อย” ป้าป้อมบอกพร้อมกับหัวเราะ ชักจะไปกันใหญ่ สี่ตัวร้อยก็ถือว่าถูกแล้ว นี่สี่กำมือร้อยนึง ทุกคนนั่งหัวเราะ 

    “ไปดูเอง!!” อรัญบอก

    “ของอรัญ คุณนายแกจัดให้เอง” ตี๋บอกเขา เขาเผลอมองช่วงตัวที่หัวผ้าซิ่นที่เธอสวม เนินอกขึ้นสูงกว่าฐานรอบตัว น่าจะคับซี ตัวเล็กแต่หน้าอกน่าจะสวย แต่จู่ๆก็นึกเรื่องป๋าอ้อดที่โดนซ้อมเพราะแค่เข้าไปช่วยขึ้นมาเขาจึงลุก

    “โอ้ยยย หมดอารมณ์ พอๆ เดี๋ยวจดของไม่ทัน” เขาเปลี่ยนเรื่องลุกเข้าไปในครัวเพื่อไปเช็กของในครัว

    “ทำเป็นเรื่องใหญ่” เสียงอรัญบ่นตามหลัง เขาเห็นเธอเดินไปบ้านลุงสาทเพื่อคุยกับป้าผ่อนที่นั่งตรงเฉลียงทางขึ้นบ้าน เห็นอรัญญานั่งที่ขั้นบันใดพูดคุยอย่างกันเอง 

     

    มันเป็นงานเลี้ยงสตาฟปาร์ตี้ในคืนนั้นที่โรงแรม เขาติดงานและไปดึก เขามีเพื่อนสนิทสองคนที่เรียนจบมาด้วยกัน คือกุ้งกับก๊อป พวกเราไปอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งทางภาคใต้และเช่าบ้านๆม้ที่มีใต้ถุนสำหรับจอดรถ ข้างบนมีสองห้องนอน และครัวด้านหลัง เขากับก๊อปนั่นจะอยู่ห้องเดียวกัน และแอนอยู่อีกห้องหนึ่ง พวกเราสนิทกันมากตั้งแต่สมัยเรียน จบออกมาก็ทำงานด้วยกันแต่คืนนี้เขาคงเลิกดึกเพราะลูกค้ามาก ก๊อปกับกุ้งที่หมดกะแล้วจึงไปรวมตัวกับคนอื่นกันก่อน

    “อย่าลืมมารับนะเที่ยงคืนตีหนึ่ง” เขาย้ำกับเพื่อนที่มาหาเขาที่ครัว 

    “ได้” เขาโยนกุญแจรถให้เมื่อเพื่อนเขารับปาก 

    เที่ยงคืนกว่าเขาพลางจัดการของในครัวรอ เขาไม่ได้รีบ เพราะของยังไม่เสร็จดี เขากดเบอร์มือถือเพื่อนเพื่อโทรออกปรากฏว่าไม่ได้รับสาย เสียงคงดังทั้งตรงที่เขาอยู่มีเสียงเครื่องครัว และทางโน่นอาจจะมีเสียงเพลง เขายกหม้อซุปขนาดใหญ่ขึ้นชั้นวาง 

    “ไปด้วยกันไหม ที่งาน เดี๋ยวพวกห่านั่นเมาก่อน” 

    “ไปสิ” 

    เมื่อมาที่งานทุกคนรื่นเริงทุกแผนกบ้างก็เมามายกันแล้ว เขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของบังกะโลไม้ร้านอาหารก็ไม่พบทั้งสองคน และไม่เห็นรถของเขาจอดอยู่ที่นี่ เขาเดินกลับลงไปข้างล่างไปกลุ่มเพื่อนๆในครัว เพื่อสอบถาม

    “ไอ้ก๊อบกับกุ้งไปไหน ได้มาไหม?”

    “อ้อ มาๆๆ.. เมา สงสัยพากันไปเมาที่หาดร้านพี่พงษ์ เห็นว่า พวกไอ้โอก็ไปด้วย ตามไปเลย มันเมามันแล้ว แกเพิ่งมา” เพื่อนๆก็มีเสียงอ้อแอ้เพราะความมึนเมา พูดจาเสียงดัง 

