คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ช่วยอธิป
เขาได้ตกลงกับทุกคนในบ้านว่าหากรับเอาใครเข้ามาบ้างก็คงต้องช่วยกันปิดบังเรื่องโลงศพบนนั้น เพราะยังกลัวเรื่องที่จะตกเป็นข่าวบ้านวรา อันไหนพอพูดได้ก็พูด และเด็กหนุ่มคงจะตกใจพฤติกรรมของอรัญญาอยู่ไม่น้อย แต่ทุกอย่างมันน่าจะดีขึ้น วันนั้นเขาตัดสินใจพาอรัญญาออกไปเยี่ยมวราก่อนที่จะไปสุสาน
ป้อมและไหมอรัญญาสวมผ้าชิ่นสีดำเลื่อมทองและเสื้อยืดรัดรูปสีดำสวมแว่นกันแดด ตี๋เองก็ยืนมองเพราะอรัญญาจะได้ไปข้างนอก เขาดูอมยิ้มเพราะคนแต่งตัวให้อรัญญานั้นดูตื่นเต้นแทน รีบความครีมกันแดดยื่นให้เขาเอาติดรถไปด้วยเพราะกลัวว่าอรัญญาจะเป็นมะเร็งผิวหนังตามที่อธิปเคยกลัว เขานั้นก็แย้ง
“มันไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” เหลียวมองหลอดครีมทาผิว
เมื่อมาถึงก็ถูกต้อนรับอย่างดีเมื่อมีคนงานเข้ามาทักทายอย่างเอ็นดูเพราะนี่คือลูกสาวคนเล็กของวราที่ไม่มีใครค่อยได้เจอ เธอดูตระหนกเล็กน้อย เขาพาอรัญญาเดินไปด้านหลังที่เป็นบ้านของวรา และนั่งลงที่เก้าอี้ไม้สักสีดำเข้มตัวใหญ่ เมื่อกมลาลงมาก็เดินเข้ามากอดเธอ และจะถอดแว่นกันแดดออกให้ แต่อรัญญากดไว้ไม่ให้ถอด กมลาจึงเลิกล้มความตั้งใจ
วราเดินออกมาจากห้องขั้นล่างและปิดประตู ร้องทักทายอรัญญาที่ยืนรอ วรากอดอรัญญาและตบหลังแรงๆ คงเป็นการเรียกสติเธอที่ตูตื่นๆ ก้มลงหยิบแก้วมังกรบนโต๊ะ
“กินนี่เป็นรึเปล่า?”
“....” อรัญญาส่ายหน้าหงึกเดียวก่อนนั่งลง
“จะไปเยี่ยมน้องเหรอ?”
“...” เธอพยักหน้า เล่นเอากมลาหันมองวรา วราจึงพยักหน้า กมลาเดินเข้าไปในห้องและกลับออกมาพร้อมกล่องกำมะหยี่และไม้เท้า วราดึงเอาสร้อยที่มีจี้หยกมังกรในกรอบ
“พ่อใส่ให้” อรัญญายกมือไหว้ วราจึงสวมสร้อยทองลงให้ กมาลาจึงดึงคอเสื้อและหย่อนชายสร้อยเข้าด้านในให้เธอ วราจึงให้ไม้เท้าแก่อรัญ คงเห็นว่าอรัญญานั้นสนใจไม้เท้า
“ไปเรียกทินกรมา” เพียงเท่านั้น ไม่นานทินกรก็ก้าวเท้าลงบันใดมา เมื่อเห็นอรัญญานั้นถึงกับยิ้มแก้มปริ มานั่งข้างๆอรัญญาที่นั่งกำไม้เท้าอยู่แล้วกอดอรัญญาที่นั่งตัวเกร็ง วราหัวเราะเสียงดัง
“จำน้องได้ไหมที่พ่อเคยพาไปหาที่บ้านไง?” อรัญญาหันมองทินกรที่ยิ้มหวานพยักหน้าอยู่
“...โตแล้ว” อรัญญาพูด ทินกรจับผมอรัญญาที่บัดมาด้านข้างซ้ายเพราะเวลานั่งจะได้ไม่ทับผม
“ยาวมากแล้ว ไม่ตัดเหรอครับ?”
