แซนทาเซีย มหาสงครามแห่งพื้นพิภพ

ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 เตรียมทัพพร้อมรบ

                “ เจ้าหญิงทำไมเสด็จมาช้าอย่างนี้หละ หม่อมฉันเป็นห่วงแทบแย่ นึกว่าจะเสียท่าพวกเอธิโอบัส ไปซะแล้ว” ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวขึ้นทันทีเมื่อเห็นเจ้าหญิงเข้ามาทางหน้าต่าง

                “ ขอบใจมากนะเจ้า เรดดราก้อน “ เจ้าหญิงองค์น้อยกล่าวขอบคุณเจ้ามังกรตัวดีที่อุตส่าห์พามาส่ง โดยไม่สนใจคำถามของราชองค์รักษ์หนุ่มเลย

                “ โธ่ โซเทีย ระดับเรามีหรือจะเสียท่า พวกนั้น “ เจ้าหญิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมทั้งคลายมนตร์ให้ตนเอง  บัดนี้จึงกลับมาอยู่ในร่างหญิงสาวตามเดิม

                “ นี่ขนาดเจ้าหญิงไม่เสียท่า แล้วทำไมจึงต้องเรียกมังกรอัคคีมาด้วยไม่ทราบ นี่สงสัยถ้าไม่ได้มังกรอัคคีมาช่วยไว้ หม่อมฉันก็คงไม่เห็นเจ้าหญิงที่นี่ ตอนนี้แล้วกระมัง” ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวอย่างรู้ทัน

                “โธ่  เจ้านี่ไม่ไว้วางใจเราซะบ้างเลย อย่างน้อยเราก็กลับมาโดยไม่มีอะไรเสียหายหล่ะกันน่า  “ เจ้าหญิงกล่าวแกมเล่น  ราชองค์รักษ์หนุ่มส่ายหน้าอย่างระอา

                “ งั้นเจ้าไปได้แล้วโซเทีย ออ แล้วอย่าลืมเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับระหว่างเรานะ ห้ามให้เจ้าพ่อรู้เป็นอันขาด” เจ้าหญิงกล่าวขึ้น ด้วยสายตาขอร้องแกมบังคับ

                “ เป็นไงบ้าง เจ้าจับตัวได้มั้ย “ เจ้าชายเซเทสถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นน้องชายเดินเข้ามา

                “ ไม่ได้ “ เสียงตอบห้วนๆ ของเจ้าชายเอรอส ทำให้ผู้เป็นพี่เข้าใจอารมณ์ของน้องชายขึ้นทันที

                “ พวกมันเป็นใคร ทำไมถึงมีอาวุธประจำกายขั้นสูงได้ แถมมีสัตว์ในตำนานเป็นสัตว์คู่หูอีกด้วย “ เจ้าชายเอรอสกล่าวขึ้นอย่างหงุดหงิด

                “ สัตว์ในตำนาน! อาวุธคู่กาย! ไหนเอรอสเจ้าบอกพี่มาซิว่าเรื่องมันเป็นอย่างไร “ เจ้าชายเซเรสเอ่อถามขึ้นอย่างสงสัย

                “ สัตว์ในตำนานของเด็กหนุ่มคนนั้นคือมังกรอัคคี ส่วนอาวุธวิเศษคือคฑาอัคคี อัญมณีแห่งเพลิง” เจ้าชายเอรอสกล่าวขึ้น

                “ เจ้าบอกว่า สัตว์ในตำนาน คือ มังกรอัคคี งั้นหรือ อืมพี่พอรู้หละ เจ้าจำได้มะ  มังกรอัคคีเป็นสัตว์ในตำนานที่จะเป็นสัตว์คู่หูเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายกษัตริย์  มังกรอัคคีคือสัตว์ในตำนานของเกรย์เทียส ผู้ที่มีสิทธิ์ครอบครองได้ก็คือผู้มีสายเลือดกษัตริย์ของเกรย์เทียส                   ซึ่งตอนนี้มีเพียงสองคนก็คือ เจ้าชายอัลเทีย และเจ้าหญิงเฟร์ร่า  ตอนนี้เจ้าชายอัลเทียทรงศึกษาอยู่ที่เฮเรย์เทน่า  ดังนั้นคนที่เจ้าสู้ด้วยเมื่อสักครู่ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เจ้าหญิงเฟร์เดียร่า นางอาจจะใช้มนตร์แปลงร่างเป็นชายเพื่อตบตาเราก็เป็นได้ “ 

