ตอนที่ 3 : ๑ ราตรียั่วสวาท l 100%
โคโยตี้สาวดาวรุ่งที่กำลังร่อนเอวอยู่บนเวทีหวีดร้องลั่น เมื่อจู่ๆ ก็มีใครไม่รู้กระโดดเข้ามาประชิดตัวในช่วงที่ไฟทุกดวงในผับสว่างพึ่บ ก่อนจะตวัดสูทตัวหนาคลุมทับร่างเกือบเปลือยไว้แล้วพาเธอกระโจนลิ่วไปทางหลังร้านโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! มาจับฉันไว้ทำไม!” หญิงสาวโวยเสียงดังลั่น พยายามจิกปลายเท้าและสะบัดแขนขาสุดกำลัง
“เลิกขัดขืนสักห้านาทีก่อนได้ไหม ถ้าไม่อยากตายเป็นผีเฝ้าผับอยู่ที่นี่ก็เงียบสักที!” ชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าเกลี้ยงเกลาขาวสะอาดขมขู่เสียงต่ำ ขณะออกแรงดันให้ร่างเพรียวซึ่งชุ่มโชกไปด้วยน้ำ ลัดเลาะไปตามทางเดินมืดๆ ที่ส่งผลให้เธอกับเขาแทบจะกลายเป็นคนตาบอดไปในทันที
“แล้วเรื่องอะไรฉันต้องเชื่อคุณด้วย ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อยไงเล่า!” หญิงสาวสวนกลับอย่างเกรี้ยวกราด พร้อมกับยึดเสาต้นกลมที่ใกล้มือที่สุดเอาไว้อย่างรักตัวกลัวตาย สามัญสำนึกเดียวในวินาทีนี้คือเธอจะไม่ยอมออกไปจากที่นี่กับคนแปลกหน้าอย่างเด็ดขาด!
“นี่คุณ ไม่ได้แหกตาดูเลยหรือไงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในผับบ้าง”
คนที่พยายามจะฉุดร่างเล็กให้ออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินตวาดกลับอย่างไม่นุ่มนวลสักเท่าไหร่ จริงอยู่ที่เขากับเธอไม่รู้จักกัน และเขาเองก็ยังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้หญิงเต้นกินรำกินคนนี้ไว้ทำไม
แต่ ณ เวลานี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำคือลากตัวเธอออกไปจากผับนรกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด!
“อย่ามาหยาบคายกับฉันนะ ว้าย!” คนฤทธิ์เยอะร้องเอะอะดังลั่น เมื่อชายนิรนามกระชากเธอออกมาจากเสาต้นกลม จับรวบแขนขา แล้วช้อนร่างเล็กขึ้นอุ้มโดยไม่เสียเวลาพูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป
เพล้ง!
เสียงกระจกแตกที่ดังมาจากหลังร้าน ทำให้อาการต่อต้านของโคโยตี้สาวหยุดกึก ปากจิ้มลิ้มที่ส่งเสียงด่าทอไม่หยุดอ้าค้างอย่างตกตะลึง ดวงตาเบิ่งกว้าง ขณะเหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่วิ่งกรูไปทางหลังร้านที่คงจะมีใครสักคนเอาของแข็งขว้างกระจกจนแตกกระจาย
ทว่าความตกใจยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อนักท่องเที่ยวคนสุดท้ายที่วิ่งหน้าตั้งเฉี่ยวชนเข้ากับร่างใหญ่ที่อุ้มเธอเอาไว้อย่างจัง หญิงสาวหวีดร้องเสียงดังลั่น เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงปะทะที่ทำเอาร่างสูงใหญ่เสียหลักหมุนคว้างหลายตลบ ก่อนจะเซถลาไปหลายก้าวแล้วกระแทกเข้ากับกระจกเงาบานใหญ่ที่ติดไว้ใกล้ประตูทางออกแบบไม่เบาเลย
เสียงครางหนักๆ ในลำคอหนาแกร่งดังขึ้นเพียงอึดใจ โคโยตี้สาวที่กำลังช็อกสุดขีดก็รู้สึกเหมือนเงาตะคุ่มต่างๆ ภายในผับถูกกระชากไปจากสายตาอย่างรวดเร็ว มีเพียงเสียงฝีเท้าและเสียงหอบหายใจสะท้านดังมาจากร่างกำยำ
