ลำดับตอนที่ #8
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่8#คนบันเทิง VS. แฮร์รี่ พอตเตอร์(เก่าแล้วแต่อยากให้อ่าน)
คนบันเทิง VS. แฮร์รี่ พอตเตอร์
จากนวนิยายขวัญใจของคนทั่วโลก กลายมาเป็นภาพยนตร์สุดอลังการ สำหรับเด็กน้อยใส่แว่น พร้อมผองเพื่อน "แฮรี่ พอตเตอร์" กำลังจะกลับมสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนอีกครั้ง กับตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อ "แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน" และเหล่าคนบันเทิงของฟากฟ้าเมืองไทย ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรื่องนี้เหมือนกัน เรามาดูกันซิว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง ???
ทำไมถึงเลือกที่ดู “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ?
บ๋อม : เพราะแฮรี่ พอตเตอร์ เป็นเด็กที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ อดทน จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีความเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนมากกว่าที่จะเป็นนิยายเด็กแฟนตาซี และก็ทำให้เราอ่านแล้วหยุดไม่ได้ เพราะเนื้อเรื่องมันชวนสงสัยตลอดเวลา
วิน : คือเป็นนิยายแฟนตาซีที่ผมชอบมากๆ เลยครับ ผมว่าเนื้อเรื่องมันน่าสนใจดีครับ
โน๊ต : ผมว่าเนื้อเรื่องมันน่าสนใจดี และพอได้ดูก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ
ปั๊ป : ผมเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว ก็เลยอยากลองอ่านนิยายที่เป็นแฟนตาซีดูบ้าง พออ่านดูแล้วก็สนุกดี ชอบมากครับ
ดอจจ์ : คือน้องชายของผมซื้อหนังสือเรื่องนี้มาอ่าน และพอดีผมเครียมจากการซ้อมกีตาร์ก็เลยไปยืมหนังสือเรื่องนี้ของน้องมาอ่าน พออ่านไปแล้วมันก็เริ่มสนุก อ่านทั้งวันเลย อ่านแล้วรู้สึกว่าวางไม่ลงเลยครับ แต่หนังสือผมอ่านแค่เล่ม 1 เท่านั้นครับ ส่วนภาพยนตร์ผมดูทั้ง 2 ภาคเลยครับ
โบกี้ : คือผมอ่านหนังสือเรื่องนี้แค่ 15 หน้า คือผมเป็นคนที่ไม่ถูกกับหนังสือที่ใช้เวลาในการอ่านนานๆ และผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาอ่านสักเท่าไหร่ด้วยครับ ผมเลือกที่จะดูภาพยนตร์มากกว่า คือผมเป็นคนที่ชอบดูหนังอยู่แล้ว ไม่ได้ดูเรื่องนี้ตามกระแสด้วย คือหนังเรื่องไหนที่ผมสนใจอยากดูผมก็จะไปดู จากตัวอย่างที่เคยดูมาผมคิดว่าเนื้อเรื่องมันค่อนข้างน่าสนใจผมก็เลือกที่จะไปดูเรื่องนี้ครับ
แดน : คือแดนไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ได้ยินมาว่าเป็นหนังสือที่ดังมากๆ ก็เลยอยากไปดูหนังเรื่องนี้ พอเข้าไปดูแล้วรู้สึกว่าสนุกมากๆ เลยครับ
มาร์ติน : ผมเห็นเพื่อนอ่านก่อนครับ ก็ลองอ่านดูบ้าง คือผมเพื่อนอ่านเรื่องนี้แล้วไม่ยอมวางเลย ก็เลยอยากรู้ว่าทำไม พอลองอ่านดูก็วางไม่ลงจริงๆ ด้วยครับ เนื้อเรื่องมันค่อนข้างแปลก และสนุกครับ
ตั้งแต่ที่ดูมาชอบภาคไหนมากที่สุด?