“รอตัดให้น้อง” อรัญญาวางมือบนไหล่ทินกร ทินกรหันไปมองวรา
“พี่เขาไม่ค่อยได้คุยกับใครนานแล้ว” วราอธิบายทั้งหัวเราะในลำคด
“คุยกับผมก็ได้ครับ” เขาอมยิ้มเมื่อทินกรนั้นไม่ได้รังเกียจอรัญญาเลยแม้แต่น้อย
“สรุปใครพี่ใครน้อง?” กมลาถามขึ้นเพราะไม่รู้ว่าใครเกิดก่อนใครกันแน่ อรัญญาส่ายหน้า
“..ใครก็ได้” มันหมายถึงว่าเธอเองก็ไม่รู้นั่นเอง
วันนั้นทุกคนพาไปที่สุสานฝังศพภาสิรี ดูเหมือนว่าจะถูกดูแลอย่างดี ไม่รกร้างเหมือนสุสานที่อื่นๆ กมลานั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อให้อรัญญาเมื่อเห็นว่าอากาศร้อนจนทำให้เหงื่อออก มันนานมากแล้วที่ไม่ได้พาหล่อนออกมา ทินกรนั้นเดินจับมืออรัญญาอยู่ตลอด วราต้องอธิบายให้ฟังว่าภาสิรีนั้นเป็นน้องสาวของอธิปอีกคนและถูกกำชับว่าห้ามพูดเรื่องนี้กับใคร หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ทินกรมองรูปก่อนหันไปมองอรัญที่ยืนนิ่งอยู่และกมลาที่กางร่มให้อรัญญา ส่วนเขานั้นกางร่มกับวรา
“...สวยไหม?” อรัญญาหน้านิ่งก้มถามทินกรที่ตัวเล็กกว่า
“สวยครับ ใครๆก็ว่าสวย ผิวขาวมาก” ทินกรจับมืออรัญญาแกว่งไปมาเล่น
“ไม่ค่อยได้โดนแดด อยู่แต่ในบ้าน” เขาอธิบายแทนอรัญญา ดูเหมือนทินกรนั้นจะชอบอรัญญาเอามากๆ ไม่ยอมถอยห่างจากอรัญญาเลยแม้แต่น้อย นั่งก็นั่งใกล้ซบแขนทั้งกอดอยู่ตลอดเวลามองแขนอรัญญาทั้งบอกว่าเหมือนตุ๊กตา ส่วนอรัญญานั้นก็คงแสดงออกไม่เป็น คงเพราะไม่ค่อยมีใครได้แตะต้องตัวเธอ
“มันไม่สงสัยเหรอ?” วราหันมาถามเขาเบาๆ
“ไม่ เปิดไม่ได้แล้วไง ตอกฝาโลงเรียบร้อย” เขาอธิบาย
“ดีแล้ว รู้อย่างนี้ทำเสียตั้งนาน ..เขายังอยู่รึเปล่า?” วราถามอย่างไม่มองหน้ายืนมองสุสานของอนงค์
“..มาเป็นบาทบาท” เขาพูดเบาๆทั้งอยากหัวเราะเพราะจะเล่าอะไรก็กลัวจะยาวเหยียด
ก่อนขึ้นรถนั้น ทินกรมาส่งอรัญญาที่เบาะหลัง อรัญญานั่งหันหน้าออกนอกตัวรถเพื่อพูดคุยกับทินกร ทุกคนต่างยืนรอการแยกย้ายในครั้งนี้ อรัญญายื่นหน้าโน้มตัวเข้าหาเมื่อทินกรจะหอมแก้มเธอทั้งสองข้าง ทินกรนั้นลูบศีรษะอรัญญาที่หน้านิ่งสวมแว่นกันแดดไม่ยอมถอด ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
“จะมาหาผมอีกรึเปล่าครับ?” ทินกรมองหน้าอรัญญา อรัญญานิ่งอยู่ครู่
“สัญญาก่อนว่าจะดูแลคุณปู่อย่างดี” อรัญญายื่นนิ้วก้อยแบบหงายฝ่ามือ ก้มหน้าเล็กน้อย คงมองมือตัวเอง เธอเกี่ยวนิ้วก้อยทั้งยื่นหัวแม่มือออกให้ทินกรนั้นทำตาม ทินกรหัวเราะเล็กน้อยจึงยื่นหัวแม่มือมาแตะที่นิ้วเธอ
“พูด” อรัญญาบอกทินกร
“ครับ สัญญา” อรัญญาจึงใช้สองมือกุมศีรษะทินกรเข้าไปจูบหน้าผาก ทินกรนั้นทั้งโน้มตัวกอดอรัญญาไม่ยอมปล่อยสักที ทำวรานั้นอมยมยิ้มอยู่ ไม่มีใครห้ามหรือชวนกลับต้องรอทินกรพูดคุยกับอรัญญาเสียก่อนเป็นการร่ำลาที่นานพอดูก่อนที่อรัญญาจะยกขาสองข้างขึ้นรถ เขาจึงขึ้นรถทำหน้าที่พาอรัญญานั้นกลับ
ขากลับเขาก็แวะรับเอาเด็กหนุ่มกลับมาที่บ้าน พยายามหาคำอธิบายให้กับคนภายนอกที่อยากจะรับรู้ เขาไม่ได้บอกเด็กหนุ่มว่าต้องทำกับอรัญญาแบบไหนเพียงแต่ค่อยๆให้ปรับตัวกันไปตามที่ควรจะเป็น วันนั้น อรัญญาก็ได้รับรู้ว่าแถวนี้เริ่มเจริญขึ้นแล้ว คงไม่กล้ามีใครมาขึ้นบ้านเป็นแน่ แต่ก็ยังต้องคอยระวังหากยังมีขโมยมือดีอย่างลองของอยู่ทุกรุ่น
เขานำเรื่องอรัญญาอุ้มลูกสุนัขของป๊อบให้บ้านวราฟัง เพราะเห็นใจที่อรัญญานั้นเกรงใจอาจจะไม่กล้าขอเลี้ยง อรัญญานั้นอาจจะอยากได้สุนัขมาเลี้ยงสักตัว จึงโทรไปปรึกษา โดยมีตี๋ที่ยืนฟังอยู่ใกล้ๆ คำตอบของกมลาคือ รอปรึกษาวราก่อนแล้วจะส่งข่าวกลับมา
“อรัญอยากได้หมาเหรอครับ?” ตี๋เอ่ยถามเมื่อเขายื่นโทรศัพท์ส่งคืน เขายิ้มทั้งเล่าเรื่องให้ตี๋ฟัง
“ถ้าได้เลี้ยงก็ดีครับ จะได้ไม่เหงา”
“ถึงว่าอยู่นี่ไง”
ตกเย็นตี๋ก็ปั่นจักรยานมาหาเขา ยื่นซองจดหมายให้เขาได้เปิดอ่าน คงจะอยากรอคำถามอยู่เช่นกัน ตอนนี้เขาดีใจมากที่วราไม่ได้ทอดทิ้งอรัญญาเหมือนที่ทำกับภาสิรี เขาเห็นถึงความเอาใจใส่ที่ดี ตี๋เองก็ยืนรอลุ้นอยู่ขณะที่เขาเปิดซองจดหมาย
ถึง อรัญลูกรัก
พ่อว่าอธิปมันจะไม่ยอมให้เลี้ยงหมาดอกลูก แต่พ่อจะพยายามหาทางออกให้อีกทีนะ
แม้วเขาไปหาซื้อแผ่นเกมส์กับหนังสือฝากมาให้แล้ว เล่นให้สนุก ถ้าอธิปมันกลับมา
พ่อจะรีบให้มันเข้าไปหา ถ้ามันรังแกอะไรบอกพ่อได้เลยนะลูก โทรมาหาพ่อบ้างล่ะ
รักและคิดถึงเสมอ วรา.