    “รอมันอยู่นี่แหละเดี๋ยวมันก็พากันมา มันไปดูร้านพี่พงษ์เปิดใหม่ นั่งๆ”  เขายืนคิดอยู่ครู่ก่อนที่จะนั่งลง และดื่ม จ้องมองนาฬิกาก็ปาไปตีหนึ่งกว่าแล้ว เพื่อนๆยังนั่งกินพูดถึงคนที่จูงมือกันแยกตัวออกไปจากกลุ่ม วันนี้จะได้รู้เสียทีว่าชอบกัน เขานั่งดื่มอย่างใจเย็นพยายามที่จะไม่คิดเป็นอื่น 

    “อ้าวเฮ้ย..นั่นๆมันมาแล้วไอ้โอ......เฮ้น เห็นไอ้กุ้งก๊อปไหมวะ?” เพื่อนเขาถามให้ทำเป็นนั่งนิ่ง 

    “โอ้ยโน่น นั่งริมหาดคุยกันร้านพี่พงษ์โน่น ..แหม๊” โอส่ายหน้า เดินยิ้มเข้ามารับเบียร์จากเพื่อน

    “แหม๊ อากาศดีจังว่ะ ติดหาดเลย บรรยากาศโคตรดีพวกมึงต้องไปลอง ใครมีคู่นะได้บรรยากาศ” โอสาธยายกับกลุ่มเพื่อนๆ เขาก็ไม่ฟังต่ออีกแล้ว 

    “เป็นไรว่ะ ไม่สนุกเหรอ?” เพื่อนเขาถาม

    “...ก็พวกแกเมาล่วงหน้าแบบนี้จะตามทันเหรอ..แล้วรถอยู่กับไอ้ป๊อบ” เขาตอบเพื่อนก็เลยหัวเราะ เขานั่งที่เดิมเพราะไม่มีรถ 

    “ป่ะจะพาไปส่งร้านพี่พงษ์ไปเอารถ” ที่สุดเพื่อนเขาก็ชวน เขาขับรถเรียบหาดไปอีกสองกิโลได้ เลี้ยวเข้าซอยลงหาด 

    มันเป็นเพิงขายเหล้า ด้านในที่ติดหาดนั้น มันบรรยากาศดีจริงๆ ทรายขาวมีแคร่ปูที่นอนพับให้นั่งนอนเล่น มันเหมาะที่จะมาเป็นคู่อย่างที่โอว่า เพื่อนเขาตามเข้ามาพร้อมกับส่งเบียร์ให้ด้วยรอยยิ้ม พวกเขานั่งที่แคร่ไม้ที่เหลืออยู่สองตัวเขาพิงหมอนที่เป็นสามเหลี่ยมนั่งเหยียดขา ท้องฟ้าดำมืดมองเห็นดวงดาวได้ชัดมีลมเย็น มีเสียงคลื่นเบาๆ

    “สงสัยกลับไปแล้วว่ะ” ยื่นขวดเบียร์มาชน เขาเต็มใจดื่มเพราะที่อยู่ดึกเพียงเพราะอยากจะได้หยุดในวันรุ่งขึ้น

    “พวกแกเป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้วว่ะ?” ถามต่อ 

    “เกือบสิบได้มั้ง ตั้งแต่มอปลายกับไอ้ก๊อบ มารู้จักกุ้งตอนมหาลัย” 

    “แล้วจะเป็นยังใงต่อ?” 

    “อะไร?”

    “ก็ จะสนิทอยู่กินกันยังงี้สามคนไปตลอดเหรอว่ะ?”

    “...ไม่รู้หรอก” เขาไม่อยากจะคิดและไม่อยากคุยต่อ เขาโทรหาเพื่อนของเขาอีกครั้งปรากฎว่าปิดเครื่องทั้งสองคน เมื่อเบียร์หมดขวดเพื่อนเขาจึงชวนกลับและจะไปส่ง ขณะที่ลุกจากแคร่เพื่อนของเขายื่นมือมาจูงแขนและโน้มตัวหลบก้านมะพร้าว เขารีบชักมือออก

    “เดี๋ยวคนก็คิดเป็นอื่น” เพื่อนเขาหัวเราะ เขาเห็นรถของเขาจอดอยู่ใต้ถุน มันรู้สึกประหลาดใจ จึงเปิดบ้านเข้าไปเงียบๆเมื่อแน่ใจว่าไม่มีเสียงอะไร เพื่อนของเขาคงหลับแล้ว เขาเข้าห้องทางซ้ายที่เป็นห้องของเขาเบาๆ แต่ไม่ปรากฏเห็นเพื่อนของเขาอยู่ จึงรับไปอีกห้อง เห็นเพียงเสี้ยวประตูที่แง้มเขาเลยเข้าใจ 