บ๋อม : ผมชอบภาคที่ 3 มากที่สุดครับ ตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน ที่ผมชอบภาคนี้มากที่สุดก็เพราะว่า มันมีตัวละครที่ผมชอบมากๆ หลายคน เป็นตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ถูกใจ และก็มีช่วงชีวิตที่เป็นมุมมืดครับ
วิน : ผมชอบภาคที่ 3 นักโทษแห่งอัซคาบัน และก็ภาคที่ 1 ศิลาอาถรรพ์ ครับ ที่ชอบภาค 3 ก็เพราะว่ามันเริ่มสนุก คือทุกอย่างเหมือนมันจุดสำคัญของเรื่องทั้งหมด ที่ชอบภาค 1 เพราะว่าผมว่ามันคลาสสิกดี คือมันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด และทำให้ทุกคนบนโลกนี้รู้จักกับเด็กผู้ชายที่ชื่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ครับ
โน้ต : ผมชอบภาค 1 แฮรี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ มากที่สุดครับ ปกติแล้วผมจะเป็นคนที่ดูหนังแล้วจะชอบภาค 1 แทบทุกเรื่อง ผมว่าภาค 1 มันเป็นจุดเริ่มของเรื่อง บางคนที่ไม่เคยดูภาค 1 แล้วไปดูภาค 2 เลยก็อาจจะไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น แบบนี้ ทุกคนก็ต้องย้อนกลับไปดูภาคที่ 1 ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มของทุกๆ สิ่งครับ
ปั๊ป : ผมชอบภาค ศิลาอาถรรพ์ มากที่สุดครับ ผมว่ามันภาคที่จุดประเด็น มันใหม่สำหรับคนที่เพิ่งเคยอ่านนิยายแฟนตาซีที่มันสนุกและน่าติดตามขนาดนี้ เพราะภาคที่ 1 เป็นภาคที่สนุกมากๆ และน่าติดตามครับ
ดอจจ์ : ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบภาค 1 มากที่สุดครับ อาจจะเป็นเพราะว่าภาค 1 มันเหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างครับ
โบกี้ : ผมชอบภาค ห้องแห่งความลับ มากที่สุดครับ ผมรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างสนุกกว่า และสเปเชี่ยลแอฟเฟกต์ต่างๆ ก็จะเยอะกว่าภาคแรกครับ
แดน : ผมชอบภาค 1 ครับ ผมรู้สึกว่าเวลาที่ดูภาคนี้แล้วรู้สึกว่าสนุกกว่า ที่จริงภาค 2 ก็สนุกนะครับ แต่การดำเนินเรื่องมันค่อนข้างนานไปหน่อยครับ
มาร์ติน : ชอบภาค 1 ครับ เพราะว่าภาค 1 มันทำให้เราได้เห็นภาพจินตนาการของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เราได้อ่านไปว่ามันตรงมากน้อยแค่ไหน เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง ก็สนุกด้วยครับ
ชอบตัวละครตัวไหนมากที่สุด?
บ๋อม : ผมชอบ “ซีเรียส แบล็ค” ครับ ที่ชอบก็เพราะตอนที่เขาปรากฏตัวตอนแรกๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนดี คือมันพลิกไปเลย ซึ่งจริงๆ แล้วในชีวิตของเราก็มีคนที่ดูเป็นค่อนที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ แต่พอถึงช่วงเวลาที่เราลำบากเราจะต้องพึ่งพาเขาเยอะมากครับ คือผมประสบกับตัวเองมาเยอะครับ
วิน : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ เพราะว่าดูจากบุคลิกแล้วเขาน่ารักดี เป็นสีสันของเรื่องเลยครับ และผมก็ชอบ “โวลเดอร์มอร์” ผมว่าเขาเลยได้ใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขาเลยด้วย
โน้ต : ผมเพื่อนรักของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ชื่อ “รอน วีสลีย์” ครับ ผมว่าเขาดูเป็นคนที่จริงใจกับเพื่อนๆ ดูเป็นคนซื่อๆ ผมคาแรคเตอร์ของเขามากๆ เลยครับ
ปั๊ป : ผมชอบ “รอน วีสลีย์” ครับ ผมว่าเขาตลกดี และก็ปัญญาอ่อนดีครับ คือรอนเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนกล้าหาญ บางทีก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่ถ้ามีสถานการณ์ที่ขับขันเขาก็สามารถที่จะทำได้ และก็ทำออกมาได้ดีครับ
ดอจจ์ : ผมชอบ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ครับ เพราะผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนเก่ง แต่ว่าไม่โอ้อวดเหมือนกับโดรโก้ มาล์ฟอย ผมก็เลยชอบตัวละครตัวนี้มากที่สุดครับ
โบกี้ : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” มากที่สุดเลยครับ ผมว่าน้องเขาน่ารักดี ดูแก่นแก้ว รู้สึกเหมือนไม่ใช่ผู้หญิงสักเท่าไหร่ และตัวผมเองก็ชอบผู้หญิงแบบนี้อยู่แล้วครับ
แดน : ผมชอบน้อง “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ ผมรู้สึกว่าถ้าน้องเขาโตขึ้นน้องเขาคงสวยมากๆ การพูดจาฉลาด คือแดนชอบผู้หญิงที่ดูแล้วสู้คน ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ บุคลิกก็ตรงกับคาแรคเตอร์ที่น้องเขาได้รับ ก็เลยชื่นชอบเป็นพิเศษครับ
มาร์ติน : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ เพราะผมรู้สึกว่าวิธีชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่คล้ายๆ กับตัวเอง คือเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ในการเป็นแม่มดมาก่อน ก็เหมือนกับผมที่เกิดมาก็ไม่ได้ร้องเพลงเพราะ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำให้เราเห็นก็คือความขยัน ความพยายาม คือมันสามารถที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้ ถ้ามีความขยัน และตั้งใจครับ
พอนำนิยายแฮรี่ พอตเตอร์ มาทำเป็นภาพยนตร์แล้ว ดีเหมือนที่คาดหวังไว้หรือเปล่า?