ไม่กี่วินาทีต่อมา หญิงสาวก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่ประตูฉุกเฉินซึ่งทำด้วยกระจกฝ้าอย่างหนาจะถูกกระแทกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงใหญ่ที่อุ้มเธอไว้จะพุ่งออกไปนอกตัวอาคารอย่างรวดเร็ว
ทว่าหนุ่มนิรนามก็ยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ขาแข็งแรงทั้งสองข้างยังคงวิ่งต่อไปไม่หยุด จนผ่านพ้นเชือกสีเหลืองที่ตำรวจนำมากั้นไว้ แล้วจึงยอมทรุดกายลงนั่งคลุกเข่าอย่างหมดแรง ส่งผลให้คนในอ้อมอกค่อยๆ คลานลงมานั่งพับเพียบบนบาทวิถีด้วยความมึนงง
“บอกฉันหน่อยได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมตำรวจถึงได้มากันเยอะแบบนี้”
ใบหน้าหวานหันมองไปรอบๆ ที่ดูโกลาหลไม่แพ้ด้านในผับ เสียงโวยวายและบรรดาไทยมุงที่ยืนอยู่รอบนอก ทำให้หญิงสาวรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะปลอดภัย
“ตำรวจสงสัยว่าผับอาจถูกวางระเบิด”
คำตอบที่ได้รับ ทำให้คนฟังถึงกับยกมือขึ้นกุมอก ก่อนจะใช้เวลาหลายวินาทีในการสงบจิตสงบใจแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสำรวจใบหน้าสงบนิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้แสงไฟ และถึงแม้แสงไฟด้านนอกจะไม่สว่างมากนัก แต่เธอก็มั่นใจว่าคนตรงหน้ามีเค้าโครงรูปหน้าที่หล่อเหลาทรงอำนาจเหลือเกิน
“แล้วคุณมาช่วยฉันไว้ทำไม คุณควรจะรีบออกมาให้เร็วที่สุดไม่ใช่เหรอ” เธอเอียงศีรษะเพื่อเพ่งมองดวงตาคมกริบในระยะกระชั้นชิด ก่อนจะชะงักค้างไปชั่วอึดใจ เมื่อมองเห็นความลังเลฉาบฉายในดวงตาคม
หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยสายตากังขา ไม่อยากคิดเลยว่าชายหนุ่มรูปร่างสูงสง่าน่าเกรงขามคนนี้จะหาคำตอบให้กับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้ เขาเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วยผู้หญิงเต้นกินรำกินโดยไม่หวังผลตอบแทนเนี่ยนะ!
“...”
สรรพสิ่งรอบตัวตกอยู่ในความเงียบสงัด แม้แต่เสียงหายใจก็แทบไม่ได้ยิน มีเพียงดวงตาสองคู่เท่านั้นที่เหมือนจะสื่อสารบางอย่างออกมาแบบ ‘ลังเล’
พลันแรงดึงดูดมหาศาลในแววตาใสกระจ่างก็ทำให้คนที่ถูกฝึกให้ซ่อนอารมณ์มาตั้งแต่เด็ก หมดสิ้นการควบคุมตนเอง สองมือหยาบเลื่อนประคองแก้มเนียนให้เงยขึ้นช้าๆ ก่อนจะกวาดมองในชั่วอึกใจ แล้วแนบริมฝีปากลงไปทันที
ดวงตาคู่สวยกระพริบปริบ เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงปรารถนาอันเชี่ยวกรากที่แยกแย้มเข้ามา สมองน้อยๆ หมุนติ้วไปกับรสสัมผัสซาบซ่านที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ระบบหายใจเริ่มสั่นรวน มือบางเริ่มควานสะเปะสะปะ ก่อนจะเลื่อนลงมาหยุดที่อกกว้างด้วยความรู้สึกสับสนปนเป ทำไมเธอถึงได้รู้สึกถึงความวาบหวามที่แล่นเสียดในช่องท้อง ทั้งที่ควรจะขยะแขยงมากกว่า!
