ภารกิจพิชิตใจ - นิยาย ภารกิจพิชิตใจ : Dek-D.com - Writer
×

    ภารกิจพิชิตใจ

    เมื่อสองสาวฝาแฝดร่วมปฏิบัติภารกิจลับเพื่อช่วยเหลือครอบครัวไม่เคยมีอะไรมาขวางทางพวกเธอได้ แม้แต่ คำว่าความรัก มา่ร่วมลุ้นกันว่า พวกเธอจะฝ่าฟันมันไปได้สักแค่ไหน

    ผู้เข้าชมรวม

    182

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    182

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    1
    จำนวนตอน :  3 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  6 ก.ย. 56 / 01:31 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอนที่ 1 ลูกสาวเจ้าแม่

    “สินีเหรอลูก นิศาอยู่กับลูกหรือเปล่าจ๊ะ”

    “อยู่ค่ะแม่”

    “พรุ่งนี้ทั้งสองคนมาหาแม่ด่วน แม่มีงานให้ลูกๆทำ”

    “ค่ะ”

    วาสินี และ วนิศา พี่น้องฝาแฝดลูกสาวคุณสรวงสุภางค์  กีรติวิโรจน์ ม่ายสาวพราวเสน่ห์ อายุ 45 ปี เจ้าแม่ส่งออก เจ้าของ ไทยฟาร์มเมอร์ ธุรกิจส่งออกผลิตผลทางการเกษตรชื่อดังของเมืองไทย ปัจจุบันคุณสรวงสุภางค์บริหารงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ คุณสรวงสุภางค์แต่งงานกับคุณกิตติพ่อของวาสินีและวนิศา ซึ่งอดีตเป็นเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนระดับประถมศึกษาเล็กๆแห่งหนึ่งในอำเภอเขาช่อง แต่ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวจนร่ำรวยเป็นเศรษฐีใหญ่ระดับจังหวัด เมื่อเจ็ดปีที่แล้วเกิดเรื่องเศร้าขึ้นกับครอบครัวกีรติวิโรจน์คุณกิตติป่วยหนักและเสียชีวิตในที่สุด คุณสรวงสุภางค์ประคับประคองดูแลลูกๆเพียงตัวคนเดียว ด้วยความที่เป็นคนขยัน ฉลาด และหัวไว เมื่อโอกาสเปิดคุณสรวงสุภางค์รีบคว้าและขวนขวายผลักดันธุรกิจของตนเข้าสู่ระดับโลกทันที จนปัจจุบันไทยฟาร์มเมอร์ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงระดับสากล

    คุณสรวงสุภางค์มีลูกทั้งหมด 3 คน นั่นคือ เวทิต ลูกชายคนโต วาสินี วนิศา ลูกสาวสุดสวยสองพี่น้องฝาแฝดซึ่งเป็นกำลังขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัวอย่างลับๆ และมีเวทิตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักในการช่วยงานบริหารไทยฟาร์มเมอร์ให้ใหญ่โตจนทุกวันนี้ เวทิตแต่งงานกับอรอนงค์ มีลูกที่น่ารักด้วยกันสองคนคือ เด็กชายตั้งต้น และเด็กหญิงขวัญข้าว

    หลังคุณกิตติเสียชีวิตหนึ่งปีวาสินีและวนิศาขอไปเรียนต่อต่างประเทศในสาขาที่ตนรัก คุณสรวงสุภางค์ก็มิได้ขัดให้ลูกทำตามความฝันของตัวเองอย่างเต็มที่ จึงเป็นเหตุให้คนในสังคมไม่เคยเห็นหน้าค่าตาลูกสาวทั้งสองคนของคุณสรวงสุภางค์ รู้เพียงว่า นอกจากเวทิตแล้ว คุณสรวงสุภางค์ยังมีลูกสาวอีกสองคน

    ขณะที่วาสินีและวนิศาเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ทั้งคู่เรียนเก็บหน่วยกิตจากมหาวิทยาเปิดของรัฐบาลไทย เมื่อจบชั้นมัธยมศึกษาปี 6 จึงมาเทียบโอนและเก็บหน่วยกิตเพิ่มไม่กี่วิชาก็จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยอายุเพียง 18 ปี จากนั้นทั้งคู่ก็ไปศึกษาระดับปริญญาตรีเพิ่มเติมที่ประเทศสหัสรัฐอเมริกา และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจ สมัยเรียนเมื่อมีเวลาก็จะไปเรียนทั้งภาษา บัญชี การโรงแรม ทำอาหาร ออกแบบ งานข่าว ศิลปะป้องกันตัว เรียกว่า ตลอดเวลาที่อยู่เมืองนอกหกปีทั้งสองใช้เวลาอย่างคุ้มค่ากับการเรียนสารพัดอย่าง เพื่อนำวิชาความรู้ทั้งหมดมาช่วยเหลือครอบครัว

