คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : | TWO SHOT |
| 2 |
AUTHOR : NUTCRACKER
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่หลังจากโดนจับยัดเข้ามานั่งในรถแล้วอีอ้วนนี่ก็ทำหน้าที่เป็นสารถีไม่พูดไม่จาอะไรกับผมสักคำ ก็คงจะเหนื่อยอยู่หรอกเพราะมันเล่นเดินบ่นผมมาตลอดทาง แถมยังเป็นการขับรถตอนกลางคืนที่มันไม่ถนัดเอามากๆ อยากจะอาสาเป็นคนขับแทนให้มันก็ร้องไม่เอาท่าเดียว แหม่...สงสัยว่าอยากจะเอาหลายๆท่า ถามหน่อยว่าสิ้นเปลืองพลังงานกูไหม หลายท่านี่กูก็เหนื่อยเป็นนะ
“นมไหม?”
ผมเหล่ตามองไปตามเสียง นี่มันกำลังเปิดไฟเลี้ยวเข้าไปที่ข้างทางข้างหน้า อย่าบอกนะว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาทำกันในรถ? มาถามกันหน้าซื่อๆเลยนะว่าเอานมไหม ถามมาขนาดนี้มีหรือที่ผัวหื่นอย่างผมจะไม่ตบปากรับคำ นี่รีบปลดตะขอกางเกงออกเลยครับ รู้สึกลมตีขึ้นมาในพุง ไม่นานนักก็ต้องเรอเปรี้ยวๆออกมาหนึ่งที
“เอาจ้า”
เอาสิจ๊ะผัวเตรียมพร้อมเพื่อเมียแล้วจ้ะ มันหันมามองผมแบบหน่ายๆ นี่สงสัยพื้นที่แค่นี้มึงคงเข้ามาในอาณาเขตกูไม่ได้สินะ ว่าแล้วก็ปรับเบาะให้เอนลงเผื่อเมียจะลุกขึ้นมาป้อนนมสะดวกๆ
“อยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องแตะอะไรนะ”
“จ้า” สงสัยวันนี้แม่งมาเกมรุก ผมโปรยยิ้มให้เมียหนหนึ่งแต่ดูท่าว่ามันจะไม่สนใจเท่าไหร่ มัวแต่สนใจอย่างอื่นอยู่สินะ ทะลึ่งเหมือนกันนะมึงเนี่ย
“เดี๋ยวเค้ามา”
อ้าวอีนี่...
พอพูดจบมันก็เปิดประตูรถเดินลงไปที่มินิมาร์ทข้างทาง อ๋อสงสัยลงไปซื้อถุงยาง น่ารักจริงๆเลยนะเมียผมเนี่ยถึงขนาดจำไซส์ลู่หานจูเนียร์ได้เป็นอย่างดี แต่ก็อย่างว่าแหละครับว่าของผมอ่ะไม่ได้จัดอยู่ในหมวดไส้เดือนกิ้งกือตะขาบอะไรพวกนั้นเลย นี่มังกรยักษ์! อสูรกายหัวม่วงมึงรู้จักไหม! จะหาถุงยางมาปราบมันได้นี่คือต้องเป็นคิงไซส์เท่านั้น แต่ถ้าฉุกเฉินยังไงก็ใช้ถุงผ้าคลุมไปก่อนก็ได้ถือว่าลดโลกร้อนไปในตัว ไงล่ะ นี่ผัวพันธุ์อนุรักษ์ตัวจริง
รอไม่นานเท่าไหร่คนตัวเล็กก็เดินกลับเข้ามาในรถพร้อมกับถุงพลาสติกใบเล็กๆหนึ่งใบ ผมยิ้มกรุ้มกริ่มเล็กน้อยก่อนจะมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงมันแกะซองอะไรสักอย่างแบบนี้ก็คงไม่ต้องถามละว่ามันคิดจะทำอะไรอยู่ อยากจะเผด็จศึกผัวจริงๆสินะ นี่ที่ไปตามถึงร้านเหล้าคือมึงกระเหี้ยนกระหือรือใช่ไหม? สงสัยรสรักกูนี่คงจะทำให้มึงติดใจไปจนถึงอาทิตย์หน้าแน่ๆ
เพี้ยะ!!!
“โอ๊ย!”
ผมร้องออกมาทันควันหลังจากที่ฝ่ามืออรหันต์ของอีอ้วนนี่โบ้เข้ามาเต็มบ้องหูจนได้ยินเสียงวิ้งๆ ผมหันกลับไปมองตัวต้นเหตุทันที นี่มึงตบกูขนาดนี้มึงไม่คิดว่ามันมากเกินไปเหรอ? นี่กูผัวมึงนะ ทำอะไรรู้จักให้เกียรติกันบ้าง ไม่ใช่เอะอะก็ตบตี มึงนี่สงสัยต้องโดนกูอบรบสักยกจะได้หลาบจำว่าคนที่อยู่ในฐานะเมียอย่างมึงไม่ควรจะ...!!
“อีลู่!!!”
“จ๋า...”
“มึงมองอีดอกนั่นใช่ไหม?!”