“อื้อ เอาไปให้เขา อดเลี้ยงแล้วล่ะ” เขาบอกตี๋ รู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่อรัญญานั้นไม่ได้ในสิ่งที่ควรได้ แต่พอคิดอีกเธอถ้าหากเธอป่วยหรือเป็นอะไรจากการเลี้ยงสุนัขแล้วอาจจะมีคนเสียใจมากกว่าหนึ่งคน ตี๋เองก็พลอยหน้าตาบึ้งตึงไปด้วย คงเสียใจไม่ต่างไปจากเขาที่ต้องรู้ว่าอรัญญานั้น อาจจะไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
หากวันใดมีคนเข้ามาทำความสะอาดสระว่ายน้ำนั่นหมายความว่าวราสั่งให้มาทำความสะอาดเพราะลูกชายจะกลับมาแล้ว เป็นการบอกข่าวมาอย่างหนึ่ง เขาโทรหาวราและได้รับรู้ว่า อรัญญานั้นเขียนคำร้องของรถจักรยานยนต์มาถึงกมลาและอธิป ซึ่งวรานั้นก็ได้บอกเล่ากับลูกชาย ลงความเห็นกันว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะซื้อมาใช้แค่ขับภายในบ้าน จึงไม่ได้รับการอนุมัติ เขาเคยเล่าเรื่องตี๋ตกใจที่อรัญจับต้องตัวมาก่อนหน้า เป็นอันว่าอธิปจัดจักรยานให้ใหม่ทุกคนและจัดจักรยานไฟฟ้าให้อรัญแทน จักรยานคันใหม่จึงมาจอดหน้าบ้านเรียงกันอยู่
ช่วงหลังๆมานี้วราตามใจอรัญบ่อย ไม่ว่าจะอยากได้อะไร ก็จัดให้ตามที่สมควรจะได้รับ หากมันเป็นประโยชน์ และยังกำชับเขาด้วยว่าอยากให้ทำทุกวิถีทางที่อรัญนั้นจะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งต้องใช้เวลาพูดคุยกับอธิปให้เข้าใจ เขารับรู้ได้ว่าการมาในครั้งนี้น่าจะยากพอดูที่จะรับมือกับอธิป และเป็นเขาเองที่โทรบอกอธิปให้แวะเวียนมาเยี่ยมอรัญบ้าง หวังว่าวราเองก็คงจะเข้าใจในเรื่องนี้เพราะได้อย่างใจอยากแล้วทุกอย่าง ถึงเวลาของอรัญบ้างแล้ว
“งามเหมือนเดิมเนาะ” ภรรยาเขารับไหว้อธิปที่มานั่งลงข้างบันใด
“เบื่อรึเปล่าครับอยู่ที่นี่?” อธิปเหลียวมองบ้านไม้ที่เขาหมั่นคอยซ่อมแซมดูแลให้เหมือนเดิมอยู่เสมอ
“ไม่หรอก อยู่ข้างนอกวุ่นวายกว่า เห็นจะมีแต่คนหนุ่มๆนี่ล่ะ ที่ชอบอยู่ข้างนอกไม่กลับมา” ภรรยาของเขาบ้วนน้ำหมากลงกระป๋องที่ใส่ถุง
“ไม่อยากกลับมา เดี๋ยวจะไม่อยากไปไหนอีกนี่ล่ะ” อธิปยิ้มคงอายและหลบตา
“น้องเขาคิดถึง ถ้าลุงไม่โทรไปบอกจะมาไหมล่ะ?”
ภรรยาของเขาเป็นคนพูดตรงๆ ไม่ว่าจะเหตุการณ์อะไรแม้จะอยู่เงียบๆ ก็รู้จากเขาที่มาปรึกษาทุกอย่าง ที่ผ่านมาเธอก็แกล้งทำเป็นเออออไปตามทุกคน แม้จะเป็นเรื่องที่เธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อย่างทานหมูกระทะ หรืออาหารบางอย่างไม่ได้แล้วก็ทำทีเป็นนั่งกินนั่งทานด้วยทั้งที่ป้อมจัดหารอาหารให้ทานมาก่อนแล้วทุกครั้ง หากเป็นการช่วยเหลืออธิปเล็กน้อยก็ถือว่ายังดี
“ได้เมียแล้วลืมน้องรึเปล่า?”