 เจ้าชายเซเรสวิเคราะห์พร้อมกล่าวบอกผู้เป็นน้อง

                “ ส่วนอาวุธ คฑาอัคคี นั้นพี่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเป็นหนึ่งในสี่อาวุธที่ควบคุมอัญมณีแห่งธาตุ หากนางเป็นเจ้าของจริง ก็ถือว่านางป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเหมือนกัน แต่เจ้าก็มีอาวุธที่ควบคุมธาตุน้ำไม่ใช่หรอ น่าจะเป็นคู่ที่สูสีกันนะ ไฟกับน้ำเจอกัน ใครมันจะแหลกไปกว่ากัน “ เจ้าชายเซเทสกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม ยิ้มให้กับวงล้อแห่งโชติชะตาที่นำพาคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวมาให้

                “ แล้วคนที่เจ้าพี่ติดตามไปหละ ได้ความว่าไงบ้าง “ เจ้าชายเอรอสกล่าวขึ้น หลังตนเองหมดข้อสงสัย

                “ พี่ติดตามไป จนเกือบจะจับได้อยู่แล้ว แต่อยู่ๆมันก็หายตัวไป อย่างไร้ร่องรอย  แต่ถ้าหากคนที่ผู้ชายคนนั้นมาด้วยเป็นเจ้าหญิงเฟร์เดียร่า คนที่พี่ตามอาจจะเป็นองค์รักษ์ก็เป็นไป  เสียดายจริงที่พี่ไม่ได้เห็นหน้านาง“  เจ้าชายเซเทสกล่าวขึ้นด้วยแววตาแฝงไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งต่างไปกับผู้เป็นน้องลิบลับนัยน์ตาแฝงไปด้วยความเย็นชา ยิ่งเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งหงุดหงิด ทำให้ไม่มีใครเข้าหน้าติดนอกจากเจ้าชายเซเทสเพียงองค์เดียว

                “ เจ้าหญิงเฟร์เดียร่า“ เจ้าชายเอรอสเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างเสียดายที่เป้าหมายมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆแต่กลับจับมาไม่ได้

                “ แล้วเราจะเอายังไงต่อไปเอรอส พรุ่งนี้เราจะประกาศศึกกับเกรย์เทียสเลยหรือไม่ “  เจ้าชายเซเทสกล่าวถามขึ้น จะอย่างไรแล้วเจ้าชายไม่อยากให้เกิดสงครามขึ้นเลย จะห้ามเจ้าพ่อก็คงไม่ได้ เพราะเจ้าพ่อรักศักดิ์ศรียิ่งนัก ในเมื่อห้ามไม่ได้เจ้าชายเลยต้องเสด็จมาเผื่อจะช่วยห้ามปรามเจ้าน้องชายได้บ้าง เผื่อจากที่หนักอาจได้กลับเป็นเบาได้บ้าง

                “ พรุ่งนี้เราจะส่งสาส์นไปให้เอธิโอบัส ให้ส่งตัวเจ้าหญิงมาให้เรา มิฉะนั้นให้พวกเขาเตรียมจับทัพสู้ศึกเราได้เลย ถ้าหากเราเข้าไปในเมืองได้ เราแค่เพียงจะนำตัวเจ้าหญิงมา ผู้ใดไม่อยากเสียเลือดเนื้อก็อย่าได้ขัดขวาง” เจ้าชายเอรอสกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา

                “ กลับไปบอกนายของพวกเจ้า ว่าเรายินดีสู้ศึก แต่เราไม่ยินดีที่จะส่งลูกสาวของเราให้ไปตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกมัน “ เจ้าดาร์กโฮเซ่ กล่าวขึ้นหลังจากได้รับสาสน์จากกองทัพเอธิโอบัส

                “ โซเทีย เจ้าเตรียมศึกพร้อมหรือยัง พรุ่งนี้กองทัพเอธิโอบัสอาจยกทัพเข้ามาในเมืองเราก็เป็นได้” เจ้าดาร์โฮเซ่กล่าวกับราชองครักษ์หนุ่ม

                “ เรียนท่านเจ้า ขณะนี้กองทัพของเราได้เตรียมพร้อมที่จะออกสู้ศึกได้ทุกเมื่อ “ ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวตอบ

                “ ศึกนี้เราจะให้เจ้า โซเทียเป็นแม่ทัพ ส่วนเราจะวางแผน เนื่องจากเราไม่ถนัดการสู้รบ ดังนั้น เจ้าจงฟังแผนการเราให้ดี พยายามล่อพวกมันไปที่ทะเลสาบแกนเดีย เราจะจัดกองทัพขนาดใหญ่ไว้รอตีขนาบพวกมันให้ตกไปในทะเลสาบ” เจ้าดาร์กโฮเซ่ กล่าวถึงแผนการที่พระองค์ทรงคิดขึ้นได้

                “ โซเทีย หากจำเป็นที่จะต้องสู้  ก็จงสู้เสียแต่ตอนนี้ เพราะว่าวันพรุ่งนี้ เราอาจตายเสียก่อน แล้วจะเอาโอกาสดีที่ไหนมาสู้” เจ้าดาร์กโฮเซ่กล่าวกับราชองค์รักษ์หนุ่ม