“ห่ะ?” ผมกลับหน้ากลับไปที่หน้าต่างรถเร็วๆ อีดอกไหนวะแม่งไม่เห็นจะมีสักดอก มีแต่กิ่งก้านใบ ชะชะ! ใบก้านกิ่ง ฝนตกลมแรงจริงจริ๊ง ฝนตกลมแรงจริงจริ๊ง ชะชะ!
“กูถามว่ามึงมองมันใช่ไหม?! ตอบ!!!”
“เห้ย เปล่า ไม่ได้มองนะตัวเอง”
“ไม่ได้มองมันแล้วมึงมองพ่อมึงอยู่เหรอ!!!”
“ป๊าเค้าอยู่จีน...”
“อ๋อ ป๊าอยู่จีนเหรอ...มึงมานี่เลยนะอีลู่ มึงมาใกล้ๆกูเดี๋ยวนี้เลย”
พูดจบติ่งหูผมก็ถูกดึงออกไปจนแทบจะขาดออกจากหัว นี่สาบานกับกูเถอะว่าแรงคน เมื่อกลางวันมึงแดกไรไปวะอีเหี้ย ช้างแมมมอธเหรอ? นี่ก่อนแดกมึงลอกขนมันออกยัง งามันล่ะได้เอามาลักลอบขายไหม? อ๋อนี่มึงซุกเงินกูอีกเหรอ... ได้เลยอีเมีย ได้ ได้เลย ทำแบบนี้ใช่ไหม เดี๋ยวถ้ากูกระโจนคร่อมมึงเมื่อไหร่มึงจะหาว่ากูไม่เตือน
“เมื่อกี้มึงมองคนไหนนะ คนซ้ายหรือคนขวา” ผมหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถอีกครั้งขณะที่ยังโดนดึงหูอยู่ เห็นวัยรุ่นสาวสองคนเดินตีคู่กันออกไปแล้วหันมาหัวเราะคิคิให้ผมอีก คำถามคือ...อีพวกห่านี่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?
“เค้าไม่ได้มองสักคนเลยนะตัวเอง สาบานได้”
“อีลู่”
“จ๋า...”
“มึงเลือกมาเลยว่าจะเอาปูอัดหรือวาซาบิ”
เอาอีกละ ปูอัดหรือวาซาบิอีกละ มึงดูรายการทีวีแชมป์เปี้ยนมากไปป่ะอีเมียขา ซูชิสักก้อนแทนฮอลคูลไหมจะได้อารมณ์ดี ผมเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าเนียนสวยของเมียบังเกิดเกล้าอีกครั้งที่ตอนนี้กำลังง้ำงอจนเหมือนนางยักษ์ขมูขี วินาทีต่อจากนั้นซาวด์แทร็คก็ดังขึ้น...อย่ามองตาได้ไหมถ้าเธอไม่แคร์ อย่าดึงหูได้ไหมถ้าเธอไม่รัก พอเถอะลู่ กลับมาที่ปูอัดหรือวาซาบิของมึงเถอะนะ
“ว่าไง มึงจะเอาปูอัดหรือวาซาบิ...หืม?” เมียยิ้มมุมปากแต่แววตาคู่นั้นที่มองมาเต็มไปด้วยความอำมหิต โคตรให้อารมณ์แบบ Joker ในภาพยนตร์แบทแมนมากๆ อีห่า...ออสก้าร์เลยทีเดียว
“วาซาบิจ้า” ผมพูดพลางกระพริบตาปริบขอความเห็นใจ เปล่านะครับไม่ได้กลัวสักนิด จริงๆมันเป็นอุบายต่างหากล่ะ! เดี๋ยวพอมันใจอ่อนเมื่อไหร่ผมก็มือถึงตีนถึงเลยครับ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ลูลู่นะ
“วาซาบิเหรอ? ดีเลย... งั้นก้มหัวลงเลยนะที่รัก” ด้วยความเป็นผัวที่ดีก็ทำตามที่เมียเพิ่งกอดขาอ้อนวอนขอร้องทั้งน้ำตาอย่างง่ายดาย
“โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย!”
ผมแหกปากร้องลั่นรถพร้อมกับที่เสียงหัวเราะในลำคอของเมียผมดังขึ้นมาอย่างสะใจ เมื่อกี้มันเอาเล็บจิกเนื้อที่มีอยู่น้อยนิดบนหลังคอของผมเต็มแรงจนได้ยินเสียงกึก! โหอีเหี้ย...นี่วาซาบิประเทศไหนของมึงเหรออีเมีย เดือดสัด!!!!!!!
“ทีหลังมึงจะมองอีพวกนี้อีกไหม...”
“ตอบ!!!”