“ไม่ครับ”
“ไปทำให้เขารักแล้วมาทิ้งเขาแบบนี้มันไม่ถูก ทีตัวเองโดนทิ้งแล้วมันเป็นยังไงบ้างล่ะหึ” เมื่อเธอพูดแบบนี้มันทำให้เขานึกถึงสมัยหนุ่มสาว เธอเป็นรุ่นพี่ของเขา หยิ่งและงามนัก ดูเป็นผู้ใหญ่มีการศึกษา มีความคิดดี พูดจาแต่ละทีเขานั้นล่ะไม่เคยเถียงสักคำ เป็นเขาเสียด้วยซ้ำที่เกรงใจ และรู้สึกผิดที่เป็นคนไม่เอาไหน เธอควรคู่กับคนที่มีฐานะดีมีชาติตระกูลดีเทียบเท่ากัน แต่ดันเลือกเขาเสียนี่สิ นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ หากอธิปที่เกรงใจจะโดนสั่งสอนบ้าง
“เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ?” อธิปยิ้มถาม เป็นการถามถึงว่าอรัญญาเป็นคนเช่นไร
อรัญญานั้นมักจะแว๊บมาเยี่ยมพูดคุยและตำหมากให้ภรรยาของเขาบ้าง จัดของฝากเสื้อผ้าที่ดูดีให้อยู่เสมอ ถึงกระนั้นอรัญญาก็ถูกภรรยาเขาตักเตือนบ้างเรื่องการพูดจาห้วนๆ พูดน้อยพูดสั้น เล่นเอาไม่กล้าเข้ามาเยี่ยมอยู่หลายวันเพราะมีอาการงอนผู้ใหญ่ แต่ก็มีสั่งการหรือสอบถามถึงผ่านป้อมและไหมอยู่เสมอ บางครั้งก็ปลิดดอกจำปาฝากใครให้เอามาให้ เป็นการบอกว่าคิดถึงแต่ไม่อยากคุยด้วย ภรรยาเขาบอกอธิปว่าอรัญญานั้นเป็นเด็กดี ส่วนเขาจะเล่าเรื่องนี้ให้อธิปฟัง อธิปนั้นเงียบฟัง
“เขาเป็นคนละคนกัน”
“จะคนไหนมันไม่สำคัญหรอก คนไหนก็มีความรู้สึกเหมือนกันนั่นล่ะ” เขาตอบ
เขามองอธิปที่อาบน้ำแต่งตัวรอทานอาหารอยู่ เขารู้ว่าอธิปนั้นคงรู้เรื่องเด็กใหม่ที่ขอเข้ามาทำงานที่บ้านเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้อธิปดูใช้ความคิดอยู่ไม่น้อย เพราะไม่ได้มานานอรัญญานั้นอาจะทำตัวไม่ถูกก็เป็นได้ หรือจะเป็นเรื่องอะไรก็ช่างหัวมัน ตอนนี้เขาสนใจเหล้าที่ดื่มมากกว่า
“ขัดใจเหรอ?” เขาสอบถามให้แน่ใจ เพราะอรัญญานั้นอาจจะดูไม่เหมือนเดิม
“ไม่หรอก ก็อย่างที่เป็น” อธิปตอบอย่างไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร
“ทำไมรับเด็กผู้ชาย?” อธิปหันมาถามเขาเมื่อเด็กหนุ่มเดินกลับไปที่ครัว
“ยังหวงอีกเหรอ?” เขานั้นอยากรู้ใจอธิปว่ามีอรัญญาบ้างไหม มองอรัญญาอย่างไร แล้วรักอรํญญาเหมือนรักภาสิรีบ้างหรือเปล่า ยังมีความคิดว่าเป็นคนๆเดียวกันไหม เขาอยากรู้ทุกอย่างเพื่อที่จะได้ประเมินสถานะได้ หากรู้แล้วจะได้แก้ไขปรับตัวกันได้ทัน
“.....” อธิปไม่ตอบ
“เขาเหมือนคนบางคน ...อายุจะยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้วยังไม่เคยมีแฟน ไม่เคยรักใคร จนพ่อเขาเป็นห่วงว่าจะเป็นอย่างอื่น ก็เลยรับไว้” เขาบอกเหตุผล ถึงปัญหาครอบครัวของเด็กหนุ่ม ทั้งยังไม่มีทีท่าว่าจะกล้าสนใจอรัญอย่างที่ทุกคนเป็นเลยสบายใจได้ อีกอย่างนึงคือทางแก้ปัญหาที่อรัญญาเป็นแบบนี้
“ตอนนี้อธิปกะดูดีขึ้น เป็นผู้ใหญ่แล้ว น้องมันคงจะไม่กล้าเล่นด้วย” เขาคุยกับอธิปที่นั่งรออรัญญาอยู่สักพัก อรัญญานั้นก็ยังไม่มา เขาปล่อยให้อธิปแก้ปัญหาเอง ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นคนละคนกันแล้วมันยากที่จะตัดสินใจขนาดนั้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าต้องทำอะไร
“ผมก็ยาวมากเลยนะ” อธิปยังนั่งใช้หลังมือดันศีรษะคุย
“ถึงเวลารึยังครับ” เขาถึงโอกาสคุยเรื่องตัดผมพอดีเพราะเพิ่งถูกตำหนิมาไม่นานนี้
“ช่างตุ๊ดคนเก่ายังอยู่รึเปล่านะ?”
