ตอนที่ 5 : เดอะแก๊งค์เสื้อช็อป : Chapter 5
NOTE : ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
Chapter 5
ผมได้แต่กุมหัวใจที่อกด้านซ้ายไว้ แล้วพยายามควบคุมลมหายใจให้ได้อย่างสุดความสามารถ แต่พอเงยหน้ามองแผ่นหลังกว้างที่เดินอยู่ข้างหน้าเล็กน้อยไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก ก็พาให้ลมหายใจหยุดชะงักได้อยู่เรื่อย
ถ้าหัวใจวายหรือเป็นลมล้มพับขึ้นมาล่ะก็โทษยัยเอมมาลินกับแม๊กซ์ได้เลย!!
ยัยนั่นสนับสนุนส่งเสริมอย่างเต็มที่ อย่างกับถ้าผมกลับหอคนเดียวแล้วจะหลงทางหรือโดนฉุดดักปล้นอย่างนั้นแหละ ก่อนไปก็มีการยักคิ้วหลิ่วตาให้อีกต่างหาก ส่วนแม๊กซ์ก็ตัวดี!! บอกกับพี่จอมทัพก่อนจะแยกกันอีกด้วยว่า “พี่ครับ ฝากใบไม้ด้วยนะ เค้าข้ามถนนไม่เป็น”
ฉันข้ามถนนเป็นเฟ้ย!!!
แล้วสองคนนั้นก็โบกไม้โบกมือให้อย่างอารมณ์ดี พวกแกนะพวกแก ไม่เคยคิดจะเข้าใจเพื่อนบ้างเลย แต่..ก็รู้นะว่าอยากให้เอ่อ...อ...อยู่กับพี่..จ..จอมทัพ แต่..แต่.. คนมันเขินนี่! เข้าใจกันบ้างเซ่! คิดแล้วได้แต่น้อยใจเพื่อน เดินกระทืบเท้าปึงปัง เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว
แต่พอเงยหน้ามองคนข้างหน้าก็ทำให้ขาทั้งสองข้างถึงกับหยุดชะงัก คนตัวสูงกว่าที่เดินอยู่ข้างหน้า หยุดเดินตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ใบหน้าคมหันมามองที่ร่างเล็กพลางทำสีหน้าตั้งคำถามกับพฤติกรรมแปลกๆของเพื่อนร่วมทาง
แต่ก่อนจะพูดอะะไรออกไป มือใหญ่ๆก็ยื่นมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
“มาสิ เดี๋ยวจะพาข้ามถนน”
“...!!!...”
ดวงตากลมก็มองมือที่ยื่นมาให้อย่างอึ้งๆ โดยที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์แบบนี้ดี เมื่อคนร่างเล็กตรงหน้านิ่งเงียบไปแบบนั้น ร่างสูงก็เลิกคิ้วถาม พร้อมส่งเสียงทุ้มต่ำในลำคอ ให้คนตรงหน้าได้สติขึ้นมาอย่างละล้าละลัง
“หืม?”
“คือ..ค...คือ.. ผมข้ามเองก็ได้ครับ” มือเล็กกำมือตัวเองแน่น พอเงยหน้ามองก็ก้มหน้าลงทันทีหลบเลี่ยงสายตาของคนตัวสูงที่จ้องมองมาก่อนอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไร พี่จะพาข้ามเอง”
“ค..คือว่า..”
“มาเถอะ”
ในช่วงอึดใจเดียว มือใหญ่ก็คว้ามือเล็กที่กำอยู่ข้างตัว ออกแรงดึงเล็กน้อย พาคนที่อึ้งอยู่ข้างหลังเดินไปที่ริมถนน มองซ้ายทีขวาที ก่อนจะกระชับมือเล็กที่กุมไว้แน่น แล้วพาเดินข้ามถนนไปทันที
หารู้ไม่ว่าคนที่เดินตามอยู่ข้างหลังมีสภาพจิตใจเลื่อนลอยเพียงใด สายตากลมจ้องมองที่มือแข็งแรงที่กุมมือตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ แรงกระชับจากคนตรงหน้าเหมือนจะให้ความมั่นใจกับคนที่เดินตามหลัง เห็นอย่างนั้น มือเล็กก็กระชับมือกลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้จะเดินข้ามถนนมาแล้ว สองมือนั้นก็ยังคงไม่ละออกจากกัน…
“จอมทัพ..”