จะให้พูดกี่ครั้งว่าไม่ได้มอง มึงนี่ไม่เคยเชื่อกูเลยนะ พูดแบบนี้คิดว่ากูเป็นคนปลิ้นปล้อนใช่มะ? หรือไง? ถึงแม้เมื่อคืนกูจะจับมึงปลิ้นแต่กูก็ไม่เคยปล้อนนะ ทำได้แค่ปล้นเท่านั้นแหละน้ำหน้าอย่างกู
“ไม่มองแล้วจ้า”
“มึงนี่เผลอไม่ได้จริงๆ”
ด่าเสร็จก็ปล่อยให้หูผมเป็นอิสระได้สักที ตอนนี้กำลังรู้สึกร้อนฉ่าที่กกหูเหมือนมีคนเอาไฟแช็คมาลนไว้ ผมลูบหูตัวเองอยู่เป็นนาทีก่อนที่คนข้างๆจะยื่นอะไรสักอย่างมาให้ ไม่ต้องมายัดเยียดถุงยางให้กูเลยนะ ร่างกายกูได้รับการกระทบกระเทือนเกินกว่าที่ปีศาจหัวม่วงจะตื่นขึ้นมาทำลายโลกได้อีกแล้ว
“กินซะ จะได้หายเมา”
ผมหันกลับไปมองก็พบว่ามันไม่ใช่ถุงยางอย่างที่คิด แต่เป็นนมเปรี้ยวขวดใหญ่ที่เมียสุดที่รักเดินลงไปซื้อให้ที่มินิมาร์ทข้างทางเมื่อกี้แถมยังเอาหลอดเจาะให้เสร็จสรรพเลยครับ ผมรับมันมาก่อนจะพยักหน้าขอบคุณอย่างผู้ดีมีมารยาทแล้วค่อยๆกินอย่างสงบ
รถยนต์ขนาดกลางถูกขับเข้ามายังที่จอดรถประจำในคอนโดของผม ไม่รู้ว่ามันกี่โมงกี่ยามแล้วแต่ลานจอดรถค่อนข้างจะเงียบ ผมทิ้งขวดนมเปรี้ยวลงในถุงพลาสติกแล้วมัดปากเตรียมโยนทิ้งในถังขยะใกล้ๆ มึนหัวขนาดนี้ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะตื่นไปทำงานไหวหรือเปล่า เมียผมก็อีกคน ยิ่งเป็นคนปวดหัวง่ายมากๆหากว่านอนไม่พอ ดูทรงแล้วคงจะต้องตื่นเช้ากว่าเดิมมารีดเสื้อรีดผ้าให้ใส่ แต่เดี๋ยวนะ...พูดถึงผ้าแล้ว...
ผ้าที่กูซักทิ้งไว้...
เสื้อกู...
กางเกงกู...
กางเกงในกู...
“ไข่อับแน่...”
“เชื้อราในร่มผ้า...”
“สังคัง...”
“หนองใน”
ผมพูดออกมาทีละประโยคอย่างเหม่อลอย คือจั๊กแร้เหม็นเขียวนี่กูไม่มายด์นะต่อให้ใครจะด่าก็เหอะ แต่ถ้าปีศาจหัวม่วงกูเหม็นเมื่อไหร่นี่...
“อะไรเหรอตัวเอง”
มินซอกเอ่ยถามออกมาหลังจากที่หยิบสัมภาระขึ้นมาวางบนตักเรียบร้อยแล้ว ใบหน้าขาวหันมามองผมอย่างเป็นห่วงเป็นใย (รอสมน้ำหน้ากูอยู่ก็บอกมา) ผมหันกลับไปยิ้มแหยๆ กูจะบอกมันยังไงดีวะ ถ้าบอกว่าลืมเอาผ้าออกมาตากนี่กูโดนตบอีกแน่
“คิดถึงผ้าที่ลืมไว้ในเครื่องใช่ป่ะ?” มันถาม
“ตัวเองเห็นแล้วเหรอ?”
“เห็นแล้ว เหม็นอับไปหมดเค้าก็เลยซักให้ใหม่ ตากให้แล้วด้วย”
“...”
“ขืนรอตัวเองมาทำก็คงจะมักง่ายเอาออกมาตากทันทีเลยใช่ไหมล่ะ?”
“...”
“เค้าเลยทำให้ดีกว่า กลัวตัวเองใส่เสื้อผ้าแล้วคัน”
ความรู้สึกผิดมาเต็ม...
“ตัวเองไม่ต้องคิดมากนะ เค้าไม่โกรธหรอก”
“จริงอ่ะ...”
“จริง”
“ใจดีจัง”
“แต่ในกระเป๋ากางเกงตัวเองอ่ะ”
“...”
“สามพัน...เค้าเอามาแล้วนะ”
ค่าบอลกู...
สินะ...
มันพูดก่อนจะล้วงธนบัตรสีน้ำตาลที่ยับยูยี่ออกมาพัดหน้าตัวเองแบบเยาะเย้ยสัดๆ หอมแฟ้บเชียวนะมึง สะตุ้งสตางค์นี่ลืมไม่ได้เลยนะ ลืมที่ไหนเป็นต้องเสร็จมึงตลอด ผมยิ้มออกมาพร้อมกับที่กำหมัดแน่นด้วยความแค้นสุดขีด แหมยังทำเป็นลอยหน้าลอยตา หน้ามึงแดงๆนะช่วงนี้เป็นไรป่ะวะ? อ๋อเปล่าหรอก หน้าเลือดนี่เอง
“มองไร จะไม่ให้เค้าใช่ป่ะมองแบบนี้อ่ะ”
จบประโยคก็มาทำหน้าง้ำหน้างอใส่กูอีก จะให้ไม่ให้มึงก็เอาเงินกูไปแล้วอีอ้วน ไม่ต้องมาประชด ไม่ต้องมาถาม คือมึงหยิบไปแล้ว มึงแพลนรายการช็อปปิ้งไว้แล้วด้วยอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ
“ตัวเองจะไม่ให้เค้าใช่มะ...”