“อยู่เปิดร้านใหญ่กว่าเก่าอีก สงสัยจะไปได้ดี” เขานึกถึงช่างที่เป็นกะเทยคนรู้จักกันที่เป็นรุ่นน้องของอธิป ที่ไม่ยอมเรียนต่อแต่ไปเรียนเสริมสวยแทน จากผู้ชายหล่อก็เริ่มกลายเป็นตุ๊ดเป็นกะเทยไปเสียนี่เปิดร้านเสริมสวยแข่งกับพ่อตัวเองที่เปิดร้านตัดผมชาย เมื่ออธิปมีน้องสาวจึงให้ไปตัดกับช่างตุ๊ดแทน ถึงเวลาเมื่อไหร่ก็พาไปตัดและนั่งรอเพราะอย่างไรเสียก็กลัวว่าอรัญญานั้นจะถูกลวนลาม
“ตัดเลย ได้แล้วล่ะ” อธิปพูด
คืนนั้น อธิปไปหาอรัญญาที่บ้านและพาเธอกลับขึ้นตึกนอน เขาต้องนั่งฟังป้อมที่พยายามอธิบายความสัมพันธ์ของอธิปและอรัญญา ซึ่งเขาในตอนนี้มีอาการคล้ายกับว่าเมามากแล้วจึงไม่ค่อยได้สนใจนัก อธิบายตามความจำเป็นเมื่อถึงเวลา แต่เขาสนใจความรู้สึกของอธิปที่มีต่ออรัญญามากกว่า
“ไปดูน้องหน่อยเป็นไรล่ะ ตัดผมแล้ว” เขาบอกอธิปที่นั่งนิ่งทำเมินเฉย
“หน้านี่เหมือนอรัญปานคนๆเดียวกัน ไม่รู้จะเสียใจรึดีใจ” เขาพูดต่อ แต่อธิปนั้นยังนั่งนิ่ง เหลียวมองสระว่ายน้ำ อย่างคนใช้ความคิด ในมือถือแก้วบรั่นดีอยู่ มืออีกข้างที่ท้าวคางก็ลูบหน้าทั้งสูดลมหายเข้าลึก ก่อนจะยกบรั่นดีขึ้นดื่มอีกครั้ง คราวนี้มันหมดแก้ว แต่อธิปก็ยังถือแก้วกุมอยู่ในมือทั้งสองข้าง
“คิดถึงจนนอนไม่หลับ ชวนลุงกับไอ้ป๊อบนั่งคุยเป็นเพื่อนขนาด ลุงก็ไม่รู้จะคุยเรื่องอะไร คุยกับอรัญไม่เป็น”
“มันจะไปยากอะไร ก็แค่คุย” อธิปพูดขึ้น
“ถ้างั้นให้น้องไปอยู่ในเมืองไหมล่ะ ไปช่วยวราทำงานจะดีกว่าอยู่นี่ ไม่ก็ให้ไปอยู่ที่อื่น....” พูดไม่ทันจบคำอธิปก็รีบลุกจ้ำอ้าวหนีจากเขาเดินออกไปนอกตึก เขาชะเง้อมองอธิปเข้าไปที่ห้องครัวด้านหลัง ทั้งยกกับข้าวเดินมุ่งตรงไปบ้านอรัญญา
เขาจำต้องอธิบายเรื่องช่างตัดผมรวมทั้งอ้อดที่เพิ่งมาเจออรัญญาในตอนนี้ให้อรัญญาได้ฟัง อธิปนั้นดูเกรงๆเมื่ออยู่กับอรัญญามันทำให้เธอทำตัวไม่ถูก คงเพราะเมื่อตัดผมออกแล้วยิ่งทำให้ดูเหมือนภาสิรีมากขึ้น ป้อมเองก็พยายามที่จะทำให้กลับไปเหมือนวันวานที่เคยมีความสุข แต่ตอนนี้ดูอรัญญาจะหนักใจที่จะทำแบบเดิมแล้ว เขาไม่รู้ว่าเธอโตขึ้นแล้วหรือไรที่เธอเปลี่ยนไปแบบนี้ เขาเดินคุยกับอรัญญาที่ไม่สวมผ้าซิ่นไหมแล้วในตอนนี้
“จะรู้ได้ไงว่าเขาคิดอะไร?” เธอสีหน้าเรียบเฉย พูดแบบไม่เงยหน้ามาพูดกับเขา
“ออกความพยายามหน่อยเป็นไรล่ะ ลุงกลัวเขากลับมาเป็นเหมือนเดิม”
“ไม่ใช่ภาสิรีนะ อีกอย่าง พี่อธิปก็จำได้แล้ว แล้วมาทำแบบนี้...อายเป็นเหมือนกันนะ”
“ก็มีความสุขดีไม่ใช่เหรอ ทางนั้นก็คงจะอายเหมือนกันแหละ” เขาพยายามใช้คำให้ถูกต้องเพราะมันติดคำว่าฐานะทางสังคม เธอเองก็คงคิดเช่นกัน อีกทั้งตอนนี้มีคนนอกเข้ามาอยู่คงคิดหนักไม่น้อยกับการแสดงออก หากมากกว่านี้ก็คงจะลำบาก เขาเองก็จำต้องโกหกเด็กหนุ่มอยู่มากถ้าหากโดนถามถึง ยิ่งตอนนี้เธอยิ่งอยากใช้ชีวิตตามปกติด้วยแล้วอาจจะสร้างความลำบากใจให้อธิป
“......” เธอถอนหายใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอย่างที่เป็น ปล่อยให้มันเป็นไปตามความรู้สึกตัวเอง” เพราะตอนนี้ไม่ว่าอธิปจะปฏิบัติกับเธออย่างไรก็ไม่แปลกแตกต่างจากเมื่อก่อนหรอก มันแปลกที่ความรู้สึกข้างในของตัวบุคคลต่างหาก
เขาแวะมาบ้านเด็กหนุ่มพร้อมของฝากต่างๆที่อธิปบอกให้จัดการ วางเงินก้อนแรกให้ตามความจำเป็นและบอกกล่าวว่าเจ้านายให้เอาเงินเดือนมาเก็บไว้กับพ่อแม่ก่อนเพราะกันว่าจะกลัวที่จะไม่ได้รับเงิน เพราะทุกคนที่อยู่ที่นั่นไม่เคยจ่ายให้เป็นเงินเดือนกันเลยสักคนแต่จะตอบแทนเมื่ออยากที่จะออกไปใช้ชีวิตแทน เขายื่นใบมอบเงินให้พ่อของเด็กหนุ่มเซ็นว่ารับเงินแล้ว
“มันนิสัยดีไหมล่ะ?”
