คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Stop It chapter1
chapter1
ตอนนี้ผมกำลังอยู่ที่ซอยเล็กๆที่เต็มไปด้วยกำแพงที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่ ใจจริงผมก็ไม่อยากจะมาหรอก ถ้ามันไม่ใช่หน้าที่ของผม ผมเดินเข้าไปใกล้ร่างของผู้ตายที่ถ้าใครไม่เคยเห็นคงต้องวิ่งไปอ้วกแถวๆนี้ก็ได้ แต่ผมคงชินแล้วล่ะ เพราะเคยเกินเหตุแบบนี้มาค่อนข้างหลายคดี
"สารวัตกันต์ครับ" เสียงตำรวจนายหนึ่งเรียกผม
"มีอะไร"ผมถามในขณะที่ผมกำลังสำรวจร่างของผู้ตายรายหนึ่งที่ถูกยิงที่ขาทั้ง2ข้างและในโพรงปากปากด้วยปืนอย่างละ1นัด ส่วนข้อมือถูกตัดแต่ไม่ขาดเหลือเพียงเส้นเอ็นที่เชื่อมอยู่กับมือแค่นั้น โดยอาวุธที่น่าจะใช้ตัดก็น่าจะเป็นมีดของผู้ตายเอง เพราะมีคราบเลือดติดอยู่ ซึ่งผมได้บอกให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วและก็ตรงกับผู้ตายพอดี โดยมีดนั้นตกอยู่ใกล้ๆร่างของผู้ตาย
"สันนิษฐานเวลาการตายคือเวลาประมาณเที่ยงคืนถึงตีหนึ่งของคืนที่ผ่านมาครับ"ตำรวจซึ่งมียศเป็นจ่าบอกผม
"แล้วเก็บหลักฐานอะได้เพิ่มเติมหรือเปล่า"ผมถามเสียงเครียด เพราะที่ผ่านๆมาเจอกี่ศพ ก็แทบจะไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะสามารถโยงไปถึงคนฆ่าได้เลยซักนิด
"เราไม่พบหลักฐานอะไรเพิ่มเติมเลยครับ"จ่ารายงานผม
"แล้วบริเวณรอบๆล่ะ ปลอกกระสุนปืนพบรึเปล่า"ผมถาม
"ไม่พบเลยครับ"จ่ารายงานด้วนน้ำเสียงที่ค่อนข้างเบา
"งั้นจ่าไปทำงานต่อเถอะ"ผมบอกอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
"ครับ"จ่าก้มหัวให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะรีบเดินออกไป
"โธ่เว่ย!"ผมปาแฟ้มคดีลงพื้น ก่อนจะระบายความโกรธกับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ
พลั่ก!!
พลั่ก!!
ผมกระหน่ำหมัดเข้ากับกำแพงที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อระบายความโกรธที่สุมอยู่ในอกของผม มันทำแบบนี้เพราะอะไร ฆ่าคนเพื่ออะไร ผมกระหน่ำต่อยไปเรื่อยๆจนกระทั่งมีมือที่ใหญ่หว่าผมนิดหน่อยมาคว้าแขนของผมไว้
"ปล่อยกู"ผมพยายามสะบัดมือที่โดนพันธนาการอยู่ แต่ก็ไม่หลุด
"ถึงมึงต่อยจนกำแพงถล่ม แต่มึงก็ไม่สามารถจับคนร้ายได้หรอกนะ"เสียงทุ้มเอ่ยปรามผม
"เออ กูเลิกต่อยก็ได้ ทีนี้ก็ได้เวลาที่มึงควรจะปล่อยกูได้ละ ไอฟิว"ผมบอกกับเพื่อนของผมที่จับแขนของผมซะแน่นเลย
"ถ้ากูไม่ห่วงกูคงไม่มาห้ามมึงหรอก"มันปล่อยแขนของผม แล้วก้มลงเก็บแฟ้มคดีของผมก่อนจะโยนมาให้ผม
"ขอบใจ"ผมรับแฟ้มคดี ก่อนจะเดินกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ของผม
"เดี๋ยว ไอกันต์"ไอฟิวเรียกผม
"อะไร"ผมถามในขณะที่เอาแฟ้มคดีใส่กระเป๋าเป้ใบโปรดของผม
"มึงจะไปไหน"มันถาม
"กลับไปเคลียร์งานที่กรมตำรวจทำไม"ผมบอกก่อนจะขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์