“เห้ยเปล่านะ”
“ตัวเองเอาคืนไปเถอะ”
“อ้าว...ทำไมอ่ะตัวเอง?”
“เค้าก็มีเงินเค้าอยู่แล้ว เค้าไม่อยากได้เงินตัวเองหรอก”
“...”
“ถึงแม้ว่าเค้าจะทำงานเหน็ดเหนื่อยทุกวันแล้วยังต้องมาตามทำงานบ้านที่ตัวเองทำไม่เรียบร้อยเอาไว้อีก”
“...”
“เนี่ยวันนี้ก็ล้างจาน ล้างห้องน้ำ ซักเสื้อผ้า ซักกางเกงในให้ตัวเองด้วย เป้าเหลืองขนาดไหนก็นั่งขยี้ให้จนขาวสะอาดเหมือนเดิม”
“...”
“ตัวเองก็เอาแต่ไปกินเหล้าสนุกสนานกับเพื่อนแล้วปล่อยให้เมียอย่างเค้านั่งเฝ้าคอนโดอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย”
“...”
“เงินสามพันเค้าไม่เอาก็ได้ ถึงแม้ว่าเค้าจะดูรองพื้นชาแนลไว้แล้วก็ตาม”
“...”
“เห้อ...”
ไงล่ะ กูพูดผิดที่ไหน 555555555555555555555555555555555555555555555555
ผมก็เป็นแบบนี้ตลอดแหละครับ มักจะเสียท่าให้กับอาการงอนน่ารักๆของเขาแบบนี้อยู่เสมอ แล้วครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมถวายค่าบอลทั้งหมดให้เมียไปแบบไม่คิดอะไรมาก อันที่จริงเรื่องของการช็อปปิ้งเขาก็ไม่ค่อยได้ขอจากผมเท่าไหร่เพราะส่วนตัวเขาเองก็ได้รับเงินจากการทำงานที่มากพอจะซื้อของให้ตัวเองได้อย่างสบายๆ ส่วนเงินที่ได้จากผมไปนั่นก็เอามากินบุฟเฟ่ต์ดีๆสักมื้อด้วยกัน บางครั้งก็ยังเหลือมาซื้อเสื้อตัวใหม่ให้ผมได้อีก
เมียผมนี่น่ารักจริงๆ
แต่อย่าคิดว่ากูหายเคืองเรื่องที่มึงดึงหูกูเมื่อกี้นะ บอกไว้เลยว่าไม่มีวันลืม!
ร่างเล็กไล่ปิดไฟในห้องลงทีละดวงจนมาหยุดยืนอยู่ภายในห้องนอน ลู่หานเป็นคนดื่มเหล้าไม่เก่งแต่การได้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนก็เป็นสิ่งที่เจ้าตัวดูจะมีความสุขกับมันมากเหลือเกิน เหตุเพราะคิวงานที่รัดตัวเร่งให้สามีของเขาต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จวันต่อวันทำให้ไม่มีเวลาไปกินเลี้ยงกับเพื่อนบ่อยๆอย่างเช่นสมัยเรียน แต่ถึงอย่างนั้นลู่หานก็ยังให้เวลากับเขาไม่น้อยลงไปกว่าเดิมเลยสักนิด
Minseok’s Part
หลังจากที่ห้องนี้ตกอยู่ในความมืด ผมก็เดินเข้ามาทิ้งสะโพกลงที่ปลายเตียง ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของลู่หานแล้วก็พอจะดูออกว่าเจ้านี่คงจะชัตดาวน์ตัวเองเพราะฤทธิ์สุราเรียบร้อยแล้ว ไหนเมื่อกี้ยังทำปากเก่งบอกจะจัดให้ผมสักดอก...พอหัวถึงหมอนก็ชิงหลับไปก่อนเสียดื้อๆ
“ตัวเอง”
มือเล็กสะกิดลงบนหัวไหล่หนาเบาๆ เวลาที่ลู่หานเมาแบบนี้ต่อให้เอาช้างมาฉุดก็คงไม่ตื่นขึ้นมาอาบน้ำง่ายๆ
“นอนดีๆ เดี๋ยวเค้าเช็ดตัวให้”
พอเขาพูดจบ ร่างสูงก็พลิกตัวขึ้นมานอนหงายอย่างว่าง่ายแถมยังเลิกเสื้อยืดขึ้นมาให้จนถึงหน้าอก รู้แล้วว่าต่อจากนี้ก็คงจะไม่ใช่หน้าที่ของใครนอกจากผมจึงจัดการดึงเสื้อส่วนที่เหลือให้หลุดออกมาจากร่างของอีกคนในทันที
ผมเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดไปตามเนื้อตัวของเขาโดยที่ไม่ต้องออกแรงมากนักเพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ให้ความร่วมมือด้วยการขยับนั่นขยับนี่ให้ผมทำได้อย่างสะดวก
“หยุดเลย ไม่ต้องมานัวเนีย”
ผมดุเขาเสียงแข็งพอเห็นว่าลู่หานไม่ได้นอนหลับอย่างที่คิดไว้เพราะเมื่อกี้ยังทำมือซุกซนป่ายไล้ไปบนร่างกายของผมด้วยความทะลึ่งตามนิสัย เห็นผมดุไปแบบนั้นเจ้าตัวถึงได้ยอมรามือโดยดี