    เมื่อสองศรีพี่น้องเรียนจบก็รีบกลับเมืองไทยทันที แต่ขอคุณสรวงสุภางค์มาอยู่เป็นการส่วนตัวที่บ้านพักหลังเล็กๆ ทว่าร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์แถบชานเมือง เพื่อสะดวกแก่การทำงานและหาประสบการณ์ชีวิตก่อนที่จะไปช่วยงานครอบครัวแบบเต็มตัว คุณสรวงสุภางค์จึงอนุญาต

    “นิศา แม่เรียกพวกเราไปพบ ต้องมีภารกิจสำคัญให้พวกเราทำอีกแน่ๆคราวนี้”

    “เราก็ว่า นายว่าคราวนี้แม่ก็ให้เราไปสืบความลับคู่แข่ง หรือ แม่ต้องอยากได้อะไรอีกแน่นอน”

    “เราว่าชัวร์ แต่ทุกครั้งที่ต้องทำภารกิจ เราสนุกสุดๆไปเลย ดูชีวิตมันมีรสชาติดีไม่จำเจ”

    “นายนี่นะจริงๆเลย แต่เวลาเสี่ยงนี่สิเกือบตายนะสินี นายจำที่เราเข้าไปสืบเรื่องส่งออกข้าวของนายเดวิดที่เวียดนามได้ไหม ตอนนั้นมันเกือบจับได้โดนไล่ยิงแทบตาย” ทั้งสองนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อ 5 ปี ที่แล้ว วนิสาสาวสวยในชุดแดงเพลิงเปรี้ยวจี๊ดกำลังเดินเกาะแขนนายเดวิด เจ้าของธุรกิจส่งออกข้าวขนาดใหญ่ของเวียดนาม ที่กำลังทำเร่งผลิตข้าวหอมมะลิพันธุ์ดีส่งออกไปยังตลาดโลก คู่แข่งทางการค้าคนสำคัญของไทยฟาร์มเมอร์

    “ที่รักเห็นข้าวพวกนี้ไหม ดูสิ เม็ดยาวสวย หอมมาก ข้าวพันธุ์นี้แหละกำลังจะเป็นพันธุ์ข้าวที่ดีสุดของโลก”

    “แต่คุณเดวิดคะ ข้าวพันธุ์นี้เป็นของไทยฟาร์มเมอร์ไม่ใช่เหรอคะ”

    “ใช่ นั่นมันเมื่อก่อน แต่เมื่อเราได้พันธุ์มันมา เราปลูกของเราได้ เราก็มีสิทธิ์ส่งออกเหมือนกัน”

    “มันไม่เรียกว่า ขโมยเหรอคะ”

    “ไม่จ่ะ ที่รัก เค้าเรียกมือใครยาวสาวได้สาวเอา การแข่งขันทางธุรกิจก็เป็นแบบนี้แหละมันต้องมีการต่อสู้กันตลอด”

    “แต่แซนดี้ว่า มันไม่ถูกต้องนะคะ”

    “มันถูกต้องที่สุดจ่ะที่รัก เรากลับกันเถอะจ่ะ โรงงานสีปิดแล้ว” นายเดวิดเดินโอบไหล่วนิศาออกมาอย่างอารมณ์ดี โดยมีบอดี้การ์ดนับสิบเดินตามหลังคอยระวังภัย และมาหยุดอยู่ที่สปอร์ตสีเหลืองรุ่นใหม่ล่าสุด ราคาเหยียบสามสิบล้าน

    “ใคร ใครมันกล้าทำกับฉันแบบนี้ ใคร” เสียงเดวิดร้องเอะอะโวยวายด้วยความโมโห ตามองไปที่ที่รถสุดหรูจน ซึ่งบัดนี้มีมือดีใช้ของมีคมกรีดเป็นรอยรอบคัน ซ้ำด้านหน้ายังมีข้อความว่า “นี่เป็นการสั่งสอน ถ้าแกยังไม่หยุดเป็นหัวขโมย ไม่ใช่เพียงทรัพย์สินของแกเท่านั้นที่เสียหาย แม้แต่ชีวิตของแกก็ไม่เหลือ!!!