พลันโลกทั้งใบของหนุ่มสาวก็เหมือนจะแตกสลายไปในบัดดล เมื่อเสียงไซเรนดังกึกก้องขึ้นท่ามกลางความโกลาหนของฝูงชนนับร้อย ดวงตาคู่หวานขยายกว้าง สติที่เตลิดไปไกลไหลย้อนกลับมาในเสี้ยววินาทีที่แสนบัดซบของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่เพริดไปกับอารมณ์ด้านมืดอย่างไม่น่าให้อภัย
เผียะ!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดพรืดตามแรงตบ เมื่อคนตัวเล็กไม่คิดจะออมแรง แถมยังด่ารัวอีกเป็นชุด
“ฉันอุตส่าห์หลงคิดว่าคุณเป็นคนดีมีน้ำใจ ที่แท้คุณมันก็แค่ผู้ชายเฮงซวยที่ชอบเอารัดเอาเปรียบผู้หญิง ทุเรศ น่ารังเกียจ น่าขยะแขยง!”
ด่าจบ คนที่ทั้งอับอายและโกรธมากก็ผละออกเหมือนโดนของร้อน วินาทีนี้หญิงสาวแทบไม่มีกระจิตกระใจมองใครทั้งสิ้น แม้แต่ใบหน้าของคนฉวยโอกาสตรงหน้าเธอก็ไม่อยากเก็บไว้ในความทรงจำ
“ใหญ่!”
เสียงเรียกที่ดังมาจากด้านหลัง กระชากสายตาหนุ่มสาวที่ยืนประจันหน้าให้แยกออกจากกัน ก่อนจะหันไปมองต้นเสียงที่กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“นี่แกหายหัวไปไหนมาวะ ฉันโทร.หาก็ไม่รับ”
ก้องดิษฐ์ถามเสียงขุ่น เมื่อจู่ๆ เพื่อนรักก็หายตัวไปท่ามกลางความวุ่นวาย เขาเองก็มัวแต่หัวเสียกับแผนล่อซื้อโคเคนที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า มิหนำซ้ำยังถูกซ้อนแผน สร้างเรื่องขู่วางระเบิดจนเกิดความโกลาหนไปพักใหญ่ และกว่าจะรู้ตัวว่าถูกปั่นหัวก็เล่นเอาทีมปฏิบัติการชุดพิเศษของกองปราบหัวหมุนไปตามๆ กัน
“ดาว!”
พลันเสียงตะโกนลั่นของใครคนหนึ่งที่ดังมาจากอีกฟากถนน ก็ทำให้ทุกคนหันไปมองเป็นตาเดียว วินาทีนั้นนายตำรวจหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นโคโยตี้สาวยืนหน้าคว่ำอยู่ใกล้รัศมี ทว่ายังไม่ทันได้ถามไถ่เพื่อนซี้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนที่ยืนหน้าเสียอยู่อีกฝั่งก็วิ่งข้ามถนนมา
ก่อนจะดึงร่างบางที่มีเสื้อสูทตัวหนาคลุมทับไว้เข้ามากอดด้วยความโล่งใจ
“พลตกใจแทบแย่ พยายามจะวิ่งกลับเข้าไปในร้าน ตำรวจก็ไม่ยอมให้เข้า ดาวเป็นยังไงบ้าง ตกใจมากไหม” คนมาใหม่ที่ย้อนกลับไปเอากระเป๋าสตางค์ที่ลืมไว้ในโรงแรมใกล้ๆ ละล้ำละลักถามออกมาเป็นชุด ขณะรื้อค้นเสื้อคลุมตัวใหญ่ในกระเป๋าเป้ออกมาคลุมทับร่างเปียกปอนอีกชั้น