ความจริงแล้วผมไม่ชอบเลยที่ตัวเองเป็นคนอารมณ์ร้าย ชอบใช้ความรุนแรง แถมยังพูดไม่เพราะอีกด้วย แต่ก็ยังคงแปลกใจว่าทำไมลู่หานถึงได้ทำความเข้าใจกับนิสัยของผมได้ทุกกระเบียด ผมบอกรักเขาไม่บ่อย เวลาที่อยู่ไกลกันผมก็แทบไม่เคยบอกเลยว่าผมคิดถึงเขาแค่ไหน ตั้งแต่คบกันมาจนถึงวันนี้เขายังเป็นเหมือนเด็กที่งอแงขอให้ผมพูดอะไรแบบนั้น ความจริงผมก็อยากจะพูดมันออกมานะ...แต่ก็ไม่รู้สิ มันไม่ชินเลยกับเวลาที่เขาตั้งใจฟังเวลาผมพูดคำนั้น มันอาจจะเรียกว่าอึดอัดก็ได้ แต่คงเป็นความรู้สึกขวยเขินที่จะโดนเขาหยอกล้อกลับมามากกว่า
“เค้าไปอาบน้ำนะ”
ผมวางกะละมังน้ำอุ่นลงบนหัวเตียงก่อนจะยันตัวขึ้นมา ยังไม่ทันจะยืนได้ดีลู่หานก็ลุกพรวดแล้วดึงผมลงไปนอนปล้ำอยู่บนเตียงอีกตามเคย
“ไม่ต้องอาบแล้ว นอนเลย เค้าไม่ถือ”
น้ำเสียงทุ้มหนักพูดอู้อี้ที่ข้างลำคอ ปลายจมูกโด่งยังคงซุกไซร้อยู่พร้อมกับที่ริมฝีปากพรมจูบบนเนื้อผิวของผมอย่างใจเย็น ในตอนนี้ลู่หานไม่ได้ทำเพื่อให้เกิดอารมณ์เซ็กส์แต่หากปล่อยให้ทำต่อไปอีกฝ่ายคงจะเครื่องติดขึ้นมาง่ายๆได้อย่างแน่นอน แต่ยังไม่ทันจะขัดขืนการกระทำนั้นก็หยุดลงพร้อมกับได้ยินเสียงกรนเบาๆที่ข้างใบหู... แฟนของผมนี่ตลกชะมัดเลย ว่าไหม?
“ฮึ...”
ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะผลักคนตรงหน้าออกให้ห่างเพียงเพื่อให้อากาศถ่ายเทเข้ามาได้บ้าง ตอนนี้ลู่หานอยู่ในช่วงที่กำลังอ้วนเป็นหมูยักษ์ทำให้ต้องนอนกรนแบบนี้ทุกวัน หลายครั้งที่รู้สึกรำคาญจนนอนไม่หลับแล้วต้องออกมานอนที่โซฟาข้างนอกแต่สุดท้ายยังไงก็ตายรัง... ได้ยินเสียงกรนของเขาอยู่ใกล้ๆยังดีเสียกว่าต้องออกมานอนคนเดียวเงียบๆแบบนั้น
ผมชื่อคิมมินซอก เป็นเมคอัพอาร์ตติสท์ให้กับเอเจนซี่แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังหลายสำนัก ผมเกิดและโตมาในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะเพราะที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ ชีวิตของผมค่อนข้างจะเรียบง่ายเหมือนกับคนทั่วไป ผมพูดไม่ค่อยเก่ง ไม่ชอบเข้าสังคมสักเท่าไหร่ เวลาว่างๆก็มักจะปั่นจักรยานหรือเล่นสเก็ตบอร์ดกับแก๊งของผม... ซึ่งนั่นก็คืออี้ฟาน ชานยอลและจงอินนั่นเอง
ผมได้ยินชื่อของลู่หานครั้งแรกในช่วงที่เรียนมัธยมปลาย นอกจากจะเป็นชาวต่างชาติแล้วก็ยังเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียนของพวกเราอีกด้วย ทำให้ช่วงนั้นลู่หานได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากเด็กนักเรียนคนอื่น แต่ถึงจะมีลู่หานเพิ่มเข้ามาความป๊อปปูล่าร์ของอี้ฟานและชานยอลก็ยังคงเส้นคงวา ทำให้มีเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีของลู่หานเวียนเข้ามากรอกหูผมอยู่บ่อยๆ ชอบฟันแล้วทิ้งบ้างล่ะ ชอบคบซ้อนบ้างล่ะ ชอบดื่มเที่ยวจนเสียผู้เสียคนไปบ้างล่ะ จนเชื่อได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงในวันที่ได้รู้ว่ามีผู้หญิงหลายคนที่อี้ฟาน ชานยอลและลู่หานผลัดเวียนเปลี่ยนมือกันใช้ราวกับตุ๊กตายาง
จนกระทั่งวันหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่ามันจะดำเนินมาถึง...
