คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 01 : Messenger
Messenger
Eileen & Marcus
’”อยู่นิ่งๆนะเจ้ากระต่ายน้อย…” เสียงหวานดังมาจากหญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทที่ถูกรวบไว้กลางศีรษะ นัยน์ตาสีฟ้าครามหรี่ลงเล็กน้อยขณะที่มือยกลูกธนูไม้มาขึ้นสายช้าๆ ร่างบางเคลื่อนที่อย่างเงียบเชียบเข้าใกล้กระต่ายตัวสีน้ำตาลอวบอ้วนทีละนิดจนถึงระยะที่แน่ใจว่าไม่พลาดเป้าอย่างแน่นอนจึงยิงเข้าที่ตัวของกระต่ายอย่างแม่นยำ “ยกโทษให้ข้าด้วย…”
หญิงสาวหิ้วหูกระต่ายขึ้นมาและจัดการดึงลูกธนูออกจากตัวกระต่าย สองขาเรียวยาวที่สวมใส่ด้วยชุดรัดกุมสำหรับเข้าป่าก้าวยาวๆกลับไปที่กองสัมภาระซึ่งมีกระต่ายอีกสองตัวถูกมัดรวมกันไว้ก่อนจะมัดตัวใหม่นี้รวมเข้าไป “ข้าว่าแค่นี้คงพอแล้วล่ะมั้ง?”
ร่างบางสะพายคันธนูและกระบอกใส่ลูกธนูขึ้นบนหลัง มือข้างหนึ่งหิ้วเชือกที่ใช้มัดกระต่ายสามตัวเอาไว้แล้วออกเดินไปข้างหน้าราวกับป่านี้เป็นสวนหลังบ้านของนาง ระหว่างทางกลับบ้านก็ฮัมเพลงในลำคอไปด้วย เนื่องจากวันนี้เป็นวันเกิดของท่านพ่อ นางต้องทำอะไรซักอย่างให้ท่านแน่นอน แล้วอะไรซักอย่างที่ว่าก็คือสตูเนื้อกระต่ายยังไงล่ะ! นางลงทุนแอบไปเรียนวิธีทำมาจากป้าเจ้าของร้านอาหารที่ท่านพ่อชอบไปกินในเมืองมาเชียวนะ ฝึกอยู่ตั้งนาน กว่าจะอร่อยได้ก็ปาเข้าไปเป็นอาทิตย์… นี่ยังไม่นับรวมอาหารอย่างอื่นที่ท่านป้าเกรเทลผู้ใจดีสอนให้นางอีกด้วย
“เดี๋ยวสิ ข้าลืมขุดหัวมันนี่นา! ไอลีนนะไอลีน เจ้านี่มันซื่อบื้อจริงๆเลย!” หญิงสาวนามว่า ‘ไอลีน’ พึมพึมกับตัวเองเบาๆเมื่อเหลือบหางตาไปเห็นหัวมันที่ฝังตัวอยู่ใต้พื้นดินใกล้ๆกับทางเข้าบ้านของตัวเอง ไอลีนนำกระต่ายไปวางไว้ในครัวและถอดสัมภาระทั้งหมดอย่างรวดเร็วเมื่อเหลือบมองนาฬิกาไม้เรือนเล็กบนผนังบ้านซึ่งบอกเวลาบ่ายสามกว่าๆ พ่อนางกลับมาตอนห้าโมงเย็นนะ! เหลือเวลาให้นางทำอาหารไม่เท่าไหร่เอง