“ดีๆ สบายดีล่ะ อยู่กับตี๋ ได้มีเพื่อนคุยเพื่อนเล่น ของเขาก็ซื้อให้ใช้ไม่ขาดไม่เหลือแน่นอนล่ะ” เขาบอก
“เออ ถ้างั้น เดี๋ยวฝากของไปให้มันหน่อยแล้วกัน ซื้อไว้ให้มันกลัวมันหนาว”
“ก็เขียนอะไรถึงลูกหน่อยเป็นไรล่ะ จะได้ยืนยันว่าเป็นพ่อส่งมา”
“ไม่เคยว่าจะทำแบบนั้นสักครั้งเลยตั้งแต่มีลูกมา” เขาหัวเราะและเข้าใจความรึ้กนี้ดี คงจะอายนั่นแหละ
มันเป็นจดหมายที่เขียนบอกลูกเพียงสั้นๆ ตามความที่น่าจะเป็น เขายืนรอการเขียนจดหมายของผู้เป็นพ่อ
ป๊อบ เงินลูกพ่อได้แล้วนะเดี๋ยวพ่อจะเก็บไว้ให้ หนาวแล้วดูแลรักษาสุขภาพดีๆ
ตั้งใจทำงานไม่ต้องห่วงทางนี้ ถ้าว่างได้ออกมาเล่นก็มาบ้าน ถ้าเหนื่อยหรือมีอะไร
ก็บอกเขาดีๆนะลูก อย่าออกมาเฉยๆ อย่าไปทำเขาเสียใจ พ่อกับแม่ก็ห่วงเหมือน
เดิม จะรออยู่นี่ล่ะ ทำตัวดีๆ คิดถึงอยู่ตลอด
จาก พ่อมึงนี่ล่ะ
“อ่ะ มันจำลายมือได้อยู่ดอก” เขาหัวเราะเมื่อพ่อของเด็กหนุ่มยื่นจดหมายมาให้ พร้อมกับถุงกระดาษ
ว่ากันด้วยเรื่องวิกผมเหมือนกับว่าผมที่ตัดจากอรัญญาไปนั้นมันจะยาวกว่านี้มาก ทรงของวิกผมที่ได้มามันไม่ได้ยาวมากขนาดนั้น ทรงมันออกมาก็ความยาวก็ยังสั้นกว่าของผมอรัญญาที่ถูดตัดออกนี่แหละ ยาวถึงไหล่เลยไหล่ลงมาได้ มันเป็นผมที่สวยถูกตัดมาเป็นทรง อรัญญานั้นจัดในหุ่นวางพร้อมกับแปรงผมให้ดูดีอยู่เสมอตลอดมา มีเพียงอรัญญาและอธิปเท่านั้นแหละที่ดูเหมือนจะไม่เจออะไรอย่างพวกเขาเพราะไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย ตี๋และไหมมาเล่าให้เขาฟังในทีหลังถึงตอนที่ทำความสะอาดห้องโถง
“เจอจังๆเลยลุง”
ไหมนั้นไม่ได้ยินเสียงเปียโนอย่างที่ป๊อบบอกเลยใจหาย มั่นใจแล้วว่าว่าหากได้ยินเสียงเปียโนจริงนั่นก็คงไม่ใช่อรัญญาแล้ว ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งใจเต้นระส่ำ ไม่นานก็เห็นอรัญญาลงมาเตือนเรื่องฝาครอบคีย์เปียโน จึงเกิดความมั่นใจว่าใช่ตามที่ตัวเองคิด แต่ไม่มั่นใจว่าอรัญญาที่ยืนอยู่เป็นอรัญญาตัวจริงหรือไม่
“ตอนแรกป๊อบมันบอกได้ยินเสียงเปียโน ไหมว่าไม่ได้ยิน แต่ใจไหมไปแล้วลุง” ไหมนี่นั่งอยู่ศาลาครัวเก่า เธอเล่าว่าเห็นอรัญญาลงมาปิดฝาครอบคีย์เปียโนหลังจากนั้นก็แสดงว่าคงได้ยินเหมือนกันเลยลงมาบอก
“ผมก็สงสัยอยู่ว่าเห็นพูดคุยกันเรื่องเปียโน แต่ไม่มั่นใจเท่าไหร่พอเห็นป้าไหมลุกผมก็ใจออก” ตี๋เสริม
“หนูลุกเลย จะจริงไม่จริง กูไปก่อนแล้ว” ไหมสีหน้าจริงจังและมือนึงท้าวเอว
“ผมนี่เห็นพี่ไหมลุกผมก็ไม่อยากจะอยู่แล้ว แป๊บเดียวได้ยินเสียงเปียโนเท่านั้นแหละ บันใดขั้นไหนกะช่างหัวมัน โดดอย่างเดียว” ตี๋ที่นั่งอยู่จักรยานเล่าต่อ เสียงเปียโนมันดังขึ้นแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่อรัญญาแต่เป็นภาสิโดยแน่แท้แล้ว ยิ่งไหมนั้นลุกจ้ำอ้าวสาวเท้าไปยังด้านหลังมีหรือจะรีรอ ไม่ว่าสูงแค่ไหนก็ตัดใจกระโดดทันที
“เห็นไหมล่ะ?” เขาถาม
“เห็นเป็นคนเลยลุง ผมสั้นกว่าอรัญนี่แม่นแท้ แต่ไอ้ป๊อบนี่ยืนทำความสะอาดเฉย..” ตี๋เสริมว่ากระโดดลงจากบันใดและวิ่งไปทางด้านหลังบ้านอย่างไว ถึงแม้จะเจ็บขาก็ตามทีเพราะไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนแล้ว ป้าไหมเองก็คงไม่รู้ไปทางไหนแล้วเหมือนกัน ขนาดเจอกันที่หลังบ้านยังตกใจ ไหมหัวเราะ
“จริงนะลุง เหมือนป๊อบมันไม่รู้ ไหมรีบวิ่งไปหาอรัญเลยแหละ” เธอวิ่งไปเจออรัญที่ยืนส่องครัวอยู่ ประจวบเหมาะที่ตี๋วิ่งมา อรัญญาคงได้ยินเสียงเช่นเดียวกัน ไหมเหลียวมองให้แน่ใจว่าใช่อรัญญาตัวจริงเป็นแน่แท้แล้ว จึงรีบร้องบอกอย่างไม่รู้ตัวเองพูดเป็นภาษาคนรึเปล่า เพราะตกใจมาก
“อรัญ ผีหลอกป้าไหม” เธอหอบร้องบอกอรัญญา
“.....?” อรัญญาเหลียวมองตี๋ที่วิ่งมา
“แล้วป๊อบล่ะ?” เธอถามเบาๆ
“อยู่ห้อง..โถง” ตี๋ตอบ ก้มใช้มือค้ำที่หัวเข่า