“ตรงนี้มีคนนั่งไหม?”
“...”
“งั้นนั่งด้วยนะ”
ผมกับลู่หานได้เรียนคลาสเดียวกันในช่วงมัธยมปลายปีสอง ลู่หานค่อนข้างจะเกเรจึงถูกครูจับให้มานั่งกับผมที่มีผลการเรียนดีกว่า ความอัธยาศัยดีของลู่หานไม่เป็นอุปสรรคต่อนิสัยพูดน้อยของผมเลยสักนิด ทำให้เราสองคนสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว...
หนึ่งปีต่อจากนั้นอี้ฟานและชานยอลที่มีอายุมากกว่าผมได้จบการศึกษาในช่วงมัธยมปลายไปก่อน ส่วนจงอินก็ถูกที่บ้านส่งไปเรียนต่างประเทศกะทันหัน ทำให้กลุ่มเราเหลือเพียงแค่ผมกับลู่หานเท่านั้นที่ยังศึกษาอยู่ในโรงเรียนเดิม เราสองคนตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ในขณะที่ไลฟ์สไตล์ของเราแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผมไม่สนใจโซเชียลเน็ตเวิร์ค ไม่สนใจผู้หญิงและไม่ค่อยสนใจผู้ชายที่เข้ามาจีบด้วย แต่ลู่หานเป็นเด็กวัยรุ่นที่ยังรักสนุก ยังคงมีชีวิตที่ติดเที่ยวกลางคืน แต่สุดท้ายแล้วอะไรสักอย่างก็ดลใจให้เขายุตินิสัยพวกนั้นแล้วมาผูกติดอยู่กับผมจนใครต่อใครต่างก็คิดว่าเราสองคนมีความสัมพันธ์กันลึกซึ้งกว่าที่เห็น
และสิ่งที่ใครต่อใครพูดถึงนั้นก็กำลังจะเกิดขึ้นจริงหลังจากที่เราสองคนเรียนจบมัธยมปลาย...
“พ่อกูให้เรียนประมงว่ะ”
คำพูดของเขาวันนั้นทำให้ผมถึงกับกลืนอาหารที่อยู่ในปากไม่ลงคอ ผมวางช้อนลงแล้วมองหน้าเขาเงียบๆ ความฝันของลู่หานตรงกันข้ามกับสิ่งที่ครอบครัววางแผนไว้ให้ ลู่หานสนิทกับพ่อมาก ถึงแม้จะถนัดทำตัวไร้สาระไปวันๆยังไง สิ่งที่เพื่อนสนิทคนนี้ของเขากลัวที่สุดก็คือการทำให้พ่อผิดหวัง
“แล้วจะเอายังไงต่อ?”
ผมถามเพื่อให้เขาตัดสินใจเพราะรู้ว่าตนเองไม่ใช่คนที่จะชี้ชะตาให้เขา ลู่หานลงสอบแข่งขันในมหาวิทยาลัยมีชื่อสามแห่ง ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นสาขาประมงที่พ่ออยากให้เรียน ลู่หานไม่ทุ่มเทกับการอ่านหนังสือเหมือนเด็กนักเรียนคนอื่นเพราะคิดว่าหากสอบไม่ติดยังไงพ่อต้องส่งเข้ามหาวิทยาลัยเอกชนในสาขาที่ตนเองต้องการจะเรียนแน่
แต่แม่งเสือกสอบติดรวดสามมหาลัยเลยไง... ไม่รู้จะสงสารหรือจะดีใจกับมันดี
“คงต้องเรียนตามที่พ่อบอก”
“เรียนประมงก็ดีแล้ว จบไปก็ไม่ต้องมาหางานทำให้วุ่นวาย กลับไปทำงานกับพ่อได้เลย”
วันนั้นผมเอาแต่ปลอบใจลู่หานแล้วชักแม่น้ำทุกสายในโลกให้เขามองเห็นข้อดีในการเรียนสาขานี้ จนสุดท้ายแล้วความพยายามของผมทำก็สัมฤทธิ์ผล... ลู่หานลืมอคติกับสิ่งที่ตนเองต้องเรียนไปชั่วขณะแล้วบอกกับใครอย่างภาคภูมิใจว่าตนเองได้เรียนในสิ่งที่ไม่ทำให้พ่อผิดหวัง ผมเองก็เป็นไปกับเขาด้วย...ดีใจประหนึ่งสอบติดเองเลยทีเดียว (ฮา)
“มินซอก”
“เออ?”
