ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (ศพ) บ้านวรา

    ลำดับตอนที่ #12 : ลูกสาวของวรา

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 66


    ในตอนแรก ตัวเขานั้นนึกว่าเรื่องมันจะจบหากว่าภาสิรีนั้นจากไป ไหนๆอธิปก็มีครอบครัวและแต่งงานสร้างครอบครัวไปแล้ว คงอาจจะลืมได้ในเร็ววันนี้ แต่เมื่ออธิปนั้นกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ใช้ชีวิตเพียงแค่ดื่มและหลับใหล ไม่อาบน้ำ ขวดเครื่องดื่มตั้งเรียงรายอยู่ทุกที่ต้องคอยเก็บเมื่ออธิปหมดแรง อธิปดื่มเงียบๆ เคราหนวดเริ่มขึ้นหรอมแหรม เริ่มมีบุหรี่มาดูด เสื้อผ้าก็ไม่เปลี่ยน ดื่มจนหมดแรงก็หลับ ตี๋นั้นเล่าให้เขาฟังว่าสมัยเด็กๆจำได้เพียงว่าอธิปจะนั่งเงียบๆ ไม่พูดไม่จาเท่านั้น ไม่ได้ดื่มกินแบบนี้ 

    “พ่อผมว่า อธิปเป็นคนไม่สบายใจ เลยนั่งเฉยๆ แกนั่งเฉยๆเลยครับ ไม่ทำอะไรเลย ไม่ยิ้มไม่พูดไม่คุย” ตี๋อธิบาย

    “...ไปไหนแล้วล่ะ?” อธิปถามเขาเมื่อตื่นขึ้นที่ห้องนั่งเล่น เขาเหลียวมองอธิป

    “ใครล่ะ?” 

    “........” อธิปที่ลูบต้นคอเพื่อให้ตัวเองสร่างก็หยุดคิด ไม่นานก็มีน้ำตาไหล ตัวงอ มีเสียงร้องที่ลำคอ พลางลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปที่ตู้หนังสือแล้วดึงออกจากผนัง เขาพลอยหลบเพราะอธิปมีแรงมาก ไม่เท่านั้น ทีวีจอใหญ่ก็ถูกปัดทั้งดึงตกลงมาหน้าจอแตกละเอียด เสียงดึงไปหมด ทั้งก้านโคมไฟอธิปทุบเสียเละ เสียงหลอดไฟแตกดัง โพล๊ะ!! แจกันหรืออะไรก็ตามที่จับได้อธิปเป็นขว้าง ขวดเหล้าก็พุบกับบานหน้าต่างกระจก ไม่กี่นาทีต่อมา ข้าวของก็กระจัดกระจาย 

    “อะไร อะไรลุง” เสียงไหมถามเบาๆ ป้อมและไหมหน้าตาตื่นวิ่งกระหืดกระหอบมาช่วยเขาจัดเก็บของมีคมทุกชนิดให้ออกห่างจากอธิป จากนั้นโต๊ะตรงกลางก็ปลิวออกมาที่เค้าท์เตอร์ โครม!! ตามมาด้วยเสียงไม้แตก เขาและทุกคนรีบหันหลบเศษกระจกหน้าโต๊ะที่แตก ดีที่มันติดตรงบาร์ก่อน ไม่อย่างนั้นขวดเหล้าทั้งแก้วตู้กระจกและชั้นวาง ไม่เหลือหลอ 

    “อ้าก!!!!!!!!!!” อธิปร้องจนสุดเสียงตัวโก่งร้องยิ่งกว่าอสูรกาย เมื่อสุดเสียงก็สะอื้นทั้งคุกเข่าลงทิ้งตัวลงกับพื้น ตาแดงก่ำมีน้ำตาไหล อธิปทุบกำปั้นลงพื้น เขารีบเข้าไปห้ามก่อนที่จะรุนแรงกว่านี้ 

    “พอแล้วครับ เดี๋ยวน้องก็มาแล้ว พอแล้วๆ” 

    “....!!!” พลันเสียงเปียโนนั้นดังทั้งมันบรรเลงเอง อธิปนั้นก็หมดสติลง เมื่ออธิปหมดสติ เขาป้อม ตี๋ และทุกคนเหลียวมองห้องโถงกันเงียบๆ แต่มันไม่มีเสียงใด

    “ได้ยินเหมือนกันไหม?” เขาถามขึ้น 

     

    “บ้านพัง” เขาแจ้งให้วราทราบเรื่อง ต้องซ่อมแซมบ้านใหม่หลายจุด ทุกคนพยายามจัดเก็บของให้เข้าที่ ทีวีและของที่พังได้ถูกขนมาที่นี่ ให้วราได้เห็นเองว่ามันมีสภาพเช่นไร วราเองก็พลอยโศกเศร้าไปกับอาการที่ลูกของตนนั้นมี ได้แจ้งกับทางกมลาเป็นที่เรียบร้อยว่าไม่ทันเสียแล้ว แต่กมลาก็ยังยืนยันว่าจะพาตัวอรัญญานั้นกลับมาให้ได้ เพราะต้องรักษาจิตใจของอธิปก่อน 

    เขาไม่อยากจะเชื่อสายตา ก็เพิ่งจะรู้ว่าอธิปแยกทางกับกมลาที่กรุงเทพฯ เด็กผู้หญิงที่กมลาพามานั้นช่างมีหน้าตาเหมือนกันกับอรัญราวกับคนๆเดียวกัน เธอถูกทักทายจากบรรดาคนงานเมื่อลงรถมา ดูเลิ่กลั่กเพราะทำตัวไม่ถูกและรีบเดินตามกมลาเข้ามาในห้อง เขาแลเห็นผ่านกระจกหน้าต่างประตูกระทั่งเธอเดินเข้ามาเธอสวมเสื้อยืดคอกว้างและกางเกงยีนส์ เพียงแต่ผิวพรรณนั้นเกลี้ยงเกลาและซีด เธอยกมือไหว้ทั้งเขาและวรา 

    “คนนี้ ..อรัญญา ตัวจริง คนนี้คุณพ่อวรา คนที่รับ..ภาสิรีเป็นลูก และคนนี้ คนที่ดูแลทุกอย่าง เพื่อนคุณพ่อ” กมลาพูดอย่างแนะนำก่อนที่เธอจะยกมือไหว้ เธอเดินเข้าไปวราเมื่อวรายกแขนเรียกให้เข้าไปหา กมลาจึงออกไปจากห้อง วรานั้นค่อยๆลุกและใช้มือคลำหน้าเธอ แลซ้ายและขวา 

    “อายุเท่าไหร่แล้ว?” 

    “เท่ากันกับลูกคุณพ่อ สิบห้าจะสิบหก” 

    “อรัญ พ่อวรารับมาเลี้ยง แต่คนที่เลี้ยงจริงๆ คนนี้” เขาเรียกเธอว่าอรัญและเธอก็หันหน้ามา ทำให้เขาใจชื้น จึงเริ่มเรียงรูปลงบนโต๊ะทำงานให้เธอดู ไหนๆวราก็รู้ความจริงแล้วรูปพวกนี้จึงไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังไว้ เพียงแต่ไม่ยอมให้กมลาดูเพราะจะเสียความรู้สึก แม้กมลานั้นจะรู้ความจริงทั้งหมดก็ตาม เธอหยิบรูปขึ้นมองทั้งเอียงหน้าและขมวดคิ้ว 

    “...ตัวใหญ่จัง” เธอคงมองว่าอธิปตัวใหญ่เพราะในรูปน่าจะสูงกว่าอรัญมาก เขาหัวเราะ

    “ช่วยพ่อหน่อยได้ไหม อีกคนตายอีกคนก็ไม่ต่าง” วราถอนใจ 

    “เดี๋ยวเขาก็ลืม เป็นเรื่องปกติ” เธอพูดขณะที่ขมวดคิ้วมองรูปอยู่ 

    “แต่คนนี้ไม่ปกติ แล้วก็ไม่ธรรมดา ..เขาป่วย อยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีอรัญ หมายถึง ภาสิรีน่ะ” เขาอธิบายที่มาว่าเป็นชื่อเล่นของภาสิรีเพราะตอนที่รับภาสิรีมานั้นเข้าใจว่าเป็นอรัญ เลยเรียกว่าอรัญแต่นั้นมา 