ร่างบางถลาตัวออกไปพร้อมกับจอบในมือเพื่อขุดหัวมันขึ้นมาสองหัว เมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ไอลีนก็ก้าวตรงไปทางห้องครัวอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองข้างหยิบจับเครื่องใช้ในครัวและวัตถุดิบต่างๆอย่างคล่องแคล่วจนอาหารจานแล้วจานเล่าค่อยๆทยอยมาวงไว้บนโต๊ะไม้ขนาดเล็กที่พอดีให้นั่งเพียงแค่สองถึงสามคน อาหารจานสุดท้ายซึ่งก็คือสตูเนื้อกระต่ายถูกวางไว้บนโต๊ะพร้อมนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงเย็นพอดิบพอดี หญิงสาวยกมือขึ้นปาดเหงื่อออกจากใบหน้าขณะมองไปที่ประตูซึ่งไรวี่แววบิดาของนาง “อาบน้ำซักหน่อยท่าจะดี…”
ไอลีนเลือกชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนมาชุดหนึ่งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป ชุดนี้ท่านพ่อซื้อให้นางเมื่อไม่กี่เดือนก่อน แต่นางที่ใช้ชีวิตตามแบบพ่อซึ่งเป็นนายพรานไม่เคยใส่ชุดนี้เลยตั้งแต่ท่านพ่อซื้อมาให้ นับๆดูแล้วน้อยครั้งเหลือเกินที่นางเคยใส่ชุดที่เป็นกระโปรง ครั้งล่าสุดคือเมือปีที่แล้วซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองวันขอบคุณพระเจ้าซึ่งจัดขึ้นในเมือง และนางมีความทรงจำที่ไม่ค่อยดีกับมันเท่าไหร่นัก
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูบ้านทำให้ไอลีนรีบร้อนใส่เสื้อผ้าเพื่อออกไปเปิดประตู เมื่อในกระจกเงาใบเล็กสะท้อนภาพหญิงสาววัยสิบหกปีผู้มีเรือนผมยาวถึงเอวสีดำสนิทปล่อยไปตามธรรมชาติในชุดกระโปรงยาวสีม่วงอ่อนๆพร้อมใบหน้าที่อมยิ้มเล็กน้อยนางก็สาวเท้าไปที่ประตูเพื่อเปิดให้คนข้างนอก
“ท่านพ่อ ทำไมวันนี้กลับมาช้านักล่ะ?” หญิงสาวพูดพร้อมถลาตัวเข้าไปกอดแขนออดอ้อนผู้เป็นบิดา
“ก็วันนี้พ่อดวงดี ล่ากวางเขาได้สองตัว ขายได้เยอะพอสมควรเลยล่ะ จะได้เอามาเลี้ยงเด็กขี้อ้อนคนนี้ไง” มาร์คัสหรือบิดาบุญธรรมของไอลีนเอ่ยด้วยรอยยิ้มพร้อมยกมือขึ้นยีหัวลูกสาวคนเดียวของเขา เด็กสาวที่เขาพบในป่าเมื่อสิบสองปีก่อน ตัวเขาไม่ได้แต่งงานมีภรรยาและลูกเหมือนคนอื่นๆ ในตอนที่รับนางมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เขาตั้งชื่อให้นางว่า ‘ไอลีน’ ซึ่งหมายถึงแสงสว่าง แสงสว่างที่ฉายเข้ามาในชีวิตที่แสนจะโดดเดี่ยวของเขา
“ท่านจะบอกว่าข้าเลี้ยงยากหรือ?”
