คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 ประจันหน้า
ณ ริมทะเลสาบแกนเดีย ทัพของทหารเอธิโอบัส ได้ตั้งทัพอยู่ที่นั่น
“ ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงต้องมาตั้งทัพที่ริมทะเลสาบแกนเดียด้วยก็ไม่รู้ ทำให้ภาพความสวยงามของทะเลสาบหดหายไปหมด เน๊อะ โซเทีย” เจ้าหญิงผู้เอาแต่ใจกล่าวกับราชองค์รักษ์หนุ่มที่ติดตามมาด้วยอย่างเสียไม่ได้
“ เป็นเพราะทำเลแถวริมทะเลสาบแกนเดีย เหมาะแก่การตั้งทัพ ครับ เจ้าหญิง” ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวตอบพร้อมกับมองไปรอบๆ เหล่ากองทัพของเอธิโอบัส นี่เขายกทัพมาตั้งใจจะมาเอาตัวเจ้าหญิงหรือจะมายึดเมืองของเราถึงได้ยกพลมามากมายก่ายกองอย่างนี้
“ เราน่าจะเข้าไปใกล้ๆ กว่านี้ เราเข้าไปใกล้กว่านี้ได้อีกมั้ยโซเทีย” เจ้าหญิงกล่าวพร้อมที่จะแอบย่องเข้าไป
“ เจ้าหญิง หม่อมฉันว่าเราเข้าใกล้มากเกินไปแล้วนะ อีกอย่างเจ้าหญิงทรงเป็นผู้หญิงหากใครมาเห็นเข้าอาจจะเป็นที่สะดุดตาของพวกนั้นก็เป็นไป ถึงแม้เราจะปลอมตัวมาก็ตามเถอะ รีบเสด็จกลับได้แล้ว เด่วท่านเจ้ารู้เข้ามีหวังหม่อมฉันโดนทำโทษอีกแน่เลย “ ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวขึ้น
“ โธ่ไม่เห็นจะยากเลยโซเทีย ปัญหาก็แค่ตอนนี้เราเป็นผู้หญิงชั่ยมั้ย” เจ้าหญิงกล่าวด้วยสีหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มและความเจ้าเลห์ พร้อมทั้งร่ายมนตร์ให้ตนเองอยู่ในคราบผู้ชาย
“ ด้วยมหามนตราแห่งข้า สายเลือดแห่งไฟ จงสถิตพลังให้ข้า กลายร่างเป็นชาย ดิโอเพร่า ออฟ เรเซโอน่า”
เสียงเจ้าหญิงองค์น้อยร่ายมนตร์ อย่างคล่องเคล่ว
ราชองค์รักษ์หนุ่ม มองความเจ้าเล่ห์ของเจ้าหญิงด้วยความเอือมระอา บัดนี้ร่างสูงโปร่งตรงหน้าได้กลายเป็นร่างชาย จากผมยาวที่เคยสวยสง่ากลับกลายเป็นผมสั้น แต่ยังแฝงไว้ไปด้วยนัยน์ตาสีแดงเจ้าเล่ห์คู่เดิม
“ งั้นเราก็เข้าไปใกล้ ได้แล้วสิน่ะ โซเทีย “ เจ้าหญิงไม่ใช่สิเจ้าชายองค์น้อย กล่าวด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ทำให้ราชองค์รักษ์หนุ่มต้องเดิมตามไปอย่างเสียไม่ได้
ภายในกองทัพเอธิโอบัส
“ เจ้าว่าทางเกรย์เทียส จะส่งใครออกมาสู้รบกับเราหรือเอรอส” เจ้าชายผู้พี่เอ่ยถามเจ้าชายผู้น้องขณะทรงพักผ่อนหลังจากรีบเร่งเดินทางมาทั้งวันทั้งคืน