“..น้องมา” ช่างเป็นการบอกว่า ภาสิรีมา อย่างราบเรียบ ไม่ได้มีทีท่าว่าตกใจอะไรอย่างที่พวกเขาเป็น อีกทั้งอรัญญานั้นน่าจะเพิ่งมาเหมือนกัน แสดงว่าที่เห็นนั้นไม่ใช่อรัญญามาตั้งแต่แรก ไม่ว่าอรัญญานั้นจะสวมชุดแบบไหนภาสิรีก็จะมาในชุดนั้นๆอยู่ดี จนป่านนี้แล้วทุกคนก็ยังคงไม่ชินที่เจอภาสิรี
“ครับ..ไปเถอะเดี๋ยวป๊อบมันรู้” เขาหอบ
จากนั้นตี๋และไหมก็ทำทีว่าไปหยิบอะไรติดไม้ติดมือ ทำทีว่ามาเอาของเดินตามอรัญญาเข้าบ้าน เพียงแค่อรัญญาก้าวเท้าขึ้นห้องโถงเท่านั้น พลันเสียงเปียโนก็หยุดลง ยิ่งมันหยุดลงจังๆต่อหน้าต่อตาด้วยแล้วยิ่งพากันตื่นเต้นก้าวขาไม่ออก ไหมนั้นบีบหัวไหล่ตี๋แน่นขณะที่หยุดอยู่กับที่ ป๊อบเหลียวมองอรัญญาอยู่คงงงที่จู่ๆก็หยุดเล่น
“เพราะไหม?” อรัญญาถามป๊อบเพื่อเบนความสนใจ ป๊อบพยักหน้า ตี๋และไหมจึงพยายามทำตัวเป็นปกติ แสร้งแสดงว่าไปเอาอุปกรณ์มาทำความสะอาด
“เดี๋ยวห้องโน่นจะทำเอง แบ่งมาสิ” อรัญญาพูดกับป๊อบว่าจะจัดการห้องฝั่งนั้นเอง ป้าไหมจึงหยิบอุปกรณ์แบ่งให้เธอแยกย้าย
“เมื่อเช้าไม่เห็นเล่นล่ะ รู้ไหมตื่นสายเลย” ป๊อบชวนอรัญญาพูดคุย ไหมจึงเช็ดและทำความสะอาดเงียบๆ
“เล่นเฉพาะตอนที่คิดถึงอธิป เพราะอธิปสอนเล่น” อรัญญาพูดพลางจัดผ้าม่าน และเดินกลับไปที่ห้องเปียโน และเปิดม่านทางซ้ายมือออกล็อคหนึ่ง และตรงไปที่ตู้หนังสือ เธอหยิบหนังสือและข้าวของออกจากชั้นทั้งหมดก่อนลงมือเช็ดฝุ่นที่ชั้น
“ต้องหาผ้าคลุมใหญ่ๆมาคลุมไว้” ที่อรัญญาพูดจึงทำให้ทุกคนใจชื้น ไหมเลยรีบตอบรับ
“จ้าเดี๋ยวป้าจัดการให้” ป้าไหมรีบตอบคำ แสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากมีอรัญญาอยู่ใกล้ก็รู้สึกว่าปลอดภัยขึ้นมาก หากได้ยินเสียงเปียโนเมื่อไหร่ยังพอทน แต่นี่เล่นเอางงว่าคนไหนตัวจริง ครั้งนี้รู้แล้วว่าไม่ว่าอรัญญาจะสวมชุดไหนก็จะเห็นภาสิรีมาในชุดนั้นเป็นแน่แท้ อรัญญานั้นถึงเลิกสวมซิ่นไหมทุกวัน แต่จะสวมเป็นบางที
“....มาบอกล่ะมั้งว่าได้ทรงผมใหม่” เขาก็เสริมขึ้นเป็นการปลอบใจ
“ลุงครับ อธิปนอนบ้านอรัญญาเมื่อคืน” ตี๋บอกเขา
“มาเองเลยเหรอ?” เขาถาม
“มาเองเลย หนูเป็นคนจัดผ้าให้เอง” ไหมเสริม
“.....?” เขาแปลกใจ หากไม่มีความจำเป็นอย่างวันซ่อมประตูมีหรืออธิปจะค้างที่นั่น หากจะพากลับไปค้างที่บ้านก็ยังได้
เขาเดินไปตามเสียงเปียโนเห็นอธิปบรรเลงเพลงเปียโนอยู่ เขาไม่อยากจะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทุกคนต่างเดินตามกันออกมา เขาจึงปลอบใจทุกคนว่าน่าจะมีอาการเมาเลยเล่นเพลงเป็นการปลอบใจทุกคน เขาเห็นอรัญญานั้นสวมชุดคลุมอยู่ที่ระเบียงจึงหยุดเพื่อที่จะได้คุยกับเธอ เธอเดินลงมาข้างล่างเพื่อมาหาเขา
“เป็นอะไร?” เขาส่ายหน้าไปข้างหลังที่อธิปต้องมาเล่นเปียโน
“ใครจะไปรู้ใจใคร” เธอพูด
“เขารักรึเปล่า?” เขาหยุดเดินและถามเป็นนัย เพื่อไม่ให้น่าเกลียด อรัญหยุดเดินกลั้นใจก่อนจะปล่อยลมหายใจออกมา เขาไม่เห็นสีหน้าแต่ว่ารู้ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น
“มันไม่ผิดหรอก” เขาบอกเธอ ขณะที่เดินอยู่ เธอหยุดเดินทั้งมองหน้าเขา
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอธิปถึงเมามายได้ถึงเพียงนี้ คงสับสนบางอย่างถึงพาอรัญญากระโดดน้ำทั้งอย่างนั้น เขาเหลียวมองอรัญญาที่อยู่เอาใจอธิปแม้ว่าอธิปจะทำแบบนั้นกับเธอ เขาเห็นถึงความพยายามที่อรัญญามี มันแฝงไปด้วยความหวาดกลัว เขาเชื่อว่าตอนนี้ทุกคนก็กลัว เพราะดูเหมือนจงใจฆ่ามากกว่าหยอกเล่น อรัญญาเดินกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจึงก้มลงคุย
“ฟัง...รู้ใช่ไหมว่าเขาคนละคนกัน?” เขาก้มถามอธิป