“กลับโรงแรมกันเถอะพล ดาวหนาว” เธอบอกคนมาใหม่ด้วยเสียงสั่นๆ พร้อมกับรีบชวนเขากลับที่พักโดยไว
“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
เสียงทรงอำนาจที่แฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่ง ฉุดหนุ่มสาวที่กำลังจะออกเดินให้หันไปมอง ฝ่ายหญิงนิ่งงันไปชั่วขณะ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าของไหล่หนาที่โอบไหล่เธอไว้ด้วยความห่วงใย
“พลรออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวดาวมา” เธอออกคำสั่งเสียงสั่นๆ พลางใช้สายตาแน่วแน่ยึดตรึงร่างสูงของคนที่เปรียบเสมือนญาติเพียงคนเดียวในโลกให้ยืนรออยู่ที่เดิม ก่อนจะพาร่างสั่นเทาเพราะอากาศที่เริ่มจะหนาวเหน็บเดินกลับมายืนประจันหน้าร่างสูงใหญ่ด้วยแววตาท้าทาย
“คุณมีธุระอะไรกับฉันอีกคะ”
“ก็ไม่เชิงธุระหรอก แต่ผมไม่ใช่คนมักง่าย ฉะนั้นคุณจะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ผมยินดีชดใช้ให้” นักธุรกิจหนุ่มกล่าวอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาที่สุด ดวงตาดำสนิทจ้องมองใบหน้าแดงซ่านตาเป็นประกาย
“ถ้าคุณอยากชดใช้ฉันก็จะจัดให้ แต่ฉันไม่ขอเรียกร้องเป็นตัวเงินหรอกนะคะ ไปตายซะไอ้ขยะสังคม!” พูดจบก็ประเคนฝ่ามือลงไปบนแก้มสากฉาดใหญ่ ก่อนจะสะบัดหน้าจากไปด้วยมาดนางพญา... ทิ้งให้คนถูกด่า ถูกตบ ถูกไล่ให้ไปตาย ยืนกัดฟันกรอดๆ อย่างไม่รู้จะทำยังไง
“นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหมวะ”
นายตำรวจหนุ่มซึ่งยืนตะลึงพรึงเพริดหันมามองหน้าเพื่อนด้วยอาการตาปริบๆ
แม้เหตุการณ์เมื่อครู่จะเกิดขึ้นกับผู้ชายคนใดในโลกก็ได้... แต่ต้องไม่ใช่เพอร์เฟกต์แมนและคาสโนว่าตัวพ่ออย่างเจ้าสัวยลพิมาน
“นี่แกไปทำอะไรเขาฮะ ถึงได้ถูกสาปส่งขนาดนี้” ก้องดิษฐ์มิวายสงสัยตงิดๆ ขณะมองรอยนิ้วทั้งห้าที่ประดับอยู่บนใบหน้าขาวจัดแบบผู้ดี
“ข่มขืนกระทำชำเลา หรือไม่ก็พยายามฆ่าปิดปากมั้ง!” นักธุรกิจหนุ่มประชดเสียงขุ่น ขณะพยายามปั้นหน้าให้นิ่งสงบตามเดิม ทว่าคนอย่างยลพิมานเกิดมาก็เพิ่งเคยถูกผู้หญิงตบ มิหนำซ้ำเธอยังเป็นแค่ผู้หญิงกลางคืน มหาเศรษฐีหนุ่มจึงไม่อาจซ่อนแววตาอิหลักอิเหลื่อได้ภายในเวลาไม่ถึงห้าวินาที และมีหรือจะรอดพ้นสายตาพยัคฆ์ร้ายแห่งกองปราบไปได้
“มองอะไรวะไอ้ก้อง หน้าฉันมีดอกไม้จันติดอยู่หรือไง”
“เปล่า ไม่มี๊!”