“ ตามที่หม่อมฉันคิด ทางเกรย์เทียส ตอนนี้มีเพียงเจ้าหญิงอยู่เพียงพระองค์เดียว เพราะเจ้าชายของเกรย์เทียสไปศึกษาต่อที่เฮเรย์เทน่า ยังมิได้กลับมา ดังนั้นผู้ที่เชี่ยวชาญการรบที่สุดของเมืองนี้น่าจะเป็น พวกราชองค์รักษ์ จากการคาดการณ์ของหม่อมฉัน พวกเขาน่าจะส่งโซเทีย ราชองค์รักษ์ที่มีฝีมือดีที่สุดในตอนนี้มา อีกทั้งกษัตริย์ ดาร์กโฮเซ่ ไม่เชี่ยวชาญด้านการรบ แต่เก่งในด้านการวางแผน ฉลาดและรอบรู้น่าจะเป็นผู้คอยวางแผนอยู่เบื้องหลัง “ เจ้าชายเอรอสกล่าวตอบผู้เป็นที่ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ อืม เจ้านี่เก่งเหมือนกันนะเอรอส ฝีมือด้านการรบของพี่เทียบเจ้าไม่ติดเลย “ เจ้าชายเซเทสเอ่ยชมผู้เป็นน้องชาย
“ แอ๊ะ พระองค์รู้สึกอะไรมั้ย “ เจ้าชายเอรอสกล่าวถามขึ้นมาทันใด “หม่อมฉันรู้สึกว่ามีผู้ใช้เวทย์มนตร์อยู่ในกองทัพของเรา “ เจ้าชายเอรอส กล่าว
“ เจ้ารู้ได้อย่างไร เอรอส อาจไม่ชั่ยก็ได้มั้ง เจ้าอาจคิดไปเองก็ได้” เจ้าชายเซเรสกล่าว
“ ที่หม่อมฉันรู้สึกได้ เพราะก่อนที่จะตั้งทัพที่นี้ หม่อมฉันได้ กางตาข่ายมหามนตร์ตราเอเนเบร่า ไว้ หากมีผู้ใดใช้เวทย์มนตร์ภายในทัพของเรา หม่อนฉันจะรู้สึกได้ทันที” เจ้าชายเอรอสกล่าวอธิบายผู้เป็นพี่
“ อะไรนะ เจ้าสามารถกางเครือข่ายมหามนตร์ตราเอเนเบร่า นั่นมันมหามนตร์ตราระดับ8 นี่ เจ้าไปแอบเรียนที่ไหนกัน กว่าที่ เฮเรย์เทน่า จะสอนก็ขึ้นปีสามก่อนถึงจะสามารถเรียนได้ “ เจ้าชายเซเรสกล่าวอย่างทึ่งในความสามารถของผู้เป็นน้อง
“หม่อมฉันก็แค่หัดเอาจากตำรา ที่อยู่ที่หอสมุดอาร์เคเทียส เท่านั้นเอง” เจ้าชายผู้น้องกล่าวขึ้นด้วยเห็นเป็นเรื่องธรรมดา
“ งั้นเรารีบออกไปดูกัน ว่าใครบังอาจมาใช้เวทย์มนตร์ในทัพของเรา” เจ้าชายเซเรสกล่าวขึ้น
“ เจ้าหญิง เราข้าไปใกล้มากเกินไปแล้ว เสด็จกลับเถอะเพคะ เดี่ยวท่านเจ้าจะเป็นห่วง” ราชองค์รักษ์หนุ่มกล่าวเตือนเจ้าหญิงจอมดื้อ
“ เอาน่า เผื่อเราสามารถเข้าไปสืบข่าว ได้มากกว่านี้” เจ้าหญิงจอมดื้อ
“ เจ้าจะมาสืบข่าวอะไรในกองทัพของเราหรือ” เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลัง
เจ้าหญิงและราชองค์รักษ์หันกลับไป พร้อมความตกใจ นัยน์ตาสีแดงสบตานัยน์ตาสีฟ้าเข้าอย่างจัง เจ้าหญิงพบว่า เบื้องหน้าเป็นชายหนุ่มรูปงามสองคน คนแรกแววตาเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม อีกคนแววตาแฝงไปด้วยความเย็นชา พร้อมด้วยคำพูดที่น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเอาเรื่อง
“ แย่แล้ว โซเทีย พวกมันรู้ตัวกันแล้ว ทำไงดีหละ “ เจ้าหญิงถามราชองค์รักษ์หนุ่ม ทีเหตุการณ์อย่างนี้กลับมาถามเรา เจ้าหญิงนะเจ้าหญิงดื้อจนได้เรื่องจนได้สิ ราชองค์รักษ์หนุ่มคิดพลางพูดว่า “ จะเอายังไงหละ ก็หนีสิครับ “ ว่าแล้วทั้งสองคนก็รีบกระโดดขึ้นต้นไม้ จากต้นหนึ่งไปสู่ต้นหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