"กูมีเรื่องจะคุยกับมึง แต่เอาเป็นว่าเดี๋ยวกูเข้าไปคุยกับมึงในกรมก็แล้วกัน"มันบอกแค่นั้น ก่อนจะเดินหายไป ส่วนผมก็สวมหมวก สตาร์ทรถ ก่อนจะขี่ออกไป
หลังจากที่ผมขี่ออกมาได้ซักพัก ท้องของผมก็เริ่มร้องเป็นจังหวะเพลงGee ทำให้ผมต้องแวะหาอะไรกินที่7-11ก่อน ผมขี่รถเข้ามาจอดในที่สำหรับจอด ก่อนจะเดินเข้าไป
"7-11 ยินดีต้อนรับค่ะ"เสียงพนักงานพูดขณะที่ผมเดินเข้าไปข้างใน ผมเดินไปหยิบตะกร้า แล้วเดินมาเลือกของที่ต้องการจะกิน ผมเดินไปหยิบ ขนมปัง แยมส้ม น้ำแดง 2 ขวด เบียร์อีก 5 กระป๋อง ไอศครีมและถุงเท้าที่อยู่ชั้นล่าง
"โอ้ย"หัวของผมกระแทกเข้ากับหัวของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ด้านบนอย่างเต็มแรงส่งผลให้ผมและใครอีกคนล้มกันไปคนละทาง ผมรู้สึกมึนนิดๆแต่ยังพอไหว ผมเลยพยายามลุกขึ้นยืน แต่พอยืนเท่านั้นแหละ ผมก็เริ่มทรงตัวไม่อยู่ในที่สุดผมก็ล้มลงแต่ก็ยังไม่โชคร้ายเท่าไหร่เพราะมีวงแขนที่ค่อนข้างแข็งแรงโอบเอวของผมเอาไว้นั่นทำให้ผมไม่ล้มลงไปนอนกับพื้น ผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้นเท่านั้นแหละ ผมถึงกับอึ้งเพราะหน้าของเราทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากจนได้กลิ่นของน้ำหอมของคนตรงหน้าที่มันค่อนข้างดึงดูดใจสุดๆไปเลย
เหมือนคนตรงหน้าจะรู้สึกก่อนเลยปล่อยแขนที่โอบเอวของผมอยู่ ซึ่งตอนนี้สติของผมได้กลับเข้าสู่ตัวผมครบหมดแล้ว
"ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม"ผมกล่าวขอบคุณคนตรงหน้า
"อืม"เขาตอบเพียงแค่นั้นก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์
ส่วนผมก็เดินไปที่เคาน์เตอร์เพราะเลือกของเสร็จแล้ว ผมเดินไปต่อช่องข้างหลังเขา ผมมองรูปร่างของเขาที่สูงโปร่ง ผอมนิดๆ ผมสีดำสนิทๆที่ยาวลงมาถึงบริเวณท้ายทอย แล้วชุดที่เขาใส่ก็เป็นสูทสีเขียว กางเกงสีเทา รวมแล้วโคตรดูดีอะ
"จะจ้องอีกนานมั้ย"เขาถามขึ้นลอยๆ
"ขะ ขอโทษครับ"ผมเอ่ยออกไป ทั้งๆที่เขาไม่ได้ระบุชื่อด้วยซ้ำว่าใคร แต่เสียงที่เค้าพูดมันเยือกเย็นจนผมที่ได้ยินยังแอบกลัวเลย
เขาจ่ายเงินแล้วหิ้วของออกนอก 7-11 ไป ส่วนผมก็จ่ายเงินแล้วก็เดินกลับไปที่มอเตอร์ไซค์ของผม ผมนั่งลงไปที่เบาะของรถแล้วรื้อหาไอศกรีม ผมนั่งกินไปจนกระทั่งมีผ้าเช็ดหน้าสีดำยื่นมาตรงหน้าของผม ผมเงยหน้าขึ้นมามอง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อคนตรงหน้าจับคางของผมก่อนจะค่อยๆเช็ดคราบไอศกรีมที่เลอะอยู่ที่ปากของผมจนหมด แล้วปล่อยคางของผมก่อนจะยิ้มนิดๆ
"กินเหมือนเด็กอนุบาลเลยนะ"เขาบอก
"ขอบคุณครับ"ผมยิ้มตอบนิดๆพอเป็นมารยาท แต่ให้ตายเถอะตอนนี้หัวใจผมเต้นแรงมากยังกับพึ่งออกกำลังกายมา แค่คนตรงหน้ายิ้มแค่นิดเดียวทำไมมันดูดีนักนะ เขาวางผ้าเช็ดหน้ามันเบาะรถแล้วหันหลังกลับ
"เดี๋ยว"ผมเรียกเขาไว้ เขาเพียงแค่หันหลังกลับมา
"คุณชื่ออะไร"ผมถามเขา
"ผมชื่อ คีร์ แล้วอีกอย่างที่ผมจะบอกคุณก็คือ ผมจะฆ่าคุณ
.