“......” อธิปไม่ตอบอะไร ตาแดงก่ำคงเพราะมีอาการเมาอยู่ เขาจึงฉุดอธิปให้ลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วงนี้สำหรับเขาแล้วเริ่มมีภาระหนักเพราะ ภรรยาของเขานั้นมีโรงประจำตัวหลายอย่าง ต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาล เขานั้นรู้สึกผิดที่ดูแลภรรยาเขาได้ไม่ดีพออย่างที่ควรจะเป็นทั้งต้องมาเจอเรื่องวุ่นวายภายในบ้านอีก ไม่รู้จะใช้คำไหนมาปลอบประโลมจิตใจใครได้
“หมอฉีดยาระงับประสาทให้” วราบอกเขา หลังจากที่ทราบข่าวว่าอธิปนั้นมึนเมาหนักและเริ่มกลับมาเป็นอย่างเดิมจนทำให้อรัญญาที่ทนสภาพแรงกดดันไม่ไหวเลยทำกับอธิปและแสดงออกแบบนี้โดยการทำร้ายอธิป เขาได้รับข่าวก็รีบติดต่อวราและรีบพาอธิปมาที่โรงพยาบาล จำต้องเล่าอาการทั้งหมดให้กับหมอฟัง อธิปนั้นนอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงในตอนนี้ มีสายคาดที่ลำตัวและมัดมือและเท้า เพื่อความแน่ใจเมื่อเวลาที่รู้สึกตัวตื่น
วรานั้นห้ามไม่ให้หลานๆได้รู้ข่าวนี้ทั้งกำชับกมลาให้ทำทุกอย่างตามปกติ ตัวเขานั้นจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้วราฟัง ทำให้วรานั้นทรงตัวไม่อยู่ต้องนั่งลงบนโซฟาสีเขียวมิ้นท์ในโรงพยาบาลอธิปนั้นน่าจะพลาดกับอรัญญาเข้าแล้ว เขาเองก็รู้สึกผิดที่มันเป็นแบบนั้น ถ้าหากรู้ว่าเกิดขึ้นแล้วมันจะทำให้ทุกอย่างมันแย่ลงก็คงไม่ทำแบบนั้น
“มันเป็นเวรกรรมอะไรหนอถึงมีแต่เรื่องไม่หยุดหย่อน” วรากล่าว แต่เขานี่แหละที่รู้สึกผิด ยุให้อธิปเปลี่ยนใจมาพลั้งใจให้กับอรัญญาแทน ไม่นึกว่ามันจะกดดันอธิปถึงเพียงนี้
“ขอโทษ” ได้แต่บอกวราแบบนั้น
“หื้อ...ช่างมันเถอะ ถ้าไม่เป็นเพราะเวรเพราะกรรมมีเหรอจะมาเจอเรื่องแบบนี้ด้วยกัน...ทุกคนนั่นแหละ” วราบอกเป็นภาษาท้องถิ่น มันแสดงออกถึงความจริงใจที่มี วราใช้เวลาอยู่คนเดียวนั่งคิดอยู่นาน ไม่ได้เปล่งคำพูดใดออกมาอีก แค่รอเวลาให้อธิปนั้นฟื้นคืนสติกลับมาอย่างเงียบๆ
เมื่ออธิปฟื้นคืนสติ วรานั้นขอเวลาที่จะพูดคุยสอบถามกับอธิปเองให้แน่ใจว่าอธิปนั้นมีสติดีครบก่อนที่จะพบหมอ วรานั้นอยากมั่นใจว่าอธิปนั้นเป็นคนปกติดีทุกอย่างโดยไม่ต้องเข้ารับการรักษาสภาวะทางจิตแต่อย่างใด เพราะมีลูกชายแค่คนเดียว
“รักน้องเหรอ หึ?” วราถาม รับเอาผ้าที่ปั้นน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าให้อธิป อธิปพยักหน้าให้
“ตั้งแต่เกิดมา พ่อเคยห้ามอะไรรึเปล่า?” วราถามอธิป อธิปส่ายหน้า ตายังแดงก่ำ วรารับขวดน้ำเปล่าที่มีหลอดดูดจากเขายื่นใส่ปากให้อธิปได้ดูด คงจะกระหายน้ำมากเพราะเล่นดื่มแต่แอลกอฮอลล้วนๆไม่หยุดหย่อน อธิปทั้งดูดทั้งสำลั่กวราเช็ดปากให้ก่อนจะดื่มต่อ อธิปดูดน้ำจนหมดขวด
“หายไวๆ น้องรออยู่บ้าน ต่อไปทำอะไรก็ทำพ่อไม่ห้าม อะไรที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป แต่อย่าลืมว่ามีครอบครัวมีบ้าน มีทุกอย่าง เข้าใจไหม ที่พ่อบอก?” อธิปยังตาบวมและแดงก่ำ พยักหน้าให้
“เรื่องน้องพ่อไม่ว่า แต่อย่าตีน้องเด็ดขาด เข้าใจไหม?” วรายื่นไม้ตะพตวางบนหน้าผากอธิปเป็นการบอกพร้อมกับรอยยิ้ม อธิปพยักหน้าเล็กน้อย วราจึงเดินออกจากห้องไป เมื่อเขาจะตามไปวรายกมือห้ามเป็นการบอกว่าให้ดูแลอธิปเถอะ เขาทั้งใจหายที่ได้ยินวราพูดกับอธิปแบบนั้น สงสัยว่าวรานั้นคงจะปลงสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นได้แล้ว
เป็นอันว่าเขาต้องเฝ้าทั้งภรรยาทั้งอธิป เมื่อเห็นว่าอธิปไม่ได้โวยวายและมีสติดี หมอและพยาบาลจึงช่วยถอดสายคาดที่ลำตัวออกทั้งแก้มัดที่มือและเท้าออกให้
“อยู่ให้มีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ อันไหนที่มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป” เขาบอกกับอธิปที่นั่งเงียบอยู่บนเตียงครู่เดียวก็พยักหน้าให้ อธิปยังได้อยู่ต่ออีกวันหนึ่งและออกมาอยู่บ้าน
ความคิดเห็น