    ปึ้ม!!!!

    เสียงระเบิดดังสนั่น เรียกความสนใจจากสิบกว่าชีวิตให้หันไปดังเสียงดังกล่าว ภาพที่เห็นตรงหน้า คือ ไฟลุกท่วมโรงสี ที่กักเก็บข้าวพันธุ์ดีของนายเดวิด แรงระเบิดทำให้โรงสีระเบิดเป็นจุล

    “ใคร ใคร ใคร พวกแกไปจับมันมาให้ได้ ฆ่ามันให้ตาย” นายเดวิดตะโกนสุดเสียงด้วยความโมโหสุดขีด ซึ่งหากมีใครสังเกตซักนิด จะเห็นรอยยิ้มเหยียดด้วยความสะใจจากวนิศาสาวชุดแดงเพลิง

    อีกฟากของโรงสีวาสินีในชุดสีดำกระฉับกระเฉงใส่หน้ากากอำพรางใบหน้า กำลังวิ่งไปที่รถสี่สูบที่ซ่อนไว้หลังต้นไม้ใหญ่ข้างโรงสีเพื่อหนีเอาตัวรอดจากเหตุวางระเบิด

    “หยุด ฉันบอกให้แกหยุด หันหน้ามาช้าๆ” เสียงลูกน้องนายเดวิดตะโกนออกคำสั่งเสียงแข็ง วาสินีซึ่งกำลังก้าวขาข้างหนึ่งขึ้นรถ หันกลับมามองด้วยสายตาแน่วนิ่งไม่กริ่งเกรงสิ่งใด ยกมือสองข้างขึ้น สมองคำนวณอัตโนมัติ กะระยะด้วยสาย น่าจะห่างไม่ถึงสามเมตร

    “วางปืนลง” วาสินีค่อยก้มลงช้าๆ แล้วตีลังกากลับหลังกระโดดถีบคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็ว เมื่อคู่ต่อสู้เสียหลัก ก็จัดชุดใหญ่ให้พอหอมปากหอมคอ แล้วรีบกระโดดขึ้นมอเตอร์ไซค์คันใหญ่

     “เฮ้ยมันอยู่นั่น” ลูกน้องนายเดวิดกระหน่ำยิงวาสินีอย่างไม่ลดละ แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อวาสินีขับมอเตอร์ไชค์คันใหญ่หนีออกมาอย่างรวดเร็ว

     “แต่พวกเราก็รอดมาได้นี่นา” ทั้งคู่พูดพร้อมกัน แล้วก็กอดกันหัวเราะอย่างมีความสุข

    “ป้านุ่มจ๊ะ” วาสินีเรียกแม่บ้าน ซึ่งเป็นที่รักของวาสินีและวนิศา นุ่มดูแลรับใช้วาสินีและวนิศามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เป็นคนเก่าคนแก่ของคุณสรวงสุภางค์ นุ่มมีบุตรชายหนึ่งคน คือ วันชัย อายุแก่กว่าวาสินีและวนิศาเพียงสองปี คุณสรวงสุภางค์ส่งวันชัยไปเรียนต่อต่างประเทศพร้อมบุตรสาวทั้งสอง เพื่อดูแลและช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ทั้งสามจึงสนิทกัน เมื่อมีงานสำคัญวันชัยเป็นตัวช่วยสำคัญคนหนึ่งเลยทีเดียว

    “วันนี้ สินีกับนิศาจะไปทานข้าวข้างนอก อยากไปเปิดหูเปิดตาท่องราตรีบ้าง กลับดึกหน่อยนะคะ”

    “คุณหนูเอาเจ้าชัยไปด้วยนะคะ”

    “ไม่ต้องหรอกจ่ะป้า ให้พี่ชัยเค้าพักผ่อนบ้างเถอะ นานๆเค้าจะได้พักผ่อนแบบเต็มที่สักที นิศาว่าคงอีกไม่นานหรอกเราต้องทำงานใหญ่กันอีกแน่”

    “งานอะไรเหรอคะคุณหนู”

    “พวกหนูก็ยังไม่ทราบหรอกป้า แต่คงไม่นานเกินรอ”

    “ยังไงคุณหนูดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ ไปกันแต่สาวๆ ป้าหละเป็นห่วงจริงๆ”

    “จ่ะป้า” สองสาวรับปากพร้อมกัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น