    “ถ้าช่วยพ่อจะให้ทุกอย่าง อยากได้อะไรพ่อจะหาให้ บ้านพ่อมีเขาคนเดียวที่จะช่วยได้..ช่วยตัดสินใจให้หน่อยเถอะนะ.. พักผ่อนก่อนพ่อให้คนจัดหากับข้าวไว้รอแล้ว” วราเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ

    “......” เธอเหลียวมามองเขาเมื่อวราเดินออกไป ถอนหายใจเบาๆ ก็ถ้าหากจะให้เธอช่วยแล้วเขาต้องบอกความจริงกับเธอทั้งหมด

    “อธิป จิตไม่ปกติ เขารักน้องเขา ขนาด...จะแต่งงานกับน้อง ถือว่าเป็นแฟนกันกันนั่นแหละ แฟนภาสิรึ” เขาอธิบายอย่างใจเย็นพยายามนึกสรรหาคำมาพูด เพราะไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจมากน้อยเพียงใด เธอได้แต่ขมวดคิ้วฟัง 

    “แล้วเมียเขาล่ะ?” เธอส่ายหน้าไปทางกมลาที่กำลังเดินเข้ามา สำหรับเขาก็เริ่มเข้าใจความหมายของคำว่าจิตไม่ปกติก็ตอนนี้นี่แหละ ความผูกพันธ์ในแบบน้องสาวหรือพี่ชายต่อให้คนละพ่อแม่ก็ใช้ชีวิตร่วมกันมาตั้งนานไม่น่าจะคิดเกินเลยได้ถึงเพียงนี้ กมลาผลักประตูเดินเข้ามา อรัญญานั้นวางรูปลง เขารีบเก็บรูปบนโต๊ะ

    “รู้เหรอคะว่าเขาเป็นแบบนี้?”

    “ใช่...ความต้องการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน” เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงาน 

    “แล้วทำไมยังจะแต่ง?” 

    “แต่งเพราะต้องแต่ง บางครั้งคนเรามันต้องทำอะไรที่มันควรจะทำต้องทำ คนในรูปเป็นสามีน้องเธอโดยแท้..เขารักของเขาแบบนั้นมาตั้งแต่ไหน เลี้ยงดูอย่างดี หวงขนาดไม่ให้ใครมาแตะต้อง จะไม่ช่วยเขาหน่อยเหรอ?” คิ้วที่ถูกเขียนสีเข้มกดลงเมื่อถามอรัญญา อรัญญานิ่ง เธอไม่พูดอะไรอยู่ครู่

    “จะเป็นไปได้ยังไง คนอื่นเขาก็รู้กันอยู่ดีว่าน้องตายแล้ว”

    “ไม่...ไม่มีใครรู้ ที่นี่ก็ไม่มีใครรู้ มีแค่ที่คุยกันนี่แหละ กับบ้านนั้น..ฟังนะที่นี่จะไม่มีคนสืบสกุลต่อ ต้องมีลูกชายเท่านั้น พี่ยังไม่มีแล้วเขาเป็นแบบนั้น แล้วบ้านนี้จะเป็นยังไง” 

    “มาเป็นลูกบ้านนี้อีกคนเถอะนะ” เขาเสริมเมื่อเห็นเธอเงียบ

    “..ศพน้องอยู่ไหน?” เขาถึงกับถอนหายใจเมื่อเธอถาม แทบจะไม่อยากตอบ

    “อยู่บ้าน เขาไม่ยอมให้ทำอะไร ไม่ว่าจะเผารึฝัง ก็เขาเป็นแบบนี่แหละพี่ถึงได้พามา”

    “ต้องฝัง พ่อซื้อที่ไว้อยู่แล้ว เป็นคนบ้านนี้ก็ต้องจัดแบบบ้านนี้ ตามที่ต้องเป็น ...ไปทำหีบ เอาชื่อแซ่ ไป ต้องทำให้ถูกต้อง” กมลาแย้ง เธอเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ทำงานที่เอนตัวลงเมื่อพิง เขาจึงเล่าเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้นให้กมลาได้ฟังว่าบ้านแทบพัง ดีที่พังเฉพาะห้องนั่งเล่นกับบาร์เหล้า หากยังมีแรงกว่านั้นคงจะพังทั้งบ้านเพียงเพราะรับไม่ได้ที่น้องสาวไม่อยู่ด้วยแล้ว

    “ลองเข้าไปสิ บ้านแตก กินนอนคุยกับน้องตลอด” เขาหัวเราะพูดเบาๆ ไม่มีทางว่าใครจะได้แตะ ถึงอธิปจะไม่ได้ทำไม่ดีกับศพแต่ก็ไม่ปกติที่นอนกับศพทุกวันแทบจะตลอดเวลา กมลาเหลียวมองแล้วมองอรัญ

    “จะทิ้งศพน้องไว้อย่างนั้นเหรอ?” กมลาถามอรัญ

    “....ต้องทำยังไง ไม่มีใครแทนกันได้” อรัญเปิดปาก

    “ต้องได้ ถึงมันจะไม่ง่าย แต่ถ้าตกลงต่อไปนี้จะมีสิทธิ์ทุกอย่างในบ้านนี้ พี่ก็แค่สะใภ้แต่น้องก็ยังเป็นน้อง”

    “ก็ไม่อยากได้อะไรอยู่แล้ว เห็นๆกันอยู่ว่ามีเงินมันไม่ได้ทำให้มีความสุข” อรัญพูดเพียงเท่านั้นทำให้เขาใจหายวาบเหมือนกับว่าถูกเธอปฏิเสธ กมลาได้แต่นิ่งปรายตามองมาทางเขา อรัญญาเดินมองชั้นวางของไปรอบๆ มันเป็นเหมือนการใช้ความคิด แต่เขาและกมลานั้นรู้สึกเสียใจกับคำพูดที่ดูเหมือนว่าอรัญญาจะไม่รับข้อเสนอ

    “คนตายไม่เท่าไหร่ จัดการคนอยู่ก่อนก็แล้วกัน” อรัญญาลดเสียง มันทำให้ทั้งเขาและกมลาถึงกับยิ้มออกมา  

     

    เธออาบน้ำแต่งตัวที่ชั้นบนและลงมาที่ห้องครัว เพื่อทานอาหารร่วมโต๊ะกับที่บ้าน วรานั้นจัดการสั่งอาหารอย่างดีมา ก่อนที่จะพาเธอไปไหว้บรรพบุรุษและเทพเจ้าที่อยู่ในบ้าน วราสอนเธอไหว้พระในแบบต่างๆ คงจะดีใจที่อรัญญานั้นตอบตกลง เขาไม่เคยเห็นวราปฏิบัติกับภาสิรีอย่างนี้เลย คงอยากจะกลับไปแก้ไขอดีต วรานั้นไม่เคยยุ่งหรือก้าวก่ายแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้วรายิ้มมีความสุขเหมือนได้ลูกสาวคนใหม่อย่างแท้จริง คนงานที่บ้านเองก็พลอยยิ้มเมื่อเห็นวรามีความสุข 

    “กลับไปอยู่โน่นมันจะไม่ให้ออกมา ต้องอดทนรู้รึเปล่า .. เอ้า กินๆ” วราใช้ช้อนกลางตักขาหมูลงชามอรัญญา กมลาอมยิ้มมองเธอ ทั้งช่วยตักต้มยำลงถ้วยแบ่งไว้ให้ อาหารอะไรก็ตามที่ต่างประเทศน่าจะทำกินยาก วรานั้นจัดสั่งมาให้อรัญญาได้กิน มีแม่บ้านที่ยืนคอยยกข้าวมาให้ก็ยืนยื้ม

    “ทำไมคะ?”