บ๋อม : เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ที่พล็อตเรื่อง เพราะเราเคยได้อ่านกันมาบ้างแล้ว แต่เสน่ห์ของมันคือเขาเนรมิตสิ่งที่อยู่ในจินตนาการออกมาได้ตรงใจกับคนส่วนใหญ่ทั่วโลกครับ
วิน : ผมว่าเขาทำออกมาได้เหมือนในหนังสือเลย ทำออกมาได้ดีเหมือนกันเลยครับ
โน้ต : จากที่ฟังคนอื่นๆ เขาพูดมา เขาก็บอกว่าสร้างดีนะครับ สามารถนำจินตานาการต่างๆ ของคนอ่าน มาสร้างให้เกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบได้ ผมคิดว่าน่าจะออกมาได้ดีพอๆ กับหนังสือครับ
ปั๊ป : คือภาพยนตร์มันก็ต้องย่อจากหนังสืออยู่แล้ว ผมว่าเขาย่อเรื่องออกมาได้ดีมาก คือมันทำให้เราสามารถที่จะเห็นภาพได้มากกว่าเดิม มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาจินตนาการออกมาได้โดนใจดีครับ
ดอจจ์ : ผมว่าอ่านหนังสือจะสนุกกว่าครับ อาจจะเป็นเพราะการบรรยาย การใช้คำ รายละเอียดต่างๆ มันทำให้เราจินตนาการไปได้ค่อนข้างกว้างไกล คือหนังสือรายเอียดเล็กๆ น้อยๆ มันค่อนข้างลึกกว่าภาพยนตร์ แต่ภาพยนตร์ก็ทำออกมาได้ดีเหมือนกันครับ
โบกี้ : ผมคิดว่าเวลาที่อ่านหนังสือรู้สึกว่าตัวเองจินตนาการเกินไปกว่าที่หนังจินตนาการออกมา แต่ผมก็เข้าใจตรงจุดนี้ เพราะว่าหนังมันมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ ซึ่งจินตนาการของเรามันไม่มีข้อจำกัด แต่ผมว่าเขาก็ทำออกมาได้ดีแล้วนะครับ
แดน : ส่วนใหญ่ที่แดนได้ยินมาเข้าจะบอกว่าอ่านหนังสือสนุกกว่า เพราะจินตานาการมันล้ำกว่าสิ่งที่มันจะสร้างได้ แต่แดนว่าเขาก็สร้างออกมาได้ OK. นะครับ
มาร์ติน : ก็ไม่ได้ผิดหวังเลย แต่ว่ารายละเอียดในหนังสือมันเยอะ ก็เลยทำให้หนังที่เข้าไปดูมันเก็บรายละเอียดไม่ได้มาก และหนังสือมันช่วยให้เราได้รู้อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละคร แต่หนังมันช่วยให้เราเห็นภาพ เพราะฉะนั้นมันมีคุณค่าของตัวเองแตกต่างกันครับ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในฝันของตัวเอง อยากให้ใครมารับบทนี้?
บ๋อม : แฮร์รี่ ในฝันของผมจะต้องขี้เหร่กว่านี้ ผอมกว่านี้ มันแอบโทรมกว่านี้ ผมอยากให้คุณ “ซุปเปอร์เป็ด” ที่เป็นคนนำเชียร์ที่ชอบแต่งตัวเป็นซุปเปอร์แมน แต่ต้องเป็นตอนที่เขายังเด็กๆ นะครับ ไม่ใช่ตอนนี้ เขาคงเป็นแฮร์รี่ในฝันของผมเลยครับ
วิน : ผมว่า “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” เขาก็เล่นได้ดีอยู่แล้วครับ แต่ถ้าให้เลือกได้จริงๆ คงจะเป็น “พี่ดู๋-สัญญา คุณากร” ครับ ถ้าพี่เขาเด็กลงหน่อยผมว่าเขาน่าจะเล่นได้ครับ
โน้ต : ผมว่าน่าจะเป็นเด็กที่เคยเล่น The Six sense ที่ชื่อ “Haley Joel Osment“ ผมว่าเขาอาจจะไม่เคยเหมือนแฮรี่สักเท่าไหร่ แต่ผมเขาน่าจะเล่นได้ดีครับ
ปั๊ป : ผมอยากให้เป็น “แอชตัน คุชเชอร์” มาเล่นครับ เพราะว่าเขาแสดงได้เก่ง เขาสามารถแสดงเป็นพระเอกก็ได้ เป็นคนปัญญาอ่อน เป็นคนตลก แสดงเป็นคนเลว ผมว่าเขาน่าจะสามารถที่จะเล่นบทพ่อมดได้ครับ
ดอจจ์ : อยากให้ “โบกี้” เล่นบทนี้ครับ เพราะว่าเขาเคยได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการแสดง ผมก็เลยอยากเห็นเขาแสดงเป็นแฮรี่ พอตเตอร์ ครับ
โบกี้ : ผมนึกถึง “น้องพลับ” ครับ ผมอยากให้เด็กไทยโกอินเตอร์บ้าง เรื่องความอ้วนไม่เป็นปัญหา เพราะผมเน้นแฮรี่เวอร์ชั่นน่ารักครับ
แดน : ผมอยากให้ “พี่บีม” มาเล่นบทนี้ครับ ผมรู้สึกว่าพี่บีมเขาคล้ายๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์นะ เวลาที่พี่เขาใส่แว่น ทรงผมก็คล้ายด้วยครับ
มาร์ติน : ผมคิดว่าคงจะเป็น “ตัวเอง“ เพราะว่าอยากบินได้ อยากลองเล่นดู ไม่ต้องเป็นแฮร์รี่ก็ได้ เป็นตัวร้ายก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้อยากให้พูดถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 3 ที่กำลังจะเข้าฉายในเมืองไทย?
