คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ความสุขครั้งสุดท้าย
“ปวดหัวไหม?” อรัญญากุมมืออธิปที่นอนอยู่บนโซฟาห้องนั่งเล่น อธิปนั้นจับมือเธอไปจูบพร้อมกับรอยยิ้มก่อนที่จะพยักหน้า
“งั้น..กินอะไรก่อนนะค่อยกินยา?” อรัญญาส่งยิ้มให้ เธอจัดการป้อนข้าว ป้อนยาและดูแลอธิปอย่างดีตามปกติที่น่าจะเป็น ทุกคนเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อรู้ว่าทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ อรัญญานั้นเหลียวมองถุงยาก่อนจะจัดยาไว้ให้ เมื่อมองถุงยาจึงเหลียวมองอธิป
“อะไร?” อธิปถามเธอ
“หมอบอกว่ายานี้ให้คนบ้าเท่านั้นกิน ดูสิ” อรัญญาพูดแบบนั้น เขาและทุกคนจึงเดินเข้าไปดูเพราะโมโหว่าหมอที่ไหนเขียนแบบนั้นลงถุงยา อธิปขมวดคิ้วมองมันและเหลียวมองอรัญญา เมื่อเขามองถุงยาได้แต่ยิ้ม และส่งให้ทุกคนดู อธิปนั้นได้แต่เหลียวมองทุกคนที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันดู
“ไหน เอามานี่สิ!” อธิปกวักมือ ตี๋อ่านและยิ้มเดินเอาถุงยาไปคืนให้อธิป อธิปรับไปอ่านดู อรัญญานั้นเม้มปากเหลียวมองอธิป อธิปมองถุงก่อนจะเหลียวมองอรัญญาทั้งเปิดถุง
“จะกินมันหมดนี่แหละ” อธิปยิ้มทั้งเปิดถุงยา
ที่ถุงยามันระบุชื่อยา และทานเมื่อมีอาการ เป็นลายมือจากโรงพยาบาลตามปกติที่น่าจะเป็น แต่อรัญญานั้นเขียนเพิ่มเติมอาการลงไปว่า แก้เมารัก และเขียนตรงหมายเหตุที่มันว่างเปล่าว่า เฉพาะผู้ป่วยที่มีอาการเมารักหรือบ้ารักอรัญญาเท่านั้น และขีดถูกตรงช่อง กินยานี้ติดต่อกันทุกวันจนหมด และที่มุมถุงด้านล่างเขียนว่า คุณหมอ อรัญญา
“....” อรัญญาได้แต่นั่งอมยิ้ม เขาเหลียวมองป้อมที่ยิ้มใช้มือปิดปากพยักหน้าให้เป็นการบอกว่าจะไม่พูด
ไหมนั้นเล่าให้เขาฟังว่า ยามกินข้าวนั้นอรัญญาไม่ได้ตามใจอธิปในแบบที่เป็นมากนัก นั่งทานตามปกติ แต่เป็นอธิปที่ดูเกร็ง เหลียวมองอรัญญาทานข้าว จึงตักกับข้าวให้อรัญญาอยู่บ่อยๆ อรัญญานั้นก็ทำเฉยเมย มันอาจจะเป็นอาการอายที่อรัญญานั้นมี เพียงแค่มองอรัญญาในบางที อธิปก็มีอาการหน้าแดง ยิ่งเป็นแบบนั้นแล้วก็จะเห็นว่าอรัญญานั้นก็ไม่กล้าเอาใจอธิปอย่างเคย
“ดีแล้ว ดี!” ได้ยินแบบนั้นก็โล่งใจ