    “มันหวง มันรักของมันมาก แต่อยากได้อะไรบอกพ่อมาพ่อกับแม้วจะจัดให้” 

    “แม้วยังไม่ได้บอกเขาเลย ว่าจะไปพาอรัญมา ..จะไม่ช็อคเหรอ ถ้าได้เห็น”

    “...มันรู้รึเปล่าว่ามีน้องมันอีกคน สาท?”

    “ไม่เลย ไม่เคยถามถึง แต่ว่าลองไปก่อนก็ดี จะได้รู้ว่าคิดยังไง” เขาตอบ อธิปไม่เคยถามถึงพื้นเพ อรัญเลยสักครั้งว่าเป็นใครมาอย่างไร ใครพามา ลูกใครมาจากไหน เขาและวรานั้นก็ไม่เคยที่จะเตรียมคำตอบไว้สักครั้งเดียว และอธิปก็ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะอยากรู้ 

     

    อรัญญาจำต้องค้างในเมืองหนึ่งคืนให้คุ้นเคยแล้วกลับมายังที่นี่ กมลาและวรานั้นคอยเอาใจช่วยเธอและฝากความหวังไว้กับอรัญญาอยู่มาก ทางนั้นจะจัดการทำหีบศพเพื่อรอวันที่จะได้เอาศพออกมา เขาเห็นป้อมและไหมยืนรอที่หน้าตึกเมื่อขับรถเข้ามาถึงหน้าตึก ตามมาด้วยตี๋ที่ปั่นจักรยานตามมา ทุกคนดูตื่นๆเมื่อเห็นอรัญญาลงรถมา เธอเองก็เหลียวมองเขาอย่างรอการแนะนำ 

    “คนนี้ ถึงเป็นอรัญตัวจริง” เขาบอกป้อม ป้อมมองอรัญญาครู่จึงยิ้มและเดินเข้าไปจับไหล่อรัญญา

    “มาก็ดีแล้ว ป้าป้อมนะ นี่ ไหม นี่ตี๋ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ..ดีแล้วต่อไปอธิปจะได้หายสักที” 

    “....?” เธอมองตี๋ที่ยืนแข็งทื่ออยู่ เขานึกขำคงเพราะเหมือนกันมากทั้งรูปร่างหน้าตา ทำให้ตี๋นั้นยืนเก้ๆ กังๆมองอรัญญาไม่วางตา ไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไรตี๋นั้นคล้ายจะมีน้ำตาขึ้นมา เขารีบตัดบทก่อน

    “คนนี้จะมาเป็นน้องอธิปอีกคนหนึ่ง มีสิทธิ์ทุกอย่างในนี้ ตี๋”

    “ครับ” ตี๋โค้งให้อรัญ 

    “ทำไมไม่ตัดผม?” อรัญญาถามตี๋ที่ตอนนี้มีหนังยางรัดผมกระจุกอยู่

    “ช่างไม่มานานแล้วครับ” 

    “ขนาดกะเทยยังไม่ให้เข้ามา...คนแก่ ผู้ชาย คนนอกห้ามเข้า” เขาอธิบายเสริม กมลานั้นคงบอกอรัญญาหลายอย่างมาแล้วเมื่อคืนนี้ ตอนนี้อรัญญาน่าจะเข้าใจและพร้อมที่จะรับมือกับอธิปแล้วในตอนนี้  

    “ไปหาอธิปก่อนไป...นอนอยู่ในบ้าน น้องไม่อยู่อาบน้ำด้วย เลยไม่อาบ หนวดเคราก็ไม่โกน” ป้อมบอกเธอ เธอจึงเดินเข้าไปทั้งอย่างนั้น อรัญญาก้าวเท้าเดินขึ้นตึก ทุกคนเหลียวมองกันและกันอย่างเลิ่กลั่กตัวเกร็ง วรากำชับเขามาก่อนหน้านั้นว่าหากอรัญญายอมช่วยเหลือในครั้งนี้ ให้ปฏิบัติตัวกับอรัญญาเหมือนเป็นเจ้าของบ้านเสียเอง เพราะอรัญญาคนนี้จะมาเข้ามาช่วยอธิปให้หายดี 

    “ถอดรองเท้าก่อนครับ” เขาบอกเธอที่เดินเข้าบ้านทั้งที่สวมรองเท้า เธอหยุดมองจึงเดินกลับออกมาถอด ตี๋อมยิ้มก้มลงเก็บรองเท้าอรัญญาไปวางที่ชั้น 

    เขาและตี๋ยกโต๊ะที่วางอยู่กลางโซฟาออกให้อรัญเข้าไปดูอธิปที่หลับอยู่ในท่าที่กอดอกตะแคงข้าง ใบหน้ามีหนวดเคราขึ้นอยู่เต็ม เขาถอนหายใจไม่คิดว่าอธิปจะเป็นได้ถึงเพียงนี้ เธอนั่งยองๆและจ้องมองอธิปอยู่ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะที่ปากอธิป 

    “...!” อรัญญารีบลุกขึ้นเมื่อเห็นอธิปลืมตา อธิปรู้สึกตัวลุกขึ้นนั่งพร้อมกับกระพริบตาก่อนที่จะเหลียวมองอรัญญาที่ยืนอยู่ 

    “....” อธิปมองทุกคน ก่อนเหลียวมองอรัญ พลันเบิกตากว้างพร้อมกับลุกขึ้นยืน สองมือยกขึ้นช้าๆก่อนที่จะจับใบหน้าของอรัญญา เธอจ้องมองอธิปตาไม่กระพริบก่อนที่อธิปนั้นจะกอดเธอแน่น อธิปสะอื้นศีรษะสั่นตาแดงก่ำมีทั้งน้ำมูกและน้ำตาไหล มีเสียงร้องออกจากลำคอ มันเป็นการร้องให้ในแบบที่ไม่รู้ตัว เขาและป้อมนั้นพยายามประคองอธิปออกเพราะกลัวว่าอรัญญาจะตกใจเสียก่อน แต่อรัญญานั้นยืนนิ่ง ไม่นานอธิปถึงกับเอนตัวลงจนเขาและตี๋รีบรับให้ไปนั่งโซฟา ไม่ให้ล้ม อธิปยังคงมองอรัญทั้งน้ำตาไหล 

    อรัญญาจึงรีบเข้าไปหาอย่างคุกเข่าลงกับพื้น ใช้มือแตะที่ใบหน้าของอธิป เธอยกมือขึ้นจับมือของอธิป ที่ร้องในลำคอจ้องมองอรัญญาไม่วางตาว่ามีตัวตนอยู่จริง อธิปพยายามแตะต้องตัวอรัญจ้องมองราวกับว่าเสียสติไปแล้ว ไม่แปลกเพราะอธิปไม่เคยรู้ว่าอรัญนั้นมีฝาแฝด ใครเห็นและไม่รู้ก็เป็นเรื่องน่าตกใจ 

    “อย่าร้องนะ ร้องไห้ทำไม?” อรัญเริ่มเปิดปากพูดกับอธิป 

    “อธิป น้องมาหา ให้น้องพาไปอาบน้ำนะ ไปแต่งตัวใหม่ ค่อยลงมากินข้าว ไป!” ป้อมพูดกับอธิป อธิปพยักหน้าหงึกๆให้ป้อมเหลียวอรัญ อรัญขอกระดาษเช็ดหน้าตี๋จึงรีบส่งกล่องให้ อรัญซับน้ำมูกและน้ำตาของอธิปอย่างไม่รังเกียจ มันเป็นสภาพที่บาดตาบาดใจเขานัก อธิปนั้นไม่สนโน้มตัวจะกอดอรัญญาอย่างเดียว

