ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดวงใจ นักรบ (นัทซิน singular)

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 56


    บทที่ ๔

                    เป็นเวลากว่า 5 เดือนแล้วที่นัทย้ายไปรับราชการที่หัวเมืองเหนือ  ซินเซียร์ก็ยังคงทำตัวเป็นปกติสดใสร่าเริงเหมือนเคยแต่ใครจะรู้ว่าในบางครั้งก็เกิดความอ้างว้างขึ้นในใจของเด็กน้อยบางเหมือนกัน ความคิดถึงและโหยหาที่มีต่อญาติผู้พี่ ถึงแม้มันจะเป็นความรู้สึกแบบเด็กๆแต่มันก็ก่อเกิดความทุกข์ได้ไม่น้อย

                    “นั่งเหม่อเชียวซิน คิดถึงคนที่ย้ายไปหัวเมืองเหนือหรือไร”สร้อยที่เดินออกมาเห็นน้องนั่งเหม่อก็อดหยอกเล่นเสียมิได้

                    “โธ่พี่สร้อย พี่นัทเขาเคยพาซิเดินเล่นตลาด เคยซื้อของมาให้ แล้วยังชอบเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังตั้งมาก พี่นัทไม่อยู่ก็มีนึกถึงบ้างเป็นธรรมดาซีเจ้าคะ”ซินตอบเสียงฉาดฉาน

                    “ช่างเจรจาเสียจริงแม่คนนี้ มีเด็กรุ่นเดียวกันกันกับเจ้าคนใดบ้างที่คำถ้อยคำจาเป็นเช่นเจ้าบ้าง ฮึ”ถึงแม้จะพูดเหมือนดุว่า แต่จริงๆแล้วก็อดที่จะเอ็นดูไม่ได้

                    “ไม่มีหรอกค่ะมีซินคนเดียวนี่แหละ  พี่สร้อยคะเมื่อวานซินได้ยินคุณพ่อคุยกับคุณย่าเรื่องข้าศึกยกทัพมาทางเหนือเป็นจริงหรือเจ้าคะ”ซินถามคำถามที่ค้างคาใจกับที่สาว และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ซินนั่งเหม่อในวันนี้เพราะเป็นห่วงญาติผู้พี่ของตน

                    “เจ้าก็อย่าพูดไปมีอะไร ฟังอะไรมาก็เก็บเงียบไว้บ้าง คนอื่นมาได้ยินเข้ามันจะไม่ดี  แล้วที่เจ้านั่งเหม่อเมื่อครู่ก็เพราะเหตุนี้ล่ะซี”สร้อยก็ยังอดแกล้งน้องมิได้ ดูรึตัวแค่นี้รู้จักมานั่งคิดถึงนั่งเป็นห่วงคนอื่นเขาได้

                    “แล้วตกลงมันจริงหรือเปล่าคะ”ซินยังคงคะยั้นคะยอจะเอาคำตอบ

                    “เห็นจะจริงนั่นแหละซิน เมื่อวานพี่ก็ได้ยินพี่ศรเขาคุยกับแม่นวลอยู่เหมือนกัน”สร้อยให้คำตอบน้อง

                    “แล้วพี่นัทจะเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าข้าศึกมาพี่นัทมิต้องออกรบหรือ”เมื่อได้คำตอบทำให้ซินเกิดความรู้สึกเป็นห่วงแบบเด็กๆขึ้นมา กลัวว่านัทจเป็นอะไรไป กลัวจะไม่ได้ของฝาก กลัวว่าจะไม่คนเล่าหรืออธิบายเรื่องสนุกๆให้ฟัง

                    “พี่เชื่อว่าพ่อนัทจะไม่เป็นอะไร เจ้ารู้ไหมพ่อนัทเขาเป็นทหารฝีมือดีแห่งกองทะลวงฟันเลยนะตอนอยู่ที่นี่น่ะ”สร้อยพยายามเบี่ยงประเด็นที่คุยกันอยู่ไม่ให้เข้าเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี

                    “จริงหรือเจ้าคะ”ซินถามตาโต

                    “เจ้าอยากรู้ไหมล่ะพี่จะเล่าเรื่องหน้าที่ในกองทะลวงฟันให้ฟัง”

                    “อยากรู้ค่ะ”อาการตื่นเต้นอย่างมากมายนั้นทำให้สร้อยอดยิ้มเอ็นดูน้องไม่ได้ แล้วเริ่มเล่าเรื่องให้น้องฟัง

    .........................................................................................................................................