.
.
.
.
.
.
ด้วยเสน่ห์ของผม"คนตรงหน้าหรือคีร์บอกแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป ส่วนผมนะเหรอบอกเลยว่าโคตรของโคตรอึ้งอะ
"คนบ้ารึเปล่าวะ แต่แต่งตัวดีขนาดนี้คงจะไม่บ้าหรอกมั้ง แต่เรานี่สงสัยจะบ้า แค่บอกแค่นี้ทำไมหัวใจมันเต้นแรงจังวะ"ผมได้แต่ถามตัวเอง
ตี๊ดๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ของผมส่งเสียงร้องขึ้นมา ผมรีบหยิบขึ้นมาดูทันที
“อ่อ ไอฟิว”ผมพึมพำ
“ว่าไงเพื่อนรัก”ผม
“มึงอยู่ไหน ไหนบอกจะรีบกลับมาเคลียร์งานที่กรม แล้วมึงอยู่หนายยยยยยย”มันตะโกนใส่หูผมจนต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกให้ห่างจากหู
“กูอยู่7-11อยากกินอะไรรึเปล่า”ผมถามมัน โดยไม่สนใจสิ่งที่มันกำลังโวยวายอยู่
“ไม่กินเว่ย จะแฮม ฮอตดอก ไส้กรอกชีท ไข่ลวก ไข่ต้ม มะยมตากแอร์ พะแนง แกงราดข้าว ปลาปักเป้าย่าง ปลาวาฬปิ้งหรืออะไรก็ไม่กินเว่ย สิ่งที่กูต้องการตอนนี้คือต้องการให้มึงกลับมาที่กรมแล้วเข้ามาหากูที่ห้อง กูต้องการคำปรึกษา ได้ยินที่กูพูดม้ายยยยยย”มันตะโกนใส่โทรศัพท์อยู่เรื่อยๆแต่ใครจะสน ผมนั่งกินน้ำแดงตั้งแต่ตอนที่มันพูดแฮมและ เงียบแล้วแฮะ
“เดี๋ยวกูจะรีบกินนะ อีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”ผมบอก
“กูให้แค่10นาทีๆเท่านั้น ไม่งั้นกูฟ้องผบ.แน่”มันพูดกับผมแต่เบาเสียงลงมานิดนึง เอออย่างนี้ค่อยน่าคุยหน่อย
“อัวอายแอะ”(กลัวตายแหละ)ผมบอกทั้งที่ในปากยังกลืนน้ำแดงไม่หมด
“ก็มึงเป็นลูกผบ.หนิจะกลัวทำไม”
“ก็ใช่ ฉะนั้นอีกครึ่งชั่วโมงเจอกัน”ผมบอกก่อนจะชิงตัดสายก่อนแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงที่เดิม
ผมหยิบหมวกขึ้นมาสวมแล้วสตาร์ทรถก่อนจะขี่เพื่อกลับกรมจริงๆ
ณ กรมตำรวจ เวลา 15.00 น.
ผมขี่รถเข้าไปจอดในที่สำหรับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะ ผมจอดรถ ถอดหมวกเสร็จ ก็เดินเข้าไปในกรม แล้วมุ่งตรงไปที่ห้องทำงานของผมเองโดยที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยถุงขนมที่สามารถพาคนมากินได้ไม่ต่ำกว่า10คน ระหว่างที่ผมเดินเข้ามาก็มีตำรวจหลายนายเข้ามาทำความเคารพผมแต่ไม่มีใครซักคนที่จะเข้ามาช่าวยผมถือเลย เดี๋ยวก็สั่งวิ่งรอบกรมซะเลยหนิ ผมเดินมาถึงห้องของตัวเอง แต่ด้วยความที่มือทั้งสองข้างเต็มไปด้วยถุงขนม
“ไม่น่าซื้อมาเยอะเลยแฮะ”ผมบ่น แล้วใช้หลังดันประตูให้เปิดเข้าไปข้างใน
ปึง!
ปึง!