    “อาบข้างล่างนี่แหละ เดี๋ยวป้าไปเอาผ้ามาให้” ป้อมพูดขึ้นพลอยทำให้ทุกคนตื่นตัวและเริ่มมีรอยยิ้ม แม้แต่ตัวเขาเองก็เริ่มอยากจะทำหน้าที่ให้เต็มที่ บ้านนี้กำลังจะกลับมามีสีสันอีกครั้งหนึ่ง อรัญญานั้นพยายามจับมืออธิปมาคลำที่หน้าตาเธอ ทำให้อธิปรู้ว่าอรัญนั้นมีอยู่จริง 

    “อรัญ อรัญ” อธิปพูดทั้งกอดอรัญญาไม่ยอมปล่อย

    “พอก่อนอธิป ไปอาบน้ำก่อน น้องหายใจไม่ออก” ป้องร้องบอก เขาไม่ทักที่ป้อมเสียงดัง เพราะแค่เตือนสติอธิป ตอนนี้ทุกดูมีรอยยิ้มขึ้น ไหมเองก็ดูโล่งใจ 

    “ป้อม มีดโกน” เขาบอกป้อมให้เอาทุกอย่างลงมาให้พร้อม ก่อนเหลียวมองอรัญ เธอกรอกตา ต้องพาอธิปเข้าไปในห้องน้ำข้างใต้บันใด ที่มันมีอ่างอาบน้ำอยู่ เขารีบจัดการเปิดน้ำลงอ่างให้ก่อนออกไปที่ด้านนอก อรัญนั้นยืนลูบหน้าอธิปอยู่ก่อนที่จะเลิกเสื้ออธิปขึ้นถอด 

    “ไหน ไม่หล่อเลยไม่อาบน้ำมาหลายวันใช่ไหม ตัวเหม็นเลย หึ?” อรัญพูดกับอธิป อธิปเริ่มมีรอยยิ้มให้ก่อนจะก้าวเข้าไปกอดอรัญอีก เขาเหลียวมองตี๋เพราะไม่เห็นอธิปตอบสนองอะไรมานาน เขารีบแง้มประตูปิดเพราะอรัญนั้นกำลังจะถอดกางเกงให้อธิป เขาบอกอรัญทุกอย่างถึงความน่าจะเป็นมาหมดแล้ว ไม่ว่าตอนนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตามเขาและวราและทุกคนในบ้านนี้ต้องขอบคุณเธออย่างสุดซึ้ง

    เมื่อได้ยินเสียงม่านในห้องน้ำปิด เขาจึงรอของใช้จากป้อมที่เดินลงมา ป้อมนั้นเดินเอาทุกอย่างลงไปวางชั้นวางผ้าที่ตั้งอยู่ด้านใน ป้อมบอกอรัญญาให้ได้รู้และรีบเดินออกมาเขาจึงล็อคประตูพร้อมกับปิดห้องน้ำให้ เขาพยักหน้าให้ทุกคนไปออกไปพร้อมกันเพื่อไปจัดเตรียมหาข้าวน้ำให้อธิปได้ทาน และเอาเสื้อผ้าของอรัญไปไว้ที่บ้านอรัญญาให้เสร็จสรรพ  

     

    “เข้าบ้านข้างตึก พ่อยกให้จะอยู่ตรงไหน บ้านไหนก็ได้ ใครขัดใจให้บอกพ่อ พ่อจะจัดการให้” นั่นคือที่วราสั่ง

    ไหมนั้นเสียบปลั้กตู้เย็นและจัดเรียงของเข้าตู้ ป้อมนั้นก็เตรียมที่หลับที่นอนไว้เผื่อว่าอรัญญาต้องได้นอนที่บ้านนี้ รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีทางแต่ก็เตรียมไว้ก่อน ผ้าขนหนูพาดบนราวม่านขนาดเล็ก ตี๋นั้นจัดการพวกสบู่และของใช้มาไว้ในบ้านและจัดเรียงไว้ให้ในห้องน้ำ ทั้งแปรงสีฟันยาสีฟัน ใหม่ยกเซท ก่อนจะก้มลงใส่ถุงขยะที่ตั้งอยู่ข้างชักโครก ทุกคนจัดเตรียมอย่างดีจนเขาคิดว่า ดีกว่าบ้านวราที่เป็นเจ้าของบ้านเสียอีก เขานึกขำ วรานั้นคงไม่ทันเตรียมใจว่าหน้าที่ของอรัญนั้นจะเริ่มต้นตั้งแต่มาถึง 

    “ที่ผ่านมาถือซะว่าเป็นอรัญคนนี้ก็แล้วกัน” เขาบอกกับทุกคนแล้วรีบจัดการอาหารออกไปรอการอาบน้ำแต่งตัวให้อธิปเสร็จ เขาได้กลิ่นหอมอ่อนอ่อนเลยถามถามว่าอธิปใช้อะไร ซึ่งตอนนี้กลับมาดูดีเพราะมีการโกนหนวดเครา ยังสวมกางเกงผ้าแพรและเสื้อตัวใหม่ที่ป้อมจัดเตรียมมาให้ ดูสะอาดสะอ้านสบายตา 

    “เป็นไง สบายตัวขึ้นรึยัง?” อรัญญายิ้มพลางใช้ช้อนกลางตักไข่พะโล้ลงให้อธิปที่นั่งยิ้ม

    “กินเยอะๆเลยนะ เดี๋ยวจะนวดเท้าให้ จะได้นอนสบาย” เธอเสริม อธิปนั้นยิ้มอ้าปากกว้างตักข้าวใส่ปากคำโต ป้อมหันมายิ้มให้เขา รีบจัดจานผัดผักรวมมิตร แกงจืด และแกงแพนงหมูไปใกล้อรัญญาให้ตักให้อธิปได้สะดวก 

    “อร่อยไหมอธิป น้องสาวมาแล้ว ไหนอรัญตักให้พี่กินสิจะได้กินเยอะๆ” ป้อมเสริม อธิปพยักหน้ายกแก้วน้ำขึ้นถือ

    “ค่อยๆกิน เดี๋ยวเลอะ” เธอดึงกระดาษเช็ดมือซับปากให้ ก่อนอธิปจะดื่มน้ำ เมื่อดื่มน้ำเสร็จอธิปโน้มตัวไปหาอรัญเพื่อกอดและหอมแก้มและกอดสลับไปมา อรัญญาหัวเราะคงเพราะจั้กจี้

    “เดี๋ยวก็หายดีแล้ว...กินข้าวก่อนนะ” อรัญญาตบมือลงหลังอธิปและลูบเบาๆ

    “อย่าไปไหนอีกนะ” อธิปซบหน้าลงซอกคออรัญญาก่อนที่จะละจากกอด 

    “จะให้ไปไหนล่ะ กินข้าวหมดหอมแก้มสองข้างเลยนะ” อรัญญายิ้มแป้น 

    “เล่นเปียโนกัน” อธิปยิ้มหันไปสนใจกับการกิน คราวนี้อรัญญาเหลียวมองเบิกตากว้าง เขารับรู้ได้ทันทีว่าอรัญนั้นเล่นเปียโนไม่เป็น อันที่จริงก็ไม่ได้ยินเสียงเปียโนที่บ้านนี้มานานแล้วตั้งแต่อธิปนั้นแต่งงาน มันดูเงียบสงบเกินไปแล้ว เมื่อรู้ว่าอรัญญานั้นเล่นเปียโนไม่เป็นด้วยแล้วก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นคนละคนกัน

    “ชิบหายแล้ว” เธอลูบแขน 

    “ครับ?” อธิปมองเธอยกคิ้ว 

    “เปิดหนังดูดีกว่านะ อธิปจะได้นอนด้วยไง” อรัญแก้ต่าง 

    “ได้” อธิปหัวเราะ อรัญญาจึงเข้าไปหอมแก้มอธิปอีกครั้ง เธอเหลียวมองเขาและป้อมที่ยืนอยู่หลังอธิป และกดคิ้วลง 

     