บ๋อม : แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคที่ 3 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รอดูอยู่เหมือนกัน และเป็นภาคที่ผมชอบมากที่สุด วันแรกที่เข้าฉายคนก็คงจะเยอะมากๆ ผมอยากจะบอกว่า อย่าขึ้นค่าตั๋วเลยนะครับ และก็อยากให้บัตรการ์ดสมนาคุณใช้ลดราคาได้ด้วยนะครับ
วิน : ใครที่ชื่นชอบ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงไปดูกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู ผมว่าน่าจะลองมาดูเพราะว่ามันสนุกและก็ให้ข้อคิดหลายๆ อย่าง เพราะว่าผู้แต่งเขาเขียนเรื่องนี้ออกมาได้ดีมากๆ ครับ
โน้ต : ตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนแฮรี่ตัวจริงสักเท่าไหร่ แต่พอผมได้เข้าไปดูเรื่องนี้ ผมว่าเป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้เด็กๆ รักการอ่านมากขึ้น ผมว่าภาคที่ 3 นี่ก็คงจะสนุกไม่แพ้ 2 ภาคที่ผ่านมา และก็คงให้ข้อคิดดีๆ กับน้องๆ เพื่อนๆ เหมือนเดิมครับ
ปั๊ป : ผมว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีข้อดีตรงที่เป็นหนังครอบครัว ผมว่าคนที่ได้ดูเรื่องนี้จะต้องชอบแน่นอนซะเป็นส่วนใหญ่ ข้อคิดดีๆ ที่จะได้รับจากเรื่องนี้เด่นๆ เลยคือเรื่องของ ความสามัคคี คือคนสมัยนี้จะขาดความสามัคคี เห็นแก่ตัว คือสังคมสมัยต้องการความสามัคคีมากที่สุดครับ
ดอจจ์ : ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะได้รับความบันเทิงไปแล้ว ยังได้แง่คิดอะไรใหม่เยอะเหมือนกัน อาทิ เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเด็กๆ บางทีในชีวิตจริงของเราอาจจะลืมรู้สึกในตอนเด็กๆ ของเราไป บางอย่างบางตอนก็ทำให้เราสกิดใจได้เหมือนกันครับ
โบกี้ : ถ้าน้องๆ บางคนที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ ผมอยากให้น้องๆ ลองไปหาวีซีดี ภาค 1, 2 มาดูก่อน น้องๆ จะได้รู้ว่าเพราะอะไรคนทั่วโลกถึงชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ สำหรับข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้มีเยอะมากๆ อาทิ สอนให้ทุกคนเป็นคนดี สามารถที่จะชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยความดีครับ
แดน : อยากให้เวลาที่น้องๆ ดูหนัง และอยากให้คิดตามด้วยว่าเขาต้องการที่สื่ออะไรออกมา ให้ข้อคิดอะไรบ้าง จะได้นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ ดูหนังมันให้ความบันเทิงอยู่แล้ว ก็เลยอยากให้น้องๆ ได้สาระกลับไปด้วยครับ
มาร์ติน : สำหรับน้องๆ ที่เป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ อยู่แล้วก็ดีใจด้วยกับการรอคอยมาภาคนี้มากถึง 2 ปี ในที่สุดก็ได้ดูซะที ก็ขอให้สนุกกับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และสำหรับคนที่ยังไม่เคยดูผมก็แนะนำให้ลองหาหนังสือหรือวีซีดีมาดูก่อนเป็นการปูเรื่อง เวลาที่ไปดูภาค 3 จะได้เข้าใจสิ่งต่างๆ ในภาคนี้ได้ดีขึ้น และที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ข้อคิดดีๆ กับน้องๆ ทุกคนเยอะมากครับ
จากนวนิยายขวัญใจของคนทั่วโลก กลายมาเป็นภาพยนตร์สุดอลังการ สำหรับเด็กน้อยใส่แว่น พร้อมผองเพื่อน "แฮรี่ พอตเตอร์" กำลังจะกลับมสร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนอีกครั้ง กับตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อ "แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน" และเหล่าคนบันเทิงของฟากฟ้าเมืองไทย ก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของเรื่องนี้เหมือนกัน เรามาดูกันซิว่าพวกเขาคิดอย่างไรกับภาพยนตร์เรื่องนี้บ้าง ???