“อยู่คอนโดด้วยกันนะ”
เราสองคนได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างจากในมหาวิทยาลัย นอกจากความยากลำบากในการเรียนแล้วยังมีปัญหาต่างๆเข้ามารุ้มเร้าอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันหรือแม้กระทั่งการทรยศหักหลังในกลุ่มเพื่อนด้วยกันเอง ความเจ็บปวดจากการเป็นฝ่ายโดนกระทำทำให้เรามองเห็นน้ำใจของคนที่อยู่เคียงข้าง อย่างที่อี้ฟานเคยบอกพวกเราไว้ว่า... หากไม่เคยล้ม เราจะรู้ได้อย่างไรว่าจะเหลือมือของใครที่ช่วยประคอง
เราสนิทกันมากขึ้นอีกหลังจากที่ย้ายมาอยู่ร่วมกันนานนับปี ผมไม่เคยรู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับลู่หานเพราะที่ผ่านมาเราต่างบริสุทธิ์ใจต่อกันมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ลู่หานทำเหมือนตัวเองกำลังมีความรักนั่นแหละ...
“ทำงานเหรอ? เปิดไฟไหม?”
“ไม่ต้อง กูเขียนไดอารี่อยู่”
ผมหัวเราะเหอะๆ เพราะไม่เคยรู้ว่าน้ำหน้าอย่างมันจะมีโมเม้นต์นี้กับเขาด้วย ผมเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วชะเง้อมองลายมือห่วยๆบนหน้ากระดาษถนอมสายตา ลู่หานยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะรู้ว่าผมไม่มีทางเข้าใจในสิ่งที่เขาเขียนแน่
“มีเด็กเหรอช่วงนี้?”
“ไม่บอก”
“เจอคนที่ชอบเหรอ?”
ลู่หานชะงักไปชั่วครู่แล้ววางปากกาหมึกดำลงบนโต๊ะ ผมสงสัยเหลือเกินว่าทำไมคำถามนั้นมันถึงใช้เวลาคิดนานขนาดนี้ ปกติแล้วมันจะต้องตอบกลับมาแล้วว่า ‘ไม่เชิง ได้ก็เอา’
“ไม่รู้ดิ...”
“...”
“ไม่รู้ว่าชอบไหม แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนกำลังสำคัญตัวผิด”
“สำคัญตัวผิด?”
“มันทำเหมือนห่วงใยกูมากๆเลยว่ะ...แต่จริงๆมันก็นิสัยแบบนั้นอยู่ละ”
“...”
“กูอาจจะชอบมันก็ได้”
“...”
“...แต่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนเลย”
“...”
“...”
“...”
“มินซอก?”
“...”
“...”
“อืม เขียนไปเหอะ นอนละ”
ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆวันนั้นผมก็โกรธจนควันออกหูจนต้องเดินออกมาสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องของตัวเอง ผมกัดฟันแล้วก็กำหมัดแน่น ในหัวมีแต่คำว่า ลู่หานชอบคนอื่น ลู่หานชอบคนอื่น ลู่หานชอบคนอื่นเต็มไปหมด... ผมหงุดหงิดจริงๆกับความรู้สึกแบบนี้ ได้ยินเสียงมันเรียกตามหลังมาอีกสองสามครั้งแต่ผมก็ไม่สนใจหรอก ไม่อยากเห็นหน้าเลยด้วยซ้ำ ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะเป็นคนงี่เง่าได้มากขนาดนี้ ความจริงอาจจะเพราะผมมีเพื่อนน้อย...เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังเอาใจใส่ใครเลยเกิดอารมณ์หวงเพื่อนขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผล
แต่ทำไมต้องโกรธแสบกระบอกตาขนาดนั้นด้วยก็ไม่รู้...
เช้าวันต่อมาทุกอย่างก็เป็นเหมือนปกติ ผมยังไม่ลืมในสิ่งที่ลู่หานพูดเมื่อคืนหรอกนะเพราะมันคาใจจริงๆว่าลู่หานเขียนไดอารี่ถึงใคร เราทานอาหารเช้าแล้วนั่งดูรีรันฟุตบอลด้วยกันตามประสา วันนี้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่เพราะเรื่องเดิมยังวนเวียนอยู่ในหัว ผมทนไม่ไหวแล้ว...ผมต้องรู้ให้ได้ว่าสิ่งที่ลู่หานเขียนมีใจความถึงใครแน่
“ลู่หาน”
“เออ”
“สอนเขียนจีนหน่อย”
มันหันมามองหน้าผมแบบงงๆ มันเคยคิดจะช่วยสอนภาษาจีนให้ผมอยู่หลายครั้งแต่ผมก็ปฏิเสธว่าไม่เอาลูกเดียว จังหวะนั้นผมหยิบใบเสร็จมินิมาร์ทที่มันวางทิ้งไว้แถวนั้นมาพร้อมกับปากกาหนึ่งแท่งแล้วยื่นให้ มันหัวเราะออกมานิดหน่อย
“ตัวหนังสือมีเป็นพัน กูยังจะเขียนไม่ได้ทุกตัวเลย”
“แล้วต้องเริ่มจากตรงไหน?”