    อรัญเปิดม้วนวีดีโอของไรท์พิคเจอร์มันเป็นคณะตลกของคาเฟ่ต่างๆ อธิปนั้นนอนกอดอรัญจนกระทั่งหลับไป อรัญนั้นนอนนิ่งๆเหลียวมองเขาและทุกคนอยู่ แค่ขยับนิดเดียวอธิปนั้นก็เกร็งแขนทันที ตั้งแต่เธอกลับมาที่นี่ยังไม่มีโอกาสเลยสักครั้งที่เธอจะได้คุยกับใคร หรือใครจะได้ทำความรู้จักกับเธอ เธอต้องอยู่แบบนั้นอยู่นานจนแน่ใจแล้วว่าอธิปหลับสนิทจึงลุกบิดคอและห่มผ้าแพรคลุมให้อธิป ก่อนที่จะเดินมานั่งที่บันใดตรงทางลงข้างสระว่ายน้ำ 

    “ไปไหนไม่ได้ เดี๋ยวตื่นมาไม่เจออีก” เธอพูดเบาๆ 

    “คืนนี้ให้นอนห้องอธิปเอา เดี๋ยวป้อมจะล็อคห้องนั้นไว้” ป้อมหันมาพูดกับเขา

    “ให้อยู่เป็นเพื่อนรึเปล่า?” เขาหันไปถามอรัญญา เธอส่ายหน้าไปมา ช่างเป็นความกล้าที่เขาไม่เคยเจอ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าที่จะอยู่ มันยังรู้สึกว่าภาสิรีนั้นยังวนเวียนอยู่ที่นี่ ไม่ได้ไปไหน อย่างไรเสียเขาก็ห่วงเธอที่ต้องอยู่กับอธิปข้างบนนั้น 

    “ขึ้นไปหาน้องหน่อยไหม จะได้รู้ว่ามา” ป้อมวางมือบนไหล่เธอ เธอเงียบอยู่ครู่ก่อนพยักหน้า

    มันเป็นโลงศพสีเงินดำ ถ้าหากเปิดแล้วก็จะมีโลงอยู่อีกชั้นหนึ่ง เธอเปิดเพียงชั้นแรกเท่านั้นและถอนหายใจออกมา ป้อมจุดธุปและส่งให้เธอได้ไหว้บอกกล่าว เธอใช้เวลาบอกกล่าวอย่างเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงสะบัดของผ้าม่าน มันมีลมผ่านเข้ามา เธอเงียบและปักธูปลง 

    “รออธิปแต่มาไม่ทัน เห็นบอกไม่อยากให้อธิปเห็นหน้าตอนไม่สบาย น้องไม่มีผมนะอรัญ” ป้อมอธิบาย 

    “ก็หาวิกให้เขาสิ...ไปกันเถอะเดี๋ยวอธิปตื่น” อรัญญาตอบ พลางลุก เมื่อเดินลงมาถึงยังชั้นล่าง นาฬิกาแขวนที่เสียไปนานมันก็เกิดดังขึ้นมา ตีครั้งเดียว บอกเวลาบ่ายโมง เธอรีบเดินไปหาอธิป แต่เขาและป้อมยืนมองหน้ากัน เพราะมันไม่เคยดังมานานแสดงว่าอาจจะเสีย อรัญญานั้นคงกลัวว่าอธิปจะตื่น 

    เขาพูดคุยเรื่องนาฬิกาอยู่กับป้อมและไหมเพราะอยู่ดีๆมันก็ดังขึ้นมา ไหมนั้นว่ามันอาจจะเสียก็ได้เพราะชั่วโมงต่อมามันก็ไม่ดังขึ้นอีก ไม่นานอรัญนั้นก็เดินมา เขาเพิ่งนึกได้ว่าเธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย แต่ไม่ทันแล้วเธอนั่งลงบนแคร่เปิดกระติกข้าวเหนียว และฉีกเนื้อปลาทูทอดเข้าปาก ทั้งจิ้มน้ำจิ้มแจ่วอย่างไม่รีรอ ไม่ได้ถามว่าทานได้ไหม เธอทานเลย แปลว่าหิวมากเขารีบปรี่เข้าไปหา

    “ต้องล้างมือก่อน กินแบบนี้ไม่ได้” เขาตักน้ำไปให้เธอได้ล้างมือทั้งส่งผ้าขนหนูผืนใหม่ให้เธอเช็ดมือ ที่ผ่านมานั้นเขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจความสะอาด เกรงว่ามันจะเกิดขึ้นซ้ำสอง หากเกิดอะไรขึ้นกับอรัญญาอีกคนแล้ว คนที่ผิดก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนแล้ว ดีที่เธอทำตามที่เขาบอกอย่างไม่ได้อิดออด

    “อยู่โน่นมีแฟนรึยัง?” เขาถามพลางชวนเธอคุย

    “ไม่เคยมี” เธอตอบ 

    “แล้วเห็นอธิปจะไม่ตกใจเหรอ?” ป้อมที่นั่งอยู่ตั่งไม้จัดใบพลูอยู่ ยิ้มถามเธอ

    “...ก็อายนะ แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไร เราแค่..ช่วยเขานิดหน่อย” อรัญญาพูดก่อนทานข้าว

    “อธิปไม่แตะเลยเหรอ รึจับแตะอยู่?” 

    “ป้อม” เขาท้วงที่เธอถามมาก ป้อมหัวเราะกลบเกลื่อน อรัญญานั้นทานต่อ 

    “พอจะรับมือได้ไหมล่ะ อยู่ได้ไหม?” เขาถามเธอ ออกจะห่วงเกรงว่าเธอจะอยู่ไม่ได้  

    “....” เธอพยักหน้าและทานข้าวอีกสองสามคำ จึงล้างมือและรีบลุก คงเพราะกลัวอธิปตื่น 

    เมื่ออธิปลืมตาตื่นกลายเป็นอรัญญาเสียเองที่หลับอยู่ข้างๆ คงเพราะเฝ้าจนม๊อยหลับไปเพราะพัดลมเพดานมันเป่ามา อธิปเหลียวมองอรัญที่นอนอยู่จึงลุกนั่งและมองเธอ ใช้มือสัมผัสใบหน้าเธอก่อนที่จะก้มลงไปหอมแก้มหล่อนไม่เลิก ทั้งมองสลับหอมแก้มทั้งจูบหน้าผากและริมฝีปาก จนเขาต้องกระแอมให้รู้วาเขาและป้อมนั้นอยู่ตรงนี้นะ

    “อธิป น้องนอนอยู่” เขาบอก 

    “ไม่ได้รึไง จะทำอะไรก็ได้นะ เลี้ยงมาเองกับมือ!” อธิปขมวดคิ้วพูดกับเขา ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เขาดีใจที่ได้ยินคำนี้ เขาอดไม่ได้เลยหัวเราะออกมา อรัญญานั้นรู้สึกตัวเสียแล้ว

    “หิวน้ำมั้ย หิวข้าวรึเปล่า?” อรัญถามอธิปเบาๆ อธิปจับมืออรัญขึ้นมาจูบและวางมือเธอแนบหน้า

    “ไม่ต้องลุก เดี๋ยวไปกินน้ำเอง เดี๋ยวจะมา” อธิปจูบมือเธออีกครั้ง 

    “รีบมานะ” อรัญบอก อธิปรีบลุกและวิ่งเข้าห้องครัวไปเอาน้ำ ป้อมนั้นยิ้มแก้มปริ 

    ช่วงแรกนั้นเขาตั้งใจว่าจะปิดห้องภาสิรีไว้เสียก่อนจนกว่าอธิปนั้นจะทำใจได้ เมื่อยามขึ้นนอนนั้นอรัญญาจะพาเข้าห้องนอนของอธิปโดยตรง และเปิดโคมไฟที่หัวเตียงไว้เพราะหากอธิปตื่นจะได้เห็นเธอจนกว่าจะแน่ใจว่าอรัญนั้นไม่ได้ไปไหนและมีตัวตนอยู่จริง เพราะยังดูเหมือนอธิปนั้นยังหวาดกลัวที่อรัญนั้นจะหายตัวไปอีก ช่วงนี้อรัญญาจึงใช้เวลาแทบจะทุกนาทีเพื่ออยู่กับอธิป  