ทำไมถึงเลือกที่ดู “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ?
บ๋อม : เพราะแฮรี่ พอตเตอร์ เป็นเด็กที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ อดทน จริงๆ แล้วเรื่องนี้มีความเป็นนิยายสืบสวนสอบสวนมากกว่าที่จะเป็นนิยายเด็กแฟนตาซี และก็ทำให้เราอ่านแล้วหยุดไม่ได้ เพราะเนื้อเรื่องมันชวนสงสัยตลอดเวลา
วิน : คือเป็นนิยายแฟนตาซีที่ผมชอบมากๆ เลยครับ ผมว่าเนื้อเรื่องมันน่าสนใจดีครับ
โน๊ต : ผมว่าเนื้อเรื่องมันน่าสนใจดี และพอได้ดูก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ครับ
ปั๊ป : ผมเป็นคนที่ชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว ก็เลยอยากลองอ่านนิยายที่เป็นแฟนตาซีดูบ้าง พออ่านดูแล้วก็สนุกดี ชอบมากครับ
ดอจจ์ : คือน้องชายของผมซื้อหนังสือเรื่องนี้มาอ่าน และพอดีผมเครียมจากการซ้อมกีตาร์ก็เลยไปยืมหนังสือเรื่องนี้ของน้องมาอ่าน พออ่านไปแล้วมันก็เริ่มสนุก อ่านทั้งวันเลย อ่านแล้วรู้สึกว่าวางไม่ลงเลยครับ แต่หนังสือผมอ่านแค่เล่ม 1 เท่านั้นครับ ส่วนภาพยนตร์ผมดูทั้ง 2 ภาคเลยครับ
โบกี้ : คือผมอ่านหนังสือเรื่องนี้แค่ 15 หน้า คือผมเป็นคนที่ไม่ถูกกับหนังสือที่ใช้เวลาในการอ่านนานๆ และผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาอ่านสักเท่าไหร่ด้วยครับ ผมเลือกที่จะดูภาพยนตร์มากกว่า คือผมเป็นคนที่ชอบดูหนังอยู่แล้ว ไม่ได้ดูเรื่องนี้ตามกระแสด้วย คือหนังเรื่องไหนที่ผมสนใจอยากดูผมก็จะไปดู จากตัวอย่างที่เคยดูมาผมคิดว่าเนื้อเรื่องมันค่อนข้างน่าสนใจผมก็เลือกที่จะไปดูเรื่องนี้ครับ
แดน : คือแดนไม่เคยอ่านหนังสือเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ได้ยินมาว่าเป็นหนังสือที่ดังมากๆ ก็เลยอยากไปดูหนังเรื่องนี้ พอเข้าไปดูแล้วรู้สึกว่าสนุกมากๆ เลยครับ
มาร์ติน : ผมเห็นเพื่อนอ่านก่อนครับ ก็ลองอ่านดูบ้าง คือผมเพื่อนอ่านเรื่องนี้แล้วไม่ยอมวางเลย ก็เลยอยากรู้ว่าทำไม พอลองอ่านดูก็วางไม่ลงจริงๆ ด้วยครับ เนื้อเรื่องมันค่อนข้างแปลก และสนุกครับ
ตั้งแต่ที่ดูมาชอบภาคไหนมากที่สุด?
บ๋อม : ผมชอบภาคที่ 3 มากที่สุดครับ ตอน แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับนักโทษแห่งอัซคาบัน ที่ผมชอบภาคนี้มากที่สุดก็เพราะว่า มันมีตัวละครที่ผมชอบมากๆ หลายคน เป็นตัวละครที่มีคาแรคเตอร์ถูกใจ และก็มีช่วงชีวิตที่เป็นมุมมืดครับ
วิน : ผมชอบภาคที่ 3 นักโทษแห่งอัซคาบัน และก็ภาคที่ 1 ศิลาอาถรรพ์ ครับ ที่ชอบภาค 3 ก็เพราะว่ามันเริ่มสนุก คือทุกอย่างเหมือนมันจุดสำคัญของเรื่องทั้งหมด ที่ชอบภาค 1 เพราะว่าผมว่ามันคลาสสิกดี คือมันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด และทำให้ทุกคนบนโลกนี้รู้จักกับเด็กผู้ชายที่ชื่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ครับ
โน้ต : ผมชอบภาค 1 แฮรี่ พอตเตอร์ กับศิลาอาถรรพ์ มากที่สุดครับ ปกติแล้วผมจะเป็นคนที่ดูหนังแล้วจะชอบภาค 1 แทบทุกเรื่อง ผมว่าภาค 1 มันเป็นจุดเริ่มของเรื่อง บางคนที่ไม่เคยดูภาค 1 แล้วไปดูภาค 2 เลยก็อาจจะไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น แบบนี้ ทุกคนก็ต้องย้อนกลับไปดูภาคที่ 1 ซึ่งมันเป็นจุดเริ่มของทุกๆ สิ่งครับ
ปั๊ป : ผมชอบภาค ศิลาอาถรรพ์ มากที่สุดครับ ผมว่ามันภาคที่จุดประเด็น มันใหม่สำหรับคนที่เพิ่งเคยอ่านนิยายแฟนตาซีที่มันสนุกและน่าติดตามขนาดนี้ เพราะภาคที่ 1 เป็นภาคที่สนุกมากๆ และน่าติดตามครับ