ผมเบี่ยงตัวหลบแฟ้มเอกสารที่ลอยมาหาผมโดยตรง ซึ่งคนทำเป็นใครไม่ได้นอกจากไอคนที่โทรเร่งผมให้รีบกลับมาที่กรม
“ปาแล้วก็มาเก็บด้วย”ผมบอกมันก่อนจะเดินเอาของที่ซื้อมาไปเก็บใส่ตู้เย็น
“ชิ มาช้าแล้วไม่สำนึก”มันด่าลอยๆ
“ก็3โมงไม่ใช่รึไง”ผมบอกก่อนจะเงยหน้ามองไปที่นาฬิกา ตอนนี้พึ่ง 2โมงครึ่งเองด้วยซ้ำ
“นาฬิกามันตายตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มึงจำไม่ได้รึไง”มันมองค้อนผม นี่มึงผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่วะ
“เออวะ”ผมระลึกความทรงจำซักพัก ก่อนจะร้องอ๋อ แล้วเอาของใส่ตู้เย็นต่อจนเสร็จ แล้วลุกไปนั่งที่โต๊ะทำงานซึ่งตอนนี้ไอฟิวได้เนรเทศตัวเองไปนั่งที่โซฟาเรียบร้อยแล้ว
“ไหนลองบอกเรื่องที่คุณฟิวต้องการปรึกษาสารวัตรผูมีชื่อเสียงอันลือกระฉ่อนอย่างสารวัตรกันต์มาซิ”ผมนั่งลงกับเก้าอี้แล้ววางมือบนโต๊ะก่อนจะถามไอฟิว
“เดี๋ยวกูถีบ”มันยกบาทาขึ้นมาเสมอระดับสายตาของผม
“ใจเย็นเพื่อน มีเรื่องอะไรก็พูดมาสิ”ผมถามมันอีกครั้ง
“เรื่องคดีฆาตรกรรมที่มึงไปลงพื้นที่มาวันนี้”มันเข้าสู่หมวดเครียดทันทีและไม่ใช่มันคนเดียวผมก็เครียดตามมันไปด้วย
“มึงรู้อะไรมา”ผมถามมัน
“ก็เรื่องเสื้อของเหยื่อน่ะ”มันบอกพร้อมกับยิ้มนิดๆ
“เสื้อของเหยื่อมันทำไมล่ะ บอกมาทีเดียวไม่ได้รึไง ออกมาทีละนิดเหมือนขี้อยู่ได้”ผมชักอยากจะง้างปากมันแล้วนะ แล้วไอที่ยิ้มกรุ่มกริ่มที่มันอะไรอีกล่ะ
“กูจะบอกว่าเสื้อของเหยื่อวันนี้สวยดี พาไปซื้อหน่อย”มันยิ้มแก้มปริ
“ฮะ”ผมหูฝาดใช่มั้ย ใครก็ได้ตอบผมที
“มึงได้ยินไม่ผิดหรอก”มันบอกกับผมเหมือนกับจะย้ำว่าทุกอย่างคือเรื่องจริง
“ไอเชี่ยฟิว กูจะฆ่ามึง”ผมปาทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะใส่ไอฟิวทุกอย่างมีอย่างที่ไหน บอกผมให้รีบกลับมาที่กรม เพื่อฟังเรื่องไร้สาระแบบนี้
“มึงใจเย็นๆ”มันบอกผม ในเวลาเดียวกันก็หลบของที่ผมบรรจงข้างอย่างไม่ออมแรง
“มึงจะให้กูใจเย็นยังไง กูรีบกลับมาเพราะกลัวมึงมีเรื่องไม่สบายใจ แต่เรื่องที่มึงบอกกู มันทำให้กูรู้สึกว่าการมีคนอย่างมึงก็แสดงว่ามันมีผู้ชายที่สามารถท้องได้เลยวะ”ผมหยุดปาแล้วนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง
“ยังไงวะ”มันโผล่หัวออกมาจากหลังโซฟา
“มึงมันไม่เหมือนใครไง”ผมยิ้ม เฮ้อให้ตายเถอะผมคบมันมาได้ยังไงวะเนี่ย
“ดีใช่มั้ยล่ะ”มันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“คงงั้นมั้ง”ผมบอกมัน
ไอฟิวเดินเข้ามาหาผมแล้วกระซอบบางอย่างกับผม
“เย็นนี้มึงต้องไปกับกูนะ”มันบอกผม
จุ๊บ
มันจุ๊บแก้มซ้ายของผมแล้วรีบวิ่งหนีออกนอกห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ไอเชี่ยฟีววววววววววววววว”ผมตะโกนไล่หลังมันไปพร้อมกับร้องเท้าหนึ่งข้าง
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
To. Reader
สวัสดีรีดเดอร์ทุกท่านนะคะ ไรต์มาต่อให้หลังจากหายไปหนึ่งอาทิตย์แหะๆ
เรื่องนี้พึ่งออกมาได้ไม่นาน ยังไม่ค่อยมีรีดเดอร์เข้ามาอ่านเท่าไหร่ แต่ไรต์ไม่ค่อยสนใจหรอกค่ะ ไรต์จะพยายามลงสำหรับรีดเดอร์ที่อ่านเนอะ ช่วงนี้หนาวแล้ว ห่มผ้าตอนนอนด้วยนะคะ
ความคิดเห็น