เสียงเรียกที่ดังอยู่ข้างหลังทำให้ใบไม้ได้สติขึ้นมาสะดุ้งก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากฝ่ามืออบอุ่นทันที
หันไปตามเสียงก่อนจะเจอผู้หญิงท่าทางมั่นใจ เดินก้าวฉับๆเข้ามาก่อนจะยื่นมือเข้ามาควงแขนร่างสูงอย่างถือสิทธิ์ พลางปรายตามองใบไม้เล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับร่างสูงที่กำลังทำหน้านิ่งๆอย่างเคย
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”
“.........”
พี่จอมทัพไม่ได้ตอบอะไร เค้าขมวดคิ้วใส่ผู้หญิงคนนั้นเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆดึงมือที่จับแขนตัวเองออก แล้วเดินหนีออกไปอย่างไม่สนใจ
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมแค่นั้น เธอเดินตามไปแล้วดึงแขนร่างสูงกลับมาอย่างแรงให้มาเผชิญหน้ากับตัวเอง แล้วตะโกนใส่ร่างสูงทันที อย่างไม่สนใจคนรอบข้าง
“ถามทำไมไม่ตอบ!!”
“...........”
ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไรเหมือนเคย ดวงตาคมฉายแววหงุดหงิดมากขึ้น มือก็พยายามดึงแขนตัวเองออก ท่าทางอารมณ์เสียของร่างสูงไม่ได้ส่งผลต่อคนที่พยายามมาชวนทะเลาะแต่อย่างใด
ใบไม้ที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินเข้าไปแล้ว ก็ได้แต่ยืนฟังอยู่ห่างๆ ด้วยความรู้สึกที่หน่วงไปกว่าทุกที ก่อนจะเดินก้มหน้าเลี่ยงออกมาอย่างเงียบๆ
ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นแฟนกับพี่จอมทัพแน่ๆ ดูเหมือนจะทะเลาะกันอยู่ด้วย แต่ถึงยังไง ถ้าเค้าเป็นแฟนกันเดี๋ยวเค้าก็คงกลับมาคืนดีกัน นึกแล้วเชียว ผู้ชายแบบนี้คงไม่เหลือมาเป็นชายโสดอยู่ถึงตอนนี้หรอก แกหมดหวังตั้งแต่แรกแล้วใบไม้ หยุดเพ้อหาแฟนคนอื่นสักที
แต่ก่อนที่จะเดินออกจากที่ตรงนั้นได้สำเร็จ แรงดึงกระชากจากข้างหลังอย่างรุนแรงทำให้ร่างเล็กเซไป ข้างหลังจนเกือบล้ม แรงบีบที่แขนทำให้ร่างเล็กนิ่วหน้าเล็กน้อย เมื่อมองไปก็เห็นคนที่กระทำจ้องมาอย่างกินเลือดกินเนื้อ ใบไม้ถอนหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำยังไงแล้วพยายามงัดมือของคนที่ไม่ได้รู้จักเลยแม้แต่น้อยออกจากแขนตัวเอง
อย่าลากฉันเข้าไปยุ่งได้ไหม ฉันไม่สู้คนนะ TT
“เพราะไอ้นี่ใช่ไหม?!!!”
พี่จอมทัพเห็นอย่างนั้นจึงเดินเข้ามาแล้วแยกผมกับเธอคนนั้นออกทันทีแล้วจับผมไปยืนอยู่ข้างหลังเอาตัวเองบังผมไว้ ผู้หญิงคนนั้นเห็นแบบนั้นแล้วก็ยิ่งโมโห จ้องมองผมอย่างอาฆาตแค้นกว่าเดิม นี่เราจะโดนตบไหมเนี่ย อุตส่าห์หลบไปเงียบๆแล้วแท้ๆ ยังจะลากเราเข้ามายุ่งอีกนะ
“จอมทัพ! จะปกป้องไอ้นี่ทำไม!!”