ดอจจ์ : ผมรู้สึกว่าตัวเองชอบภาค 1 มากที่สุดครับ อาจจะเป็นเพราะว่าภาค 1 มันเหมือนกับเป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างครับ
โบกี้ : ผมชอบภาค ห้องแห่งความลับ มากที่สุดครับ ผมรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างสนุกกว่า และสเปเชี่ยลแอฟเฟกต์ต่างๆ ก็จะเยอะกว่าภาคแรกครับ
แดน : ผมชอบภาค 1 ครับ ผมรู้สึกว่าเวลาที่ดูภาคนี้แล้วรู้สึกว่าสนุกกว่า ที่จริงภาค 2 ก็สนุกนะครับ แต่การดำเนินเรื่องมันค่อนข้างนานไปหน่อยครับ
มาร์ติน : ชอบภาค 1 ครับ เพราะว่าภาค 1 มันทำให้เราได้เห็นภาพจินตนาการของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่เราได้อ่านไปว่ามันตรงมากน้อยแค่ไหน เนื้อเรื่อง การดำเนินเรื่อง ก็สนุกด้วยครับ
ชอบตัวละครตัวไหนมากที่สุด?
บ๋อม : ผมชอบ “ซีเรียส แบล็ค” ครับ ที่ชอบก็เพราะตอนที่เขาปรากฏตัวตอนแรกๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนดี คือมันพลิกไปเลย ซึ่งจริงๆ แล้วในชีวิตของเราก็มีคนที่ดูเป็นค่อนที่ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ แต่พอถึงช่วงเวลาที่เราลำบากเราจะต้องพึ่งพาเขาเยอะมากครับ คือผมประสบกับตัวเองมาเยอะครับ
วิน : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ เพราะว่าดูจากบุคลิกแล้วเขาน่ารักดี เป็นสีสันของเรื่องเลยครับ และผมก็ชอบ “โวลเดอร์มอร์” ผมว่าเขาเลยได้ใจจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเห็นตัวจริงของเขาเลยด้วย
โน้ต : ผมเพื่อนรักของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ชื่อ “รอน วีสลีย์” ครับ ผมว่าเขาดูเป็นคนที่จริงใจกับเพื่อนๆ ดูเป็นคนซื่อๆ ผมคาแรคเตอร์ของเขามากๆ เลยครับ
ปั๊ป : ผมชอบ “รอน วีสลีย์” ครับ ผมว่าเขาตลกดี และก็ปัญญาอ่อนดีครับ คือรอนเป็นคนที่ย้ำคิดย้ำทำ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนกล้าหาญ บางทีก็ขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่ถ้ามีสถานการณ์ที่ขับขันเขาก็สามารถที่จะทำได้ และก็ทำออกมาได้ดีครับ
ดอจจ์ : ผมชอบ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ครับ เพราะผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนเก่ง แต่ว่าไม่โอ้อวดเหมือนกับโดรโก้ มาล์ฟอย ผมก็เลยชอบตัวละครตัวนี้มากที่สุดครับ
โบกี้ : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” มากที่สุดเลยครับ ผมว่าน้องเขาน่ารักดี ดูแก่นแก้ว รู้สึกเหมือนไม่ใช่ผู้หญิงสักเท่าไหร่ และตัวผมเองก็ชอบผู้หญิงแบบนี้อยู่แล้วครับ
แดน : ผมชอบน้อง “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ ผมรู้สึกว่าถ้าน้องเขาโตขึ้นน้องเขาคงสวยมากๆ การพูดจาฉลาด คือแดนชอบผู้หญิงที่ดูแล้วสู้คน ไม่ยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ บุคลิกก็ตรงกับคาแรคเตอร์ที่น้องเขาได้รับ ก็เลยชื่นชอบเป็นพิเศษครับ
มาร์ติน : ผมชอบ “เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์” ครับ เพราะผมรู้สึกว่าวิธีชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่คล้ายๆ กับตัวเอง คือเขาไม่ได้มีพรสวรรค์ในการเป็นแม่มดมาก่อน ก็เหมือนกับผมที่เกิดมาก็ไม่ได้ร้องเพลงเพราะ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาทำให้เราเห็นก็คือความขยัน ความพยายาม คือมันสามารถที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นกับชีวิตเราได้ ถ้ามีความขยัน และตั้งใจครับ
พอนำนิยายแฮรี่ พอตเตอร์ มาทำเป็นภาพยนตร์แล้ว ดีเหมือนที่คาดหวังไว้หรือเปล่า?