“เจ้าน่ะคิดเองออเองนะเด็กน้อย ว่าแต่กลิ่นหอมอะไรน่ะ?” คำถามของมาร์คัสทำให้ไอลีนยิ้มกว้างก่อนจะดันหลังบิดาให้เดินไปที่โต๊ะอาหารและช่วยถอดอุปกรณ์ล่าสัตว์ออกจากตัวของเขา
“สุขสันต์วันเกิดนะคะท่านพ่อ” ไอลีนกอดเอวของบิดาหลวมๆพร้อมซุกใบหน้าลงกับอกของเขา มาร์คัสชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะระบายรอยยิ้มอ่อนโยนและลูบหัวหญิงสาวเบาๆ แค่แสงสว่างในชีวิตแค่นี้ก็พอแล้ว
“เจ้าทำอาหารพวกนี้เป็นด้วยหรือ?” มาร์คัสเอ่ยถามหลังจากทั้งคู่นั่งลงแล้ว ไอลีนตักอาหารให้ตัวเองและบิดาทีลพอย่างก่อนตอบ “ข้าก็แอบไปเรียนกับป้าเกรเทลมาน่ะสิ ท่านรู้มั้ยว่าทำอาหารนี่ลำบากมาก ข้าใช้เวลาเป็นอาทิตย์เลยกว่าจะทำได้อร่อยขนาดนี้”
มาร์คัสอมยิ้มแล้วส่ายหัวนิดๆ “งั้นพวกเนื้อสัตว์ล่ะ? ข้าจำได้ว่าเงินในกล่องไม่ได้พร่องไปเลยนะ”
“ข้าเป็นใคร ข้าคือไอลีนนะ! ลูกสาวของนายพรานที่เก่งที่สุดในเมืองนี้ ถ้าข้าล่าสัตว์ไม่เป็นท่านก็ขายหน้าคนอื่นแย่น่ะสิ” ไอลีนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมชี้นิ้วไล่ไปตามอาหารจานต่างๆ “ไก่อบจานนี้ข้าจับไว้เมื่อสองวันก่อน แอบท่านไปเลี้ยงไว้ในป่า พึ่งหมักเมื่อเช้านี้เอง ผัดผักจานนี้ข้าไปที่ป่าแถบตะวันออกเมื่อวาน เก็บมาพอกินทั้งอาทิตย์ เกือบกลับมาไม่ทันท่านแล้วเชียว ส่วนสตูกระต่ายจานนี้ข่าไปล่ามาวันนี้ ยังเหลือเนื้ออยู่อีกนิดหน่อย ไว้วันหลังข้าจะเอาไปทำอย่างอื่นให้ท่านกินไงล่ะ”
มาร์คัสพยักหน้ารับรู้ด้วยร้อยยิ้มบางๆ ขณะพูดคุยเล่นกับหญิงสาวไปทานอาหารไปเขาก็นึกย้อนไปถึงเมื่อสิบสองปีก่อน ตอนที่เขาเจอไอลีนครั้งแรก เด็กหญิงตัวน้อยที่วัยราวๆสี่ขวบถ้าเดาจากขนาดตัวกำลังนั่งหันหลังชนกับต้นไม้ในขณะที่เบื้องหน้าของนางมีงูอยู่ตัวหนึ่งที่พร้อมจะฉกนางได้ทุกเมื่อ ไม่ทันได้คิดอะไรลูกธนูในมือของเขาก็พุ่งเข้าปักที่กลางหัวของงูอย่างพอดิบพอดี เขาเดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้นก่อนจะนั่งลงข้างหน้าของนาง
‘เจ้าหนู เจ้ามาจากไหน มาทำอะไรในป่านี้คนเดียว?’ มาร์คัสถามเด็กหญิงพร้อมส่งกระบอกน้ำในมือของตนให้ เด็กหญิงมองเขาอย่างหวาดกลัวก่อนจะรับกระบอกน้ำไปดื่มอย่างกระหาย เมื่อดื่มเสร็จแล้วจึงมองหน้าชายหนุ่มที่รอคำตอบอยู่ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ‘ไม่รู้’
‘แล้วชื่อล่ะ เจ้าชื่ออะไร’ เด็กหญิงฟังคำถามแล้วก็ส่ายหัวอีกครั้ง มาร์คัสขมวดคิ้วหน่อยๆแล้วถามต่อ ‘เจ้าจำอะไรได้บ้าง?’