เธอพยายามดึงแขนผมออกไป แต่ก็มีพี่จอมทัพบังอยู่และปัดมือเธอออก แล้วฉันไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะเฟ้ยย ก็ถ้าไม่นับตอนที่เดินจับกันนิดๆหน่อยๆแบบเมื่อกี้ก็ไม่ได้คุยอะไรกับแฟนเธอเลยเลยนะ ฉันกับเค้าก็แค่คนรู้จักกันTT อย่าทำร้ายกันแบบนี้เลย ฉันไม่เกี่ยว ฮืออ ผมทำปากเบะแล้วจ้องมองไปที่พี่จอมทัพอย่างขอความช่วยเหลือ เห็นอย่างนั้นแล้วเขาก็จับผมไว้แน่นกว่าเดิมอีก แล้วพยายามบังผมไว้ข้างหลังอย่างเต็มที่
“หยุดสักที!”
น้ำเสียงทุ้มพูดออกไปเป็นครั้งแรก แถมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงตวาดอีกต่างหาก ผมได้ยินอย่างนั้นก็ได้แต่ตัวลีบอยู่ข้างหลังพยายามทำตัวนิ่งที่สุด แบบ ก็รู้อะนะว่าไม่ได้โมโหตัวเอง แต่น้ำเสียงน่ากลัวๆแบบนั้นก็ทำให้ผมกลัวอยู่เหมือนกัน
“ไม่หยุด!!”
เธอไม่ยอมแพ้ จ้องกลับพี่จอมทัพอย่างท้าทาย แล้วแผ่แรงอาฆาตมาให้ผมที่แอบอยู่ข้างหลังด้วย พี่จอมทัพผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง แล้วพูดกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะเหนื่อยหน่ายเหลือเกิน
“เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะนุช”
“ไม่! นายเป็นแฟนฉันนะ ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้!!”
“นุช! เราเลิกกันนานแล้ว!”
นั่นคือความจริงที่ทำให้ผมแอบยิ้มออกมาในสถานการณ์แบบนี้ คือคนมันต้องแอบดีใจหน่อยอะนะที่รู้ว่าตัวเองก็มีสิทธิเหมือนกัน ความผิดหวังที่ทำให้รู้สึกหน่วงอย่างหนักถูกสะบัดออกไปจากจิตใจอย่างไม่ใยดี อะ เดี๋ยวก่อนใบไม้ สนเรื่องตรงหน้าก่อน อย่าพึ่งมาละเมอเพ้อพก แกจะถูกตบเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ไม่นะจอมทัพ เรากลับมาคืนดีกันนะ นะจอมทัพ”
ดวงตาที่กรีดอายไลน์เนอร์อย่างดีกำลังมีน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ผิดแผกจากคนที่มาอาละวาดเสียงดังเมื่อครู่อย่างลิบลับ เธอพยายามฉวยมือของคนที่กำลังยืนบังผมอยู่อย่างสุดกำลัง แต่ถึงอย่างนั้นคนตรงหน้าก็ดึงมือตัวเองออกมาไม่ให้เธอจับมือของตัวเองได้
“ให้ความเป็นเพื่อน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกลับมาเป็นแฟนกันได้นะ”
“..........”
“ก็เราคุยกันแล้วว่าเราทั้งคู่ไม่รู้สึกอะไรต่อกันแล้วนี่”
“..........”