บ๋อม : เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ได้อยู่ที่พล็อตเรื่อง เพราะเราเคยได้อ่านกันมาบ้างแล้ว แต่เสน่ห์ของมันคือเขาเนรมิตสิ่งที่อยู่ในจินตนาการออกมาได้ตรงใจกับคนส่วนใหญ่ทั่วโลกครับ
วิน : ผมว่าเขาทำออกมาได้เหมือนในหนังสือเลย ทำออกมาได้ดีเหมือนกันเลยครับ
โน้ต : จากที่ฟังคนอื่นๆ เขาพูดมา เขาก็บอกว่าสร้างดีนะครับ สามารถนำจินตานาการต่างๆ ของคนอ่าน มาสร้างให้เกิดเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบได้ ผมคิดว่าน่าจะออกมาได้ดีพอๆ กับหนังสือครับ
ปั๊ป : คือภาพยนตร์มันก็ต้องย่อจากหนังสืออยู่แล้ว ผมว่าเขาย่อเรื่องออกมาได้ดีมาก คือมันทำให้เราสามารถที่จะเห็นภาพได้มากกว่าเดิม มันทำให้เรารู้สึกว่าเขาจินตนาการออกมาได้โดนใจดีครับ
ดอจจ์ : ผมว่าอ่านหนังสือจะสนุกกว่าครับ อาจจะเป็นเพราะการบรรยาย การใช้คำ รายละเอียดต่างๆ มันทำให้เราจินตนาการไปได้ค่อนข้างกว้างไกล คือหนังสือรายเอียดเล็กๆ น้อยๆ มันค่อนข้างลึกกว่าภาพยนตร์ แต่ภาพยนตร์ก็ทำออกมาได้ดีเหมือนกันครับ
โบกี้ : ผมคิดว่าเวลาที่อ่านหนังสือรู้สึกว่าตัวเองจินตนาการเกินไปกว่าที่หนังจินตนาการออกมา แต่ผมก็เข้าใจตรงจุดนี้ เพราะว่าหนังมันมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะ ซึ่งจินตนาการของเรามันไม่มีข้อจำกัด แต่ผมว่าเขาก็ทำออกมาได้ดีแล้วนะครับ
แดน : ส่วนใหญ่ที่แดนได้ยินมาเข้าจะบอกว่าอ่านหนังสือสนุกกว่า เพราะจินตานาการมันล้ำกว่าสิ่งที่มันจะสร้างได้ แต่แดนว่าเขาก็สร้างออกมาได้ OK. นะครับ
มาร์ติน : ก็ไม่ได้ผิดหวังเลย แต่ว่ารายละเอียดในหนังสือมันเยอะ ก็เลยทำให้หนังที่เข้าไปดูมันเก็บรายละเอียดไม่ได้มาก และหนังสือมันช่วยให้เราได้รู้อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวละคร แต่หนังมันช่วยให้เราเห็นภาพ เพราะฉะนั้นมันมีคุณค่าของตัวเองแตกต่างกันครับ
แฮร์รี่ พอตเตอร์ ในฝันของตัวเอง อยากให้ใครมารับบทนี้?
บ๋อม : แฮร์รี่ ในฝันของผมจะต้องขี้เหร่กว่านี้ ผอมกว่านี้ มันแอบโทรมกว่านี้ ผมอยากให้คุณ “ซุปเปอร์เป็ด” ที่เป็นคนนำเชียร์ที่ชอบแต่งตัวเป็นซุปเปอร์แมน แต่ต้องเป็นตอนที่เขายังเด็กๆ นะครับ ไม่ใช่ตอนนี้ เขาคงเป็นแฮร์รี่ในฝันของผมเลยครับ
วิน : ผมว่า “แดเนียล แรดคลิฟฟ์” เขาก็เล่นได้ดีอยู่แล้วครับ แต่ถ้าให้เลือกได้จริงๆ คงจะเป็น “พี่ดู๋-สัญญา คุณากร” ครับ ถ้าพี่เขาเด็กลงหน่อยผมว่าเขาน่าจะเล่นได้ครับ
โน้ต : ผมว่าน่าจะเป็นเด็กที่เคยเล่น The Six sense ที่ชื่อ “Haley Joel Osment“ ผมว่าเขาอาจจะไม่เคยเหมือนแฮรี่สักเท่าไหร่ แต่ผมเขาน่าจะเล่นได้ดีครับ
ปั๊ป : ผมอยากให้เป็น “แอชตัน คุชเชอร์” มาเล่นครับ เพราะว่าเขาแสดงได้เก่ง เขาสามารถแสดงเป็นพระเอกก็ได้ เป็นคนปัญญาอ่อน เป็นคนตลก แสดงเป็นคนเลว ผมว่าเขาน่าจะสามารถที่จะเล่นบทพ่อมดได้ครับ
ดอจจ์ : อยากให้ “โบกี้” เล่นบทนี้ครับ เพราะว่าเขาเคยได้รับรางวัลชนะเลิศด้านการแสดง ผมก็เลยอยากเห็นเขาแสดงเป็นแฮรี่ พอตเตอร์ ครับ
โบกี้ : ผมนึกถึง “น้องพลับ” ครับ ผมอยากให้เด็กไทยโกอินเตอร์บ้าง เรื่องความอ้วนไม่เป็นปัญหา เพราะผมเน้นแฮรี่เวอร์ชั่นน่ารักครับ
แดน : ผมอยากให้ “พี่บีม” มาเล่นบทนี้ครับ ผมรู้สึกว่าพี่บีมเขาคล้ายๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์นะ เวลาที่พี่เขาใส่แว่น ทรงผมก็คล้ายด้วยครับ
มาร์ติน : ผมคิดว่าคงจะเป็น “ตัวเอง“ เพราะว่าอยากบินได้ อยากลองเล่นดู ไม่ต้องเป็นแฮร์รี่ก็ได้ เป็นตัวร้ายก็ได้ครับ
สุดท้ายนี้อยากให้พูดถึง แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาค 3 ที่กำลังจะเข้าฉายในเมืองไทย?