    เขากลับมานอนก่ายหน้าผากในห้องบนเตียงของเขา เพราะมันรู้สึกอึดอัด เขาไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้ เวลาผ่านไป มองนาฬิกาข้อมือตีสี่เศษ เขาตัดสินใจลุก เก็บของและเดินไปหยิบกุญแจรถยนต์ตรงที่แขวนกุญแจหน้าประตู เขาเห็นเสื้อของก๊อปกองอยู่ที่พื้น ก่อนที่จะเดินออกจากบ้านลงบันใดไปที่รถ ออกรถและขับกลับบ้าน ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกเสียใจอย่างสุดขีด ทางเดียวที่ไปได้คือบ้านที่อยู่ไกลจากที่นี่ กว่าพันกิโล 

     

    “หิว” อรัญญาพูด เมื่อเขาออกมาจากห้องก็พบเธอยืนอยู่ เขามองนาฬิกาสามทุ่มกว่า ถ้าหากสวมผ้าซิ่นเขาอาจจะช็อคได้ รีบเปิดไฟทางเดินสาวเท้าลงบันใดไปหาเธอ รีบเปิดตู้เย็น

    “จะกินแบบไหน?” เขาถาม 

    “ที่บ้านของในตู้หมด...เอาโยเกิร์ต นมเปรี้ยว น้ำเปล่า ขนมปัง ปิ้งด้วย ทาแยมด้วย” เขาหยิบตามที่เธอบอกออกมาวาง โชคดีที่ขนมปังเหลือสี่แผ่น คงพอสำหรับเธอ

    “งั้นรอก่อน ออกไปยืนข้างนอกได้ไหม?” เขาเกรงว่าใครจะเข้าใจผิด ประจวบเหมาะที่ลุงสาทเดินมาพอดี สีหน้าไม่ได้มีรอยยิ้ม 

    “อรัญหิว” เขาบอกพลันลุงเปลี่ยนสีหน้า 

    “อ้าวของหมดแล้วเหรอ มาๆลุงช่วยจัด” ลุงสาทยิ้ม รีบเดินมาเอื้อมหยิบตะกร้า เอาของที่เขาวางใส่ตะกร้า 

    “หลายครั้งแล้ว” เธอพูดกับลุง 

    “ยายไหมคงลืม เดี๋ยวลุงจะดูให้นะ” 

    “ลุงก็จะลืมอีก ผมหนูก็ยังไม่ได้ตัด” 

    “ครับ” ลุงยิ้มแหยๆ 

    “เดี๋ยวผมช่วยจำก็ได้ครับ ให้ป้าไหมเอาไปไว้ให้ ต่อไปจะได้ไม่เกิดอีก” เขาพูดพลางหยิบขนมปังที่ปิ้งแล้วออกมาทาแยม เขามองระหว่างสีเหลือง แดง เนย รึช็อคโกแล็ต 

    “สีแดง” เธอรีบตอบ 

    “เอาน้ำขวดเล็กไปเป็นแพ็คเลยป๊อบ ช่วยกันยก”

    “ครับ” เขาส่งจานขนมปังให้เธอถือ ส่วนลุงถือตะกร้าของเย็น เขาหิ้วแพคน้ำหยิบมาสองแพคเลยจะได้เผื่อๆไว้ เขาเดินไปห้องในสุดที่เป็นครัวมองทะลุเห็นครัวที่เขาอยู่ เธอคงเห็นว่าไฟครัวยังไม่ได้ปิดเลยออกมาหาของว่าง 

    “..อยู่คุยเป็นเพื่อนหน่อย นอนไม่หลับ” เธอพูดเมื่อเขาและลุงจะออกจากบ้าน ลุงสาทยืนนิ่งเหลียวมองเขา 

    “ถ้าอย่างนั้นไปนั่งโต๊ะหินอ่อน” ลุงพูดพลางชี้ไปที่สวนหน้าบ้าน 

    เขาและลุงเลยนั่งเงียบๆขณะที่เธอทานขนมปังและนมเปรี้ยว เขาเห็นลุงเหน็บซองปืนไว้ที่เข็มขัด คงกันไว้ยามค่ำคืน และเห็นตี๋ที่ปั่นไปมารอบๆบริเวณบ้านเป็นระยะ เมื่อทานเสร็จลุงจึงเดินไปเปิดก็อกน้ำเล็กที่หลังพุ่มไม้ให้เธอไปล้างมือ มันไม่มีผ้าเช็ดมือเธอจึงยกมือค้างและกลับมานั่งโต๊ะหินอ่อน มือยังคงค้างไว้อย่างนั้น