“ถ้าเธอเป็นแบบนี้ก็อย่ามายุ่งกันอีกเลย”
พูดเสร็จพี่จอมทัพก็คว้ามือผมให้เดินหนีออกมาทันที ไม่สนใจเสียงเรียกที่ตะโกนจากด้านหลัง มือแกร่งกระชับมือผมไว้แล้วพาเดินไปด้วยกัน ผมเงยหน้ามองก็ไม่ได้พบความผิดหวังหรือความเสียใจอะไรบนในหน้าและดวงตาสักนิด มีแต่แววตานิ่งๆที่ผสมกับความคุกกรุ่นเล็กน้อย พี่เค้าก็คงหงุดหงิดน่าดู คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้คงไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรกหรอก ไม่เช่นนั้นพี่คงไม่โมโหขนาดนี้
นี่ละน้าคนหล่อ ถ้าไม่หล่อขนาดนี้คงไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอก มีความอวยเบาๆ แต่พี่ก็ไม่ได้หล่ออย่างเดียวนะ พี่ก็ปกป้องผมที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างเต็มที่ เห็นมะ! สุภาพบุรุษเห็นๆ ไม่กล่าวคำว่าร้าย แล้วไม่ทำร้ายผู้หญิงแม้แต่นิดด้วย หล่อที่สุดเลยน้าพี่จอมทัพของใบไม้ ฮิฮิ
“เจ็บมากไหม”
เมื่อเราเดินออกมาสักพัก เสียงที่เงียบมานานก็ดังออกมาพร้อมกับคว้าแขนของผมขึ้นมาดู พี่หยุดเดินแล้วหันมาสำรวจแขนผมแบบทุกซอกทุกมุม ทำให้ผมหน้าร้อนนิดๆเหมือนกัน ที่เห็นสายตาคมสำรวจไปตามผิวผมแบบนั้น
“หืม? เจ็บไหม?”
พี่ถามผมอีกครั้ง ดวงตาคมจ้องมองมาอย่างรอคำตอบ ผมดึงแขนที่ถูกพี่จับออกมาเบาๆ พลางเกาแก้มไปมาอย่างเขินๆ แหม่ เป็นใครก็เขิน เล่นจับมือถือแขนแล้วเอาไปดูซะละเอียดขนาดนั้น
“เอ่อ.. ไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ทายาหน่อยก็ดีนะ มาเถอะ”
กว่าผมจะพูดอะไรออกมา พี่คว้ามือผมเดินออกไปอีกครั้งแล้วพาข้ามถนน พุ่งตรงไปที่ร้านยาฝั่งตรงข้ามโดยที่ไม่ฟังคำทัดทานใดๆของผมทั้งสิ้น ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรพี่ก็ไม่ฟังสักนิด แถมมีการหันมามองด้วยสายตาดุๆหนึ่งทีแล้วก็ไม่สนใจคำพูดของผมอีกเลย พอไปถึงก็ถามหายาแก้พกช้ำ แล้วยกแขนผมให้เภสัชกรประจำร้านดูครั้งนึง
“คือ..คือ ผมจ่ายเองดีกว่า”
ผมโพล่งออกไปทันที เมื่อเห็นมืออีกข้างที่ไม่ได้จับมือผมไว้ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงทำท่าจะหยิบกระเป๋าตังออกมา แล้วหยุดมือข้างนั้นไว้ทันที พี่เห็นแบบนั้นก็เลิกคิ้วมองให้นิดๆ แล้วยกกระเป๋าขึ้นมาอย่างไม่สนใจคำพูดของผม
“ไม่ต้องครับ..ผมจ่ายเองๆ”
“เดี๋ยวจ่ายให้”
“ได้ไงกัน เดี๋ยวผมจ่ายเอง”
“อย่าดื้อสิ..”