     

    วราได้รับข่าวดีที่เขาแจ้ง มันเป็นวันที่สดใสมีคนเข้าออกมาทำความสะอาด ทีวีเครื่องใหม่ก็ถูกยกเข้ามา ภายในและเริ่มทำบ้านที่จะใช้เก็บเสื้อผ้า มีการทำชั้นวางของและแยกแยะของเข้าครัวใหม่เก่า และได้นำตู้แช่แบบใหม่เข้ามาใช้  ทั้งอรัญญาขอให้คนเข้ามาตัดผมให้ทุกคนในบ้าน เธอสัญญาว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นแน่ๆ จึงเป็นชายมีอายุเป็นช่างที่ตัดผมให้วราอยู่เป็นประจำได้เข้ามาตัด

    อธิปนั้นอาบน้ำและลงมายังห้องโถงเพื่อที่จะเล่นเปียโนกับอรัญญา ดูสดใสขึ้นกว่าเดิมมาก เขาไม่รู้อรัญญานั้นทำได้อย่างไร  อรัญญาจับมืออธิปที่กำลังจะเล่นเปียโนขึ้นดูเหมือนว่าอธิปนั้นจะทิ้งน้ำหนักมือและมองมัน

    “เล็บยาวอย่างกับผู้หญิงแนะ หึ?” อีกมือพลางคลำเอวอธิป อธิปหัวเราะ 

    “หามีดตัดเล็บไม่เจอ” เสียงนั้นสดใสยิ้มจนเห็นฟัน จ้องแต่จะจูบหน้าผากอรัญญาอยู่เป็นระยะ

    “มา ไปนั่งตรงนั้นจะตัดเล็บให้ อย่าเพิ่งเล่น” เธอเตรียมอุปกรณ์มาครบอย่าที่เขาไม่ต้องหา ได้ยินเสียงเลื่อยไม้อยู่ไกลๆ เธอขอร้องเขาให้เปิดเพลงในบ้านฟัง อัลบั้มไหนก็ได้ที่มีอยู่ในบ้านนี้ เขาเลือกดูอัลบั้มเพลง แจ้ ดนุพล ในเมื่ออะไรก็ได้เขาก็เปิดตามนั้น กลับมาก็เห็นอรัญญานั่งตัดเล็บเท้าให้อธิปที่นอนอยู่ เขารับรู้ได้ว่าเธอออกความพยายามที่จะให้อธิปหายดี

    “อยากกินอะไรล่ะจะได้ให้ป้อมจัดให้” เขาเดินไปหาอธิปและชวนคุย

    “อะไรก็ได้ ห้ามกินปลาร้า มันไม่สะอาด เดี๋ยวติดเชื้อ” อธิปพูดภาษาอีสานท้องที่ 

    “สะอาดเกินไปนั่นแหละจะติดโรค รู้รึเปล่าว่ามีคนอังกฤษเขารักความสะอาดมาก กลัวเชื้อโรคที่สุด แต่เขาไม่สบายเพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน เคยได้ยินรึเปล่า?” อรัญหันไปถามอธิปที่นอนหลับตาอยู่

    “ห้ามกิน ห้ามออกไปไหน อยู่ที่นี่แหละอย่าไปไหน” 

    “งั้นก็ตามว่า” อรัญญาหันมายิ้มให้เขา อธิปก็พลอยยิ้มไปด้วยถ้าอรัญตามใจ 

    “คุณพ่อวราถามหาแล้วนะครับ ไม่ไปหาแกบ้างเหรอ?” เขาต้องพยายามชวนอธิปคุยให้มาก ดูเหมือนอธิปตอบสนองได้ไวขึ้น อธิปนั้นพยักหน้าอย่างไว

    “บอกคุณพ่อว่าน้องสบายอยู่ขอดูน้องก่อนครับ” อธิปยิ้มบอก แสดงว่ายังแยกไม่ออกเรื่องจริงกับสิ่งที่ผ่านมา เขาใจสั่นเล็กน้อย 

    “เฮอะ!” อรัญเงยหน้า คงจะบอกว่าใครกันแน่ที่ไม่สบาย

    “ปิดม่านให้หน่อยครับ เดี๋ยวน้องจะโดดแดด” อธิปหันมาบอกเขาอย่างไม่อยากขยับตัว เขายืนอึ้งและงงอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินไปดึงม่านทึบปิดที่หน้าต่าง 

    “จะเห็นไหมล่ะ?”

    “เห็นสิ” อธิปตอบ ทั้งๆที่เขาถามอรัญญา อรัญญานั้นได้แต่นั่งอมยิ้มอยู่พลางใช้กรรไกรตัดหนังอยู่ 

    “เดี๋ยวจะเป็นมะเร็ง” อธิปบอกเธอ อย่างไรเสียก็ยังคงมีความคิดแปลกๆแทรกเข้ามาอยู่บ้าง หวังว่าอรัญนั้นคงจะรับได้เหมือนที่ทุกคนยอมรับ 

    “น้อมรับคำสั่ง” อรัญหันไปพูดกับอธิป เขาสอบถามอรัญว่าต้องการอะไรบ้างเพราะจะต้องเข้าไปสั่งซื้อ อรัญนั้นสั่งน้ำมันที่ใช้นวด และของใช้บางอย่าง เธอเงียบคิดอยู่ครู่ จึงกดคิ้วลงเงยหน้าขึ้นมาถาม

    “...ไปหาหนังมาดูได้ไหม?” อรัญญาพูดขึ้น เขารู้สึกเห็นใจเรื่องนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    “เรื่องอะไรล่ะ ว่าจะไปเอาเปาบุ้นจิ้นมาดูอยู่ มีร้านเช่า” เขาชอบดูอะไรแบบนี้ น่าจะมีตามร้านเช่าซึ่งเขาก็ยังไม่รู้จะค้องทำอย่างไรบ้างแต่ก็อยากทำ

    “แล้วจะรู้ได้ไงว่ามีเรื่องอะไร?” เธอเงียบเหลียวมองอธิปเมื่อเขาปรายตามองอธิปที่นอนหลับตาอยู่ เมื่ออธิปลืมตาขึ้น

    “....ไม่ หนังที่บ้านมีตั้งเยอะแยะ อยากได้ม้วนไหนก็ซื้อมาให้” 

    “พาน้องออกไปเปิดหูเปิดตาบ้างเป็นไรล่ะ เอาตี๋ไปด้วย ป่ะ ลุกแต่งตัว” เขาแนะนำ 

    เขาจอดรถที่ร้านเช่าวีดีโอ ตี๋นั้นดูออกจะตื่นเต้น เพราะไม่ได้ออกมานานแล้ว อธิปให้เงินติดตัวกันไว้ เขานั้นรู้สึกว่าอธิปนั้นยอมเปิดใจลองที่จะให้อรัญญานั้นได้ออกมา อรัญญาเดินไปยืนข้างตี๋ที่ยืนอยู่รถเข็นขายกล้วยทอด ตี๋รีบขยับออก เธอเอนตัวเข้าไปบอกตี๋ 

    “อย่าเพิ่งซื้อดีกว่าเช่าหนังเสร็จค่อยมาซื้อดีไหม ซื้อลูกชิ้นทอดด้วย” ตี๋มองหน้าอรัญญารีบพยักหน้าและเดินเข้าร้านอย่างไว 

    “อรัญ...จำได้ไหม?” ชายหนุ่มชี้นิ้วเข้าตัวเอง ขณะที่อรัญยืนเลือกม้วนวีดีโออยู่ เด็กหนุ่มสวมกางเกงขาสั้นถึงเข่าเสื้อยืด รองเท้าแตะหนัง เขานั้นจำได้ดี และพยักหน้าเมื่อรับไหว้ ชายหนุ่มยังเรียกเขาว่า คุณครู ทำเขาหัวเราะ ตี๋ดึงเขาเดินไปด้านในอย่างไว คงพาเขาไปดูม้วนหนังเปาบุ้นจิ้นที่เขาหา 

    “ไม่ได้” เสียงอรัญญาตอบ

    “อาร์ตไง ที่ต่อเลโก้ หาเรื่องอะไรล่ะ จะหยิบให้”

    “มีหนังอะไรดู?”