“ ใครจะปล่อยให้พวกเจ้าหนีไปได้หละ คนของ เกรย์เทียสหล่ะสิ คงส่งคนมาดูความเคลื่อนไหวของพวกเรา “ เจ้าชายเอรอสกล่าวขึ้น พลางกระโดดตามไปอย่างไม่ลดละ
“ โซเทีย เราว่าแยกกันหนี ดีกว่าแล้วเจอกันที่ปราสาทนะ “ เจ้าหญิงกล่าวพร้อมกลับแยกไปอีกทาง
“ เจ้าพี่ เด่วหม่อมฉันตาม คนร่างเล็กนั้นไป ส่วนพระองค์ตามผู้ชายร่างใหญ่คนนั้นไป “ เจ้าชายเอรอสกล่าวบอกผู้เป็นพี่พร้อมทั้งรีบกระโดดตามเจ้าหญิงในคราบหนุ่มน้อยไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหญิงหนีมาจนถึงชายป่าด้านตะวันออกของเมือง เมื่อเห็นว่าหนีต่อไปไม่รอดแล้ว จึงเรียกอาวุธคู่ใจมาเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้
“ ด้วยมหามนตราแห่งข้า สายเลือดแห่งไฟ จงสถิตพลังแก่ข้า อัญเชิญ คฑาอัคคี เปลีโอน่า ซาเกรเลเวล “
เมื่อนั้นปรากฏ คฑาแห่งเพลิง อาวุธประจำกายเจ้าหญิงแห่งไฟ ภายในคฑานั้นประกอบไปด้วยอัญมณีสีแดงสด นั่นคืออัญมณีแห่งไฟ ผู้กุมอำนาจแห่งธาตุไฟ
ฝ่ายเจ้าชายเอรอส เมื่อเห็นหนุ่มน้อยที่ตนไล่ตามนั้นหยุดลงพร้อมเตรียมตั้งท่าต่อสู้ พร้อมด้วยอาวุธคู่กาย
เจ้าชายเอรอสจึงได้เรียกอาวุธคู่กายของตนมาบ้าง
“ ด้วยมหามนตราแห่งข้า สายเลือดแห่งน้ำ จงสถิตพลังแก่ข้า อัญเชิญดาบพิทักษ์วารี เวเซโอน่า มาเรเกรเวล”
เมื่อนั้นปรากฏ ดาบแห่งน้ำ อาวุธประจำกายเจ้าชายแห่งน้ำ ภายในด้ามดาบประกอบได้ด้วยอัญมณีสีฟ้าสด นั่นคือ อัญมณีแห่งน้ำ ผู้กุมอำนาจแห่งน้ำ
บัดนี้ อัญมีแห่งไฟ และอัญมณีแห่งน้ำได้ปรากฏขึ้นแล้ว เป็นไปดังคำทำนายที่มหาเทพได้ทำนายไว้ อีกไม่นานมหาสงครามคงจะเกิดขึ้น
“ เราไม่ยอมแพ้พวกเจ้าหรอก “ เจ้าหญิงในร่างหนุ่มน้อยกล่าวขึ้นพร้อมกับร่ายเวทย์ใส่ชายหนุ่มตรงหน้า
“ ดิโอเพล่า ออฟไฟเรน่า “ เจ้าหญิงกล่าวมหามนตร์ตราพร้อมทั้งร่ายคฑาไปที่ชายหนุ่ม บัดนั้นก่อเกิด เพลิงอัคคีพุ่งเป็นฝนตกเข้าใส่เจ้าขายเอรอส
“ แล้วคิดว่าเราจะยอมเจ้าหรอ” เจ้าชายเอ่ยขึ้นพร้อมร่ายมหามนตร์ตราปรากฏเป็นสายน้ำดับเพลิงอัคคีที่อยู่ตรงหน้าไปหมด
เจ้าหญิงเห็นดังนั้น จึงทรงเรียกสัตว์ในตำนานคู่ใจของพระองค์มา “ เรดดรากอน “ปรากฏเป็นมังกรขนาดมหึมา บินมาจากฟากฟ้า เจ้าหญิงชูคฑาอัคคีบังเกิดเปลวไฟสีแดงสดล้อมรอบตัวเจ้าชาย เจ้าหญิงกระโดดขึ้นหลังมังกรแล้วบินหนีไป แต่ไม่วายหันมาบอกเจ้าชายหนุ่ม
“ บ๊าย บาย ไว้เจอกันใหม่นะ “ เจ้าหญิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับขี่มังกรอัคคีบินหนีไป
ððððððð
ความคิดเห็น