                    1 อาทิตย์ผ่านไป

                    ตอนนี่ข้าศึกเริ่มประชิดเมืองเข้ามาทุกทีเนื่องจากกองทัพคอยต้านอยู่ที่ทางเหนือต้านไว้ไม่ไหวด้วยความที่มีจำนวนพลน้อยกว่า เวลานี้ซินถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน แม้แต่ออกมาเล่นกับบรรดาลูกบ่าวในบ้านก็ไม่ได้ ในขณะที่ร่างเล็กกำลังจะเดินไปที่บ้านที่เป็นเรือนหอของพี่ชายก็ได้ยินเสียงร้องดังมาจากพุ่มแก้ว ทั้งๆที่หวาดกลัวแต่ความอยากรู้ก็ทำให้เด็กน้อยเดินเข้าไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นใครดวงตากลมโตก็เบิกกว้างทันที ก่อนจะอุทานด้วยเสียงอันดัง

                    “พี่นัท”ร่างหนาที่เกรอะกรังไปด้วยคราบเลือดทำให้เด็กน้อยต้องยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจปนหวาดกลัว แต่กระนั้นก็ยังนั่งลงสำรวจร่างกายของชายหนุ่ม บาดแผลฉกรรจ์จากอาวุธมีปรากฏให้เห็นตามลำตัวหนา แต่ยังโชคดีที่ไม่มีบาดแผลไหนถูดจุดสำคัญ

                    “พี่นัทอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะเจ้าคะ ซินจะไปตามคนมาช่วย”เอ่ยบอกชายหนุ่มก่อนจะรีบวิ่งออกไปทันที

                    “พี่นวลขา พี่นวล พี่นัทบาดเจ้บอยุ่ตรงพุ่มแก้วเจ้าค่ะ”เสียงตะโกนแว่วๆทำให้นวลต้องรีบเดินออกมาดู

                    “มีอะไรกันซิน”นวลถามเมื่อเห็นสีหน้าร้อนใจของน้องสามี

                    “พี่นัทเจ้าค่ะ พี่นัทบาดเจ็บ อยู่ตรงพุ่มแก้ว  ให้คนไปช่วยที่นัททีเจ้าค่ะ”ซินเซียร์บอกเสียงเคลือ

                    “เจ้าพูดจริงหรือ”สิ่งที่ได้ยินทำให้นวลตกใจไม่น้อย รีบสั่งให้บ่าวไพร่ไปช่วยกันแบกพี่ชายทันที ส่วนตนเองก็รีบเดินตามมาดูด้วย ยิ่งเมื่อมาเห็นสภาพพี่ชายยิ่งทำให้ตกใจเข้าไปใหญ่

                    “พาพี่ข้าขึ้นไปบนเรือนใหญ่ คุณย่าคงพอช่วยดูให้ได้บ้าง”นวลสั่งบ่าวไพร่

                    เสียงดังเอะอะโวยวายข้างล่างทำให้หญิงชราที่อยุ่ในห้องพระต้องเดินออกมาดู เมื่อเห็นร่างของหลานคนเล็กวิ่งขึ้นบันไดมาก็เรียกถามทันที

                    “เอะอะโวยวายอะไรกันซิน”

                    “พี่นัทเจ้าค่ะ คุณย่าพี่นัทบาดเจ็บมา คุณย่าช่วยดูแผลให้พี่นัทหน่อยนะคะ”เด็กน้อยเขย่าแขนคุณย่า

                    “เดี๋ยวก่อนพ่อมานัทรึ”คุณย่ายังคงถามต่อ

                    “เจ้าค่ะ”

                    “เอาๆ บอกให้พามานอนตรงชานเรือนนี่ก่อนย่าจะดูแผลให้”จบคำซินก็ทำตามคำสั่งทันที และเมื่อดูแผลเสร็จหญิงชราก็จัดการทำความสะอาดแผลและเอาสมุนไพรพอกก่อนจะพันไว้ด้วยผ้าอีกที เมื่อเสร็จแล้วก็หันมาบอกกับหลานเล็ก

                    “ซินย่าให้เจ้าเป็นคนดูแลพี่เขาคอยเช็ดตัว ดูอาการไว้ ส่วนแผลย่าจะเป็นคนปพอกย่าเปลี่ยนผ้าพันแผลเองแต่อย่างอื่นเจ้าต้องทำรู้หรือไม่”