เขาเหลียวมองอรัญญาที่จัดโต๊ะอาหารรออธิป ช่วงนี้หากเห็นว่าอรัญญานั้นเอาใจแบบไม่ได้แกล้งทำอย่างเมื่อก่อน ดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก จริงใจกับทุกอย่างที่ทำ ไม่ว่าอธิปจะมีอาการแกว่งๆไปในทางใดอรัญญานั้นก็จะคงเดิม หากแสดงออกว่ารักแล้วก็คงเป็นความรักนั่นแหละ ไม่ได้มาในบทออดอ้อนในแบบภาสิรีแล้ว
“อยากไปไหนรึเปล่า เดี๋ยวจะพาไป” อธิปชวนเธอคุย
“ยังไม่ไปก่อน รอให้หายดีแล้วค่อยไป” เธอบอกอธิปและส่งยิ้มให้ จัดอาหารให้อธิปได้ทาน
“คราวนี้ไปจริงๆ อยากจะไปทะเล ภูเขา จะพาไปเลย ออกไปข้างนอกก็จะพาไป” อธิปกุมมืออรัญที่กำลังจะหยิบช้อนตักข้าวต้มเพื่อที่จะป้อนอธิป
“ไม่เอาสนามหญ้าหน้าบ้านนะ?” อรัญญาถาม อธิปหัวเราะ
“จริง คราวนี้ของจริงเลย”
“ป้าไหมไปด้วยได้ไหมหนอ?” ไหมขยับเข้าไปใกล้และถามขึ้น
“ไปกันหมดนนี่แหละ” อธิปหัวเราะดูเป็นปกติย่างเดิมแล้ว
“โว๊ะ ป้าไหมเริ่มไม่อยากจะเชื่อแล้วถ้าว่าไปหมดนี่ อธิปโกหกแล้ว” ไหมลุกคงอยากจะปล่อยให้พี่น้องได้อยู่ร่วมกัน
“ตี๋เชื่อไหม?” อรัญหันไปถาม
“ผมก็ไม่เชื่อ” ตี๋ยิ้มส่ายหน้า อธิปหัวเราะเสียงดัง
“จริง ไม่ติ๊ต่างแล้ว” อธิปยิ้มบอกเธอ ทั้งลูบมืออรัญญาหลังจากที่วางช้อนลงถ้วย อรัญญาเหลียวมองจ้องอธิปนิ่งๆ ไม่รู้อธิปนั้นคิดอะไรอยู่ จู่ๆก็โน้มตัวลงไปหอมแก้วอรัญญา อรัญญานั้นเหลียวมองหน้าอธิป ก่อนพูดขึ้นว่า
“ขี้โม้” อรัญญาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี
“ป้าเป็นยังไงบ้าง?” อธิปถามเขาในช่วงเย็น ที่สระว่ายน้ำ ซึ่งตี๋พยายามจะช้อนเอาเศษใบไม้และกิ่งไม้ออกจากสระ ในครัวเองก็คงทำอาหารกันอยู่
“แย่..ถ้ามีโรคแทรกขึ้นมาอีกก็คงจะยาก” เขาจำต้องบอกตามตรง เธอมีอาการติดเชื้อในกระแสเลือดในตอนนี้ คงต้องอยู่รักษาอาการในโรงพยาบาล
“อืม ต้องระวังขาดเหลือก็บอกพ่อวราเลย แกดูแลให้อยู่แล้วล่ะ” อธิปบอกเขา
“แล้วอธิปเป็นยังไง?” เขายิ้มถาม อธิปเงียบก่อนที่จะพูดขึ้น
“...ว่าจะเอาน้องออกไปฝัง ไปทำให้ถูกต้อง”
“ใช่ไหม ทำแบบนั้นแหละถึงจะถูก” เขายิ้มอย่างดีใจ ตอนนี้อธิปดูปกติเต็มร้อย สมบูรณ์แบบ ต่อไปจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที ไม่รู้จะขอบคุณวราหรืออรัญญาดีที่ทำให้ได้มีวันนี้ ตี๋นั้นหันมายิ้มอยู่ไกลๆ คงได้ยินเช่นกัน ความสุขที่รอคอยกันมานานมันกำลังจะสิ้นสุดกันวันนี้แหละ เขาตกลงกับอธิปว่าจะรีบจัดการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ หากอรัญได้รู้แบบนี้คงดีใจเอามากๆ
“เขาไปไหนล่ะ?”
“นอนเห็นว่าเหนื่อย”
“....?”