    “หนังไทยหนังฝรั่งล่ะ ดูนี่ม่ะ เพิ่งออกจากโรง...”

    “ลุง ไม่ห้ามล่ะ ถ้าอธิปมาเห็นล่ะตายแน่ๆ” ตี๋พูดเบาๆ 

    ไม่ทันไร เสียงก็ดัง โครม!! เขาเห็นอธิปเดินผ่านซอกไปอย่างไว เขารีบเร่งฝีเท้าไปที่ด้านหน้าอย่างไว เห็นอธิปดึงคอเสื้อเด็กหนุ่มที่กองอยู่กับพื้นขึ้นจนตัวลอย คอเสื้อยืดนั้นมันรัดคอเด็กหนุ่มอยู่ กล่องม้วนวีดีโอที่ตั้งเรียงโชว์อยู่กระจัดกระจาย เสียงเอะอะของพนักงาน ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทุกคนออกมายืนดู อธิปนั้นสั่นและหน้าแดงราวกับจะฆ่าแกงคนได้ 

    “พี่อธิป ปล่อยเขานะ” อรัญญาตาโต อ้าปากค้างสีหน้าดูตื่นและทำอะไรไม่ถูก 

    “เกิดอะไรขึ้นครับ ลูกค้าครับ” เสียงพนักงานกระวีกระวาดถามอย่างตกตะลึง 

    “อธิป... ปล่อยเขา เขาอยู่ที่นี่ ที่นี่ที่ของเขา ปล่อย” เขาตั้งสติพูดกับอธิป 

    “พี่อธิป ..อยากกลับบ้านแล้ว” อรัญพูดเพียงเท่านั้น อธิปจึงปล่อย แล้วหันมาหาอรัญที่ยืนหน้าซีดอยู่ 

    “...!?” อธิปจูงอารยามาดึงกุญรถจากเขา

    “ไปซื้อของ เดี๋ยวจะรออยู่รถ” อธิปหันมาบอกเขาและตี๋ที่ยืนจังงังอยู่ ช่างเป็นความปราณีอย่างเหลือล้นในเวลาแบบนี้ยังจะให้มีกระจิตกระใจซื้อของ

    “ลุง!” อรัญเรียก ทั้งเสียงอุทานอย่างตกใจ เขารีบเดินไปหาเด็กหนุ่มและสำรวจว่าเป็นอะไรบ้าง เด็กหนุ่มหายใจหอบบอกทุกคนว่าไม่เป็นไร ตี๋ก้มลงไปเก็บของช่วยพนักงานอย่างเร่งมือ เด็กหนุ่มหันมาถามเขา

    “แกเป็นอะไรครับ?” 

    “เขาไม่เป็นไร หนุ่มล่ะเป็นไรรึเปล่า?” เขาถามกลับ

    “ผมไม่เป็นไร แต่ทำไมแกโกรธผมแบบนั้นครับ?” เมื่อถามมาแบบนั้นเขาจึงจำเป็นต้องโกหกเพราะมีหลายหูรอฟังเหตุผลอยู่หากไม่เห็นสมควรคงเอาเรื่องเขาและตี๋แน่  

    “น้องมันเคยโดนฉุด ครั้งที่แล้วก็เกือบตามไม่ทัน พอเห็นเลยตกใจ พ่อขอโทษนะหนุ่ม” เขาจับไหล่ เด็กหนุ่มเริ่มพยักหน้าและบอกว่านี่เป็นธุรกิจของพ่อเขา เขาจะมาดูช่วงวันหยุด ทั้งยังช่วยเขาหาเลือกหนังแต่ต้องสมัครบัตรสมาชิกก่อน เมื่อสอบถามเบอร์โทรศัพท์เขานั้นเหลียวมองตี๋อยู่ครู่ ที่สุดแล้วจึงให้เบอร์บ้านวราไป

    “...นี่ไม่ใช่เบอร์เก่าที่ผมเคยโทรไป เปลี่ยนเบอร์แล้วเหรอครับ?” ครั้งนี้เขารู้แล้วว่าใครที่เป็นต้นเรื่องให้อธิปพังโทรศัพท์บ้านทุกเครื่อง

    “มันคงเสีย โทรไปทำไมล่ะ?”

    “ผมโทรไปไม่มีใครพูด ถ้าเป็นอรัญล่ะรับเลย ได้คุยเรื่องแข่งต่อเลโก้เอง ครั้งที่สองโทรไป ผู้ชายรับ สายก็ตัดไปเลย” ชายหนุ่มอธิบายทั้งแสกนม้วนวิดีโอไป

    “ใครให้เบอร์ไป อรัญเหรอ?” เขาเหลียวมองตี๋ที่ยืนรอห่างๆ 

    “พี่อ้อดรึเปล่า ผมก็จำชื่อเขาไม่ได้” เขาแค่พยักหน้าเพราะหมดคำจะพูด อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด หลังจากนั้นก็แวะซื้อของเพื่อให้อธิปและอรัญญาปรับความเข้าใจกันก่อน เป็นการฆ่าเวลาไปในตัว 

    “ใช่คนนี้รึเปล่าที่โทรไปบ่อยๆ?” เขาถามตี๋ขณะยืนรอลูกชิ้นทอด 

    “ไม่ ที่โรงเรียนนั่นแหละที่โทรมากวน” ตี๋บอกเพียงเท่านั้นและไม่พูดอะไรอีก ซึ่งมันก็อาจจะเกี่ยวข้องกับที่มีเรื่องบ่อยๆ ก่อนที่ตี๋จะได้ออกจากโรงเรียน ตี๋ไม่บอกไม่เล่าอะไรทั้งนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมไม่ฟ้องอธิปไปเลยว่าใครมีเรื่องอะไรมีปัญหาอะไรถึงมาสร้างความรำคาญใจ เขาตัดสินใจไม่ถามต่อ  คืนนี้เขาและตี๋จะดูเปาบุ้นจิ้น

     

    “บ้าจริง ปล่อยนะพี่อธิป!” อธิปลงรถทั้งลากอรัญญาลงจากรถเธอไม่ทันที่จะตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ อธิปจะลากเธอขึ้นไปยังชั้นบนอย่างไม่สนใจใครไม่ว่าจะหน้าไหนห้ามทั้งนั้น เขาเองก็ไม่กล้าที่จะห้าม อรัญนั้นถึงกับกรีดร้องเพราะถูกลากขึ้นบันใดไป เสียงประตูปิดดังตึง!! เขาและตี๋ได้แต่ยืนมองหน้ากัน ประจวบเหมาะที่ป้อมและไหมวิ่งมา การที่เขาแวะซื้อของกินเพื่อฆ่าเวลานั้นนั้นไม่ได้ช่วยลดอารมณ์ของอธิปลงบ้างเลย

    “อยู่ในนี้แหละ!!” เสียงอธิปดังก้องที่ชั้นบน

    “ปล่อยนะ อย่าทำแบบนี้” 

    “ผมบอกแล้ว นี่ถ้าไม่มีใครห้ามไอ้ห่านั่นตายแน่” ตี๋หันมาพูดกับเขา

    “อะไร เกิดอะไรขึ้นล่ะ?” ป้อมเอ่ยถาม

    “ตายแท้ๆแล้วป้อม” เขาบอกป้อมพลางถอนใจ แทนที่จะได้เปิดหูเปิดตามันจะได้ปิดหูปิดตาก็คราวนี้แหละ 

    เขาบอกตี๋ให้รีบไปหยิบโทรศัพท์เครื่องเก่ามาลองเสียต่อสายเดิมซึ่งไม่รู้จะยังใช้การได้หรือเปล่าเพราะมันก็นานมาแล้วที่ไม่ได้ใช้การ เมื่อตี๋ต่อเสร็จเขาเลยรีบยกหูโทรศัพท์ เขาพยักหน้าเมื่อได้ยินเสียงจึงลองกดปุ่มดู เขารายงานวราว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นทั้งหมด ตี๋นั้นถือถุงของกินยืนตัวแข็งเล่าเรื่องทั้งหมดให้ป้อมฟัง ขณะที่เสียงรถคนงานที่มาทำบ้านค่อยๆทยอยกลับออกไปดังอยู่ไกลๆ

    รถเข้ามาจอด วรานั้นลงจากเบาะหลังถือไม้ตะพดและหวายมาด้ามหนึ่ง เมื่อมาถึงห้องโถง วรามองเขาและส่ายหน้าขึ้นชั้นบน เสียงตี๋พูดขึ้นไปที่ชั้นบนบอกอธิปว่า

    “พี่อธิปครับ พ่อวรามาครับ” เพียงเท่านั้นเสียงเปิดประตูก็เปิดออก มันดังและอธิปลงจากบ้านมา วราดึงหวายจากมืออีกข้างยกจะฟาดอธิป อธิปใช้มือยกขึ้นบัง

    “สามสิบสี่แล้ว..!”