“ชื่อมึงก่อนแล้วกัน”
“ก็ได้”
ลู่หานเดินอ้อมโซฟามาแล้วคร่อมตัวผมจากทางด้านหลัง
“โทษนะ”
เขาพูดขึ้นมาเบาๆแล้วเคลื่อนมือของตัวเองเข้ามากุมมือของผมที่กำลังจับปากกาอยู่ เขาพูดคลอไปหลังจากที่เริ่มร่างเส้นอักษรจีนขึ้นมาอย่างเชื่องช้าว่าต้องเขียนแบบไหน ตั้งแต่เขาเข้ามาแบบนั้นหูทั้งสองข้างของผมไม่ได้ยินอะไรอีกเลย...นอกเสียจากเสียงหัวใจของตัวเอง
“เอ้า เสร็จละ”
“มันอ่านว่าไง?”
“เปาจื่อ”
ผมหันกลับไปมองมันด้วยสายตาแบบ...เปาจื่ออะไรของมึงวะ? มันยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกว่านั่นเป็นชื่อของผมที่มันตั้งให้ โอเค ก็ได้ เปาจื่อก็เปาจื่อ รู้แค่เปาจื่อคำเดียวก็ได้ นอกนั้นกูเรียนเองก็ได้วะ ไม่อยากจะพึ่งพามันสักเท่าไหร่หรอก
หลังจากที่ลู่หานออกจากคอนโดไปเรียนช่วงบ่าย ผมอยู่คนเดียวสักพักแล้วเปิดคอมพิวเตอร์ศึกษาภาษาจีนคร่าวๆ... มันไม่ใช่ภาษาบ้านของผม อ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด สุดท้ายแล้วจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องของมัน ปกติไม่ค่อยชอบยุ่งของคนอื่นสักเท่าไหร่หรอกนะแต่ครั้งนี้ผมขอล่ะ
วันนั้นผมไล่เปิดไดอารี่มันขึ้นมาตั้งแต่หน้าแรกแล้วอ่านดูด้วยความไม่เข้าใจ ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ลู่หานเขียนออกมาในแต่ละวันมีความหมายว่าอย่างไร รู้แต่เพียงว่าบนหน้ากระดาษเหล่านั้น...
มีแต่คำว่า ‘เปาจื่อ’ มากมายเต็มไปหมด
- To be continue –
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกคน! หลังจากที่หายหน้าหายตาไปนาน วันนี้น้องหนวดกลับมาแล้วค่ะ! ข่าวดีคือตอนนี้น้องหนวดปิดเทอมแล้วอาจจะอัพฟิคได้บ่อยขึ้นนะคะ ฮูเร่ย์!~ ส่วนข่าวร้ายก็คืออีกไม่นานน้องหนวดจะเปิดเรียนซัมเมอร์ค่ะ อาจจะต้องกลับมาดองอีกตามเคย แหง่ว 55555555555555555555555 แต่เรียนไม่หนักเท่าเทอมปกติค่ะ ไม่น่าจะหายไปนานเท่าเมื่อก่อนแล้วค่า ^_^
พาร์ทนี้ขอละความฮาเอาไว้ชั่วครู่แล้วใส่เรื่องราวของพระนางบ้างสักหน่อยนะคะ เดี๋ยวหลังจากนี้จะกลับมาพบกับผู้ชายกลัวเมียคนเดิมแล้วค่ะ เห็นไหมคะว่ามินซอกไม่ใช่เมียใจยักษ์ใจมารที่ไหน เพียงแต่เป็นคนปากแข็งเท่านั้นเอง จริง ๆ แล้วนางรักอีลู่จะตายไป พาร์ทนี้บรรยายเยอะหน่อยหวังว่าจะยังไม่เบื่อกันนะคะ T_T
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และคะแนนโหวตบนหน้าฟิค ขอบคุณที่ให้ความสนใจฟิคของหนวดมาเสมอเลย ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีเพราะหนวดรู้ว่าตัวเองเป็นคนอัพฟิคช้ามากๆ แต่ทุกคนก็ยังติดตามกัน ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยเรียกเม้นท์เท่าไหร่แต่สารภาพว่าคอมเม้นท์บนหน้าฟิครวมไปถึงสกรีมบนทวิตเตอร์นั้นเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมของหนวดเลยค่ะ
สำหรับพาร์ทนี้อ่านแล้วรู้สึกยังไงสามารถทิ้งคอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ หรือใครไม่สะดวกไปสกรีมกันบนทวิตเตอร์ก็ได้ที่แท็ก #ฟิคเข้าใจยาก แล้วหนวดจะเข้าไปส่องนะคะ คิคิ
+ พาร์ทที่แล้วใครอ่านไม่ได้ติดตามที่ไบโอ @nutcraqerx90 เลยค่ะ หนวดลงไว้ใน blogspot นะคะ ขอบคุณค่ะ T_T
ความคิดเห็น