เด็กหญิงจ้องมองมาที่เขาด้วยดวงตาสีฟ้าครามคู่สวย ดวงตาที่ไม่มีใครล่วงรู้ว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสีน้ำเงินมาก่อน สีน้ำเงินของท้องฟ้ายามราตรี
‘ข้าจำอะไรไม่ค่อยได้นัก มันขาดๆหายๆ จับใจความได้แค่ว่า 'คำสาปชั่วนิรันด์' และ 'พรหมจรรย์' เท่านั้นเอง’
หลังจากนั้นเขาก็พอเด็กหญิงออกมาจากป่า พาตระเวนไปรอบเมืองเพื่อถามหาบิดามารดาหรือญาติของนาง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอญาติของนางสักคนเดียว ในเช้าวันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะพานางออกไปหาครอบครัวของตนเองที่ต่างเมือง นางเดินมาหาและกระตุกชายเสื้อของเขาเบาๆ
‘ข้าอยู่กับท่านได้ไหม ถ้าครอบครัวข้าต้องการ เขาจะตามหาข้าเจอเองในสักวัน’
นับจากนั้นเขาก็รับนางเป็นบุตรบุญธรรม คอยสอนสิ่งต่างๆให้มากมาย ทั้งการล่าสัตว์ การวางกับดัก การแกะรอย การใช้อาวุธง่ายๆอย่างมีดและธนู รวมไปถึงการนำสิ่งของต่างๆรอบตัวมาใช้เป็นอาวุธ เขาค้นพบว่านางเป็นคนที่เรียนรู้ได้รวดเร็วมาก และหน้าตาที่จัดว่าสวยมาก แม้ในตอนนี้นางจะมีวัยเพียงแค่สิบหกปี แต่ออร่าบางอย่างในตัวนางมักดึงดูดให้คนรอบข้างหลงใหล ไม่ว่าใครที่ได้พูดคุยหรือเข้าใกล้มักหลงรักนางอย่างง่ายดาย ในเวลาเพียงไม่กี่ปี นางก็เป็นที่รักของคนทั่วไปไม่เว้นแม้แต่บรรดาแม่ค้าในตลาด และเพราะความงามของนางนี้เองทำให้เขากำชับทุกครั้งที่นางจะออกจากบ้านไปล่าสัตว์ว่าต้องปกปิดใบหน้าทุกครั้ง หากมีโคลนก็ทา มีผ้าก็ผูกไว้เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อนางเอง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูทำให้การสนทนาของสองพ่อลูกชะงักลงกลางคัน มาร์คัสบอกให้ไอลีนนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้วลุกขึ้นไปเปิดประตู
“มาร์คัส ทอลฟรีน รับสาส์นจากองค์กษัตริย์” ผู้ที่อยู่หน้าประตูบ้านคือราชองครักษ์ประจำตัวของกษัตริย์ซึ่งถือสาส์นใบหนึ่งมาด้วย มาร์คัสคุกเข่าลงข้างหนึ่งและค้อมหัวลงเพื่อรอรับสาสน์ดังกล่าว “มาร์คัส ทอลฟรีน น้อมรับบัญชา”
“เนื่องด้วยกษัตริย์โรเบิร์ตทรงสวรรค์คตเมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยกษัตริย์ลงนามไว้ให้เจ้าชายจอฟฟรีย์ เจ้าชายลำดับที่ 7 ขึ้นครองบัลลังก์เป็นกษัตริย์องค์ต่อไป…” สาส์นครึ่งแรกที่ราชองครักษ์อ่านออกมาเปรียบเสมือนค้อนปอนด์ที่ทุบหัวของมาร์คัสเข้าอย่างแรง มาร์คัสเบิกตาโพลงในขณะที่มือทังสองข้างต่างกำเป็นหมัดแน่น
เจ้าชายจอฟฟรีย์? นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้ว
“…บัดนี้องค์กษัตริย์จอฟฟรีย์ทรงมีรับสั่งให้เจ้า มาร์คัส ทอลฟรีน กลับไปยังราชอาณาจักรเพื่อรับคืนตำแหน่งเดิม และมอบธิดา ไอลีน ทอลฟรีน ให้เพื่อรับใช้องค์กษัตริย์…”
ฉึก !
เสียงของราชองครักษ์ขาดหายไปทันทีที่มีดเล่มยาวแทงเข้าที่ต้นคอของเขา ส่งผลให้นายทหารอีกสามนายข้างนอกชักดาบข้างตัวออกมาหมายจะแทงมาร์คัสซึ่งเป็นคนสังหารราชองครักษ์นายนั้น แต่ชายหนุ่มดึงร่างไร้ชีวิตของราชองครักษ์เข้ามารับคมดาบแทนที่ของตน เลือดจากเส้นเลือดใหญ่บริเวณต้นคอที่ถูกแทงของราของครักษ์กระเซ็นเปื้อนใบหน้าและตัวของมาร์คัสทันทีที่เขาดึงมีดออก “ไอลีน วิ่ง!”
ความคิดเห็น