พูดจบเขาก็เงียบ เพราะอธิปเองก็เงียบนี่แหละ มันทำให้เขานึกถึงอาการของภาสิรีที่เคยมีอาการป่วยแบบนี้ หรือเขาจะคิดมากไปเองเพราะช่วงนี้อรัญญานั้นต้องดูแลอธิป อาจจะแค่เหนื่อย แต่ต้องเฝ้าระวังเรื่องนี้ให้มาก เขาเคยนอนใจเรื่องนี้มาก่อนแล้วเห็นจะดีที่ต้องพึงระวังไว้ก่อน เขาต้องกำชับทุกคนเอาไว้ก่อน
“ดูแลกันให้ดี อย่าให้มีเรื่อง ถ้ามีอะไรให้รีบโทร”
เขาโทรหาวราและพูดเรื่องที่อธิปได้บอกเขา และตกลงว่าจะพาอรัญญานั้นออกไปเที่ยวและใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่แค่ในนี้ เสียงวรานั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วบอกกับเขาว่า
“รู้อย่างนี้กูพูดกับมันเสียตั้งนาน!”
เขากลับจากโรงพยาบาลในตอนเช้า เดินลงรถขึ้นตึกพร้อมกับป้อม รู้สึกว่ามันเงียบเกินไปแล้วเพราะตอนนี้ทุกคนน่าจะลงมาทานข้าวกันได้แล้ว ในครัวนั้นยังมีอาหารเช้าเตรียมพร้อมอยู่แต่ไม่ยังกะมีใครลงมากิน ที่สระว่ายน้ำมีเศษใบไม้ลอยอยู่มากคงเพราะเมื่อคืนนั้นฝนตกหนกหนักอย่างเทกระหน่ำ เขาเห็นตี๋ที่ถือไม้ตะแกรงยาวเดินมาแต่ไกล คงรีบมาเก็บกวาดก่อนที่อธิปจะลงมา
“ป๊อบมันไปไหน ป๊อบ!! ป๊อบเอ้ย!!” ป้อมตะโกน
“ป๊อบมันก็ยกกับข้าวมาแล้วนะ” ไหมเดินโผล่หน้ามาจากทางท้ายสระ ไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงคล้ายของล้มมาจากด้านบน ป้องและเขารีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นไป
“ตายแล้ว...ตี๋!! เรียกรถพยาบาล โทรแจ้งตำรวจ ให้ไวเลย!!!” เสียงป้อมที่วิ่งกลับมาที่บันใดตะโกนขึ้น
“อะไรล่ะ?” เขาหยุดเมื่อเห็นเด็กหนุ่มนอนอยู่บนพื้นหน้าห้องจึงก้มลงอุ้มให้นอนหงาย
“ลุง.....” ป้อมส่ายหน้าไปทางด้านหลังที่เป็นเตียงนอน
เขาเห็นเพียงลอยเลือดที่มันคงไหลมาตามผ้าหยดลงพื้น วินาทีนั้นเขาเพิ่งรู้สึกตัวว่าทำไมบ้านมันถึงเงียบผิดปกติ ตอนนี้ไหมที่กรีดร้องเมื่อมาถึง เขาค่อยๆลุกยืนขึ้นมองสภาพบนเตียงที่มีกองเลือดท่วมตัวรัญที่นอนแน่นิ่ง มีอธิปนอนทับตัวศีรษะนั้นอยู่บนอก เขาใจหายวาบอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะต้องทำอะไรก่อนดี ได้ยินเสียงไหมที่ร้องไห้และป้อมที่พยายามพาไหมนั้นลงไปยังชั้นล่างเพื่อตั้งสติ
ตี๋เองก็ถึงกับหงายหลังตาเบิกโพรงยืนจังงังอยู่ เขารีบบอกตี๋ให้มาช่วยเขาพาป๊อบเด็กหนุ่มกลับลงไปที่ห้องนอนในครัว เมื่อเวลาที่รถพยาบาลมาถึงก็เพียงแค่แจ้งว่ามีคนป่วยนอนไม่ได้สติและอยู่คนละส่วนกับที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งบอกทุกคนว่าให้ถือว่าเด็กหนุ่มไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุและทุกคนก็ให้การตามนั้น เขาใช้มือถือโทรแจ้งข่าวกับวรา
เขาไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น มันเป็นการปิดข่าวครั้งใหญ่ เพราะเขาต้องให้การทั้งเรื่องโลงศพเปล่าๆ และศพอรัญญาที่เป็นน้องสาว เพื่อรอการชันสูตรศพว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งสองคน เห็นจากสภาพศพแล้วอธิปนั้นน่าจะอัตวินิบาตรกรรมโดยการยิงตัวตาย เขาไม่รู้ว่าอธิปนั้นทำกับอรัญด้วยหรือเปล่า เพราะที่ศพของอรัญญานั้นมีแหวนสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายที่เพิ่งจะมาเห็นนี่แหละ
เขาจำต้องทำธุระหลายอย่างในช่วงนี้ทั้งจัดการเรื่องเด็กหนุ่ม โชคดีที่เด็กหนุ่มนั้นมีไข้พอดีเขาแน่ใจแล้วว่าเมื่อตื่นขึ้นจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลยจัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ของเด็กหนุ่มกลับบ้านพร้อมทั้งแจ้งข่าวเรื่องการป่วย โดยเขาแจ้งกับพ่อของเด็กหนุ่มว่าที่บ้านมีธุระหลายอย่างที่ต้องทำ คงยังไม่ได้อยู่ช่วยดูแลในช่วงที่เด็กหนุ่มนั้นป่วย โดยให้เงินไปอีกจำนวนหนึ่งถือว่าเป็นการพักงานชั่วคราวแล้วจะติดต่อกลับมาใหม่ ซึ่งทางพ่อของเด็กหนุ่มก้ดูจะไม่มีปัญหา
ที่ศาลาวัด ในขณะที่รอศพอยู่นั้นเขาก็ได้อ่านผลชันสูตรศพ พบว่าอรัญญานั้น เกิดภาวะการหยุดหายใจกระทันหันหรือเรียกว่าสภาวะไหลตายโดยธรรมชาติ เขารู้สึกโล่งอกที่อธิปนั้นไม่ได้ทำร้ายอรัญญาตามที่วราเคยขอร้อง วรานั้นนั่งกำไม้ตะพตอยู่ข้างๆเขา ไม่มีคำพูดใดที่สามารถสรรหาคำมาพูดปลอบใจได้
“มันคงรักของมันแหละ น้องคนนี้มาเสียอีกคน มันคงอยู่ไม่ได้” วราพูดอย่างอ่อนแรง
งานศพถูกจัดขึ้นพร้อมกัน ทั้งหีบดำและหีบแดง จัดพิธีแบบคนไทยเชื้อสายจีนอย่างเรียบง่าย ทั้งพวงหรีดจากที่ต่างๆทยอยเข้ามาแสดงความเสียใจอย่างล้นหลามเพราะมีคนรู้จักในหมู่คนทำกิจการกันอยู่มาก เขาเทียวไปมาหลายทางทั้งต้องดูแลภรรยา ทั้งงานศพ ทั้งเรื่องโลงศพเก่าของภาสิรีเองก็นำไปทำพิธีประกอบทางศาสนาเช่นกันโดยยกให้ทางวัดจัดการในแบบที่ควรจะเป็น
หลังจากเสร็จพิธีศพต่างๆแล้ว เขาก็ได้รับข่าวร้ายว่าภรรยาที่เขารักนั้นได้มาจากไปอีกคน เขาเอาเงินที่วราให้มานั้นแบ่งให้ป้อมได้กลับไปซ่อมแซมบ้านที่เคยอยู่กันมา ส่วนเขามีความตั้งใจที่จะปลงผมบวชให้กับทุกชีวิตที่สูญเสียในครั้งนี้ตั้งใจว่าจะครองผ้าเหลืองไปตลอดเพราะไม่มีสิ่งใดที่เขาต้องการไปมากกว่านี้อีกแล้ว จะว่าไปก็มีอีกอย่างที่เขานั้นต้องทำคือ ไปกินเหล้ากับอธิปเป็นครั้งสุดท้าย