ก่อนที่ผมจะหยิบเงินออกมาก็ต้องชะงักเมื่อพี่พูดพร้อมส่งสายตาดุๆมาให้อีกครั้ง ร่างสูงเห็นแบบนั้นก็ล้วงเงินออกมาจ่ายอย่างไม่สนใจคนร่างเล็กที่เบะปากออกมาเล็กน้อย รอเงินทอนสักพักแล้วคว้าถุงยาพร้อมคว้ามือผมออกไปจากร้านทันที พี่หันมองไปรอบๆเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงตรงบันได้หน้าร้านขายยาก่อนจะฉุดให้ผมนั่งลงไปข้างๆ
พี่จับแขนผมไปวางไว้บนตัก หยิบหลอดยาออกมา บีบยาออกมาป้ายที่แขนเล็กนั้นก่อนจะค่อยทาให้อย่างเบามือ ผมเห็นแบบนั้นก็ตกใจ ดึงแขนตัวเองออกมาแล้วจ้องตาอีกคนที่มองมาอย่างอึ้งๆ
พี่กะจะฆ่าผมเหรอครับ! อ่อนโยนขนาดนี้ก็คิดถึงจิตใจผมบ้างสิ แก้มผมเห่อร้อนออกมาอย่างหนัก พี่ไม่ยอมดึงมือผมไปอีกครั้ง ผมก็ไม่ยอมดึงแขนตัวเองกลับมาอีก ก่อนจะกอดแขนแน่นๆ หันหน้าออกไปอย่างทำอะไรไม่ถูก
“ยื่นแขนออกมาสิ จะทายาให้”
“ผ..ผม..ทาเองได้”
“.........” พี่ไม่พูดอะไร แต่ส่งสายตาที่ดูจะอ่อนใจมาให้แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ผมทางเองได้จริงๆนะ”
“ดื้ออีกแล้ว”
พูดแค่นั้น แล้วก็ส่งสายตาดุๆออกมาอีกครั้ง ผมค้อนใส่พี่อย่างงอนๆ ทำไมต้องทำท่าดุด้วย ดุมาสามครั้งแล้วนะ ไม่ทำอะไรผิดสักหน่อย ใบหน้าใสบึ้งตึงอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆที่ตังออกมาจากคนข้างๆ ปากอิ่มเม้มริมฝีปากแน่น แล้วยื่นแขนออกไปอย่างจำใจ พร้อมควบคุมลมหายใจและการเต้นของหัวใจอย่างสุดความสามารถ
“แค่นี้ก็จบแล้ว ดื้ออยู่ได้”
“ทำไมต้องว่าด้วย”
“หึ...”
พี่ไม่พูดอะไร แต่ก็ส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมาจากลำคอ นั่นทำให้ผมหน้างอลงอีกครั้ง เชอะ คำก็ดื้อสองคำก็ดื้อ
พี่ค่อยทายาลงบนแขนผมเบาๆ ตามรอยแดงบนแขนที่เกิดจากแรงบีบและแรงกระชาก ความเงียบปกคลุมไปรอบๆตัวๆ แต่ไม่ใช่ความเงียบที่ดูเย็นชา ถึงฝนจะตกลงมาแล้ว แต่ความเย็นไม่ได้แทรกซึมเข้ามาแม้แต่น้อย เพราะความอ่อนโยนของคนข้างๆที่ทำให้หัวใจเล็กที่สั่นไหวอย่างควบคุมไม่ไดรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ลอบมองใบหน้าที่ก้มลงตั้งใจแบบนั้นอดจะยิ้มออกมาไม่ได้ การลงแรงในการทายาก็แผ่วเบาราวกับว่ากลัวคนตัวเล็กจะเจ็บ แววตาที่นิ่งๆ บางครั้งก็ดูหงุดหงิด ก็ฉายแววประกายบางอย่างที่คนตัวเล็กไม่เคยเห็น
จนเมื่อหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบดวงตากลมโตที่จ้องมองมาก่อนแล้ว มุมปากอิ่มที่ยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยก็พลอยทำให้ร่างสูงชะงักขึ้นมาเหมือนกัน ดวงตาของทั้งสองจ้องสบกันอย่างไม่หลบสายตา ต่างคนต่างค้นหาประกายบางอย่างในแววตาของฝ่ายตรงข้ามจนไม่อาจละสายตาออกมาจากกันได้
พี่เขาจะเห็นสิ่งที่แอบซ่อนอยู่ในใจเรารึเปล่านะ?
TBC
_________________________________________________________________
Talk : ตอนนี้ตัวร้ายโผล่! แต่ก็โดนพี่ท่านตอกกลับไปเต็มๆ
ส่วนน้องใบไม้ก็ได้รับการปกป้องจากคนพี่อย่างเต็มที่ด้วย
ตอนหน้าจะมาเพิ่มความละมุนอีกค่ะ ละมุนแน่นอนไม่มีร้ายผสม(รึเปล่านะ?)
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
ขอบคุณทุกคอมเมนท์ด้วยค่ะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

กว่า มันจะได้ดูแมนๆขึ้นมาหน่อย