    “รอแห้ง” เธอบอกเขา 

    “ครับ” เขารีบตอบเธอ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เงียบ 

    “คิดถึงอธิปเหรอครับ?” ลุงถามเป็นภาษาถิ่น ใช้มือจับหลังต้นคอ คงหาเรื่องที่จะคุย 

    “...ไม่มาเลย” เธอไร้สีหน้าตอบสั้นๆ 

    “โทรก็ได้นี่”

    “ไม่ ห้ามโทร เผื่อติดงาน” มันเหมือนไร้เรื่องที่จะพูดคุย เขาเองก็ไม่รู้จะพูดคุยอย่างไร 

    “มีไหมป๊อบ คนคิดถึงแบบนี้?” ลุงหันมาถามเขา 

    “เคยมีครับ แต่ตอนนี้ไม่คิดถึงแล้ว” เขาตอบเมื่อเห็นเธอรอฟังเช่นกัน 

    “ใครล่ะ เล่ามาสิ ลุงก็ไม่รู้จะคุยอะไรแล้ว” 

    “เพื่อนครับ” เขาเล่าให้ฟังคร่าวๆ รวมถึงเรื่องเมื่อเขากลับมาบ้านแล้วมีปัญหากับพ่อของเขา แค่พูดถึงก็เจ็บจี้ด 

    “แล้ว สนใครล่ะในสองคนนี้?” ลุงถามขึ้น

    “หมายความว่าใงครับ?” 

    “สนใจเพื่อนผู้ชายแน่ๆ” อรัญพูดแทรก

    “ทำไมว่าอย่างนั้น?”

    “คบกับผู้ชายนานกว่าผู้หญิงต้องเสียดายเพื่อนผู้ชายอยู่แล้ว อรัญว่าถูกไหม?” อรัญญาถามกลับอย่างเรียบง่าย ถามว่าที่เธอพูดถูกหรือไม่?

    “....” เขาคิดก่อนพยักหน้า เธอยิ้มและลุกเดินกลับเข้าบ้านเอาเสียเฉย ปล่อยเขาและลุงนั่งงง เป็นฝ่ายชวนแท้ๆแต่กลับทิ้งเขาและลุงนั่งมองตามหลังกระทั่งเธอเข้าบ้านและปิดประตู ที่ชั้นล่างปิดไฟและเห็นเงาเธอเข้าห้องนอนที่ชั้นบน 

    “นั่งรอก่อนสักสิบนาทีค่อยไป” ลุงพูด ถึงเขาสงสัยคงไม่กล้าถามอะไร ลุงยกเข่าขึ้นชนขอบโต๊ะข้างหนึ่งใช้สองมือจับหน้าแข้ง

    “...คิดถึงอธิป จะเป็นแบบนี้เป็นบางช่วง นี่ก็ไม่ใช่...หกเดือนละมั้งที่ไม่มา ถึงถามว่ามีคนให้คิดถึงแบบนี้ไหม ถ้าไม่มีคงไม่เข้าใจ” เขาเริ่มเข้าใจที่ลุงถามแบบนั้นว่าสนใจใครในสองคนนี้ ถ้าพูดถึงคนสองคนก็ต้องมีหนึ่งคนที่คิดถึงมากกว่าเป็นเรื่องปกติ ทั้งลุงและอรัญคงไม่ได้ว่ารึคิดเป็นอื่น เป็นเขาเสียเองที่คิดไม่ดี 

    “ครับ”  เขาและลุงนั่งอยู่ครู่ก็เห็นไฟในห้องดับลงคงเหลือแค่ไฟระเบียง ลุงจึงชวนลุกและเดินกลับ ขณะที่เดินผ่านเสียงนาฬิกามันดัง เขาเคยนับแล้วว่ามันตีเกินจะนวนชั่วโมง น่าจะหมดลานเร็วๆนี้เป็นแน่แท้ ตีบ้างไม่ตีบ้างลุงบอกว่านาฬิกาน่าจะเสียแล้วพลางให้ความสนใจกับการเดิน เขาแปลกใจที่ลุงดูไม่สนใจที่จะเข้าไปดูหรือซ่อมเหมือนอย่างปกติ ปกติอะไรพังหรือเสียต้องรีบเช็กแต่นี่ไม่ เขารอจนกว่าลุงจะเดินข้ามสนามหญ้าจนถึงบ้านและเข้าบ้านไปจึงเดินเข้าครัวและปิดประตูล็อคกุญแจ เขาค่อยปิดครัวไปนอน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×