บ๋อม : แฮร์รี่ พอตเตอร์ ภาคที่ 3 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รอดูอยู่เหมือนกัน และเป็นภาคที่ผมชอบมากที่สุด วันแรกที่เข้าฉายคนก็คงจะเยอะมากๆ ผมอยากจะบอกว่า อย่าขึ้นค่าตั๋วเลยนะครับ และก็อยากให้บัตรการ์ดสมนาคุณใช้ลดราคาได้ด้วยนะครับ
วิน : ใครที่ชื่นชอบ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็คงไปดูกันอยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยดู ผมว่าน่าจะลองมาดูเพราะว่ามันสนุกและก็ให้ข้อคิดหลายๆ อย่าง เพราะว่าผู้แต่งเขาเขียนเรื่องนี้ออกมาได้ดีมากๆ ครับ
โน้ต : ตัวผมเองก็ไม่ได้เป็นแฟนแฮรี่ตัวจริงสักเท่าไหร่ แต่พอผมได้เข้าไปดูเรื่องนี้ ผมว่าเป็นหนังที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทำให้เด็กๆ รักการอ่านมากขึ้น ผมว่าภาคที่ 3 นี่ก็คงจะสนุกไม่แพ้ 2 ภาคที่ผ่านมา และก็คงให้ข้อคิดดีๆ กับน้องๆ เพื่อนๆ เหมือนเดิมครับ
ปั๊ป : ผมว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ มีข้อดีตรงที่เป็นหนังครอบครัว ผมว่าคนที่ได้ดูเรื่องนี้จะต้องชอบแน่นอนซะเป็นส่วนใหญ่ ข้อคิดดีๆ ที่จะได้รับจากเรื่องนี้เด่นๆ เลยคือเรื่องของ ความสามัคคี คือคนสมัยนี้จะขาดความสามัคคี เห็นแก่ตัว คือสังคมสมัยต้องการความสามัคคีมากที่สุดครับ
ดอจจ์ : ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะได้รับความบันเทิงไปแล้ว ยังได้แง่คิดอะไรใหม่เยอะเหมือนกัน อาทิ เรื่องนี้จะเกี่ยวกับเด็กๆ บางทีในชีวิตจริงของเราอาจจะลืมรู้สึกในตอนเด็กๆ ของเราไป บางอย่างบางตอนก็ทำให้เราสกิดใจได้เหมือนกันครับ
โบกี้ : ถ้าน้องๆ บางคนที่ยังไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ ผมอยากให้น้องๆ ลองไปหาวีซีดี ภาค 1, 2 มาดูก่อน น้องๆ จะได้รู้ว่าเพราะอะไรคนทั่วโลกถึงชื่นชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ สำหรับข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้มีเยอะมากๆ อาทิ สอนให้ทุกคนเป็นคนดี สามารถที่จะชนะอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยความดีครับ
แดน : อยากให้เวลาที่น้องๆ ดูหนัง และอยากให้คิดตามด้วยว่าเขาต้องการที่สื่ออะไรออกมา ให้ข้อคิดอะไรบ้าง จะได้นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้ ดูหนังมันให้ความบันเทิงอยู่แล้ว ก็เลยอยากให้น้องๆ ได้สาระกลับไปด้วยครับ
มาร์ติน : สำหรับน้องๆ ที่เป็นแฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ อยู่แล้วก็ดีใจด้วยกับการรอคอยมาภาคนี้มากถึง 2 ปี ในที่สุดก็ได้ดูซะที ก็ขอให้สนุกกับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ และสำหรับคนที่ยังไม่เคยดูผมก็แนะนำให้ลองหาหนังสือหรือวีซีดีมาดูก่อนเป็นการปูเรื่อง เวลาที่ไปดูภาค 3 จะได้เข้าใจสิ่งต่างๆ ในภาคนี้ได้ดีขึ้น และที่สำคัญภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ข้อคิดดีๆ กับน้องๆ ทุกคนเยอะมากครับ
เครดิต http://star.sanook.com
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น