ผู้กองหนุ่มรีบส่ายหน้าดิก ทั้งที่เกือบจะหลุดหัวเราะใบหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านที่ดูยังไงก็ตลกสิ้นดี
“ฉันก็แค่แปลกใจนิดหน่อยว่า...อ้าวเฮ้ย แล้วนั่นแกจะรีบร้อนไปไหนวะไอ้ใหญ่” นายตำรวจหนุ่มร้องถามเสียงดังลั่น เมื่อจู่ๆ เพื่อนรักก็เดินตัวปลิวออกไป
“กลับบ้านซิวะถามได้ แกจะให้ฉันอยู่เอาโล่หรือไง งานการไม่ต้องตื่นไปทำกันพอดี!” คนเอางานบอกเหตุผลที่ง่ายและห่วยที่สุด ขณะพาร่างสูงร้อยแปดสิบหกเซนติเมตร เดินตัดตรงไปยังเมอร์เซเดสเบนซ์สปอร์ตสีดำที่จอดโดดเด่นกลางลาน
ไฟหน้ารถสว่างพึ่บ เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มในชั่วอึดใจ สปอร์ตเปิดประทุนคันหรูก็พุ่งทะยานไปบนท้องถนนในย่านราตรีอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้นายตำรวจหนุ่มยืนเสยผมอย่างไม่เข้าใจอารมณ์ของมัน
“รอหน่อยก็ไม่ได้ ว่าจะชวนไปตีหม้อเสียหน่อย ไหนๆ ก็มาถึงถิ่นแล้ว” ผู้กองหนุ่มบ่นไม่ทันขาดปาก เสียงเรียกของจ่าอ้วน ผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ฉุดให้เขาต้องกลับไปทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อประชาชน
รถสปอร์ตคันสวยแล่นไปบนมอเตอร์เวย์ด้วยอัตราความเร็วที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงเพลงคลอเคล้าไปกับแสงไฟที่สาดส่องไปตลอดสองข้างทาง สายตาคมกริบมองนิ่งไปข้างหน้า มือหนึ่งบังคับพวงมาลัย มือหนึ่งลูบไล้ริมฝีปากไปมาอย่างใช้ความคิด
หลายนาทีแล้วที่คนในรถพยายามกำจัดภาพ ‘ผู้หญิงคนนั้น’ ออกไปจากห้วงอารมณ์อันเจนจัด ทว่าทุกคำพูด ทุกการกระทำ กลับตรึงแน่นจนยากจะแกะออกจากจิตใจ ยอมรับว่ารู้สึกเสียหน้าจนอยากจะกลับไปแก้ตัวอีกรอบหนึ่ง
แต่คิดไปคิดมา อย่าเจอกันซะดีกว่า!
ยลพิมานส่ายหัวให้กับต่อมอารมณ์ที่ชักจะสับสนรวนเรไปหมด ก่อนจะหยิบเอาสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ขึ้นมากดโทร.ออกอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้ซอนย่ารับใช้หรือเปล่าคะ”
เพียงไม่นาน เสียงหวานก็ดังขึ้นเมื่อปลายสายที่โทร.เข้ามาคือเจ้าพ่ออุตสาหกรรมส่งออกที่ร่ำรวยระดับประเทศ
“คุณอยู่ที่คอนโดหรือเปล่าครับ”
คนที่เพิ่งเสียหน้าเป็นครั้งแรกในชีวิตพยายามทอดเสียงอบอุ่น ทำเอาสาวเจ้าที่อยู่ในตำแหน่ง ‘คู่ขา’ สั่นระริกไปทั้งตัว
“อยู่ค่ะ”
“อีกไม่เกินยี่สิบนาทีผมจะเข้าไป แล้วเจอกันนะครับ”
พอตัดบทเสร็จสรรพ ยลพิมานก็กดตัดสายทิ้งทันที ไฮโซหนุ่มทำหน้าเบื่อโลกอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะสลัดทุกอย่างทิ้งแล้วเหยียบคันเร่งมุ่งหน้าสู่คอนโดมิเนียมหรูกลางกรุงทันที
+++++++++++++
E-book เมียเจ้าสัว (ฉบับรีไรท์) ราคา 159 บาท
ฝากพิจารณาด้วยนะคะ
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