เขาถือเหล้าเดินเข้าสุสานและแก้วเหล้าสองใบติดมา นั่งต่อหน้าสุสานที่อยู่ติดๆกันกับภาสิรีและอรัญญา เขารินเหล้าพลางนึกถึงเรื่องราวและช่วงเวลาที่ผ่านมาที่เคยได้กินดื่มกับอธิป เขาในตอนนี้กลายเป็นสนิทกับอธิปที่เป็นลูกชายของเพื่อน เขารักเหมือนลูกชายคนหนึ่ง ทุกครั้งที่อธิปมีรอยยิ้มหรือมีความสุขเขาเองก็พลอยมีความสุขไม่ต่างจากวรา เขายกแก้วเหล้าขึ้นกระดกพลอยน้ำตาไหล เมื่อเขาเงยหน้ากลับเห็น กมลาที่มาหยุดยืนอยู่
“ชวนกันกินเหล้าแต่หัววันเชียวนะ” เธอพูดพร้อมกับส่งผ้าเช็ดหน้าให้กับเขา มันทำเขากลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะความรู้สึกผิด เขาได้ทำความผิดครั้งใหญ่ให้กับครอบครัววรา
“เป็นอะไร ร้องทำไม” เธอนั่งลงยองๆ เขารับผ้าเช็ดหน้ามา รีบเช็ดน้ำตาที่มันไหลลง
“พ่อขอโทษ” มันอัดอั้นตันใจจนยากที่จะพูดออกมา สุดจะบรรยาย ที่ผ่านมาเขาไม่รู้ตัวเลยว่าทำอะไรลงไป
“เรื่องอะไร... น่าจะดีใจมากกว่า สุดท้ายแล้วเขาก็ได้อยู่กับคนที่เขารัก” เธอยิ้ม
“...ไม่โกรธพ่อเหรอ?”
“ฟังแม้ว...อธิปกับแม้วรักกันเหมือนพี่น้อง แม้วแค่อยากคู่กับคนดีๆแล้วมีลูกแค่นั้น เข้าใจไหมพ่อ ก็เคยบอกแล้วไง?” เธอพูดด้วยยิ้มพร้อมไม่มีท่าทีที่จะโกรธเขาเลยสักนิด เขาลุกขึ้นยืนเมื่อเธอยืนขึ้น
“แม้วรู้แต่แรกแล้ว อย่างเดียวที่แม้วขอคือมีลูกมีครอบครัวเหมือนที่ผู้หญิงคนอื่นมี อธิปเหมือนพี่ชายแม้ว แม้วกับพี่อธิปเลยไม่มีอะไรกัน พ่อเข้าใจไหม?” เธอพูดพลางหัวเราะเบาๆ
“หมายความว่ายังไง?” เขาออกจะงงที่เธอพูด
“ทำกิฟท์ แม้วไปทำลูกกับพี่อธิปมา นั่นแหละไปเมื่อไหร่ถึงมีลูกมาไง”
“.....?”
“ควงพี่อธิปดีกว่าควงผู้ชายคนอื่น พ่อวราแกก็เข้าใจเฮียนะ ยังไงหลานๆก็รักแกจะตาย” กมลามีรอยเยิ้มเล็กๆให้
“.....”
ไม่รู้ทำไมเขารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกกับการพูดคุยกับกมลาในครั้งนี้ ราวกับว่าอธิปส่งกมลาให้มาปลอบใจเขาไม่มีผิดเพี้ยน เหมือนได้คุยกับอธิปเป็นครั้งสุดท้าย เขาเองก็ไม่มีอะไรคาใจอีกต่อไปแล้ว คงตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างสุดท้ายในบั้นปลายชีวิต เขาไม่อยากจะนับวันเวลาที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ ตั้งแต่วันที่อุ้มเด็กเข้าเมืองมาเจอวราจนกระทั่งวันนี้ที่ทุกอย่างมันสิ้นสุดลงแล้ว
ความคิดเห็น