                    “เดี๋ยวนวลดูแลพี่นัทเองเจ้าค่ะคุณย่า”นวลรีบบอกด้วยความเป็นห่วงพี่ชายและเห็นว่าซินยังเด็กเกินไป

                    “เจ้าคอยดูแลบ้านเถิดนวล พ่อศรเขาก็ไม่อยู่ ถ้าเจ้ามาดูพ่อนัทแล้วใครจะดูแลบ้าน แล้วอีกอย่างย่าจะได้ฝึกซินด้วย”เมื่อผู้เป็นย่าพูดเช่นนั้นทำให้นวลขัดอะไรไม่ได้

                    “เจ้าเข้าใจหรือไม่ซินเซียร์”หญิงชราหันกลับไปถามหลานที่นั่งอยู่ข้างๆนัท

                    “เข้าใจค่ะคุณย่า”ซินรับคำ

                    หลังจากวันนั้นซินก็คอยดูแลนัทเรื่อยมาจนกระทั่งนัทฟื้นขึ้นใน 3วันหลังจากนั้น  ซินก็ยังคอยดูแลเช็ดตัวและคอยหาข้าวให้นัทกิน

                    “เบื่อหรือไม่ซินที่ต้องมานั่งแกร่วอยู่ในห้องคอยดูแลพี่ทั้งวัน พี่เริ่มดีขึ้นแล้วเจ้าไปไหนก็ไปเถอะนานๆค่อยมาดูพี่ก็ได้”นัทบอกขึ้นในบ่ายวันหนึ่งหลังจากที่เห็นว่าซินมาดูแลเขาอยู่ทั้งวันไม่ไปไหนและมันนาเป็นอย่างนั้นตั้งแต่ก่อนเขาจะฟื้น แต่เด็กน้อยส่ายหน้า

                    “ซินไม่เบื่อเจ้าค่ะซินอยากดูแลพี่นัท”เด็กน้อยบอก

                    “ใจดีจริงแม่คุณ ขอบใจเจ้ามากนะที่มาคอยดูแลพี่”นัทยิ้มให้กับความใจดีของน้องน้อย  ทำให้เด็กน้อยได้แต่ก้มหน้ายิ้มดีใจกับคำขอบคุณที่ได้รับ

                    วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆจนตอนนี้นัทดีขึ้นจนพอจะลุกขึ้นเดินเหินและทำอะไรด้วยตัวเองได้แต่บาดแผลบางแห่งยังคงฉกรรจ์อยู่จึงทำอะไรไม่ค่อยสะดวก จึงได้แต่เพียงนั่งอยู่ในห้องทั้งที่ใจอยากออกไปฟาดฟันข้าศึกเต็มที ยิ่งได้ยินว่าข้าศึกบุกประชิดเมืองแล้วก็ยิ่งใจร้อน                  ทำให้ตอนนี้อารมณ์หงุดหงิดจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

                    “พี่นัทคะ ซินเอาสำรับข้าวกลางวันมาให้ค่ะ”เด็กน้อยค่อยๆเยี่ยมหน้าเข้ามา นัทที่อารมณ์ไม่ดีอยู่เมื่อเห็นเด็กน้อยเข้ามาทำให้พอยิ้มออกมาได้บ้าง

                    “พี่ไม่หิวหรอกซิน กินอะรไม่ลงใจมันร้อนอยากออกไปรบข้าศึกเต็มที่”นัทบอกเด็กน้อยที่ยกสำรับมาวางตรงหน้า

                    “ถ้าพี่นัทไม่กินข้าวก็จะไม่มีแรงเอาไปรบกับข้าศึกนะคะ แล้วตอนนี้พี่นัทก็ยังไม่หายดี รออีหน่อยก่อนนะคะ ซินจะมาคุยเป็นเพื่อนพี่นัทจะได้ไม่เหงา”ซินบอกอย่างน่ารัก ทำให้นัทเริ่มตักข้าวกินและนั่งคุยกับเด็กน้อยไปเรื่อยจนลืมเรื่องกังวลในใจไปได้ช่วงหนึ่ง

                    
    มาต่อให้ค่ะ มาแบบอึนๆด้วย
    เห็นยอดเม้นแล้วแอบๆใจหาย ทำไมมันลดลงอ่า
    เสียใจเหมือนกันนะคะ 
    แต่ที่แน่ๆตอนนี้ ต้องไปทำการบ้านต่อแล้วค่ะ 
    ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ
    บาย ช่วยกันคอมเม้นเป็นกำลังใจให้หงส์ด้วยนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×