    “ไปพาน้องมา พ่อจะพาไปอยู่ในเมือง” วราพูดเรียบๆทำทีจะฟาดอธิป

    “จะบ้ารึป๋า!!” วราลงหวายพี่ขา เสียงดังเพี๊ยะ!! ถึงจะเป็นกางเกงขายาวแต่รับรองว่าแสบทะลุผ้าแน่ อธิปรีบยกขาขึ้นกุม สีหน้าเหยเก คงจะแสบเอาการ อรัญวิ่งลงมายังชั้นล่างกับตี๋ เธอหยุดเมื่อถึงบันใดขั้นสุดท้าย และค่อยๆก้าวเท้าลงมา

    “จะขังน้องเหรอ หึ?” วราฟาดอีกที่กลางหลัง และน่อง อธิปร้องและนั่งลงยองๆ อรัญจึงยกมือห้ามวรา และเข้าไปโอบอธิปเพื่อบังไว้ไม่ให้วราลงหวาย เธอยกมือขึ้นห้าม คราวนี้อธิปดูเหมือนยังเป็นเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าปรับอารมณ์ได้อย่างไร เพียงแค่เห็นหวายด้ามเท่านั้นถึงกับหงอ ท่าทีที่โกรธอรัญญาเมื่อตะกี้หายไปพลัน ความเป็นคนดุดันเป็นผู้ใหญ่หายไปสิ้น มันทำเขานึกขัน

    “ขังที่ไหน ก็อยู่นี่ไง เลิกตีได้แล้ว” อธิปบอกพลางจะหลบหวายเพราะจะโดนอีก มันคงเป็นอาการเมาติดต่อกันหลายวันเลยทำให้อธิปนั้นสับสนทั้งจำไม่ได้ว่าตัวเองนั้นอายุเท่าไหร่ พูดสับไปมา  

    “พามาให้เลี้ยง ไม่ใช่ให้มาเป็นทาส รู้รึยังว่ามันเป็นยังไง หึ?” วรายกไม้ขึ้นอีก และฟาดเบาตรงจุดที่จะตีได้ ไม่ให้โดนอรัญญา

    “ครับครับ  รู้แล้วครับ .. เก็บไม้ก่อนป๋า เจ็บหมดแล้ว!” อธิปตะคอก

    “รู้รึเปล่าว่าเมียท้องแล้ว ทำไมไม่ไปดูแล” วราพูดเรียบๆ มาตั้งแต่ต้น แม้กระทั่งลงหวายยังไม่แสดงท่าทีโกรธ เขารับรู้ได้ว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดีอีกเรื่องหนึ่ง ป้อมหันมายิ้มให้กับเขาเพราะในที่สุดวราก็ได้หลาน วรานั้นคงไม่ได้โกรธอธิปจริงๆ คงเป็นการมาดูอาการอธิปมากกว่า เพราะการมีหลานนั้นเป็นสิ่งที่วราต้องการมากที่สุด 

    “รู้ครับ แต่น้องไม่สบาย ดูน้องก่อนได้ไหมครับ สองสามวัน” อธิปลดเสียง

    “แกจะไปรู้ได้ไง เขาเพิ่งบอก จะทำมั้ยการงาน ต้องหาเงิน จะมาเล่นแบบนี้ได้ไง?” วราใช้หวายเขี่ยขากางเกงอธิปขึ้น อธิปปัดออกและนั่งลงกับพื้น 

    “รู้แล้วกันน่า.. กลับไปก่อนป๋า อายน้องแล้วนี่ มาตีอะไรตอนนี้ เจ็บนะนี่ ไข้ขึ้นใครจะดูน้อง” 

    “น้องมันยังโตกว่าแกอีก อย่าให้รู้ว่าทำแบบนี้อีก ไปก่อเรื่องข้างนอกให้อายคน” วราใช้หวายแตะกลางหน้าผากอธิปเบาๆครั้งเดียว อธิปนั้นยืนนิ่งครู่หนึ่ง 

    “รับรองเลยครับ ไม่มีอีกแล้ว กลับไปก่อนป๋า เอาไม้ไปด้วย” อธิปใช้สองมือกวัดออกจากลำตัว เป็นการบอกให้วราไป 

     

    “ไม่อยู่ก่อนเหรอวรา อุตส่าห์มา กินข้าวกับลูกก่อนเป็นไรล่ะ” เขาพูดเดินตามวราที่กำลังสาวเท้าออกจากบ้านเดินกลับไปขึ้นรถ 

    “อยู่กับไอ้ห่านี่เสียอารมณ์ มันต้องโดนบ้าง บางครั้งก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจ อนงค์มักจะตามใจมัน... ต้องกลับก่อนเดี๋ยวความดันจะขึ้น....มันดีขึ้นแล้วนะ ฝากขอบใจลูกสาวคนเล็ก” พูดจบวราก้มตัวลงนั่งในรถ และบอกเขาให้ช่วยดูแลอธิปและอรัญให้ดี ขาดเหลืออะไรให้บอก อย่างน้อยเขาก็ได้รู้ว่าวราไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนี้ เพียงแค่เพราะมาเพื่อดูอาการของอธิปเฉยๆ 

    ถึงกระนั้นหลังและน่องของอธิปก็บวมเป็นทางยาว ป้อมหัวเราะที่ตอนนี้อธิปหมดสภาพ นั่งตัวตรงให้อรัญญาทายาหม่องให้ที่ห้องนั่งเล่น ที่เขาเปิดหนังดูกับตี๋อย่างสบายใจ อธิปนั้นก็ดูไม่มีท่าทีจะโกรธหรือถามว่าเป็นฝีมือใครที่รายงานวรา นั่งหน้านิ่งให้อรัญญาทายาให้

    “หมดสภาพเลยมั้ยโกโบริ” ป้อมหัวเราะถาม

    “ยัง” อธิปปรายตามอง พลางขมวดคิ้วลงเพราะเจ็บ

    “รู้จักไหม อรัญคู่กรรม เคยดูไหม?” 

    “..พี่กวางรึเปล่า...โกโบริต้องตายนะเรื่องนี้ โถ.. โกโบริของอรัญ” อรัญญาพูดอย่างไม่ได้ยิ้ม แต่มันสร้างเสียงหัวเราะให้ทุกคนที่เห็นสภาพอธิปนั้นเกรงวราเอามาก 

    “ห้ามออกไปไหนอีก ต่อไปถ้าเตี่ยตีอีกจะให้ตีให้ตายไปเลย ยอมความดื้อของคน” 

    “ไม่ไปก็ไม่ไป ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว อยู่ที่นี่กับโกโบรินี่แหละเนาะ คู่เวร” อรัญก้มลงบอกอธิป เธอพูดเรียบๆ แต่ตี๋ที่นั่งขัดสมาธิค้ำคางดูทีวีอยู่ยิ้มขึ้น เขาเองก็อดยิ้มไม่ได้ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×